ตอนที่ 1050 ตามไปดู?
เริ่นเทียนเกอ, บัณฑิตตาเงิน, ชิงหมอ ฮ็อกสี่ผู้นำฝ่ายพันธมิตรเทพ และพระยายมซิวอิ่ง จ้าวกระดูกจินหาย จอมถลกหนังเซี่ยที ฯลฯ หกหัวหน้าใหญ่ฝ่ายค่ายมารออกมาจากประตูลับที่สาม
ด้วยการเสียสละหัวหน้าค่ายฝ่ายมารอีกคนหนึ่ง ในที่สุดพวกเขาจึงหลบหนีออกมาจากตารางมิติได้
พวกเขาไม่ต้องการจากไปในลักษณะนี้
เพราะมีสหายเกือบหมื่นคนถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
สหายเหล่านี้เก้าในสิบยังไม่ตาย แต่ติดอยู่ในตารางมิติรอรับความช่วยเหลือ
น่าเสียดายที่เริ่นเทียนเกอพยายามทุกวิถีทางที่ทำได้และในที่สุดเขาพบว่าแม้แต่ทุกคนในฝ่ายพันธมิตรเทพและฝ่ายค่ายมารจะผนึกกำลังกัน ก็ยังไม่สามารถเอาชนะยักษ์ดาบทองได้ พวกเขาสำรวจทางเข้าของตารางมิติสวรรค์ ภายใต้การโจมตีของยักษ์ดาบทอง พวกเขาลังเล แต่ก็ต้องยอมรับความจริงข้อนี้
“ดูเหมือนผิดปกติ!” ชิงหมอเป็นคนแรกที่พบว่าข้างนอกมีเหตุผิดปกติ
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?” เริ่นเทียนเกอมองบัณฑิตตาเงินเหมือนอย่างเคย เขารู้ว่าบัณฑิตตาเงินคือคนที่รู้ความลับสมบัติลับของคนผู้นั้น
“มีบางคนต่อสู้กันอย่างหนักในพื้นที่ใกล้เคียง” พระยายมซิวอิ่งมองดูประตูลับที่สอง เขาแค่นเสียงเย็นชา “ทุกคนระวังให้ดี ต่อให้เราสู้กับเทพของยักษ์ดาบทองประตูลับที่สามก็คงไม่สลับมาที่นี่แน่”
“ในหุบเขาปีศาจยังมีคนแข็งแกร่งยิ่งกว่าเราได้อย่างไร?” จ้าวกระดูกจินหายไม่อยากเชื่อ
“หรือว่าจีอู๋ลี่จะกลับมา?” จอมถลกหนังเซี่ยทีประหลาดใจเล็กน้อย
เมื่อพวกเขากลับมาถึงที่ประตูลับชั้นหนึ่ง
ทุกคนตกใจเมื่อเห็นซากหักพังของเมืองใต้ดิน
เพราะภาพที่ปรากฏต่อพวกเขาขณะนี้ไม่ใช่ซากหักพังของคุกใต้ดินที่มืดมิดเลย แต่เป็นหลุมเปิดโล่งที่เต็มไปด้วยรอยฉีกแตกแยกทุกที่ ทุกอย่างในซากหักพังโบราณถูกทำลายล้าง หรือสิ่งต่างๆ ส่วนใหญ่เช่นดิน หินภูเขา ฯลฯ พื้นที่ว่างกระจุยกระจาย พื้นที่มิติว่างที่แตกหักพังนั้นมีมากหนาแน่นคล้ายกับตารางมิติฟ้า แต่ยังดูเป็นระเบียบมากกว่า สภาพพื้นที่มิติพร้อมจะพังทลายได้ตลอดเวลา บางส่วนก็พังไปแล้ว
ต้องมีกี่คนต่อสู้กันจึงจะสร้างผลเสียหายได้ขนาดนี้?
เริ่นเทียนเกอรู้สึกว่าน่าจะมีสักร้อยคน
และใช้เวลาสามเดือน
ถึงอย่างนั้นก็แทบทำลายพื้นที่รังมารที่มืดมิดนี้จนเป็นสภาพนี้ก็ยังไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เขาจำได้ชัดเจนว่าเขาไปเจอตารางมิติฟ้าและสู้กับยักษ์ดาบทองเพียงวันเดียว แค่วันเดียว
เวลาในตารางมิติฟ้าและพื้นที่รังมารด้านนอกก็เหมือนกัน เวลาและมิติไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือจะพูดให้ถูกก็คือข้างนอกพังทลายอย่างนี้ เกิดขึ้นในวันเดียว!
ในทางกลับกัน ลองคำนวณดูว่าในเวลาวันหนึ่งทำลายพื้นที่ได้ขนาดนี้จะต้องใช้คนกี่คน เริ่นเทียนเกอรู้สึกว่า ถ้าใช้หมื่นคน ทุ่มเทพลังทั้งหมดอาจทำลายไม่ได้ขนาดนี้
น่ากลัวมาก!
ใครกัน ใครกันที่ทำให้ยุ่งเหยิงได้มากขนาดนี้ได้?
โลกนี้มีผู้คนมากถึงหมื่นคนเชียวหรือ? เริ่นเทียนเกอคิด และรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังจะบ้า!
“บึ้ม บึ้ม บึ้ม!”
ในท้องฟ้าไกลโพ้นคลื่นสั่นสะเทือนจากแรงระเบิดดังมาถึง
จากการประเมินของเริ่นเทียนเกอและผู้นำอื่น รู้สึกว่าพื้นที่การสู้รบห่างออกไปอย่างน้อยร้อยกิโลเมตร มิฉะนั้นคลื่นระเบิดทำลายล้างจะไม่อ่อนกำลังลงขนาดนี้
ไม่มีใครลังเลแม้แต่วินาที ความอยากรู้อยากเห็นครอบงำความกลัวในใจของเขา เริ่นเทียนเกอวิ่งไปที่ต้นเสียงที่เกิดแรงระเบิดแทบจะทันที
ก่อนที่พวกเขาจะมาถึง แผ่นดินไหวสั่นสะเทือนราวกับมีมือวิเศษนับไม่ถ้วนเขย่า แรงสั่นสะเทือนทำให้ยอดเขาพังทลายและตามทางมองเห็นรอยแยกเหมือนรูปใยแมงมุม ในระยะไกลมีประกายไฟและคลื่นเสียงกระหึ่มเหมือนเสียงพายุฝนฟ้าคะนอง ป่าไม้ไม่ถ้วนถูกไฟไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็วบนพื้นทั้งดินและหินที่เป็นเนินนับไม่ถ้วนและยอดเขาถ้าไม่พังทลายลงมา ก็ปลิวลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
พอถึงระยะห้าสิบกิโลเมตร พวกเริ่นเทียนเกอต้องชะลอความเร็วลง
พวกเขาสามารถใช้สายตามองดูได้
และพบว่ามีจุดแสงสว่างที่ดูเหมือนรัศมีเทพเจ้ากำลังไล่กวดกันในท้องฟ้า แสงที่สว่างเหมือนดวงอาทิตย์ทางซ้ายมีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย ไล่จุดแสงสีทองม่วงทางด้านขวา บางทีจุดแสงสีม่วงทองทางด้านขวาก็ไล่จุดแสงสว่างเหมือนดวงอาทิตย์ทางด้านซ้าย
ไม่ว่าใครจะไล่กวดใครก็ตาม หรือใครสู้กับใครก็ตาม
ตราบใดที่คนใดคนหนึ่งยิงพลังงาน พื้นจะแตกสลาย ภูเขาจะพังทลาย แม่น้ำจะเหือดแห้งเป็นไอ ป่าจะมอดไหม้
ในระยะทางเกือบสามสิบกิโลเมตร เริ่นเทียนเกอและพระยายมซิวอิ่งยังไม่เป็นไร เพราะพวกเขามีพลังปราณราชันย์ระดับแปด พวกเขายังคงหายใจได้สะดวก แต่คนอ่อนแอที่สุดอย่างฮ็อกและหัวหน้าค่ายมารจะรู้สึกอึดอัดหายใจลำบาก
ภายใต้พลังกดดันที่ไม่ได้ตั้งใจของอีกฝ่าย พลังร่างกายของพวกเขายากจะทำงานได้อย่างอิสระ
ต้องรู้ว่านี่คือระยะห่างสามสิบกิโลเมตร!
หลังจากพยายามเข้าใกล้ระยะสิบกิโลเมตร ฮ็อกมีความรู้สึกว่าตนเองเล็กน้อยอาจถูกแรงระเบิดจากการต่อสู้ของทั้งสองกระแทกกระเด็นได้ทุกเมื่อ
เริ่นเทียนเกอที่แข็งแกร่งมากกว่าตัดสินใจมองดูอย่างระมัดระวัง และเมื่อเห็นสองคนที่ต่อสู้กันข้างหน้าเขาตกตะลึงทันที ไม่มีใครอยากเชื่อว่านี่เป็นความจริง แม้แต่ฮ็อกก็เป็นเหมือนกับเริ่นเทียนเกอ ขณะที่พระยายมซิวอิ่ง จ้าวกระดูกจินหายที่ทำหน้าบึ้ง คนหยิ่งยโสอย่างจอมถลกหนังเซี่ยทีอดอุทานขึ้นไม่ได้ ชิงหมอที่คอยปกป้องทุกคนส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง
“พระเจ้า, คนที่ต่อสู้กันคือเชียนจงกับเจ้าเด็กหน้าขาวหรือนี่?” ฮ็อกคิดว่าตนเองกำลังจะบ้า
“สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่เขา แต่เป็นเจ้าเด็กใหม่ที่มีพลังปราณฟ้าระดับต้น...” เริ่นเทียนเกอกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ ตบหน้าตัวเอง เจ้าเด็กใหม่นี่เห็นได้ชัดว่ามีพลังระดับปราณฟ้า เขาเก็บงำพลังขนาดนี้ได้ยังไง? นอกจากนี้ด้วยพลังปราณราชันย์ระดับห้ากับต้านพลังปราณราชันย์ระดับเก้าของเชียนจงได้อย่างไร? เชียนจงมือกระบี่รูปงามไม่ใช่ผู้มีระดับฝีมือสูงในกลุ่ม แต่เขามีพลังปราณราชันย์ระดับเก้าได้อย่างไร? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“ถ้านี่ไม่ใช่ข้าฝันไป อย่างนั้นข้าคิดว่าได้เวลาที่ข้าจะไปจากหุบเขาปีศาจเสียที” พระยายมซิวอิ่งรู้สึกว่าแนวคิดที่เขาต้องการปกครองหุบเขาปีศาจนั้นมีความเสี่ยงจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นจีอู๋ลี่ก่อนนั้น หรือสองคนที่กำลังต่อสู้กันอยู่ ถ้าต้องการฆ่าพวกเขาบางทีไม่ใช่เรื่องยากเกินไป
“นี่เป็นความคิดที่ไม่เลว” เริ่นเทียนเกอเห็นด้วยเช่นกัน
เขามักจะมองว่าการช่วยเหลือฝ่ายพันธมิตรเทพเป็นหน้าที่ของเขา และเขารู้สึกว่าเขาสามารถนำพันธมิตรเทพไปสู่ยุครุ่งเรืองเหมือนสมัยโบราณได้
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาควรจะจากไปให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ มิฉะนั้นจะถูกเจ้าเด็กหน้าขาวเชียนจงฆ่า หรือไม่ก็ให้เด็กใหม่ปกครองได้ทั้งหมด
“จะไปก็ได้ แต่ข้าอยากจะดูพวกเขาตัดสินผลแพ้ชนะกันเสียก่อน” บัณฑิตตาเงินมีสีหน้าจริงจัง
มือกระบี่รูปงามเชียนจงร้ายกาจ เขาไม่รู้เลยว่ามีพลังถึงขึ้นปราณราชันย์ระดับเก้าตั้งแต่เมื่อใด
และระดับพลังของเจ้าเด็กใหม่คือปราณราชันย์ระดับห้า
ในทั้งสองคนนี้ไม่ว่าคนที่โง่แค่ไหนก็ตามก็มั่นใจเต็มร้อยว่า ปราณราชันย์ระดับเก้าจะต้องชนะ และเป็นชัยชนะที่ท่วมท้น
แต่สิ่งที่แปลกที่สุดก็คือมันไม่เป็นไปตามกฎตามที่ปรากฏแก่สายตาทุกคน แต่เป็นเรื่องเหลือเชื่อ เด็กใหม่กระดูกอ่อนที่มีพลังปราณราชันย์ระดับห้า แม้สู้กับเชียนจงที่มีพลังปราณราชันย์ระดับเก้าที่เหนือกว่า แต่เขายังยืนหยัดอยู่ได้
ทั้งสองฝ่ายอยู่ในสภาพยันกัน หลังจากนั้นครู่หนึ่งมือกระบี่รูปงามเชียนจงใช้พลังเทพโจมตีเด็กใหม่ เลือดฉีดพุ่งในท้องฟ้า แต่ขณะที่เจ้าเด็กใหม่เต็มไปด้วยอาการบาดเจ็บอย่างไม่น่าเชื่อ ได้ใช้พลังกฎสวรรค์น้อย เปลี่ยนพลังของเชียนจงที่ดีกว่าแข็งแกร่งกว่าอยู่ในระดับสูงกว่าให้เหือดแห้งไป
ถ้าไม่เห็นกับตาตนเองจะไม่มีใครเชื่อได้เลย
ในกรณีนี้ไม่ต่างอะไรกับสตรีที่อ่อนแอตบหน้าคนลามก นี่ทำแบบนี้ได้อย่างไร
“ใครแพ้ ใครชนะ?” เริ่นเทียนเกอหันไปเพิ่งสายตาของบัณฑิตตาเงินอีกครั้ง ไม่ใช่เพียงแต่เขาเท่านั้น แต่ยังมีพวกที่เหลือ พวกเขาพากันมองดูหมดทุกคน ตอนนี้พวกเขาต้องฟังคำตัดสินของบัณฑิตตาเงิน
“ยากจะบอกได้”
บัณฑิตตาเงินยิ้มและส่ายหน้า “ว่าตามระดับพลัง เชียนจงหรือสุดยอดนักสู้ที่ปลอมตัวเป็นเชียนจงมีความได้เปรียบท่วมท้น ด้วยพลังปราณราชันย์ระดับเก้า ในตอนนี้เขาสามารถเอาชนะพวกเราโดยไม่แพ้ อย่างไรก็ตามเขาซ่อนพลังไว้ ยังไม่เพียงพอจะเอาชนะได้เมื่อเทียบกับเด็กใหม่ พวกเจ้าอาจเห็นว่าเด็กใหม่มีคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และของวิเศษระดับเทพอย่างน้อยสองชิ้น ข้าคาดเดาว่าเขาอาจมีสามหรือสี่อย่าง มิฉะนั้นคงต้านพลังโจมตีเป็นพายุบุแคมของเชียนจงไม่ได้ เด็กใหม่มีคัมภีร์อัญเชิญชั้นศักดิ์สิทธิ์ และสมบัติระดับเทพ เชียนจงมีแต่เพียงกระบี่ชั้นเทพเล่มเดียว แต่ไม่มีคัมภีร์อัญเชิญ นั่นคือความแตกต่างขนานใหญ่ระหว่างเขากับเด็กใหม่”
“มีอีกจุดหนึ่ง” ชิงหมอเพิ่มเติม “เจ้าเด็กใหม่มียักษ์พลังงานที่มีพลังใกล้เคียงเทพเจ้า ถ้าไม่ใช่ความเคลื่อนไหวของมันช้าเล็กน้อย ไม่สามารถโจมตีร่างของเชียนจงได้ทัน บางทีเด็กใหม่อาจชนะไปแล้ว”
“หือ?” เริ่นเทียนจงเมื่อได้ยินพวกเขารู้สึกว่าเชียนจงแปลกไปเล็กน้อย
ความรู้สึกแปลก ความแปลกที่ไม่เข้าใจ
บัณฑิตตาเงินยิ้มและพูดให้ทุกคนได้ยิน “ตามความเห็นของข้า เชียนจงควรจะเป็นนักรบโบราณที่ถูกผนึกอยู่ในตารางมิติฟ้า ข้าไม่รู้ว่าเขาออกมาได้เมื่อไหร่และใช้สถานะปลอมเป็นมือกระบี่รูปงาม เชียนจงหลอกสายตาพวกเรา แต่เพราะพลังของผนึก ทำให้คัมภีร์อัญเชิญของเขา อสูรพิทักษ์และสำนึกเทพยังถูกกักอยู่ในตารางมิติฟ้า นี่เป็นเหตุผลหลักทำให้เขาไม่สามารถเอาชนะเด็กใหม่ได้ ข่าวของพวกเราถูกเชียนจงนี่แหละปล่อยออกไปจะโดยเจตนาหรือไม่ตั้งใจก็ตาม จุดประสงค์ก็คือต้องการเลือดคนมากๆ เพื่อบูชายัญให้เสร็จสมบูรณ์ปลดปล่อยคัมภีร์อัญเชิญและสำนึกเทพของตนเอง โชคดีที่สำนึกเทพยักษ์ดาบทองไม่สามารถหนีออกมาจากมิติที่ผนึกไว้ได้ ไม่เช่นนั้นพวกเราคงถูกฆ่าตายกันทั้งหมด”
ทุกคนได้ยินแล้วและรู้สึกว่าเป็นคำพูดที่มีเหตุผล
เรื่องราวชัดเจนแล้ว
ข้อสงสัยอื่นก็อยู่ต่อหน้าทุกคน
จะทำยังไงต่อไป? จะหลบหนีกลับไปที่ค่ายเก็บตัวเองเหมือนเต่า หรือเทเลพอร์ตออกจากหุบเขาปีศาจ หรือเข้าไปช่วยเด็กหนุ่มผู้มาใหม่จัดการกับมือกระบี่รูปงามเชียนจง ที่หลอกลวงทุกคน สังหารผู้ท้าทายผ่านด่านหมื่นคน?
บางทีฆ่าเชียนจงอาจช่วยผู้ท้าทายผ่านด่านอีกหมื่นคนได้
อย่างไรก็ตามมือกระบี่เชียนจงตอนนี้มีพลังปราณราชันย์ระดับเก้า เข้าไปจะมิเป็นการหาที่ตายหรอกหรือ?
หนีไปยังปลอดภัยกว่า เมื่อกลับไปถึงฐานค่าย เขาจะเทเลพอร์ตจากไป อย่างไรก็ตามคะแนนสะสมของพวกเขาเพียงพอแล้ว แต่ตอนนั้นจะต่างไปจากเต่าคลานได้อย่างไร? ผู้คนในปัจจุบันนี้กล่าวถึงพวกเขาว่าเป็นผู้นำเหนือคนหมื่นคนในค่าย เป็นผู้นำที่ปกครองคน ถ้าถูกเชียนจงขู่ขวัญจนต้องหนีไป ต่อไปพวกเขาจะเสนอหน้าว่าเป็นนักสู้ผู้แข็งแกร่งได้อย่างไร?
“เอายังไงดี?” พระยายมซิวอิ่งไม่ต้องการหนีไปก่อน คนผู้นี้ไม่อาจแพ้ได้ เขามองดูเริ่นเทียนเกอ
“อ่า... รอดูดีกว่า” เริ่นเทียนเกอไม่ต้องการเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี
“อย่างนั้นก็รอดูกันไป สถานการณ์ไม่ชัดเจนนัก” พวกเขาบางคนพยักหน้า เมื่อไม่อาจสู้ได้ ไม่อาจหลบหนี ก็อยู่ดูการต่อสู้ ไม่ว่าจะสู้หรือหนี สำหรับผู้รับผิดชอบคงไม่ใช่เรื่องดี
และไม่มีใครคิดว่าการรอครั้งนี้ ใช้เวลานานถึงร้อยวัน....
7 ความคิดเห็น:
ร้อยวันเลยหรอออออออออ
ตีกัน ตีกัน
ตาแก่ตาเงินทำหน้าที่ภาคมวย ส่วนที่เหลือเป็นกรรมการให้คะแนน
บัณฑิตตาเงินนี่เป็นใครกันหนอ...วิเคราะห์อ่านขาดเหมือนตาเห็น
ใจจ้า
ตาเห็นอยู่นะ
ยังดีแค่ร้อยวัน ไม่ใช่ร้อยตอน
แสดงความคิดเห็น