ตอนที่ 1052 มรดกโบราณ เทพศักดิ์สิทธิ์
สำหรับความคิดของเย่ว์หยางที่จะไปด่านที่เจ็ด หุบเขามนุษย์ คนที่ต้องระมัดระวังมากที่สุดไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นจอมปีศาจไคเทียน
แม้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่มาได้นับหมื่นปี
แต่เขาก็เคยได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับหุบเขามนุษย์มาก่อน
ในหุบเขามนุษย์ เขาต้องการโจมตีเย่ว์หยาง เป็นไปไม่ได้ที่จะสู้กันโดยตรงเหมือนที่หุบเขาอสูร นอกจากนี้การต่อสู้โดยตรงไม่อาจเอาชนะเด็กหนุ่มนี่ได้ เขาต้องหาวิธีและแนวทางที่ดีที่สุดลงมือเพื่อปราบศัตรูของโชคชะตานี้ให้อยู่มือ
เมื่อนางฟ้าสงครามสวมชุดรบบินมาจากระยะไกล
เริ่นเทียนเกอและคนอื่นๆ ที่สังเกตการณ์ดูการต่อสู้ตลอดร้อยวันลอบถอนหายใจ
เด็กใหม่ผู้นี้เจ้าเล่ห์นัก ใครจะเข้าใจได้ว่าขณะที่เขาต่อสู้ในสงครามร้อยวันอย่างดุเดือดรุนแรง เจ้าเด็กนี่กลับมีพลังเหลือเฟือ ปล่อยนางฟ้าสงครามอสูรพิทักษ์ออกไปเก็บคะแนน ประการแรกไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเจ้าเด็กนี่พาอสูรพิทักษ์มามากมาย เขาไม่ได้บอกว่าเขากล้าสู้ศึกร้อยวันที่ไม่มีใครกล้าสู้ได้ แค่ความคิดวางแผนล่วงหน้าก็ทำให้พวกเขาละอายใจแล้ว... เจ้าเด็กผู้นี้เข้าสู่เมืองร้างใต้ดินก็เริ่มวางแผนไว้แล้ว เขาต่อสู้ถึงร้อยวันแต่ไม่เรียกอสูรหลักออกมา กลับปล่อยให้ไปเก็บรวบรวมคะแนนอย่างบ้าคลั่ง
ร้ายกาจนัก!
นอกจากจีอู๋ลี่ที่วางแผนกระสุนนัดเดียวยิงนกได้สองตัว แม้ว่าจะไม่เลว แต่เมื่อเทียบกับการวางแผนล่วงหน้านี้กลับค่อนข้างจืดทันที
อย่างน้อยพวกเริ่นเทียนเกอคาดว่าจีอู๋ลี่วางแผนไว้ลึกซึ้งที่สุด หลังจากวางแผนใช้เวลาไม่ถึงร้อยวัน ผู้นำที่ยิ่งใหญ่นั้นต้องเจ็บปวดต่อสู้ศึกสะท้านโลกถึงร้อยวัน แต่ก็ยังมีพลังไปสู้ในศึกอื่นเช่นกัน
“เขาได้กี่คะแนน?” แม้แต่เริ่นเทียนเกอก็ยังสงสัย เขารู้ว่าเย่ว์หยางมีความตั้งใจแน่นอน เขาคงไม่ใช้เวลาร้อยวันเอาชนะร้อยคะแนนแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น นั่นไม่ใช่นางฟ้าศึกธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นภูมิปัญญา พลังรบและการเติบโตของนางฟ้าสงครามนี้ ทั้งด้วยความรู้ของเริ่นเทียนเกอ บ่อยครั้งที่พวกเขารู้สึกว่านางฟ้าศึกนี้เป็นมนุษย์ไม่ใช่อสูรศึก ดังนั้นจะเห็นได้ว่านางฟ้าศึกนี้เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้นั่นเป็นความสำเร็จขนาดไหน
“หมื่นคะแนน” คนตอบไม่ใช่เย่ว์หยาง แต่เป็นชิงหมอ
เมื่อเขาเห็นนางฟ้าศึกกลับมา เขารีบเทเลพอร์ตไปดูบันทึกในค่ายที่ใกล้ที่สุด
เขาพบว่ามีสถิติใหม่เกิดขึ้นภายใต้ฐานเทวรูปนั่นคือจีอู๋ลี่ แต่บัดนี้เขานำอยู่เพียงคะแนนเดียวเท่านั้นและจีอู๋ลี่ออกไปจากหุบเขาปีศาจแล้ว สถิติใหม่ไม่จำเป็นต้องพูดถึง ย่อมเป็นเจ้าเด็กใหม่ที่ไม่ธรรมดานี้
อะไรกัน?
เมื่อเริ่นเทียนเกอได้ยิน พวกเขาอดร้องออกมาไม่ได้
พวกเขาทุกคนรู้ว่ากว่าจะได้คะแนนยากแค่ไหน แม้ว่าจีอู๋ลี่กับจงหัวและพวกจะใช้แผนการทั้งภายในและภายนอกบดขยี้กองทัพพันธมิตรเทพของพวกเขานับครั้งไม่ถ้วนและได้คะแนนไปเพียง10001 คะแนนทำลายสถิติเดิมของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี แน่นอนจีอู๋ลี่ใช้เวลาสองสามเดือนวางแผนสมคบคิดและหลอกลวง แต่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีใช้เวลาเพียงครึ่งปี และทั้งสองไม่อาจเทียบกันได้จริงๆ
ดังนั้นคะแนนที่ยากเย็นขนาดนั้นนางฟ้าศึกรวบรวมคะแนนได้หมื่นคะแนนภายในร้อยวันได้อย่างไร?
“เจ้าบอกหน่อยได้ไหม?” แม้แต่บัณฑิตตาเงินก็ยังสงสัยและอยากรู้คำตอบ
“ความลับ” เย่ว์หยางยิ้มและไม่ตอบ
ความลับบางอย่างไม่พูดเป็นดีที่สุด มิฉะนั้นจะกลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของคนรุ่นหลัง และคนที่รู้ความลับก็คือนักสู้ที่ประสบความสำเร็จ
นางฟ้าศึกอิคคาแปลงเป็นร่างเหมือนของเย่ว์ซวงและโผเข้าอ้อมกอดของเย่ว์หยาง ร่างนางปรากฏรัศมีหลากสีสัน บนท้องฟ้าที่ว่างเปล่าพลันมีภาพฉายนางฟ้าขนาดใหญ่หนึ่งกิโลเมตร นางสวมมงกุฏปัญญาซึ่งเป็นมงกุฏทอสีเขียว มือข้างหนึ่งถือดาบแห่งการทำลายล้าง และอีกข้างหนึ่งยื่นออกไปในอากาศว่างเปล่าและลูบศีรษะของอิคคา
ในทำนองเดียวกันในท้องฟ้าห่างไกลออกไป ยังมีภาพฉายจ้าวปีศาจขนาดยักษ์ ดูเหมือนเพราะไม่มีใครรับตกทอดพลังของเขา ใบหน้าของเขาจึงหายไปไม่เหลือร่องรอย
เมื่อจีอู๋ลี่ทำลายสถิติ มีรัศมีฉายเพียงวาบหนึ่งเช่นกัน
แต่วันนี้ภาพเหลือเชื่อเกินจริงนั้นมาจากไหน?
พลังงานไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนพลังปราณวิญญาณไหลเติมเข้าไปในป้ายตราเทพในมืออิคคาและบนกระหม่อมของนาง และถ่ายทอดพลังให้นางมากมายเป็นพันเท่า เพิ่มศักยภาพที่ไม่มีจำกัดให้นาง ภายใต้การรายล้อมของพลังศักดิ์สิทธิ์ นางเติบโตและพัฒนาต่อเนื่อง
นางฟ้าศึกอิคคาถือกำเนิดจากเหตุผลพิเศษ เลือดเทพและเลือดของเย่ว์หยาง เป็นนางฟ้าศึกที่ไม่ธรรมดา
ตอนนี้หลังจากได้รับตกทอดพลังเทพที่ไม่รู้จักชื่อ นางเกิดใหม่อย่างสมบูรณ์เติบโตอย่างรวดเร็วในรูปแบบใหม่เกินคาดเย่ว์หยางอย่างสิ้นเชิง
ครืนน ครืนนน ครืนน!
เมื่ออิคคาผู้รับสืบทอดพลังเทพจากเทพที่ไม่รู้จักชื่อผละออกจากอ้อมแขนเย่ว์หยาง และกระพือปีกบินขึ้นไปในท้องฟ้าเกิดเป็นภาพชวนตกตะลึง ภาพฉายเทพสตรีมีใบหน้าแสดงออกถึงความรักความเมตตา มือยักษ์ของนางประคองจับร่างอิคคาจากนั้นบรรจงจูบเบาๆ ก่อนร่างจะเลือนหายไป
อิคคารับจุมพิตจากนางก็ปลดปล่อยพลังเทพทันที
ระดับพลังเพิ่มพูนอย่างบ้าคลั่งเป็นระดับทูตสวรรค์ ความเร็วในการเพิ่มระดับพลังนี้ทำให้พวกเริ่นเทียนเกอรู้สึกอิจฉาและเสียใจ บัดนี้พวกเขาเข้าใจถึงเหตุผลที่มีการสู้รบระหว่างสองกลุ่มในหุบเขาปีศาจ เพราะมีเทพเจ้าโบราณสองตนตายที่นี่ และพวกเขาตั้งใจหาทายาทที่เหมาะสมที่นี่ บัดนี้ทายาทปรากฏตัวขึ้นในที่สุด พวกเขาไม่ได้อยู่ในหุบเขาปีศาจมาเป็นเวลาหลายพันปี แต่เป็นผู้มาใหม่ที่อยู่ในระยะร้อยวันแรก และเป็นอสูรพิทักษ์
ฝ่ายค่ายมาร มีพระยายมซิวอิ่ง จ้าวกระดูกจินหายและจอมถลกหนักเซี่ยทียิ่งรู้สึกละอายมากกว่า
ตัดสินจากภาพฉายเทพปีศาจที่หายไป แสดงว่าฝ่ายค่ายมืดแพ้ เทพฝ่ายค่ายพันธมิตรเทพพบเจอทายาทผู้มีคุณสมบัติ การต่อสู้มาตั้งแต่ยุคโบราณสิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายค่ายมาร
นี่ไม่ใช่แค่ความล้มเหลวธรรมดาเท่านั้น แต่ยังเป็นการสูญเสียคุณสมบัติรับมรดกพลังเทพ
เทวทูต, ขุนพลเทพ, กึ่งเทพ, ชั้นเทพ.... เมื่ออิคคาบรรลุพลังเทพทั้งหมดและระเบิดพลังออกมา ทุกคนที่อยู่ข้างล่างเริ่มอึดอัดหายใจไม่ออก และในใจพวกเขาตกตะลึงกับพลังของเทพ หากอิคคาเข้าใจพลังเทพนี้ได้อย่างสมบูรณ์คาดว่าแค่ใช้เพียงมือเดียวนางก็สามารถทำลายคนเบื้องล่างได้หมด ต่อหน้าพลังเทพสูงส่งนี้ แม้แต่จอมปีศาจไคเทียนผู้หยิ่งยโสอยู่เสมอก็ยังทำอะไรไม่ได้ เขาอดเปลี่ยนสีหน้าไม่ได้
น่าเสียดายที่พลังเทพปะทุระเบิดออกมาเพียงสิบวินาทีก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว
พลังเทพมหาศาลนี้ยังไม่ใช่สิ่งที่อิคคาเข้าใจอย่างสิ้นเชิง
แน่นอนว่านางไม่รีบร้อน
เมื่อพลังเทพกลับเข้าไปอยู่ในร่างอิคคาแล้ว นางร้องยินดีและบินลงมาจากท้องฟ้าโผเข้ากอดเย่ว์หยาง
หากไม่ใช่เพราะที่ระหว่างคิ้วของนางมีเครื่องหมายที่นางเป็นตัวแทนเทพ อีกทั้งคำจารึกในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเย่ว์หยางเป็นข้อพิสูจน์ว่านางเลื่อนชั้นพลังเป็นนางฟ้าระดับเทพผู้น่าเกรงขามแล้ว ส่วนอื่นนางไม่มีการเปลี่ยนแปลง
“ข้าจะไปรอเจ้าอยู่ในหุบเขามนุษย์!” จอมปีศาจไคเทียนแค่นเสียง
เย่ว์หยางมีอสูรพิทักษ์เก็บสะสมคะแนนให้เขา จอมปีศาจไคเทียนคิดจะขัดขวางเย่ว์หยางไม่ให้เข้าหุบเขามนุษย์คงเป็นไปไม่ได้ เขาตัดสินใจล่วงหน้าไปก่อนหนึ่งก้าว ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาคงไม่มีพลังเติบโตก้าวหน้าอีกแล้วจากมุมมองเด็กหนุ่มอย่างเย่ว์หยาง เขาจะไม่ยอมให้เย่ว์หยางได้ผ่านด่านทั้งสิบได้รับรางวัลเป็นคัมภีร์เทพ
พวกเริ่นเทียนเกอเข้ามาพูดทักทายเย่ว์หยางเพื่อสร้างความสัมพันธ์
ตอนนี้พวกเขามองเย่ว์หยางในสถานะที่เท่าเทียมกันทั้งอาจจะสูงมากกว่า มรดกพลังเทพหายไปแล้ว พวกเขาสามารถไปจากหุบเขาปีศาจได้อย่างไม่อาลัยอีก
ด่านที่เจ็ด หุบเขามนุษย์เป็นที่ซึ่งพวกเขาจะไป แต่ไม่มีใครสามารถแข่งกับเด็กใหม่ผิดธรรมดาอย่างเย่ว์หยางได้
ความสัมพันธ์ฉันท์มิตรล่วงหน้าก็เป็นเรื่องจำเป็น
เพราะด่านที่เจ็ดหุบเขามนุษย์ พวกเขาแต่ละคนได้รวบรวมข้อมูลที่ควรรู้ในด่านหุบเขามนุษย์ ความสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
เริ่นเทียนเกอ บัณฑิตตาเงิน พระยายมซิวอิ่ง จ้าวกระดูกจินหาย จอมถลกหนังเซี่ยทีและนักสู้อื่นจากไป และคนที่ยังคงอยู่เป็นผู้ที่คาดไม่ถึง คือชิงหมอ
“เจ้าไม่ได้ชื่อชิงหมอ เจ้าชื่ออะไรกันแน่?” จู่ๆ เย่ว์หยางถามเขาขึ้น
ชิงหมอแค่นเสียงเย็นชาเทเลพอร์ตจากไปอย่างเมินเฉย เย่ว์หยางแน่ใจว่าคนผู้นี้เป็นสมาชิกของหอทงเทียน แต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
อย่างไรก็ตาม ด่านที่เจ็ดหุบเขามนุษย์ก็คงจะได้พบกันอีกครั้ง เย่ว์หยางไม่ถือสากับการปล่อยคนผู้นี้ไปชั่วคราว
จอมปีศาจไคเทียนและเริ่นเทียนเกอกับผู้นำอื่นๆ พากันไปจากหุบเขาปีศาจ แต่เย่ว์หยางไม่ได้จากไปทันที แต่เขากลับไปพื้นที่ถ้ำรังมาร ทำลายตารางมิติฟ้าเข้าไปในวิหารปีศาจฟ้า... สามวันต่อมารอจนเขาช่วยผู้ท้าทายผ่านด่านหมื่นคนออกมา พวกเขาบางคนมีสีหน้าซาบซึ้งใจ บางคนมีสีหน้าไม่พอใจเพราะกลับแลกมาด้วยการปล่อยให้อิคคาฆ่าอสูรของพวกเขา... พวกเขาเลือกที่จะรอดไว้ก่อน ที่สำคัญเย่ว์หยางได้พูดคำคมก่อนจากไป ‘เหลือขุนเขาแมกไม้ไว้ ไยต้องกลัวไร้ฟืนไฟ’
ครั้งนี้คะแนนสะสมที่ฐานเทวรูปของเขาขึ้นไปถึง 30,000 คะแนน
เป็นลำดับแรกที่อยู่เหนือและทุบทุกสถิติ
คะแนนสะสมนี้ทำลายสถิติของจีอู๋ลี่ที่ใช้เวลาสองสามเดือนทั้งอาศัยการสมคบคิดเพื่อให้ได้คะแนน 10001 คะแนน นอกจากนี้ยังเป็นคะแนนสูงสุดที่ไม่มีใครในอนาคตจะเลียนแบบได้ เขาเชื่อว่าจะไม่มีใครในอนาคตที่มีโอกาสฆ่าศัตรูของค่ายศัตรู และเป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยรับประกันความสำเร็จแบบสมรู้ร่วมคิดอย่างจีอู๋ลี่ทำลายสถิติคะแนนนางพญาเฟ่ยเหวินหลีแซงขึ้นไปเป็นอันดับที่หนึ่ง
ถือว่าเป็นการตอบโต้ครั้งใหญ่ที่สุดของเย่ว์หยาง
นอกจากนี้ นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น การตอบโต้ที่แท้จริง อยู่หลังหุบเขามนุษย์.. เมื่อเย่ว์หยางออกจากหุบเขาปีศาจที่ค่ายแรก ไม่เพียงแต่ฝ่ายพันธมิตรเทพเท่านั้น แม้แต่ผู้ท้าทายผ่านด่านของฝ่ายค่ายมารก็มาส่งผู้ที่ช่วยพวกเขาเป็นพิเศษ คนที่ตื่นเต้นที่สุดเห็นจะเป็นหัวหน้ามาร์คที่เป็นคนต้อนรับเด็กใหม่เย่ว์หยางคนแรก เบนหัวหน้าตาเดียวที่ต่อสู้ร่วมกับเย่ว์หยาง ทอเรนเป่ย, เจ้าสี่แขนและเจ้าสัวอ้วนเตี้ย
แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่ต้องพูดอะไรมาก แต่ทุกคำที่เขาพูดกลายเป็นของขวัญที่ล้ำค่าของชีวิต
พวกเขามีความรู้เป็นของตนเอง
ภายในหุบเขาปีศาจนี้เป็นสถานที่ซึ่งผู้นำใหญ่มีคุณสมบัติท้าทายผ่านด่านและสามารถออกไปได้ทั้งหมด แม้ว่าพวกเขาจะสามารถมีชีวิตได้อย่างปลอดภัย แต่ด่านที่เจ็ด หุบเขามนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถไปได้ ต่อให้เย่ว์หยางพาพวกเขาไป พวกเขาไม่ต้องการเป็นภาระถ่วงเขา
“ไม่เป็นไร เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้เป็นอย่างดี เมื่อเจ้าผ่านด่านได้ทุกด่านและได้รับคัมภีร์เทพ เราค่อยติดตามเจ้าอีกครั้ง!”
เบนบุรุษตาเดียวได้เป็นผู้นำคนใหม่ และเขาเป็นตัวแทนของผู้ท้าทายผ่านด่านหลายคนพูดความในใจ
เย่ว์หยางพยักหน้าโบกมืออำลาทุกคน
เมื่อเขากลับไปพบหน้าชายชราที่เขาได้พบก่อนเข้าด่าน ชายชราผู้นั้นยิ้มหน้าบาน เย่ว์หยางเห็นแล้วหงุดหงิดนึกอยากจะต่อยหน้าชายชรานัก แต่เขารู้ว่าพลังของชายชราผู้นี้เขี้ยวยิ่งกว่าจอมปีศาจไคเทียน มิฉะนั้นชายชราผู้นี้คงมิอาจเป็นผู้นำที่แท้จริงของค่ายพันธมิตรเทพในหุบเขาปีศาจแน่
“หนุ่มน้อยเลือดร้อน ข้าเห็นแล้วอิจฉาจริงๆ!” ผู้เฒ่าดูเหมือนรู้ทุกอย่างที่เย่ว์หยางกระทำในหุบเขาปีศาจและทุกอย่างที่เขาได้รับ เขายิ้มให้เป็นพิเศษ
“ได้คำชมจากตาแก่หนังหนา ข้าเป็นปลื้มจริงๆ!” เย่ว์หยางพูดแดกดัน
“ไม่ดีๆ อย่ามาโกรธคนแก่อย่างข้าเลย โดยเฉพาะถ้าข้ารู้ข้อมูลเกี่ยวกับหุบเขามนุษย์” ชายชราไม่โกรธแม้แต่น้อย
“ท่านต้องการประจบข้าหรือ?” เย่ว์หยางโมโห ในฐานะคนเก่าแก่ คิดจะรีดไถเด็กใหม่ง่ายๆ หรือ?
“โอว..ข้าแก่เฒ่าแล้วอยู่มานานหลายไป แข้งขาอ่อนล้า ปวดเมื่อยหัวไหล่ ถ้ามีคนยินดีดูแลเฒ่ากระดูกผุกร่อนให้ข้า อย่างนั้นข้าคงคิดอะไรออกได้ขึ้นมาบ้าง” ชายชรามองดูเย่ว์หยางเหมือนกับโจรแก่ที่เห็นสมบัติหายากและยิ้มให้โดยเฉพาะ
“.....” เย่ว์หยางอยากบอกเขาว่า ฆาตกร พวกวางเพลิงที่เขาเคยพบเจอมา ไม่ต่างอะไรกับตาเฒ่าผายลมที่บีบแขนนวดไหล่เพื่อเอาข้อมูล ตาเฒ่านี่ไม่สนใจว่าคนใหม่จะต้องตายไปเท่าใด เย่ว์หยางนึกอยากชักดาบออกมาฟันตาเฒ่าผู้นี้นัก แต่ในที่สุดเขาข่มใจฝืนยิ้ม “ผู้เฒ่า! มือของเด็กใหม่แข็งกระด้างและใหญ่เกินไป ดังนั้นคงไม่เป็นไรกระมัง?”
เมื่อได้ยินชายชรางีบ เขาส่ายหัว “ไหล่ข้าไม่ปวดเมื่อยกะทันหันแน่ ขาข้าไม่ได้ล้า เด็กน้อย เจ้ามีความกตัญญูนี่ถือเป็นเรื่องดีต่อใจแล้ว!”
3 ความคิดเห็น:
ตาแก่นี่บังอาจมาไถเย่ว์หยางได้..เดี๋ยวจบศึกแกจะน้ำตาไหลแน่
คิดว่าคงต้องใช้ยักษ์ชะตาฟ้าสู้แน่ๆถึงจะสูสีกับตาเฒ่าแต่ก็ไม่น่าจะชนะได้อยู่ดีนะแกเก่งกว่าต้องยอมรับเลย
ใจจ้า
แสดงความคิดเห็น