วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1052 มรดกโบราณ เทพศักดิ์สิทธิ์



ตอนที่  1052  มรดกโบราณ เทพศักดิ์สิทธิ์

สำหรับความคิดของเย่ว์หยางที่จะไปด่านที่เจ็ด หุบเขามนุษย์ คนที่ต้องระมัดระวังมากที่สุดไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นจอมปีศาจไคเทียน


แม้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่มาได้นับหมื่นปี

แต่เขาก็เคยได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับหุบเขามนุษย์มาก่อน

ในหุบเขามนุษย์  เขาต้องการโจมตีเย่ว์หยาง  เป็นไปไม่ได้ที่จะสู้กันโดยตรงเหมือนที่หุบเขาอสูร  นอกจากนี้การต่อสู้โดยตรงไม่อาจเอาชนะเด็กหนุ่มนี่ได้  เขาต้องหาวิธีและแนวทางที่ดีที่สุดลงมือเพื่อปราบศัตรูของโชคชะตานี้ให้อยู่มือ

เมื่อนางฟ้าสงครามสวมชุดรบบินมาจากระยะไกล

เริ่นเทียนเกอและคนอื่นๆ ที่สังเกตการณ์ดูการต่อสู้ตลอดร้อยวันลอบถอนหายใจ

เด็กใหม่ผู้นี้เจ้าเล่ห์นัก ใครจะเข้าใจได้ว่าขณะที่เขาต่อสู้ในสงครามร้อยวันอย่างดุเดือดรุนแรง เจ้าเด็กนี่กลับมีพลังเหลือเฟือ ปล่อยนางฟ้าสงครามอสูรพิทักษ์ออกไปเก็บคะแนน  ประการแรกไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเจ้าเด็กนี่พาอสูรพิทักษ์มามากมาย เขาไม่ได้บอกว่าเขากล้าสู้ศึกร้อยวันที่ไม่มีใครกล้าสู้ได้  แค่ความคิดวางแผนล่วงหน้าก็ทำให้พวกเขาละอายใจแล้ว... เจ้าเด็กผู้นี้เข้าสู่เมืองร้างใต้ดินก็เริ่มวางแผนไว้แล้ว  เขาต่อสู้ถึงร้อยวันแต่ไม่เรียกอสูรหลักออกมา กลับปล่อยให้ไปเก็บรวบรวมคะแนนอย่างบ้าคลั่ง

ร้ายกาจนัก!

นอกจากจีอู๋ลี่ที่วางแผนกระสุนนัดเดียวยิงนกได้สองตัว แม้ว่าจะไม่เลว แต่เมื่อเทียบกับการวางแผนล่วงหน้านี้กลับค่อนข้างจืดทันที

อย่างน้อยพวกเริ่นเทียนเกอคาดว่าจีอู๋ลี่วางแผนไว้ลึกซึ้งที่สุด หลังจากวางแผนใช้เวลาไม่ถึงร้อยวัน ผู้นำที่ยิ่งใหญ่นั้นต้องเจ็บปวดต่อสู้ศึกสะท้านโลกถึงร้อยวัน แต่ก็ยังมีพลังไปสู้ในศึกอื่นเช่นกัน

 “เขาได้กี่คะแนน?”  แม้แต่เริ่นเทียนเกอก็ยังสงสัย  เขารู้ว่าเย่ว์หยางมีความตั้งใจแน่นอน  เขาคงไม่ใช้เวลาร้อยวันเอาชนะร้อยคะแนนแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น นั่นไม่ใช่นางฟ้าศึกธรรมดา  ไม่ว่าจะเป็นภูมิปัญญา พลังรบและการเติบโตของนางฟ้าสงครามนี้ ทั้งด้วยความรู้ของเริ่นเทียนเกอ บ่อยครั้งที่พวกเขารู้สึกว่านางฟ้าศึกนี้เป็นมนุษย์ไม่ใช่อสูรศึก  ดังนั้นจะเห็นได้ว่านางฟ้าศึกนี้เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้นั่นเป็นความสำเร็จขนาดไหน

 “หมื่นคะแนน” คนตอบไม่ใช่เย่ว์หยาง แต่เป็นชิงหมอ

เมื่อเขาเห็นนางฟ้าศึกกลับมา เขารีบเทเลพอร์ตไปดูบันทึกในค่ายที่ใกล้ที่สุด

เขาพบว่ามีสถิติใหม่เกิดขึ้นภายใต้ฐานเทวรูปนั่นคือจีอู๋ลี่  แต่บัดนี้เขานำอยู่เพียงคะแนนเดียวเท่านั้นและจีอู๋ลี่ออกไปจากหุบเขาปีศาจแล้ว สถิติใหม่ไม่จำเป็นต้องพูดถึง ย่อมเป็นเจ้าเด็กใหม่ที่ไม่ธรรมดานี้

อะไรกัน?

เมื่อเริ่นเทียนเกอได้ยิน พวกเขาอดร้องออกมาไม่ได้

พวกเขาทุกคนรู้ว่ากว่าจะได้คะแนนยากแค่ไหน  แม้ว่าจีอู๋ลี่กับจงหัวและพวกจะใช้แผนการทั้งภายในและภายนอกบดขยี้กองทัพพันธมิตรเทพของพวกเขานับครั้งไม่ถ้วนและได้คะแนนไปเพียง10001 คะแนนทำลายสถิติเดิมของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี แน่นอนจีอู๋ลี่ใช้เวลาสองสามเดือนวางแผนสมคบคิดและหลอกลวง  แต่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีใช้เวลาเพียงครึ่งปี และทั้งสองไม่อาจเทียบกันได้จริงๆ

ดังนั้นคะแนนที่ยากเย็นขนาดนั้นนางฟ้าศึกรวบรวมคะแนนได้หมื่นคะแนนภายในร้อยวันได้อย่างไร?

 “เจ้าบอกหน่อยได้ไหม?”  แม้แต่บัณฑิตตาเงินก็ยังสงสัยและอยากรู้คำตอบ

 “ความลับ”  เย่ว์หยางยิ้มและไม่ตอบ

ความลับบางอย่างไม่พูดเป็นดีที่สุด  มิฉะนั้นจะกลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของคนรุ่นหลัง และคนที่รู้ความลับก็คือนักสู้ที่ประสบความสำเร็จ

นางฟ้าศึกอิคคาแปลงเป็นร่างเหมือนของเย่ว์ซวงและโผเข้าอ้อมกอดของเย่ว์หยาง ร่างนางปรากฏรัศมีหลากสีสัน บนท้องฟ้าที่ว่างเปล่าพลันมีภาพฉายนางฟ้าขนาดใหญ่หนึ่งกิโลเมตร นางสวมมงกุฏปัญญาซึ่งเป็นมงกุฏทอสีเขียว มือข้างหนึ่งถือดาบแห่งการทำลายล้าง และอีกข้างหนึ่งยื่นออกไปในอากาศว่างเปล่าและลูบศีรษะของอิคคา

ในทำนองเดียวกันในท้องฟ้าห่างไกลออกไป  ยังมีภาพฉายจ้าวปีศาจขนาดยักษ์    ดูเหมือนเพราะไม่มีใครรับตกทอดพลังของเขา ใบหน้าของเขาจึงหายไปไม่เหลือร่องรอย

เมื่อจีอู๋ลี่ทำลายสถิติ มีรัศมีฉายเพียงวาบหนึ่งเช่นกัน

แต่วันนี้ภาพเหลือเชื่อเกินจริงนั้นมาจากไหน?

พลังงานไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนพลังปราณวิญญาณไหลเติมเข้าไปในป้ายตราเทพในมืออิคคาและบนกระหม่อมของนาง และถ่ายทอดพลังให้นางมากมายเป็นพันเท่า เพิ่มศักยภาพที่ไม่มีจำกัดให้นาง ภายใต้การรายล้อมของพลังศักดิ์สิทธิ์ นางเติบโตและพัฒนาต่อเนื่อง

นางฟ้าศึกอิคคาถือกำเนิดจากเหตุผลพิเศษ เลือดเทพและเลือดของเย่ว์หยาง เป็นนางฟ้าศึกที่ไม่ธรรมดา

ตอนนี้หลังจากได้รับตกทอดพลังเทพที่ไม่รู้จักชื่อ นางเกิดใหม่อย่างสมบูรณ์เติบโตอย่างรวดเร็วในรูปแบบใหม่เกินคาดเย่ว์หยางอย่างสิ้นเชิง

ครืนน ครืนนน ครืนน!

เมื่ออิคคาผู้รับสืบทอดพลังเทพจากเทพที่ไม่รู้จักชื่อผละออกจากอ้อมแขนเย่ว์หยาง และกระพือปีกบินขึ้นไปในท้องฟ้าเกิดเป็นภาพชวนตกตะลึง  ภาพฉายเทพสตรีมีใบหน้าแสดงออกถึงความรักความเมตตา มือยักษ์ของนางประคองจับร่างอิคคาจากนั้นบรรจงจูบเบาๆ ก่อนร่างจะเลือนหายไป

อิคคารับจุมพิตจากนางก็ปลดปล่อยพลังเทพทันที

ระดับพลังเพิ่มพูนอย่างบ้าคลั่งเป็นระดับทูตสวรรค์  ความเร็วในการเพิ่มระดับพลังนี้ทำให้พวกเริ่นเทียนเกอรู้สึกอิจฉาและเสียใจ บัดนี้พวกเขาเข้าใจถึงเหตุผลที่มีการสู้รบระหว่างสองกลุ่มในหุบเขาปีศาจ  เพราะมีเทพเจ้าโบราณสองตนตายที่นี่ และพวกเขาตั้งใจหาทายาทที่เหมาะสมที่นี่  บัดนี้ทายาทปรากฏตัวขึ้นในที่สุด พวกเขาไม่ได้อยู่ในหุบเขาปีศาจมาเป็นเวลาหลายพันปี  แต่เป็นผู้มาใหม่ที่อยู่ในระยะร้อยวันแรก  และเป็นอสูรพิทักษ์

ฝ่ายค่ายมาร มีพระยายมซิวอิ่ง จ้าวกระดูกจินหายและจอมถลกหนักเซี่ยทียิ่งรู้สึกละอายมากกว่า

ตัดสินจากภาพฉายเทพปีศาจที่หายไป แสดงว่าฝ่ายค่ายมืดแพ้  เทพฝ่ายค่ายพันธมิตรเทพพบเจอทายาทผู้มีคุณสมบัติ การต่อสู้มาตั้งแต่ยุคโบราณสิ้นสุดลงด้วยความพ่ายแพ้ของฝ่ายค่ายมาร

นี่ไม่ใช่แค่ความล้มเหลวธรรมดาเท่านั้น  แต่ยังเป็นการสูญเสียคุณสมบัติรับมรดกพลังเทพ

เทวทูต, ขุนพลเทพ, กึ่งเทพ, ชั้นเทพ.... เมื่ออิคคาบรรลุพลังเทพทั้งหมดและระเบิดพลังออกมา ทุกคนที่อยู่ข้างล่างเริ่มอึดอัดหายใจไม่ออก และในใจพวกเขาตกตะลึงกับพลังของเทพ  หากอิคคาเข้าใจพลังเทพนี้ได้อย่างสมบูรณ์คาดว่าแค่ใช้เพียงมือเดียวนางก็สามารถทำลายคนเบื้องล่างได้หมด  ต่อหน้าพลังเทพสูงส่งนี้ แม้แต่จอมปีศาจไคเทียนผู้หยิ่งยโสอยู่เสมอก็ยังทำอะไรไม่ได้ เขาอดเปลี่ยนสีหน้าไม่ได้

น่าเสียดายที่พลังเทพปะทุระเบิดออกมาเพียงสิบวินาทีก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว

พลังเทพมหาศาลนี้ยังไม่ใช่สิ่งที่อิคคาเข้าใจอย่างสิ้นเชิง

แน่นอนว่านางไม่รีบร้อน

เมื่อพลังเทพกลับเข้าไปอยู่ในร่างอิคคาแล้ว นางร้องยินดีและบินลงมาจากท้องฟ้าโผเข้ากอดเย่ว์หยาง

หากไม่ใช่เพราะที่ระหว่างคิ้วของนางมีเครื่องหมายที่นางเป็นตัวแทนเทพ อีกทั้งคำจารึกในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเย่ว์หยางเป็นข้อพิสูจน์ว่านางเลื่อนชั้นพลังเป็นนางฟ้าระดับเทพผู้น่าเกรงขามแล้ว  ส่วนอื่นนางไม่มีการเปลี่ยนแปลง

 “ข้าจะไปรอเจ้าอยู่ในหุบเขามนุษย์!  จอมปีศาจไคเทียนแค่นเสียง

เย่ว์หยางมีอสูรพิทักษ์เก็บสะสมคะแนนให้เขา  จอมปีศาจไคเทียนคิดจะขัดขวางเย่ว์หยางไม่ให้เข้าหุบเขามนุษย์คงเป็นไปไม่ได้  เขาตัดสินใจล่วงหน้าไปก่อนหนึ่งก้าว ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาคงไม่มีพลังเติบโตก้าวหน้าอีกแล้วจากมุมมองเด็กหนุ่มอย่างเย่ว์หยาง  เขาจะไม่ยอมให้เย่ว์หยางได้ผ่านด่านทั้งสิบได้รับรางวัลเป็นคัมภีร์เทพ

พวกเริ่นเทียนเกอเข้ามาพูดทักทายเย่ว์หยางเพื่อสร้างความสัมพันธ์

ตอนนี้พวกเขามองเย่ว์หยางในสถานะที่เท่าเทียมกันทั้งอาจจะสูงมากกว่า  มรดกพลังเทพหายไปแล้ว พวกเขาสามารถไปจากหุบเขาปีศาจได้อย่างไม่อาลัยอีก

ด่านที่เจ็ด หุบเขามนุษย์เป็นที่ซึ่งพวกเขาจะไป แต่ไม่มีใครสามารถแข่งกับเด็กใหม่ผิดธรรมดาอย่างเย่ว์หยางได้

ความสัมพันธ์ฉันท์มิตรล่วงหน้าก็เป็นเรื่องจำเป็น

เพราะด่านที่เจ็ดหุบเขามนุษย์ พวกเขาแต่ละคนได้รวบรวมข้อมูลที่ควรรู้ในด่านหุบเขามนุษย์  ความสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด

เริ่นเทียนเกอ บัณฑิตตาเงิน พระยายมซิวอิ่ง จ้าวกระดูกจินหาย จอมถลกหนังเซี่ยทีและนักสู้อื่นจากไป และคนที่ยังคงอยู่เป็นผู้ที่คาดไม่ถึง คือชิงหมอ

 “เจ้าไม่ได้ชื่อชิงหมอ  เจ้าชื่ออะไรกันแน่?”  จู่ๆ เย่ว์หยางถามเขาขึ้น

ชิงหมอแค่นเสียงเย็นชาเทเลพอร์ตจากไปอย่างเมินเฉย  เย่ว์หยางแน่ใจว่าคนผู้นี้เป็นสมาชิกของหอทงเทียน  แต่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร

อย่างไรก็ตาม ด่านที่เจ็ดหุบเขามนุษย์ก็คงจะได้พบกันอีกครั้ง เย่ว์หยางไม่ถือสากับการปล่อยคนผู้นี้ไปชั่วคราว

จอมปีศาจไคเทียนและเริ่นเทียนเกอกับผู้นำอื่นๆ พากันไปจากหุบเขาปีศาจ  แต่เย่ว์หยางไม่ได้จากไปทันที  แต่เขากลับไปพื้นที่ถ้ำรังมาร ทำลายตารางมิติฟ้าเข้าไปในวิหารปีศาจฟ้า...  สามวันต่อมารอจนเขาช่วยผู้ท้าทายผ่านด่านหมื่นคนออกมา  พวกเขาบางคนมีสีหน้าซาบซึ้งใจ บางคนมีสีหน้าไม่พอใจเพราะกลับแลกมาด้วยการปล่อยให้อิคคาฆ่าอสูรของพวกเขา... พวกเขาเลือกที่จะรอดไว้ก่อน  ที่สำคัญเย่ว์หยางได้พูดคำคมก่อนจากไป เหลือขุนเขาแมกไม้ไว้ ไยต้องกลัวไร้ฟืนไฟ

ครั้งนี้คะแนนสะสมที่ฐานเทวรูปของเขาขึ้นไปถึง 30,000 คะแนน

เป็นลำดับแรกที่อยู่เหนือและทุบทุกสถิติ

คะแนนสะสมนี้ทำลายสถิติของจีอู๋ลี่ที่ใช้เวลาสองสามเดือนทั้งอาศัยการสมคบคิดเพื่อให้ได้คะแนน 10001 คะแนน  นอกจากนี้ยังเป็นคะแนนสูงสุดที่ไม่มีใครในอนาคตจะเลียนแบบได้  เขาเชื่อว่าจะไม่มีใครในอนาคตที่มีโอกาสฆ่าศัตรูของค่ายศัตรู และเป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยรับประกันความสำเร็จแบบสมรู้ร่วมคิดอย่างจีอู๋ลี่ทำลายสถิติคะแนนนางพญาเฟ่ยเหวินหลีแซงขึ้นไปเป็นอันดับที่หนึ่ง

ถือว่าเป็นการตอบโต้ครั้งใหญ่ที่สุดของเย่ว์หยาง

นอกจากนี้ นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น  การตอบโต้ที่แท้จริง อยู่หลังหุบเขามนุษย์..  เมื่อเย่ว์หยางออกจากหุบเขาปีศาจที่ค่ายแรก ไม่เพียงแต่ฝ่ายพันธมิตรเทพเท่านั้น แม้แต่ผู้ท้าทายผ่านด่านของฝ่ายค่ายมารก็มาส่งผู้ที่ช่วยพวกเขาเป็นพิเศษ   คนที่ตื่นเต้นที่สุดเห็นจะเป็นหัวหน้ามาร์คที่เป็นคนต้อนรับเด็กใหม่เย่ว์หยางคนแรก เบนหัวหน้าตาเดียวที่ต่อสู้ร่วมกับเย่ว์หยาง ทอเรนเป่ย, เจ้าสี่แขนและเจ้าสัวอ้วนเตี้ย

แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่ต้องพูดอะไรมาก  แต่ทุกคำที่เขาพูดกลายเป็นของขวัญที่ล้ำค่าของชีวิต

พวกเขามีความรู้เป็นของตนเอง

ภายในหุบเขาปีศาจนี้เป็นสถานที่ซึ่งผู้นำใหญ่มีคุณสมบัติท้าทายผ่านด่านและสามารถออกไปได้ทั้งหมด  แม้ว่าพวกเขาจะสามารถมีชีวิตได้อย่างปลอดภัย  แต่ด่านที่เจ็ด หุบเขามนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถไปได้  ต่อให้เย่ว์หยางพาพวกเขาไป  พวกเขาไม่ต้องการเป็นภาระถ่วงเขา

 “ไม่เป็นไร เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้เป็นอย่างดี  เมื่อเจ้าผ่านด่านได้ทุกด่านและได้รับคัมภีร์เทพ  เราค่อยติดตามเจ้าอีกครั้ง!

เบนบุรุษตาเดียวได้เป็นผู้นำคนใหม่ และเขาเป็นตัวแทนของผู้ท้าทายผ่านด่านหลายคนพูดความในใจ

เย่ว์หยางพยักหน้าโบกมืออำลาทุกคน

เมื่อเขากลับไปพบหน้าชายชราที่เขาได้พบก่อนเข้าด่าน ชายชราผู้นั้นยิ้มหน้าบาน เย่ว์หยางเห็นแล้วหงุดหงิดนึกอยากจะต่อยหน้าชายชรานัก  แต่เขารู้ว่าพลังของชายชราผู้นี้เขี้ยวยิ่งกว่าจอมปีศาจไคเทียน มิฉะนั้นชายชราผู้นี้คงมิอาจเป็นผู้นำที่แท้จริงของค่ายพันธมิตรเทพในหุบเขาปีศาจแน่

 “หนุ่มน้อยเลือดร้อน ข้าเห็นแล้วอิจฉาจริงๆ!” ผู้เฒ่าดูเหมือนรู้ทุกอย่างที่เย่ว์หยางกระทำในหุบเขาปีศาจและทุกอย่างที่เขาได้รับ เขายิ้มให้เป็นพิเศษ

 “ได้คำชมจากตาแก่หนังหนา ข้าเป็นปลื้มจริงๆ!  เย่ว์หยางพูดแดกดัน

 “ไม่ดีๆ อย่ามาโกรธคนแก่อย่างข้าเลย  โดยเฉพาะถ้าข้ารู้ข้อมูลเกี่ยวกับหุบเขามนุษย์”  ชายชราไม่โกรธแม้แต่น้อย

 “ท่านต้องการประจบข้าหรือ?”  เย่ว์หยางโมโห ในฐานะคนเก่าแก่ คิดจะรีดไถเด็กใหม่ง่ายๆ หรือ?

 “โอว..ข้าแก่เฒ่าแล้วอยู่มานานหลายไป แข้งขาอ่อนล้า ปวดเมื่อยหัวไหล่ ถ้ามีคนยินดีดูแลเฒ่ากระดูกผุกร่อนให้ข้า  อย่างนั้นข้าคงคิดอะไรออกได้ขึ้นมาบ้าง”  ชายชรามองดูเย่ว์หยางเหมือนกับโจรแก่ที่เห็นสมบัติหายากและยิ้มให้โดยเฉพาะ

 “.....” เย่ว์หยางอยากบอกเขาว่า ฆาตกร พวกวางเพลิงที่เขาเคยพบเจอมา ไม่ต่างอะไรกับตาเฒ่าผายลมที่บีบแขนนวดไหล่เพื่อเอาข้อมูล ตาเฒ่านี่ไม่สนใจว่าคนใหม่จะต้องตายไปเท่าใด เย่ว์หยางนึกอยากชักดาบออกมาฟันตาเฒ่าผู้นี้นัก  แต่ในที่สุดเขาข่มใจฝืนยิ้ม  “ผู้เฒ่า!  มือของเด็กใหม่แข็งกระด้างและใหญ่เกินไป  ดังนั้นคงไม่เป็นไรกระมัง?”

เมื่อได้ยินชายชรางีบ เขาส่ายหัว  “ไหล่ข้าไม่ปวดเมื่อยกะทันหันแน่ ขาข้าไม่ได้ล้า  เด็กน้อย เจ้ามีความกตัญญูนี่ถือเป็นเรื่องดีต่อใจแล้ว!

3 ความคิดเห็น:

ulomzx กล่าวว่า...

ตาแก่นี่บังอาจมาไถเย่ว์หยางได้..เดี๋ยวจบศึกแกจะน้ำตาไหลแน่

zen zen กล่าวว่า...

คิดว่าคงต้องใช้ยักษ์ชะตาฟ้าสู้แน่ๆถึงจะสูสีกับตาเฒ่าแต่ก็ไม่น่าจะชนะได้อยู่ดีนะแกเก่งกว่าต้องยอมรับเลย

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

แสดงความคิดเห็น