วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1059 บรรยาย ปัญหา มหาบัณฑิตพันปี



ตอนที่  1059  บรรยาย ปัญหา มหาบัณฑิตพันปี

ในหุบเขามนุษย์ เขาไม่สามารถเรียกคัมภีร์อัญเชิญได้


ไม่สามารถใช้อสูรศึก

แต่สำหรับเย่ว์หยางการกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์โดยการนำของอสูรพิทักษ์ยังคงทำได้อยู่  หลังจากกลับเข้าไปแล้วองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หวี่เข้ามารับหน้าเขา พวกนางไม่เหมือนสาวน้อยเย่ว์ปิงที่ขยันฝึกฝนจนเหนื่อย นางนอนหลับเร็ว นางไม่มีความคิดอะไรมาก  เย่ว์หยางต้องไปเยี่ยมเยือนเจ้าเมืองไม้เงินในฐานะเจ้าปราสาทคนใหม่ พวกเย่ว์หวี่กังวลห่วงใยเขา

พวกนางรู้ว่าในหุบเขามนุษย์ ไม่สามารถใช้วิทยายุทธ์ได้ และเย่ว์หยางก็ตัวคนเดียวตามลำพัง อาจตกอยู่ในอันตรายได้ง่าย

เมื่อเห็นเย่ว์หยางกลับมาอย่างปลอดภัย

แม้แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่มองผิวเผินจะเย็นชา แต่แม่เสือสาวยังลอบถอนหายใจโล่งอก

 “เป็นอย่างไรบ้าง ?  เจ้าเมืองไม้เงินเป็นคนแบบไหน?  เขามีทัศนคติอย่างไร?”  นางเซียนหงส์ฟ้าเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ กลิ่นตัวนางหอมฟุ้งนางรีบเข้ามาคว้าตัวเย่ว์หยางและจูบเขา  จักรพรรดินีเทียนฟาไม่มีการสงวนท่าทีมารยาทเหมือนคนอื่น แม้กระทั่งต่อหน้าทุกคนนางก็กล้าทำ ไม่ว่าเด็กสาวอื่นจะได้รับการสั่งสอนมาว่าดีหรือไม่ดีเพียงใดก็ตาม สำหรับนิสัยของนางเมื่อเห็นเย่ว์หยางกลับมา นางจะจูบต้อนรับเขา ทุกคนเริ่มชินตา เย่ว์หวี่อึดอัดเล็กน้อย แต่ไม่คิดอะไรมาก

 “เจ้าเมืองไม้เงินเป็นเฒ่าเจ้าเล่ห์ และมีความอดทนเป็นพิเศษ  เขาอาจจะกลัวท่านแม่มาก เป็นเวลาสิบปีมาแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยน แต่ทันทีที่ข้าครอบครองปราสาทไดมอนด์สตาร์ เขาจะมั่นใจว่าท่านแม่ออกจากหุบเขามนุษย์ไปแล้ว และจะเริ่มลงมือทันที  แน่นอนจะต้องทำอย่างลอบเร้น นอกจากนี้ยังต้องมีผีตายแทน หรือแพะรับบาปแทน  นับเป็นคู่ต่อสู้ที่ยากลำบาก”  เย่ว์หยางแสดงความเห็น

 “ตามข้อมูลที่ได้ก่อนหน้านั้น แสดงว่าคนผู้นี้รับมือไม่ง่าย  ในบรรดาเจ้าชายในหุบเขามนุษย์หลายคน เขามีอำนาจมากที่สุด”  โล่วฮัวพยักหน้าและถาม  “นอกจากเจ้าเมืองไม้เงินแล้ว มีใครโดดเด่นขึ้นมาบ้างไหม?”

 “อย่างน้อยก็มีสาม”  เย่ว์หยางหัวเราะ

 “มากขนาดนั้นเชียวหรือ?”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย

จะมีสักกี่คนที่ทำให้เย่ว์หยางเรียกพวกเขาว่าเป็นบุคคลโดดเด่น แม้จะอยู่ในแดนสวรรค์ก็ตาม?  ในเมืองไม้เงิน หุบเขามนุษย์นี้นอกจากเจ้าเมืองจิ้งจอกเฒ่าแล้วยังมีอีกสามหรือ?  หุบเขามนุษย์เต็มไปด้วยพยัคฆ์หมอบ มังกรซ่อนจริงๆ

เย่ว์หวี่ได้ยินเช่นนี้นางยิ่งกังวลมากขึ้น

ไม่สามารถใช้วิทยายุทธ์สู้ในหุบเขามนุษย์ได้  นั่นคือข้อกังวลของนาง

เย่ว์หยางทำท่าทางให้นางสงบจิตใจบอกว่าเขาสามารถรับมือได้ เขาบอกทุกคนเกี่ยวกับสิ่งที่เขาได้พบเห็นในเมืองไม้เงิน “นอกจากเจ้าเมืองไม้เงิน ยังมีอีกคนหนึ่งชื่อหงเย่ เป็นเจ้าเกาะใบไม้ร่วง  เขาเป็นคนลึกซึ้งเหมือนทะเล มองอย่างผิวเผินเป็นเหมือนคนธรรมดา ลักษณะของเขาถ้าปรากฏตัวในฝูงผู้คนไม่มีอะไรโดดเด่นให้สังเกต  ระหว่างงานเลี้ยงไม่มีใครให้ความสนใจ ถ้าจักษุญาณทิพย์ของข้าไม่สามารถมองเห็นการปลอมตัวของเขา  บางทีข้าอาจจะปล่อยให้เขาหลอกลวงผ่านไป  แต่คนผู้นี้ยังดีไม่เทียบเท่ากับจ้าวสุริยา แต่พลังและสติปัญญาของเขาไม่ด้อยกว่าราชาเฉินม่อ บางทีอาจจะพอๆ กับจักรพรรดินีฟ้า  เขาซ่อนตัวอยู่ในเมืองไม้เงินเพราะเหตุผลบางอย่าง  ข้าหวังว่าเป้าหมายของเขาคือเจ้าเมืองไม้เงิน  มิฉะนั้นข้าคงปวดหัวจริงๆ”

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้า  “นี่คือหนึ่งในนั้น  แล้วอีกสองคนเล่า?”

เย่ว์หยางชูนิ้วกล่าวอีกครั้ง  “คนที่สองเป็นหญิงรับใช้ใกล้ตัวเจ้าเมืองไม้เงิน  แม้ว่านางจะมีสถานะต่ำ ดูเหมือนเป็นเพียงสาวใช้ของเจ้าเมือง  แต่ข้าสังเกตอย่างระมัดระวัง เมื่อใดก็ตามที่มีอะไรเกิดขึ้น  เจ้าเมืองไม้เงินมักจะหันไปมองตานางก่อน  ดังนั้นถ้าคนผู้นี้ไม่ใช่ที่ปรึกษาของเจ้าเมืองไม้เงินก็น่าจะเป็นธิดาของเจ้าเมืองไม้เงิน...  ข้ากล้าพูดได้ว่าแม้แต่นางสนมก็ไม่มีทางได้รับความไว้วางใจขนาดนั้น”

เจ้าเมืองโล่วฮัวใส่ใจคำถามเดียว  “เป็นสาวงามใหญ่ หรือสาวน้อย?”

เย่ว์หยางหัวเราะอย่างพอใจ  “สาวใช้ที่รับเลือกมาในงานจัดเลี้ยงจะน่าเกลียดไหม?  มีแต่คนโง่เท่านั้นที่เลือกสาวอัปลักษณ์มาดึงดูดใจ  เอาเถอะน่าแม่สาวโล่วฮัว เจ้าไม่ต้องหึงนักหรอก”

 “นางเป็นผู้เกิดใหม่หรือเปล่า?”  องค์เชี่ยนเชี่ยนต้องการรู้ข้อมูลมากขึ้น

 “มองผิวเผินนางไม่มีป้ายระบุสถานะ  แต่เป็นไปได้ว่าน่าจะถูกถอดออก  แม้แต่เจ้าเมืองไม้เงินก็ยังไม่มีตราสัญลักษณ์  แต่ข้าแน่ใจว่าเฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้นี้เป็นคนเกิดใหม่แน่ ทั้งมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์”  เย่ว์หยางยืนยันเต็มร้อยข้อหนึ่ง  ทำให้ทุกคนประหลาดใจ แม้ว่าเป็นคนเกิดใหม่ แต่รู้ได้อย่างไรว่าฝ่ายตรงข้ามเกี่ยวข้องกับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์?

 “ให้ข้าเดานะ”  อี้หนานร่วมหัวข้อสนทนา ดวงตาดำและขาวของนางเปล่งประกายปัญญา  “ข้าคิดว่าเจ้าต้องพบเห็นคนเกิดใหม่ของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ในงานเลี้ยงมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้าเมืองไม้เงิน”

 “หือ?” เมื่อทุกคนได้ยิน ก็อดมองมาทางสาวน้อยอี้หนานไม่ได้ สาวน้อยนางนี้ปกติไม่ค่อยพบเจอ  แต่นางค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียว

 “ผิดหรือเปล่า?”  อี้หนานอายก้มหน้า

 “ไม่ผิด, เดาได้ถูก! ข้าให้รางวัลเจ้า!” ว่าแล้วเย่ว์หยางดึงสาวน้อยเข้าหาตัวและประทับจูบนาง ทำให้อี้หนานรู้สึกอายหน้าแดง ทุกคนหัวเราะปล่อยให้นางซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเย่ว์หยางเหมือนนกกระทาน้อย  เย่ว์หยางรอจนทุกคนหัวเราะจบจึงพูดต่อ  “อี้หนานพูดถูก  ข้าเห็นคนเกิดใหม่เป็นคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ที่งานเลี้ยง  และคนผู้นั้นคือเจ้าตำหนักแสงจงหัว!

 “อะไรนะ  ว่าไงนะ?”

พอเย่ว์หยางพูดทุกคนรวมทั้งองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและนางเซียนหงส์ฟ้าหน้าเปลี่ยนสีทันที

เจ้าตำหนักแสงจงหัวแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นคนเจ้าเล่ห์ แข็งแกร่งพลังเป็นรองเพียงจีอู๋ลี่ แต่ความฉลาดของเขาพอกัน ศัตรูแข็งแกร่งขนาดนั้นจู่ๆ ก็ปรากฏตัว น่าประหลาดใจจริงๆ

หลังจากทุกคนสนองตอบแล้ว พวกนางกลับมาไตร่ตรองอีก

ในใจของพวกนางต่างค้นหาวิธีจัดการกับเรื่องนี้  เย่ว์หยางกลัวว่าทุกคนจะฟุ้งซ่านรบกวนใจ จึงรีบอธิบายต่อ “สบายใจได้, จงหัวไม่รู้จักสถานะของข้า  เขากับจีอู๋ลี่เป็นมิตรกันแต่เพียงผิวเผิน  พวกเขาเป็นคู่แข่งกัน และกำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด  ข้าแกล้งทำตัวเป็นลูกหลานเผ่าบูรพาอมตะจากตระกูลลับของแดนสวรรค์บน  พอเขาได้ยิน เขาดีใจมาก และพยายามจะเอาชนะในการแข่งขันนี้ให้ได้ คาดว่าคงไม่มีปัญหาชั่วคราว  อย่างน้อยจนกว่าข้าจะพบจีอู๋ลี่และเปิดเผยสถานะของข้า  จงหัวก็ยังจะไม่มีปัญหา”

เย่ว์หวี่ยังกังวลอยู่เล็กน้อย  “จงหัวหรือ?  เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้หรือเปล่า?  จุดมุ่งหมายของเขาคืออะไร?”

เจ้าเมืองโล่วฮัวก็มีความคิดเดียวกัน  “เมื่อเจ้าเข้าหุบเขามนุษย์  เจ้าได้รับตกทอดปราสาทไดมอนด์สตาร์กลายเป็นเจ้าปราสาทคนใหม่  จงหัวไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่รู้”

เย่ว์หยางโบกมือ  “สถานะของเจ้าของปราสาทไดมอนด์สตาร์ไม่มีใครเคยรู้  มิฉะนั้นเจ้าเมืองไม้เงินจะยอมรอมาถึงสิบปีโดยไม่ทำอะไรเชียวหรือ?  นอกจากนี้ความตั้งใจเดิมของจงหัวอยู่ที่เมืองทรายขาวและเมืองศิลาดำได้เปลี่ยนไป  แต่การเผชิญหน้ากับความตายของจงหัวนั้นใกล้เข้ามาแล้วจริงๆ  เขาสงสัยว่าข้าเป็นลูกหลานของเผ่าบูรพาอมตะ จึงยกเลิกความคิดเดิมและร่วมมือกับข้า  ข้าสามารถจัดการกับเขาได้  ถ้าเขารู้ว่าข้าเป็นนักรบของหอทงเทียน เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแสดงเจตนาที่ดีก่อน  และมีแนวโน้มว่าเขาจะพยายามเอาชนะข้าเพื่อท้าสู้กับจีอู๋ลี่”

 “นี่เป็นเรื่องดีที่คาดไม่ถึง”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนชื่นชมดีใจ  “ศัตรูระแวงกันเอง นั่นดีสำหรับเรา”

 “ระวังคำพูดและการกระทำด้วย อย่าให้จงหัวสังเกตพบได้  คนฉลาดมักระแวงอยู่เสมอ  เขาจะไม่เชื่อคนง่ายๆ แน่นอน  ต้องมีเหตุล่อใจในอนาคตอย่างแน่นอน”  นางเซียนหงส์ฟ้าและสาวๆ ชี้บอกจุดใหญ่ที่ควรระวังอย่างรวดเร็ว

 “ข้าคิดวิธีจัดการเขาไว้แล้ว  คราวนี้ไม่ใช่เรื่องดีนักที่จะหลอกเขาจนตาย”  ด้วยระดับปัจจุบันของเย่ว์หยาง การกล่าวอ้างว่าเป็นเผ่าบูรพาอมตะย่อมไม่เป็นปัญหา

 “โชคดีที่ครั้งนี้ เจ้าได้รับมรดกปราสาทของท่านแม่ และปกปิดจงหัวได้  ถ้าเจ้าได้รับแต่เพียงความมั่งคั่งของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี เจ้าจะต้องถูกมองออกอย่างแน่นอน  และนั่นจะเป็นอันตราย  จีอู๋ลี่และจงหัว ทั้งคู่เข้าสู่หุบเขามนุษย์ล่วงหน้าก่อนเราสามเดือน  ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา  พวกเขาคงผ่านการคัดเลือกได้  พวกเขาไม่ใช่คนใหม่ และเรายังไม่ได้ทำพิธีประเมินชีวิตในอีกสามเดือนข้างหน้า  อย่างน้อยเรายังปลอดภัยได้สามเดือน”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรวบรวมข้อมูลทั้งหมดและวิเคราะห์พวกเขาทีละคน  และพบว่าเย่ว์หยางยังมีข้อได้เปรียบบางอย่าง  โดยเฉพาะความเข้าใจผิดของจงหัวจะทำให้เย่ว์หยางถูกมองข้ามในระยะแรกและใช้ชีวิตที่ราบรื่นได้

 “นั่นดีจริงๆ ช่วยให้เราคลายกังวลไปได้”  เย่ว์หวี่ค่อยรู้สึกมั่นใจมากขึ้น

 “จงหัวมีสถานะอะไร?”  นางเซียนหงส์ฟ้ายังต้องการคุยหัวข้อเรื่องจงหัว  เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิด  อย่างนั้นก็อาจทำให้เข้าใจผิดมากยิ่งขึ้น

 “เป็นบุตรคนที่สิบของเจ้าเมืองไม้เงิน”  เย่ว์หยางเสริม  “จีอู๋ลี่เหนือชั้นกว่า  เขากลายเป็นเจ้าชายโอรสสวรรค์... คาดว่าเขาต้องการเอาชนะชิงบัลลังก์ ทำได้สำเร็จก็จะได้คะแนนสูง เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากคัมภีร์เทพ”

 “ถ้าเขาทำเช่นนั้น ก็ต้องพบกับชะตาเป็นศัตรูของสาธารณะ   ปล่อยเขาไปก่อน ตอนนี้เราสามารถนั่งบนภูดูพยัคฆ์กัดกันไปก่อน”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกว่านี่เป็นการกระทำที่ดีที่สุด  จีอู๋ลี่ตกเป็นเป้าหมายของทุกคน เพื่อให้เย่ว์หยางสามารถพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วในลักษณะไม่ทำตัวให้โดดเด่น  ทันใดนั้นนางพยักหน้าและกล่าว  “ดูเหมือนเจ้าเมืองไม้เงินจะเป็นคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จริงๆ จีอู๋ลี่รับบทในนามจักรพรรดิหุ่นเชิด  เขาใช้ประโยชน์จากภูมิหลังตระกูลที่มีชื่อเสียง แต่ก็พอผ่านไปได้อย่างไม่เต็มใจนัก  แต่คนที่มีบทบาทที่แท้จริงอย่างเจ้าเมืองไม้เงิน จงหัวยังยอมเป็นลูกชายคนที่สิบของเขา ถ้าเจ้าเมืองไม้เงินไม่ใช่คนในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์  ก็มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ยอมรับเจ้าบัดซบจงหัวนี้เป็นลูกชาย”

 “เจ้ากำลังจะบอกว่าเจ้าเมืองไม้เงินนี้คือบิดาของจงหัวจริงๆ อย่างนั้นหรือ?” อี้หนานทำตาโตขณะถาม

 “มีความเป็นไปได้  อย่างน้อยก็คงเป็นญาติกัน”  นางเซียนหงส์ฟ้าเห็นด้วยกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่ว่า หากไม่ได้รับการยอมรับจากเจ้าเมืองไม้เงิน  จงหัวจะไม่มีทางได้เป็นบุตรคนที่สิบของเจ้าเมืองไม้เงิน  เจ้าเมืองไม้เงินเป็นคนมีชีวิตและจิตใจ ไม่ใช่ตัวละครที่ดำเนินไปตามที่เกมคอมพิวเตอร์ตั้งค่าไว้

 “แล้วจะทำยังไงต่อไปดี?”  อี้หนานรู้สึกว่าเขาต้องคิดหาแผนที่ดีก่อนพัฒนาภายใต้อิทธิพลของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์

 “ฮ่าฮ่าฮ่า, ได้เวลาพักแล้ว!  เย่ว์หยางอุ้มสาวน้อยอี้หนานไปที่สระน้ำและพักผ่อนด้วยกัน ไม่เปิดโอกาสให้สาวน้อยขี้อายได้ปฏิเสธ  นางเซียนหงส์ฟ้าอดโมโหไม่ได้ตัดสินใจร่วมมือกับพี่น้องปราบปีศาจใหญ่นี้ให้ได้  โล่วฮัวตื่นเต้นเล็กน้อย  แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หวี่นิ่งทั้งคู่  พวกนางไม่สนุกด้วย

 “เจ้าหมอนี่!  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโมโหอยากจะลากตัวลามกใหญ่มาทุบตีจริงๆ

 “......”  เย่ว์หวี่รีบกลับเข้าห้องพัก เพราะหลังจากนั้นอีกไม่นาน พวกเขาจะมีกิจกรรมแปลกๆ เมื่อได้ยินเสียงแล้วมันน่าอายและอึดอัดใจ

วันรุ่งขึ้นเย่ว์หยางออกมาด้วยความสดชื่นเต็มเปี่ยม

เขาเดินไปตามถนนเมืองไม้เงิน

วนรอบเมืองครึ่งรอบ เขาจึงค่อยไปรายงานตัวกับสมาคมผู้พเนจร

ที่เรียกว่าสมาคมผู้พเนจรหมายถึงคนที่เกิดใหม่  ผู้เกิดใหม่ในหุบเขามนุษย์ทั้งหมด โดยทั่วไปถูกมองว่าเป็นผู้พเนจรที่ออกไปหาประสบการณ์ อดีตชาวหุบเขาเดิมเรียกผู้มาเกิดใหม่ว่าผู้พเนจร พฤติกรรมที่กลับมาจากภายนอกเรียกว่าการหวนคืน  แน่นอนอดีตผู้อยู่อาศัยในหุบเขาบางคนก็เป็นลูกหลานคนผู้เกิดใหม่  เขาเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันถูกเรียกมาอย่างนี้เป็นพันปีแล้วโดยไม่เปลี่ยนแปลง   

สมาคมผู้พเนจรถูกสร้างขึ้นในเมืองใหญ่เท่านั้น มีสองรูปแบบคือ “สมาคมผู้พเนจรสูงศักดิ์ และ สมาคมผู้พเนจรรากหญ้า

การฝึกฝนทั้งสองรูปแบบแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ผู้ผู้พเนจรสูงศักดิ์จะฝึกฝนวิถีชีวิตของคุณชายตระกูลสูงส่งและอย่างอื่น  และผู้พเนจรรากหญ้า จะต้องเรียนรู้ถึงวิธีการเอาชีวิตรอดในหุบเขามนุษย์  เรียนรู้ทักษะในการใช้ชีวิตให้ดีขึ้นในหุบเขามนุษย์ วิธีสะสมทรัพย์สินและใช้ชีวิตที่ดีในหนึ่งวันโดยไม่ต้องคำนึงถึงเสื้อผ้าและอาหาร

แน่นอนสำหรับคนเกิดใหม่ สิ่งที่ต้องทำจริงๆ คือผ่านการทดสอบให้เร็วเท่าที่ทำได้

หุบเขามนุษย์ไม่ใช่ที่พักถาวรสำหรับคนเกิดใหม่

ต้องทำรายได้ให้ถึงแสนผลึกสวรรค์จึงจะได้ออกจากหุบเขานั่นคือเป้าหมายสูงสุดของผู้เกิดใหม่

เนื่องจากสถานะของเจ้าปราสาทไดมอนด์สตาร์  พนักงานต้อนรับจึงให้ความเคารพเขาอย่างมาก หลังจากลงทะเบียนแล้วเย่ว์หยางมอบเงินทิปให้เขา คนผู้นี้กระซิบแนะนำเย่ว์หยาง  “มหาบัณฑิตพันปีกำลังบรรยายเพื่อขจัดความสงสัย  ถ้าเจ้าปราสาทไตตันมีเวลา  ท่านควรไปฟัง  นั่นเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง  เพราะมหาบัณฑิตพันปีอยู่บรรยายอย่างนี้ปีละครั้ง   ถ้าพลาดปีนี้ไป คุณชายจะต้องรอปีหน้า”

เย่ว์หยางเมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาจะรออะไรอีก?

ในห้องบรรยาย กลุ่มนักเรียนที่ฟังบรรยายคาดว่ามาจากสถานที่อื่นๆ  เมืองไม้เงินไม่ได้มีผู้เกิดใหม่เป็นผู้สูงศักดิ์มากมายแน่

เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปในห้องบรรยาย  แต่ยืนฟังอยู่ที่ระเบียงก็ยังดี

อย่างไรก็ตามที่นี่ไม่มีที่นั่ง

เย่ว์หยางตั้งใจฟัง ขณะที่ฟังนั้นเขาประหลาดใจ เพราะมหาบัณฑิตพันปีบรรยายข้อว่า... “ชีวิตคืออะไร?  บางทีทุกคนอาจรู้แล้วว่า งู หนอน นกและอสูรเป็นสิ่งมีชีวิตรวมทั้งคนต่างเผ่าพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นโนม คนแคระ ปีศาจ เทพ เอลฟ์ มนุษย์ ทุกอย่างในที่โลกนี้ที่เราเห็นด้วยตา ล้วนมีชีวิต  แต่ข้ากล้าบอกได้ว่าหลายคนไม่รู้ว่าชีวิตจริงคืออะไร?  และอะไรคือความหมายที่แท้จริงของชีวิต...”

 “ความลับของชีวิต แม้แต่เทพเจ้าก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์  เทพเจ้าสร้างอะไรได้หลายอย่าง อย่างเช่นเทพสมบัติที่ทรงพลัง  วิหารที่รุ่งเรือง แม้แต่บรรพตภูผา  ทะเลสาบยักษ์  เทพเจ้ามีอำนาจทุกอย่างในสายตาเรา  แต่พวกเจ้าอาจไม่รู้ว่าแม้แต่เทพเจ้าก็ไม่สามารถสร้างชีวิตขึ้นง่ายๆ โดยเฉพาะชีวิตชั้นสูงยากที่จะสร้างได้

 “พวกเราหลายคนคิดว่าชีวิตไม่มีอะไรที่เป็นความลับ ทุกคนในห้องนี้สามารถผ่าสิ่งมีชีวิตเช่นซากกบและเปิดดูโครงสร้างอวัยวะภายใน แค่มองดูก็รู้ว่าง่ายและชัดเจนมาก  ฆ่าหมาป่าและแล่เนื้อพวกมันออกดูทั้งหมด ก็เป็นเรื่องง่าย”

 “แต่ทั้งหมดนั้นไม่ใช่ชีวิตเลย”

 “ชีวิตไม่ใช่สิ่งที่ตาเปล่าจะมองเห็นได้  สัจธรรมทั้งหมดเป็นเรื่องลี้ลับมาก”

 “เรามาลองยกตัวอย่าง  มนุษย์, สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ ไม่มีทักษะ ระดับชีวิตปานกลางเหมือนกับมดตัวหนึ่ง มีชีวิตที่เจ็บปวด จะลุกเดิน งอตัวก็รู้สึกเจ็บปวดพิการได้ง่าย  จะทำลายชีวิตของพวกเขาก็ทำได้ง่าย สำหรับหลายๆ ชีวิต มนุษย์นั้นไร้ความสามารถ เปราะบางและอายุขัยสั้นมาก  ในช่วงร้อยปีอาจสูญสลายไปจนไม่เหลืออะไร  ร่างกายของพวกเขาไม่สามารถต้านทานได้  มีดสามารถตัดฟันร่างของพวกเขาจนเลือดสาด  ความเจ็บไข้ได้ป่วยสามารถทรมานร่างกายของพวกเขาจนแทบไม่อยากมีชีวิตต่อไป  จุดที่น่าสังเวชที่สุดก็คือมนุษย์ไม่มีพลังใจที่แข็งแกร่ง พวกเขาต้องพักผ่อนทุกวัน นอนหลับทุกคืนไม่เช่นนั้นวิญญาณร่างกายของพวกเขาจะพังทลาย  ลองคิดดูมนุษย์เปราะบางขนาดนั้น  ชีวิตอย่างนั้น ทำไมเราถึงต้องไปพูดถึงด้วย?  ทำไมต้องให้ความสนใจกับสิ่งมีชีวิตเช่นนี้?”

 “เหตุผลง่ายๆ  พวกเจ้าบางคนอาจรู้ว่ามนุษย์ที่อ่อนแอและน่าสมเพชที่ข้าเพิ่งกล่าวถึงนี้  เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น  พวกเขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุด”

 “ในทุกเผ่าพันธุ์จำนวนมนุษย์ที่มาในแดนสวรรค์นั้นมากกว่าจำนวนของเผ่าพันธุ์อื่นถึงสิบเท่ารวมกัน

 “ข้าคิดว่าทุกคนคงจะเริ่มคิดได้หลังจากได้ฟังความแตกต่าง”

 “ชีวิต..คืออะไรกันแน่?”

 “ความลับของชีวิตคืออะไร?”

2 ความคิดเห็น:

zen zen กล่าวว่า...

ตอนนี่คือสาระครึ้งบท

Emptiest กล่าวว่า...

หนึ่ง​แสน​ผลึก​ พวกที่เกิดเป็นขอทานจะทำไง

แสดงความคิดเห็น