วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1062 ข้าคืออาจารย์ใหญ่!



ตอนที่ 1062  ข้าคืออาจารย์ใหญ่!

ปากกาขนนกธรรมดาร้อยด้ามนี้ไม่มีราคาถึงหนึ่งผลึกสวรรค์ด้วยซ้ำ


แต่ปากกาของวิเศษนี้มีมูลค่าถึงพันผลึกสวรรค์ นั่นยากจะแลกเปลี่ยนได้ และนั่นเป็นของที่ไม่มีวันหมดอายุ

เขาไม่รู้จะวิพากษ์วิจารณ์นักเรียนคนนี้ยังไงจริงๆ  จะบอกว่าเขาไม่ดี แต่เขาสามารถเปลี่ยนปากกาขนนกให้เป็นสมบัติวิเศษได้ และใส่พลังวิญญาณที่สามารถวิวัฒนาการไปเป็นสมบัติกึ่งเทพในปากกาธรรมดาได้...  ถ้าจะพูดว่าเขาทำได้ดี เขาไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไร   ถ้าเจ้าเด็กนี่เป็นลูกชายของเขา คาดว่าอาจารย์ใหญ่คงตบหน้าเขาไปแล้ว นี่มันของวิเศษอะไรกัน?

เขาใส่พลังวิญญาณลงไปในปากกา เพราะเอาไว้ใช้เองไม่ใช่หรือ?

เย่ว์หยางเรียนด้วยความเคารพ  “อาจารย์ใหญ่ที่เคารพ ถ้านักเรียนเรามีปากกาถ่ายทอดความรู้  อย่างนั้นในเวลาเรียน ท่านก็ไม่ต้องทำงานหนักกับการลอกการเขียนบันทึกตาม แค่เพ่งสมาธิกับการฟังคำบรรยายปล่อยให้ปากกาจดไปเรื่อยๆ ท่านว่าดีหรือไม่?”

อาจารย์ใหญ่ฝืนถอนหายใจ  “ใช่...”

เขาอยากจะบอกว่านอกจากเด็กน้อยเจ้าอยู่ในชั้นเรียนแล้ว มีคนเรียนจริงจังไม่กี่คน  มิฉะนั้นแมลงขี้เกียจอย่างพวกนั้นคงไม่ต้องมาสอบซ้ำชั้นเดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า?  แม้ว่าจะมีนักศึกษาใหม่ที่ดีหลายคนในอนาคตอันใกล้  แต่สิ่งที่แน่นอนคือว่าแม้ภูมิปัญญาของทุกคนจะรวมกันเพิ่มพูนทวีคูณเป็นสิบเท่า  แต่เกรงว่าคงไม่ได้ครึ่งหนึ่งเด็กน้อยเจ้าเป็นแน่

แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังของเย่ว์หยาง  อาจารย์ใหญ่แม้ว่าจะรู้สึกขมขื่นในใจ แต่ไม่สามารถหาคำวิจารณ์ออกมามาพูดได้เลย  เขาได้แต่กล้ำกลืนคำพูด

สมบัติวิเศษ ช่างเถอะ เขาสามารถมีทิศทางการวิจัยแบบนี้ก็ได้

เรื่องใหญ่ก็คือ ลองให้เขาทำสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์อีกชิ้น...ฯลฯ

เด็กร้ายกาจนี่จะทำสมบัติวิเศษระดับศักดิ์สิทธิ์ได้อีกครั้งหรือไม่?

ชีพจรของอาจารย์ใหญ่เต้นแรงถึง 300 ครั้งต่อนาทีจนหลอดเลือดแทบระเบิด  เขาตื่นเต้นหัวใจเกือบวาย  โชคดีที่อาจารย์ใหญ่เป็นผู้เห็นโลกมามาก  แม้ว่าหัวใจของเขาแทบทนไม่ได้ แต่มองผิวเผินเขาเข้มแข็งและสงบ  “นักเรียนไตตัน!  เจ้าทำได้ดีแล้ว  จงพยายามต่อไป!

 “ขอบคุณที่ท่านอาจารย์ใหญ่สนับสนุน  ถ้าข้าสามารถเปลี่ยนปากกาขนนกไปเป็นระดับกึ่งเทพได้ภายในหนึ่งเดือน  ข้าจะทุ่มเททำให้อาจารย์ใหญ่เป็นของขวัญในการสำเร็จการศึกษา”  เย่ว์หยางทำตัวเหมือนเป็นนักเรียนจากโรงเรียนทหารมอบของขวัญให้กับขุนพลเก่า  ทันทีที่พูดเช่นนั้นอาจารย์ใหญ่ปลาบปลื้มจนน้ำตาซึม เขาช่างเป็นนักเรียนที่ดีงาม ทำงานเสร็จแล้วก็ยังคิดถึงอาจารย์ใหญ่  หากเขามีกองทัพอยู่ในมือ เชื่อได้ว่าขาคงจะส่งมอบให้เย่ว์หยางอย่างไม่ลังเล  นักเรียนดีๆ แบบนี้จะหาได้ที่ไหน?

 “ในเมื่อมีน้ำใจดีอย่างนี้ของวิเศษชั้นศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า เราผู้เฒ่าจะรับไว้ก็แล้วกัน”  อาจารย์ใหญ่ปลาบปลื้มจนริมฝีปากสั่น

 “ขอให้อาจารย์ใหญ่ช่วยดูผลงานชิ้นที่สามของข้าด้วย”  เย่ว์หยางทำท่าบอกให้เขาดูหุ่นนักรบ ผลงานชิ้นที่สาม

 “มีปีกด้วยหรือ?  เป็นปีกจริงๆ หรือนี่?  หุ่นรบบินได้หรือนี่?”  อาจารย์ใหญ่ข่มความตื่นเต้น ท่าทางดูงุ่มง่ามตะลึง ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเคยคิดหุ่นรบบินได้  แต่ไม่มีใครทำได้สำเร็จ  หุ่นรบบินได้  เจ้าเด็กร้ายกาจทำสำเร็จได้จริงๆ หรือนี่?  ถ้าคำตอบคือใช่  นี่จะเป็นความก้าวหน้าของยุคสมัยแห่งการศึกษาค้นคว้า

 “เพราะข้าไม่ได้เข้าสู่สนามรบ จึงไม่มีทางได้ผลลัพธ์สุดท้ายโดยผ่านการทดสอบที่เฉพาะเจาะจง  นอกจากนี้นี่ยังเป็นหุ่นแบบจำลองเท่านั้น   การออกแบบของข้าคิดว่ามันจะเป็นหุ่นรบบินได้ขนาดใหญ่ที่มีปีกกางกว้างถึงสามสิบเมตร และมีน้ำหนักมากกว่าร้อยตัน บทบาทของมันไม่สามารถใช้ในการต่อสู้โดยตรงได้ในขณะนี้  แต่ถ้ามีหุ่นนักรบอื่นเข้าสู่สมรภูมิและโจมตีมันอย่างน่าทึ่ง บางทีมันอาจมีการทำงานตอบโต้บางอย่าง  รุ่นนี้หากทดสอบในเมืองไม้เงิน สามารถบินได้.. ไม่,  มันไม่ใช่การบินทดสอบจริงๆ การบินนั้นจริงๆ แล้วคือการร่อนเป็นระยะทางสิบสองกิโลเมตรยังไม่นับว่าเป็นการบิน”  เย่ว์หยางแสร้งทำเป็นไม่เห็นสีหน้าสยดสยองของอาจารย์ใหญ่  เขาพูดช้าๆ แสดงอาการ ถ่อมตัว อย่างมากที่สุด

 “เจ้าทำสำเร็จได้อย่างไร?”  อาจารย์ใหญ่คว้าคอเสื้อเย่ว์หยาง  เขาใจจดใจจ่อรอคำตอบ เพราะการออกแบบหุ่นนักรบในหุบเขามนุษย์เพื่อใช้ต่อสู้มีมานานแล้ว

 “....” เย่ว์หยางยังคงนิ่งเงียบ

 “นักเรียนไตตัน!  โปรดยกโทษให้ข้า เพราะงานวิจัยของเจ้าน่าทึ่งจริงๆ  เจ้าฟังให้ดี เจ้าอาจมีความหวังว่าจะออกแบบได้อย่างยอดเยี่ยมสมบูรณ์ตลอดเวลา  เจ้าอาจเปลี่ยนความสัมพันธ์มากมายในหุบเขามนุษย์และนั่นจะส่งผลต่อผู้คนนับไม่ถ้วน  ดังนั้นเจ้าต้องศึกษาอย่างระมัดระวัง และเจ้าจงค้นคว้าให้ดีอย่างจริงจังไม่ว่าจะใช้เวลาเท่าใดก็ตาม จะใช้ทรัพยากรมนุษย์ ทรัพยากรวัสดุ สถาบันผู้พเนจรแดนฟ้า เมืองไม้เงินขของเราจะสนับสนุนเจ้า   หากเจ้าสามารถผลิตให้สำเร็จได้ในพิธีประเมินผลในอีกสามเดือนข้างหน้า  ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปเพียงใดก็ตาม ข้ากล้าบอกได้เลยว่าเจ้าชนะเลิศแน่นอน!  นักเรียนไตตัน ตอนนี้เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลอะไรทั้งนั้น การค้นคว้าวิจัยหุ่นรบบินได้ครั้งแรกของเจ้า เจ้ามีความต้องการสิ่งใด ก็ขอให้บอก!  อาจารย์ใหญ่รู้สึกว่าฤดูใบไม้ผลิของชีวิตของเขากำลังมาเยือน

เพราะเทพเจ้าทรงประทานนักเรียนที่ยอดเยี่ยมมาให้เขา   หากเขาไม่สนับสนุนให้เจ้าเด็กนี่สร้างผลงานชิ้นโบว์แดง นั่นจะเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ในชีวิต

โรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าเมืองไม้เงินจะมีสถิติที่น่าภาคภูมิใจที่สุด

อดีตครูใหญ่

เขามีชื่อเสียงเพราะมีเจ้าปราสาทไดมอนด์สตาร์รุ่นก่อนเป็นศิษย์

เจ้าปราสาทไดมอนด์สตาร์รุ่นก่อนได้รังสรรค์ผลงานที่ไม่มีใครเทียบได้  ขณะนี้บุตรของนางก็เป็นอัจฉริยะด้วยเช่นกัน  ทั้งมารดาและบุตรล้วนเป็นอัจฉริยะที่ร้ายกาจ  ความโชคดีที่น่าอิจฉาของอาจารย์ใหญ่คนก่อน กลับมาตกลงที่ตัวเขา

เจ้าปราสาทไดมอนด์สตาร์รุ่นปัจจุบัน เป็นบุตรของเจ้าปราสาทรุ่นก่อนไม่ใช่คนรุ่นหลังที่กินบุญเก่าที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้  แต่กลับเป็นอัจฉริยะไม่มีใครเทียบ

โอกาสมาถึงอีกครั้ง

ถ้าเขาต้องการคว้าโอกาสนี้ คาดว่าอาจจะถูกผู้คนว่ากล่าวเสียดสี

แม้ว่าเขาจะไม่ยกโทษให้ตัวเอง.. แต่ในฐานะอาจารย์ใหญ่ต้องการช่วยเหลือเย่ว์หยาง  ในมุมมองต่อหน้าของอาจารย์ใหญ่ แม้ว่าจะไม่ได้รับเชิญจากนักเรียน กับทั้งระเบียบความลับในการวิจัย  อาจารย์ใหญ่ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องคอยดูเงียบๆ อย่างทรมาน  ถ้าชื่อของนักออกแบบหุ่นนักรบบินมีชื่อของเขาเองอยู่ด้วย  ต่อให้เป็นเพียงผู้ช่วยคนหนึ่งก็นับเป็นเกียรติที่ไม่มีใครเทียบได้ในหุบเขามนุษย์แล้ว!

 “นักเรียนไตตัน!  เจ้าต้องการความช่วยเหลือสนับสนุนสิ่งใด  ข้าขอบอกไว้ก่อนเลยว่ายินดีสนับสนุนเจ้าเต็มที่!  อาจารย์ใหญ่รีบเสนอตนเองอย่างไม่ลังเล

 “ถ้าท่านไม่ถือสา ข้ามีอยู่เรื่องหนึ่ง ยากจะบอกกล่าวอยู่บ้าง”  เย่ว์หยางพูดเช่นนี้ อาจารย์ใหญ่รีบบอกโดยแทบไม่ได้พักหายใจ

 “บอกมาได้เลย ไม่ว่าจะยากแค่ไหน  อาจารย์ใหญ่จะแก้ปัญหาให้เจ้า”

 “ขอท่านช่วยเพิ่มเมนู ของว่างร้อยบุปผา ในอาหารกลางวันข้าได้ไหม?  ข้ารู้ว่านี่ไม่ค่อยถูกกฎ แต่ข้าชอบจริงๆ เพราะนี่เป็นอาหารที่ท่านแม่ข้าออกแบบ เพราะเมื่อข้าได้กินแล้ว ทำให้ข้านึกถึงท่านแม่”  เย่ว์หยางพูดแผ่วเบา แต่อาจารย์ใหญ่ได้ยินแล้วรู้สึกเหมือนใจสลาย แม้เขาจะเป็นคนที่เคร่งครัดมากก็ยังอดน้ำตาซึมไม่ได้

ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ!

เด็กฉลาดอย่างนี้ไม่มีมารดาอยู่ด้วย น่าสงสารจริงๆ

ขณะที่คนอื่นมีพ่อแม่ดูแล  เด็กน้อยผู้น่าสงสารใช้ชีวิตอิสระอยู่ภายนอก ต้องวุ่นวายกับการเรียน วุ่นวายกับการค้นคว้าไม่มีเวลาแม้แต่คิดถึงมารดาจนกระทั่งถึงเวลาอาหาร... อาจารย์ใหญ่ยังนึกถึงบุตรชายตนเองได้ เขาไม่ค่อยได้อยู่บ้าน เอาแต่เตร็ดเตร่อยู่ข้างนอกตลอดทั้งปี

เขาเห็นคำขอของนักเรียนผู้น่าสงสารข้างหน้าเขาแล้วอยากจะร้องไห้จริงๆ

ในฐานะอาจารย์ใหญ่ เขาพยายามอย่างหนักเพื่อรักษาบุคลิกของเขา

แม้ว่าจะปลอบใจด้วยเสียงอ่อนโยนธรรมดา เพราะเขากลัวว่าพูดเสียงแข็งไปเล็กน้อยจะทำให้เด็กน้อยผู้น่าสงสารใจสลาย  “โถ, เด็กน้อยผู้น่าสงสาร  คำขอแบบนี้จะอุกอาจได้อย่างไร!  ความกตัญญูของลูกเป็นคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ไม่มีอะไรแทนได้  ส่วนของว่างน้ำค้างร้อยบุปผาที่เจ้าต้องการ แม้ว่าจะไม่มีขายในร้านอาหารทั่วไปก็ตาม  ข้าจะขอให้แม่เฒ่าโดโรทำให้ นางเป็นภรรยาข้าเอง  นางเป็นคนรักเด็ก  ถ้ารู้ว่าเจ้ามีความกตัญญูถึงเพียงนี้ นางฟังแล้วคงร้องไห้  ฟังให้ดี เจ้ามาเป็นอาคันตุกะที่บ้านข้าได้ตลอดเวลา เจ้าไม่จำเป็นต้องถูกจำกัด  เจ้าเป็นเหมือนอาคันตุกะ เป็นเหมือนลูกหลานที่ข้ารักและแม่บ้านของข้าจะต้อนรับเจ้าที่บ้านเป็นอย่างดี... ตราบเท่าที่เจ้าต้องการ นางจะทำอาหารที่มารดาเจ้าคิดค้นขึ้นให้เจ้า!

 “จริงหรือ?”  เย่ว์หยางถามด้วยความประหลาดใจ

 “แน่นอน”  อาจารย์ใหญ่เมื่อเห็นท่าทีไร้เดียงสานี้ เขาอดนึกสงสารจับใจมิได้  ท่าทางแบบนี้แม้แต่สิงโตหินหน้าบันไดยังทรุดตัวเลียมือของเด็กหนุ่มน้อยนี้ได้  เด็กหนุ่มน้อยผู้น่าสงสาร คงไม่มีใครรักเขา มิฉะนั้นก็คงโดนทำร้ายจิตใจมาอย่างรุนแรงที่สุด

อาจารย์ใหญ่เงยหน้าขึ้น

เขารีบเช็ดคราบน้ำตาที่หางตาอย่างรวดเร็ว

เขากระแอมสองครั้งพยายามรักษามาดของอาจารย์ใหญ่ ไม่ให้น้ำตาไหลต่อหน้าคนอื่น

เมื่อเย่ว์หยางโค้งคำนับและขอบคุณอย่างแข็งขันเขาอดยื่นมือประคอง เด็กผู้น่าสงสาร นี้ไม่ได้  “เด็กน้อย ความจริงเจ้าไม่ต้องฝืนใจไปเลย  ถ้าเจ้าไม่มีเวลา จะช้าลงบ้างก็ได้  ข้าคาดหวังว่าเจ้าจะมีความสุขมากกว่าเกียรติยศศักดิ์ศรี!

เย่ว์หยางทำนัยน์ตาไร้เดียงสาแปลกประหลาดเหมือนกับเป็นเด็กดี เขามองหน้าอาจารย์ใหญ่และตอบรับอย่างว่าง่าย  “ท่านอาจารย์ใหญ่ ทุกๆ เดือนอย่างเดียวกัน แค่สามเดือนก็พอแล้ว ตราบเท่าที่ข้ามีเวลาว่างตอนบ่ายสักเล็กน้อย...” คำพูดหลังๆ เขาเสียงอ่อน แต่อาจารย์ใหญ่ยังคงได้ยิน นัยน์ตาของเขาร้อนผ่าว เขารีบหันไปทางอื่นกลัวนักเรียนเห็นน้ำตาสองสาย

ข้าต้องดูแลเด็กคนนี้เอง!

ถ้าเขายังคงพูดว่ายังคงต้องการเกียรติยศ ตอนนี้อาจารย์ใหญ่คงต้องทำใจ  เขาตัดสินใจว่าจะต้องทำให้เด็กน้อยผู้นี้มีความสุข  เขาจะพยายามอย่างดีที่สุด  เด็กนี่มีความประพฤติดีและขยันทำงานหนักอย่างนี้ ด้วยความสามารถระดับสูงเช่นนี้  เขาจะต้องผลักดันเขาให้ไปสู่อันดับหนึ่งของหุบเขามนุษย์  เขายังมีคุณสมบัติคู่ควรกับตำแหน่งผู้อาวุโสมิใช่หรือ?

 “อาจารย์ใหญ่! อย่างนั้นพรุ่งนี้ ข้าขอให้แม่เฒ่าโดโรช่วยทำของหวานร้อยบุปผาจะได้ไหม?”  เย่ว์หยางขอ แม้แต่คนหัวรั้นที่สุดก็ยังพยักหน้า

 “ไป, เรากลับไปกินกันเดี๋ยวนี้เลย...”  อาจารย์ใหญ่ ไม่เหลียวหลังจูงมือเย่ว์หยางและมีเสียงสะอื้นพาเขาไปบ้าน

 “อาจารย์ใหญ่ร้องไห้หรือ?”

 “เหลวไหล, ข้าแสบตา ลมมันพัดแรง น้ำตาข้าก็เลยไหล ข้าเป็นอาจารย์ใหญ่นะเฮ้ย...”

7 ความคิดเห็น:

โอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่า กล่าวว่า...

พี่เยห์ความจริงก็เป็นเด็กที่อยู่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าละเน้อ มามีครอบครัวจริงๆก็ตอนเจอแม่สี่นี่แหละ

zen zen กล่าวว่า...

ให้ร้อยคะแนนไปเลย

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

Emptiest กล่าวว่า...

สตอเบอรี่เรียกพี่

อ่าห้า กล่าวว่า...

มันมีบอกด้วยอ่อ

chay กล่าวว่า...

จริงดิ จำไม่ได้ว่าเปนเด็กพร้า

Puisiwa กล่าวว่า...

เอาตุ๊กตาทองไปเลย

แสดงความคิดเห็น