ตอนที่ 1068 จับมือเป็นสหาย? เจ้าไม่คู่ควร!
หัวหน้าทหารรับจ้างควบคุมหุ่นวานรยักษ์ต่อต้านการโจมตีจากศัตรูอีกด้านหนึ่ง
ถ้าไม่ใช่เพราะหุ่นอสูรของเขา แข็งแกร่งมากกว่า
เขาเกรงว่าเมื่อเขาคว่ำลงกับพื้นพวกทหารเฝ้าพื้นที่จะรุมลงมือกับเขาอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าหุ่นอสูรวานรยักษ์นั้นทรงพลัง แต่หัวหน้าทหารรับจ้างที่ควบคุมมันไม่ได้เป็นเจ้าของดั้งเดิม และเขาไม่ได้มีพลังที่แข็งแกร่งมากพอ เป็นเรื่องยากมากที่หัวหน้าทหารรับจ้างจะควบคุมหุ่นวานรยักษ์ได้จนถึงตอนนี้
“หยุดสู้ได้แล้ว!” แม่ทัพเหลยผาวตวาดด้วยความโมโห “คู่ต่อสู้ที่แท้จริง คือเจ้าทหารรับจ้างเด็กน้อยนี่!”
“ว่าไงนะ?” พวกทหารได้ยินแล้วตกตะลึง
พวกเขายังไม่สามารถเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น พวกทหารองครักษ์ส่วนตัวรีบถอยทันที
เหลืออยู่แต่หุ่นวานรยักษ์เท่านั้น
มันยังคงยืนอยู่ในสนามรบ
หัวหน้าทหารรับจ้างดูเหมือนต้องการไล่ตาม เขาไม่อยากถอยในช่วงสุดท้าย แต่เขาไม่สามารถทำอะไรได้... เขาค่อนข้างไม่ยินยอม หุ่นวานรยักษ์เหยียดแขนออกมาข้างหน้า แต่เขาไม่เหลือพลังใจประคองตัวยืนต่อไป หุ่นวานรล้มลงกับพื้นฝุ่นกระจาย
เมื่อศัตรูจากไป
เขาที่อ่อนเพลียหมดแรง ทั้งยังบาดเจ็บสาหัสอยู่แต่ก่อน ไม่สามารถยืนต่อได้อีกหมดสติในทันที
พวกสมุนทหารพบความผิดปกติได้ จึงจัดอสูรหุ่นไปรายล้อมเขา
ที่ปลายเท้าอสูรหุ่นของเขา
ยังมีอสูรหุ่นที่เข้ามารายล้อม เย่ว์หยางนั่งอยู่บนเสื่อและชมดูเหตุการณ์ คู่สามีภรรยาประหลาดใจอย่างมากเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของตน จากนั้นมองดูทารกน้อยที่หน้าแดงอิ่มเอิบนอนเงียบๆ อยู่ที่ปลายเท้าเย่ว์หยาง พวกเขาแทบไม่เชื่อสายตา แต่นี่คือความจริงแน่นอน ไม่ใช่ความฝัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือว่าเป็นภาพฉายเทพ?
สองสามีภรรยาเมื่อเห็นอสูรหุ่นรายล้อมพวกเขารู้สึกห่วงเป็นกังวลมาก
พวกเขาต้องการกระตุ้นให้เย่ว์หยางพาทารกลูกของพวกเขาจากไป
แต่ก็กลัวศักดิ์ฐานะของแต่ละฝ่าย พวกเขาจึงไม่กล้าพูดทันที... สำหรับเย่ว์หยางผู้มีพระคุณช่วยชีวิตพวกเขา พวกเขาไม่รู้ว่าจะสู้หน้าได้อย่างไร ทั้งสองต้องการขอบคุณและหวังว่าเขาจะพาลูกสาวตัวน้อยของพวกเขาออกไปโดยเร็วที่สุด
เย่ว์หยางไม่เอ่ยปากพูดก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
นอกจากคุกเข่าต่อหน้าเขาและมองดูอย่างหวาดๆ คู่สามีภรรยาซึ่งอาการบาดเจ็บหายไปอย่างลึกลับไม่รู้ว่าจะทำอะไรอื่นได้อีก
“ในตอนแรก ข้าให้เจ้าได้แต่งชุดดีๆ ใส่กระโปรงสวยเต้นรำกับผู้ดีอย่างมีความสุขได้ใช้ชีวิตที่ดีได้ ลูกสาวของพวกเจ้าสามารถปลดจากความเป็นทาสกลายเป็นสามัญชนได้แล้ว พวกเจ้าจะได้รับสัญญาจ้างงานอย่างเป็นทางการ แต่เจ้าไม่เชื่อฟัง เจ้าต้องการเป็นคนงานเหมืองที่เหน็ดเหนื่อยกินอาหารได้ไม่เต็มมื้อ ทุกคนในครอบครัวจะต้องกอดคอและตายอย่างทรมานด้วยกัน ความหยิ่งในเกียรติกินได้หรือ? ความบริสุทธิ์กินได้หรือ?” แม่ทัพเหลยผาวมองดูสตรีที่ร่างเปื้อนเลือดและถอนหายใจยาว “ความจริงแล้วด้วยรูปร่างและเงื่อนไขต่างๆ ของเจ้า ถ้าเจ้าสวมกระโปรงและแต่งหน้าสักเล็กน้อยก็ยังจะดูดี ทำไมเจ้าถึงดื้อดึงนัก? กับบุรุษคนนี้ ทำไมเจ้าต้องไปยุ่งกับเขาได้? หากเจ้าไม่ดื้อรั้น ตอนเริ่มชีวิตของเจ้าก็อาจจะราบรื่นมาก... ทั้งหมดนี้ในความเป็นจริง เจ้าไม่ต้องมาบ่นโทษผู้อื่นหรือว่าโลกไม่ยุติธรรมกับเจ้า เจ้าเป็นฝ่ายเริ่มปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยก่อน”
“เฮอะ” นี่คือคำตอบเงียบๆ จากสตรีผู้นั้น
“ดีมาก โดยส่วนตัวแล้วข้าไม่เคยบังคับใคร ต่างจากคนที่แข็งแกร่ง ข้าชอบกระบวนการฝึกม้า” แม่ทัพเหลยผาหัวเราะลั่น แต่สายตาของเขายังกังวลเย่ว์หยางที่ยังคงนั่งนิ่งเงียบยิ่งกว่าสตรี “ข้ามักให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่งเสมอ บางครั้งก็ให้โอกาสเจ้าหันมาขอร้องข้า”
“ครอบครัวของเรายอมตายดีกว่ายอมแพ้!” บุรุษผู้นั้นประกาศแทนภรรยาของตนในที่สุด
“สุดท้ายข้าค่อยคุยเรื่องครอบครัวของเจ้า ตอนนี้ข้าอยากจะคุยกับสหายน้อยผู้นี้” แม่ทัพเหลยผาวมองดูเย่ว์หยางมากกว่าสิบครั้ง
น่าเสียดายเขาไม่พบเจออะไร
ไม่พบข้อบกพร่องใดจากทหารรับจ้างมือใหม่ และไม่มีข้อมูลอะไรอื่นนอกจากความสงบเยือกเย็น
เย่ว์หยางนั่งอยู่กับที่และแม่ทัพเหลยผาวรู้สึกเหมือนมีก้อนหินถ่วงอยู่ในใจ หรือเหมือนต้นไม้ใหญ่งอกอยู่ในท้องทำให้เขารู้สึกอึดอัด
เผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มผู้นี้เขาไม่สามารถพูดอะไรได้ดั่งใจ
เขาต้องการเริ่ม แต่อีกฝ่ายเหมือนพรานเบ็ดที่รอตกปลา
เขาต้องการเข้าไปใกล้ มุมปากอีกฝ่ายก็ยิ้มเยาะ
ไม่สามารถลงมือได้ ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีการด่าว่า เขาไม่รู้จะทำอย่างไรกับเด็กหนุ่มนี่
“ซ่อนพรางตัวได้ดีจริงๆ ข้านึกไม่ถึงเลยว่าเป็นนักล่ามาทั้งชีวิตแต่ก็ยังเข้าใจผิดอย่างคาดไม่ถึง” แม่ทัพเหลยผาวพยายามรักษาหน้าตนเอง ปากเขาถอนหายใจ เขาเปลี่ยนจากท่านั่งลุกขึ้นยืนจากอสูรหุ่นสิงโตยักษ์และมองลงมาที่เย่ว์หยางราวกับว่าต้องการทำความรู้จักเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางไม่ได้พูดอะไรสักคำ
เหมือนกับว่ากำลังอยู่ในหุบเขาที่ว่างเปล่ารายล้อมไปด้วยบรรยากาศเย็น เงียบและว่าง
แม่ทัพเหลยผาวปรบมือหัวเราะลั่น “เด็กหนุ่มเก็บตัวได้ดียิ่งนัก นอกจากนี้ คงฝึกปรือมาไม่น้อย! มาถึงจุดนี้ข้าเหลยผาวชื่นชมเจ้าเล็กน้อย! เรายังพอจะกลายเป็นสหายกันได้ไหม? ข้าเหลยผาว เป็นข้าราชบริพารขององค์ชายเรย์โนลด์ เพราะความใจร้อนก็เลยเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าราชสีห์คำราม ข้าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่แล้ว พูดจริงทำจริง แต่ไม่ใช่เรื่องอย่างนี้ ข้ามีใจชอบคบหาสหาย องค์ชายเรย์โนลด์บอกว่ามีสหายหลายคนดีกว่าก่อศัตรูมากมาย! ข้าเหลยผาวจำคำนี้ขึ้นใจ ตราบใดที่รับข้าเหลยผาวเป็นสหาย เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถือเสียว่าไม่เคยเกิดขึ้น”
เขาไม่ใช่คนโง่ เขาสามารถปะปนอยู่ในกลุ่มคนระดับสูงได้ย่อมมีความคิดที่ดี
เขามองออกว่าเย่ว์หยางนั้นโดดเด่นต่างจากกลุ่มคนส่วนใหญ่
เขาคาดว่าคนหนุนหลังเจ้าเด็กนี่คงใหญ่โตไม่เบา มิฉะนั้นทั้งคำพูดและการกระทำคงไม่ดูสงบเป็นแน่
อีกประการหนึ่งความสามารถในการรักษาคู่สามีภรรยาได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นไปไม่ได้ที่คนทั่วไปจะมีความสามารถเช่นนี้ แม้ว่ามีก็คงไม่ปรากฏตัวในหุบเขามนุษย์เป็นแน่
บุรุษหนุ่มผู้แปลกประหลาดและลึกลับเช่นนี้ควรหลีกเลี่ยงไม่เป็นศัตรู และไม่ควรสร้างศัตรูเช่นนี้ดีกว่า
นี่เป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษที่แม่ทัพเหลยผาวอดทนได้ขนาดนี้
เขาพยายามระงับความโกรธตัวเองเป็นครั้งแรก
คบเป็นสหาย!
คำพูดอย่างนี้พูดออกมาจากปากทรราชย์อย่างเหลยผาวนับว่ามหัศจรรย์แล้ว
ไม่เพียงแต่ทาสประจำเหมืองเท่านั้น แม้แต่กลุ่มองครักษ์ประจำตัวของเขาที่ติดตามเขามาหลายปี
เพิ่งจะได้ยินเป็นครั้งแรก
“เจ้าไม่คู่ควร”
อย่างไรก็ตามคำตอบของเย่ว์หยางทำให้แม่ทัพเหลยผาวรู้สึกเหมือนถูกตบหน้า และเกิดความอับอายในใจจนมิอาจระงับข่มไว้ได้
เขาลูบหน้าตนเองรู้สึกเหมือนกับว่าหน้าร้อนผ่าวมองดูผู้คนรอบๆ ตัวเขาอีกครั้ง และพบว่าทุกคนจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจ เมื่อตระหนักได้ว่าเขาได้ยินไม่ผิด เจ้าเด็กนี่ปฏิเสธตัวเขา และพูดคำที่ทำให้เขาต้องอับอายว่า ‘เจ้าไม่คู่ควร’ แม่ทัพเหลยผาวพยายามควบคุมมือตนเอง เขากลัวจริงๆ ว่าเขาจะตะโกนและกระโดดโลดเต้นกับพื้นเหมือนคนบ้า และทำลายเหมืองจนพินาศเหลือแต่ซากหักพัง.... ไม่ เหลยผาวแปลกใจเล็กน้อยที่เขายังสงบอยู่ได้อย่างไร?
ถ้าเปลี่ยนเป็นช่วงเวลาปกติ อย่าว่าแต่อัปยศเลย นั่นเป็นเรื่องที่น่าตกใจจนเขาต้องตะโกนจนฟ้าสะท้านดินสะเทือน
ในฐานะขององครักษ์ประจำตัวของแม่ทัพเหลยผาว
เจ้านายถูกเหยียดต้อยต่ำ พวกเขารู้สึกแย่ยิ่งกว่าตาย
เจ้าไม่คู่ควร นั่นคือความอับอายระดับไหน? แม่ทัพเหลยผาวมีอารมณ์ร้อนรุนแรงเหมือนไฟ อุตส่าห์อ่อนข้อแสดงการผูกมิตร เพื่อทำความเข้าใจอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตามกลับได้คำตอบจากอีกฝ่ายว่า ‘เจ้าไม่คู่ควร’
“ฆ่ามัน ฆ่ามัน ฆ่ามัน...”
ทหารองครักษ์ของแม่ทัพเหลยผาวโกรธ เสียงของพวกเขาดุดัน ทุกคนเตรียมจู่โจมเย่ว์หยาง
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
มีเสียงดังกึกก้องเหมือนฟ้าร้องกรอกหูทุกคน เงาร่างสายหนึ่งรวดเร็วกว่าสายฟ้าพุ่งเข้ามาจากที่ไกลถึงหนึ่งกิโลเมตรมาถึงเหนือจุดต่อสู้ในพริบตาและลงยืนบนสนาม นี่คืออสูรหุ่นร่างมนุษย์มีความสูงสิบห้าเมตร ผลิตโดยช่างฝีมือระดับสูง คู่กับสัญลักษณ์ไม้เมเปิลเงินติดที่ไหล่ดูโดดเด่น ใครก็ตามที่รู้เรื่องการต่อสู้สามารถมองเห็นได้ นี่คือหุ่นระบำดาบ หนึ่งในสามอสูรหุ่นที่โด่งดังที่สุดในเมืองไม้เงิน เป็นอสูรหุ่นนักรบระดับทองที่ขึ้นชื่อในด้านความคล่องแคล่วและความเร็วที่น่าทึ่ง
หุ่นระบำดาบมีระดับที่สูงมากกว่าหุ่นวานรยักษ์
ขณะที่หุ่นของกลุ่มทหารองครักษ์ของแม่ทัพเหลยผาวเป็นอสูรหุ่นระดับบรอนซ์ทั้งหมด ประสิทธิภาพมิอาจเทียบได้
หุ่นระบำดบาบไม่รอช้ากระโดดออกมาทันที
เขาขึ้นเสียงดังเป็นครั้งที่สอง “หยุด!”
ผู้มาคือบุตรคนที่สิบของเจ้าเมืองไม้เงินซึ่งมีความพอใจเย่ว์หยาง เขาคือจงหัว เจ้าตำหนักแสงแห่งตำหนักกลางแดนสวรรค์
“บารอนจงหัว, นี่คือสหายเจ้าหรือ? ข้าขอบอกว่าหยิ่งยโสมาก บังอาจดูถูกข้าเหลยผาว แต่มันกลับกลายเป็นสหายของเจ้า!” แม่ทัพเหลยผาวเมื่อเห็นจงหัวแสดงอำนาจ เขายิ่งอารมณ์เสีย แม้ว่าพื้นที่ทำเหมืองจะแบ่งออกเป็นสามจุด แต่ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา คนขององค์ชายเรโนลด์ยึดครองโดยพลการ ก่อนที่จงหัวจะส่งคนไปเตือนว่าเจ้าของปราสาทไดมอนด์สตาร์กลับมาแล้ว แม่ทัพเหลยผาวหงุดหงิดมาก เขาจะคืนได้ยัง ของกินลงท้องไปแล้วจะให้ผ่าออกอีกหรือ?
ตอนนี้เมื่อจงหัวมาถึง แม่ทัพเหลยผาวรู้สึกได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาเข้าใจว่า เป็นจงหัวผู้นี้กำลังหาเรื่องทะเลาะกับเขา
จากนั้นฮุบเอาเหมืองทั้งหมด
ทหารรับจ้างที่พกดาบและกลุ่มทหารรับจ้างเลือดร้อนทั้งหมดเป็นหมากที่จงหัววางไว้
ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากจงหัว ทหารรับจ้างปีศาจยากจนนี้จะมีสมบัติอย่างหุ่นลิงยักษ์หรือ? น่าขันเกินไปหรือไม่!
“แม่ทัพเหลยผาว! ข้าให้เกียรติเจ้ามาโดยตลอด แต่ข้าจงหัวต้องบอกไว้ล่วงหน้าก่อน มีคนบางคนที่มิอาจลงมือได้ อย่างเช่นน้องชายที่อยู่ข้างหน้านี้” จงหัวมองหน้าเหลยผาวที่กำลังแค่นเสียงและบอกว่าเย่ว์หยางเป็นสหายของเขา เขายินดีที่เข้าใจผิด อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาต้องทำก็คือ ผูกไมตรีกับลูกหลานเผ่าบูรพาอมตะ ไม่ว่าจะเป็นการล่วงเกินแม่ทัพเหลยผาวที่มีองค์ชายเรโนลด์หนุนหลังหรือไม่? เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องพิจารณาเลย ไม่ต้องพูดถึงว่าองค์ชายเรโนลด์จะไม่ล่วงเกินเมืองไม้เงินได้ง่ายๆ พลังในหุบเขามนุษย์ ไม่มีค่าอะไรเมื่อเทียบกับแดนสวรรค์และตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ไม่, นอกจากนี้เขายังต้องการคบกับเผ่าบูรพาอมตะ ก็ไม่ต้องกลัวจีอู๋ลี่หรือเจ้าตำหนักสูงสุด องค์ชายเรโนลด์จะทำอะไรได้ แม่ทัพเหลยผาวผายลมคละคลุ้งทั่วหุบเขามนุษย์ แล้วลูกหลานของเผ่าบูรพาอมตะจะปล่อยให้เขารังแกได้อย่างนั้นหรือ?
จงหัวแน่ใจว่า ไม่ และเหลยผาวจะต้องพ่ายแพ้อย่างน่าอับอาย
แต่เขากำจัดความคิดที่จะลงมือก่อน
นั่นจะทำให้อีกฝ่ายมั่นใจในไมตรีที่ดี
เพราะเหตุนี้จงหัวจึงไม่อาจรอให้แม่ทัพเหลยผาวลงมือกับเย่ว์หยางทันที ดังนั้นเขาจะได้มีข้ออ้างแสดงฝีมือ มาเลย เขากล้าลงมือทำได้ เขาก็กล้าหยุด พันธมิตรบ้าบออะไรกัน นั่นต้องทรยศ! ไม่มีอะไรยิ่งใหญไปกว่าได้เป็นสหายกับเผ่าบูรพาอมตะรุ่นหลัง!
“จะเป็นยังไง ถ้าข้าต้องการลงมือ?” แม่ทัพเหลยผาวโกรธ เขาต้องการหาข้ออ้างฮุบเหมืองงั้นหรือ
“กล้าดีก็ลองดู!” จงหัวแค่นเสียง ถ้าเจ้ากล้าลงมือ อย่างนั้นก็อย่าตำหนิข้าเหยียบย่ำสังขารของเจ้า สำหรับการสืบทอดตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ จีอู๋ลี่จะต้องเคลื่อนไหว อย่าว่าแต่แม่ทัพเล็กๆ เลย ข้าพูดคุยเพราะเห็นแก่หน้าเจ้า เรียกพี่อย่างถ่อมตัว เจ้ายังกล้าสร้างปัญหาหรือ?
“งั้นก็สู้กัน หากไม่มีการต่อสู้ที่ดุเดือดเสียบ้างเจ้าก็คงไม่รู้แน่” เย่ว์หยางยื่นข้อเสนอเหมือนกับว่ากลัวโลกจะวุ่นวายไม่พอ
4 ความคิดเห็น:
ปั่นจริงๆพระเอกเรา
ไอ้ลูกช่างยุ
นายชักเท่เกินไปแล้วนะหยาง
แสดงความคิดเห็น