ตอนที่ 1070 ไม่มีเสียงขณะนี้
หลังจากเย่ว์หยางกลับมายังปราสาทไดมอนด์สตาร์แล้ว... เขาไม่รอพ่อบ้านตู้ลี่ แต่ตรงเข้าไปในโลกคัมภีร์ทันที
กลุ่มคนที่ติดตามหุ่นยักษ์หินภูเขาไฟจะได้รับการจัดการอย่างไร เขาเชื่อว่าพ่อบ้านตู้ลี่และแม่ครัวซูซานจะจัดการได้เป็นอย่างดี ท่ามกลางการจับตาของศัตรูที่มีความโลภ พวกนางยังจัดการปัญหาทั้งภายในและภายนอกได้ ทำให้ในช่วงเวลาสิบปีมีรายได้ที่ทรงตัว ทั้งสองปฏิบัติหน้าที่ในปราสาทไดมอนด์สตาร์ได้อย่างโดดเด่นเช่นนั้น เย่ว์หยางยังต้องกังวลอะไรอีก?
หากมีปัญหาใดก็ปล่อยให้พวกนางจัดการเท่าที่พวกนางจะทำได้!
เมื่อได้ยินเย่ว์หยางเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเหมือง เย่ว์หวี่ที่มีจิตใจดีงามรู้สึกเห็นใจคู่สามีภรรยาและทารกลูกของพวกเขาเช่นกัน
เซี่ยอีผู้เคยพบเจอสถานการณ์ที่คล้ายกันนี้มาก่อนที่ป้อมสายฟ้าก็พยักหน้าเห็นด้วยกับการเลิกสถานะทาสของเย่ว์หยาง นางรู้ว่าไม่มีอะไรแย่ไปยิ่งกว่าชีวิตของทาสในโลกนี้ ไม่มีอะไรสิ้นหวังยิ่งกว่าชีวิตของทาส
ไม่ต้องพูดอะไรมากไปกว่านั้นการเลิกทาสของเย่ว์หยาง.. สร้างคะแนนนิยมในใจเซี่ยอีมากขึ้นเป็นพิเศษ
แม้ว่าปากนางจะแข็งและหาเรื่องทะเลาะกับเขาบ่อยครั้ง
แต่เมื่อเย่ว์หยางทำสิ่งนี้ นางอดรู้สึกภูมิใจในตัวเขามิได้
“ถ้าจงหัวไม่ได้ไป อย่างนั้นเจ้าก็ลงมือได้ก่อน!” หุบเขามนุษย์ไม่สามารถใช้กำลังวิทยายุทธ์ได้ โล่วฮัวกังวลเกี่ยวกับสถานะของเย่ว์หยาง
“ก็ไม่ถึงกับพ่ายแพ้ แต่แกล้งแสดงสถานะเจ้านายที่สูงส่งไม่น่าจะช่วยชีวิตผู้คนได้” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหยอกเขาอย่างอารมณ์ดี นางเองก็ยกย่องการกระทำของเย่ว์หยางในวันนี้
“แม้ว่าเจ้าไม่ต้องเปิดเผยพลังลับของสองพี่น้องอาเหยา- หยู อาวุธเทพร่างมนุษย์ของเขา แต่ก็ควรจะเอาเทาเถี้ยและแมงป่องดาวฟ้าติดตามไปด้วย พวกมันพอว่างไม่มีอะไรทำก็นอนหลับเกียจคร้านตลอดทั้งวัน หนุ่มน้อย! ถ้าเจ้าไม่เรียกใช้พวกมันบ้าง เดี๋ยวพวกมันจะลืมตัวว่าเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหน” อี้หนานอารมณ์ดี แต่เพื่อความสงบสุขของเย่ว์หยาง นางอดใช้กำปั้นน้อยๆ ทุบเขาหยอกล้อเขามิได้ หุบเขามนุษย์ไม่สามารถใช้พลังยุทธ์หรือพลังเทพยุทธ์ได้ พลังกฎสวรรค์ทำให้ผู้คนในหุบเขาต้องพึ่งพาเครื่องมือมากขึ้น กฎสวรรค์พยายามรักษากฎระเบียบทางสังคมแบบคนธรรมดา ไม่อนุญาตให้มีพลังอื่นนอกจากนั้น ห้ามมิให้ทำลายความคงอยู่ของหุบเขามนุษย์
เย่ว์หยางได้ทดสอบมาแล้ว หากต้องการใช้พลังยุทธ์ จะทำได้ต่อเมื่อเขาทำได้มากกว่ากฎสวรรค์โบราณ
มิฉะนั้นก็ใช้ไม่ได้
ต่อให้เขาต้องใช้หุ่นอสูรรบ เขาต้องได้รับอนุญาตจากสำนึกที่ยังหลงเหลือของรูปปั้นเทพแห่งสงคราม
ขณะเดียวกันผู้มีหุ่นอสูรรบไม่สามารถโจมตีผู้อื่นโดยพลการได้ พลังของอสูรหุ่นจะมีผลก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งเป็นอันตรายต่อการดำรงอยู่ของพวกเขา หรือแย่งชิงผลประโยชน์ของตนเพื่อสร้างอำนาจอิทธิพลและฝ่าฝืนกฎหมาย หุ่นอสูรของหุบเขามนุษย์ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อปล้นทรัพย์ แต่ในทางกลับกันวัตถุประสงค์ดั้งเดิมของการสร้างของพวกเขา... เพื่อปกป้องความปลอดภัยในชีวิต ความมั่งคั่งส่วนบุคคล และดำเนินกิจการงานตามปกติของหุบเขามนุษย์
อย่างไรก็ตามไม่ว่ากฎจะเข้มงวดเพียงไหนก็ย่อมมีช่องโหว่
เพียงแต่
ค้นพบและนำมาใช้
ในหุบเขามนุษย์นี้ไม่สามารถอัญเชิญคัมภีร์ได้ อสูรพิทักษ์ก็ไม่สามารถเรียกออกมาได้ แม้แต่อสูรหุ่นที่ทำสัญญาก็ยังเรียกใช้ไม่ได้ง่ายๆ ทุกคนสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างคนธรรมดา ในสังคมคนธรรมดา
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทดสอบและพบว่ายังมีพื้นที่ช่องโหว่ในหุบเขามนุษย์
ตัวอย่างเช่น อาวุธเทพร่างมนุษย์ อาวุธเทพร่างอสูร และอาวุธเทพร่างเทพหายากที่สุดแม้แต่ในแดนสวรรค์บน
อาวุธเทพร่างเทพ, ร่างมนุษย์, ร่างอสูร
ไม่สำคัญว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหน ในหุบเขามนุษย์พวกเขาจะถูกจำแนกว่าเป็น ‘อาวุธ’ หรือ ‘เครื่องมือ’
สิ่งที่ไม่สอดคล้องกับหุ่นอสูร ได้แก่อาวุธเทพร่างมนุษย์ อาวุธเทพร่างอสูร อาวุธเทพร่างเทพมีสติปัญญาและปณิธานเป็นของตนเอง พวกเขาเป็นอาวุธที่มีปัญญา เป็นเครื่องมือที่ฉลาดมีบุคลิกภาพเป็นของตนไม่ใช่หุ่นอสูรที่ใครๆ ก็ใช้งานได้
กล่าวอีกอย่างหนึ่ง
ในมือของเย่ว์หยาง ดาบเทาเถี้ย แมงป่องดาวฟ้า และอสูรทองน้อย (ทงเทียน) สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ แต่อิคคาซึ่งมีชีวิตเชื่อมกับเย่ว์หยางไม่สามารถเรียกออกมาได้เหมือนพวกมัน สองสาวมังกรอาเหยา อาหยูไม่ว่าพวกนางจะอยู่ในร่างมนุษย์หรือในอาวุธเทพร่างมนุษย์ซึ่งกลายสภาพเป็นอาวุธติดปีก พวกนางสามารถเคลื่อนไหวในหุบเขามนุษย์ได้อย่างอิสระ และพลังการต่อสู้ของพวกนางไม่ได้ลดลง... เย่ว์หยางไม่ต้องการพาพวกนางออกมา เพราะเขาไม่ต้องการดึงดูดความสนใจ ดังนั้นจึงให้พวกนางอยู่ในโลกคัมภีร์เพื่อเรียนรู้จากคนอื่น
“ถ้าพวกนางไม่พา ภูตน้อยหลิงหลิงมาด้วยก็ดีหรอก สาวงามโล่วฮัวรู้สึกว่าไม่ดีเลยที่เย่ว์หยางไม่ตอบสนอง
หลิงหลิงที่นางพูดถึงก็คือภูตนำทางโบราณสหายสนิทของตั่วตั่ว
สิ่งมีชีวิตธาตุโลหะที่ยอดเยี่ยมซึ่งบินออกมาจากโลงทองโบราณ
นางซ่อนตัวอยู่หลังตั่วตั่ว พอได้ยินโล่วฮัวพูดถึงนาง นางร้องหวาดกลัวทันที นางกลัวเย่ว์หยางราวกับว่าเป็นเสือตัวใหญ่ที่จะกินนางเมื่อใดก็ได้
ช่างเถอะ ถ้าเขาต้องพึ่งนาง เขาพึ่งเจ้าอ็อพติมัส ไพรม์และเจ้าเมกะทรอนดีกว่า
ยังไงพวกมันก็ยังช่วยขุดเหมืองป่นศิลาได้
“ไม่, วันนี้ ข้าอยู่ในเหมืองแร่ บังเอิญพบความลับอย่างหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ” เย่ว์หยางใช้ความรู้สึกส่งลงไปที่เบื้องล่างพื้นพิภพผ่านผังภูมิอักขระรูนโบราณ เมื่อรวมพลังงานที่ยุ่งเหยิงเข้าด้วยกัน เขาพบว่าหุ่นยักษ์หินภูเขาไฟมีร่างกายเสมือนสิ่งมีชีวิต แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือการกระทำแบบเดียวกันนั้น ไม่อาจทำได้ในแดนสวรรค์ แม้ว่าจะสามารถสร้างยักษ์หินภูเขาไฟได้ แต่จะไม่มีร่างที่เสมือนสิ่งมีชีวิตซึ่งพอตื่นขึ้นมามีลักษณะใกล้เคียงกับจิตสำนึกของมนุษย์
ไม่ว่าจะเป็นแดนสวรรค์หรือหอทงเทียน
หุ่นอสูรไม่สามารถสร้างสำนึกได้ เว้นแต่จะมีพลังสูงกว่าระดับศักดิ์สิทธิ์
ในหุบเขามนุษย์นั้น เย่ว์หยางพบสถานะที่แปลกประหลาดนานแล้ว... นั่นคือทหารรับจ้างและทหารประจำการหรือแม้แต่คนธรรมดาก็สามารถควบคุมหุ่นนักรบและอสูรหุ่นได้
หุ่นรบไม่มีสติไม่อาจเลือกเชื่อฟังเจ้านายโดยเฉพาะได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การควบคุมด้วยคำสั่งที่ซับซ้อน
แม้ว่าจะไม่มีสำนึกอัตโนมัติ แต่ต้องมีร่องรอยแห่งสำนึกที่ทำให้อสูรหุ่นและหุ่นนักรบรับฟังคำสั่ง
นี่เป็นเรื่องที่น่าสงสัย
หลังจากสังเกตเห็นการต่อสู้ระหว่างทหารเฝ้าเหมืองกับทหารรับจ้างที่เหมือง เย่ว์หยางได้ทดสอบส่วนตัว และประสบความสำเร็จในการสร้างร่างเสมือนของยักษ์หินภูเขาไฟอย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อน
ยักษ์หินภูเขาไฟนี้ไม่ใช่มีความคิดของตนเอง แต่เหมือนกับมีความปั่นป่วน
แต่มันสามารถปฏิบัติตามคำสั่งที่เย่ว์หยางมอบให้อย่างซื่อตรง แม้ว่าคำสั่งจะซับซ้อนก็ตาม มันก็ทำได้อย่างเป็นระเบียบโดยไม่สับสน
“ยักษ์หินภูเขาไฟจะมีสติสำนึกของตนเองได้หรือ? แม้ว่าจิตสำนึกจะไม่เป็นอิสระ แต่นับว่าเป็นการค้นพบที่ดี” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสนใจทันทีที่ได้ยินข้อมูล ควรทราบว่าในความสามารถทั้งหมดที่เย่ว์หยางทำได้ดี อักขระรูนเป็นความสามารถพิเศษของเขา นี่เป็นเรื่องยากสำหรับคนอื่นที่จะฉายผังภูมิอักขระรูนลงบนพื้นเพื่อสร้างหุ่นยักษ์หินภูเขาไฟโดยตรง อย่างนั้นในหุบเขามนุษย์นี้เย่ว์หยางจะสามารถสร้างกองทัพหุ่นได้ไม่รู้จบ และหุ่นอสูรแต่ละตัวก็จะไม่ด้อยไปกว่าหุ่นยักษ์หินภูเขาไฟตนแรก!
“สร้างดินให้กลายเป็นหุ่นยักษ์หินภูเขาไฟ หากเจ้าฉายผังภูมิอักขระรูนในที่อื่นจะเกิดอะไรขึ้น? ทำไมพลังอักขระรูนในหุบเขามนุษย์จึงไม่ลดลง แต่กลับให้ผลที่มากขึ้น?” อู๋เหินที่เงียบมาตลอดเอ่ยด้วยความสงสัย
“ค้นพบการสร้างหุ่นอสูร...อาจเป็นหนึ่งในความลับของชีวิตในหุบเขามนุษย์ที่จำเป็นต้องเข้าใจให้ชัดเจน” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหน้าผ่องใสเหมือนกับเกิดภูมิปัญญา
“ที่ข้างนอกหุ่นนักรบเกือบทั้งหมดทำจากวัตถุที่เป็นโลหะ ถ้าธาตุดินสามารถสร้างเป็นหุ่นยักษ์หินภูเขาไฟ องค์ประกอบธาตุอื่นๆ เช่นน้ำ ลม ไฟก็น่าจะหาวิธีสร้างได้สำเร็จ” นางเซียนหงส์ฟ้ารู้สึกว่าเย่ว์หยางน่าจะสร้างหุ่นอสูรด้วยองค์ประกอบธาตุอื่นๆ ได้สำเร็จ
“หือ?” อี้หนานตอบสนองทันที “ถ้าสร้างยักษ์น้ำ ยักษ์ลมและยักษ์ไฟอย่างนั้นพวกมันมิไร้เทียมทานหรือกหรือ? พี่เทียนฟาสร้างสายฟ้าจากพลังกฎฟ้า ถ้าเจ้าสร้างยักษ์สายฟ้าได้ ใครจะสู้เจ้าได้ในหุบเขามนุษย์แห่งนี้?”
“เจ้าช่างกล้าคิดจริงๆ!” เย่ว์หยางพูดอย่างมีความสุข
ความจริงเขาคาดเดาได้ว่าพลังควบคุมในหุบเขามนุษย์มีความสมดุลเป็นหลัก
ยักษ์หินภูเขาไฟจึงถูกสร้างได้
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้เทียบเท่ากับทะลวงช่องโหว่ของกฎสวรรค์ คล้ายกับปลั๊กอินในเกมคอมพิวเตอร์ สามารถใช้ไปได้เรื่อยๆ จนกว่าจะถูกเจอและถูกแบนในที่สุด ถ้าใช้ในขนาดไม่ใหญ่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อความสมดุลของหุบเขามนุษย์ เชื่อว่าไม่น่าจะสัมพันธ์กัน
ภายในกฎสวรรค์ ไม่สำคัญว่าใครจะหาช่องโหว่เล็กน้อยได้หรือไม่
ที่สำคัญจะต้องไม่ใช้ช่องว่างนั้นเกินงาม
เมื่อได้ฟังคำอธิบายของเย่ว์หยาง ทุกคนรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แม้ว่าเย่ว์หยางจะคาดเดาไม่ถูกก็ตาม แต่ความเสี่ยงในการถูกกีดกันตามกฎสวรรค์ ทำให้ทุกคนไม่ต้องการเสี่ยง
“แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างอิทธิพลมากเกินไปจนหุบเขามนุษย์เสียสมดุล” เย่ว์หวี่คาดว่าการพบวิธีสร้างสามถึงสี่อย่าง ไม่ควรเป็นปัญหาใหญ่เกินไป
“มีแค่สามหรือสี่คำ ยังน้อยเกินไป... เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้องค์ประกอบธาตุต่างๆ มันไม่เคยถูกใช้ในหุบเขามนุษย์ มีแต่หุ่นรบเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในหุบเขามนุษย์ ไม่สามารถเอาออกไปใช้ในแดนสวรรค์ได้” โล่วฮัวมีความรู้สึกว่าเย่ว์หยางน่าจะทำได้ ดังนั้นนางพบว่า เย่ว์หยางน่าจะสร้างสักหลายหมื่นจากนั้นขนออกไปข้างนอก ก็จะกลายเป็นกองทัพที่ทรงอำนาจ
“ไม่จำเป็นต้องสร้างหุ่นเป็นกองพะเนินเก็บไว้ในโกดังขนาดนั้น ทำไมไม่สร้างหุ่นอสูรในหุบเขามนุษย์เพื่อไขความลึกลับที่แท้จริงของสำนึกอย่างง่ายๆ” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวอย่างนั้น
“ค้นคว้าวิจัยออกมาได้ อาจได้รางวัลตามกฎ!” อี้หนานตื่นเต้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ไชโย!” สาวน้อยเย่ว์ปิงดูเหมือนมองเห็นความสำเร็จของพี่ชายนาง
“ถ้าจะให้ดีขุดดินของหุบเขามนุษย์กลับไปหอทงเทียน จากนั้นก็สร้างหุ่นนักรบที่คล้ายกับยักษ์หินภูเขาไฟก็ได้!” เป่าเอ๋อจินตนาการเตลิด
“พวกเจ้าไปนอนกันได้แล้ว!” นางเซียนหงส์ฟ้าใช้อำนาจจักรพรรดิแดนดินสั่งการ ถ้าเด็กสาวพวกนี้ไม่ไปนอน พวกนางคงพูดจาเหลวไหล ตอนนี้เป็นเวลาละเล่นของผู้ใหญ่ เด็กๆ ไม่เกี่ยว พอนางพญาแสดงอำนาจพวกเด็กสาวต่างแอบแลบลิ้นด้วยความตกใจยอมถอยสองก้าว คาดว่าคงกลับไปทะเลาะกันที่เตียงนอนอีกกว่าจะหลับกันได้
“เราอยู่ก็ไม่ช่วยอะไร กลับไปพักผ่อนบ้างดีกว่า” ราชันย์ปีศาจใต้ไปพร้อมกับโล่วฮัว
ไม่ใช่แค่สองคนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงจุ้ยมาวอี้และเซี่ยอี
นางเข้าใจว่าเวลาครั้งต่อไปต้องมอบให้เย่ว์หยางได้พิชิตองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน เมื่อเห็นว่าเย่ว์หวี่และอู๋เหินไปแล้ว องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนชูกำปั้นบ่นว่าทุกคนเล่นไม่ซื่อ และโยนนางให้หมาป่าอย่างเย่ว์หยาง
นางยังไม่พูดอะไรก็ถือโอกาสทุบเขาไว้ก่อน “หัวเราะอะไร คิดว่าไม่รู้หรือว่าเจ้าคิดอะไรอยู่?”
ทักษะแฝงเร้นหกรับรู้ของนางไม่สามารถทำร้ายใครได้
เย่ว์หยางน้ำตาคลอ
โชคดีที่แม่เสือสาวผู้ถือดีจะดุร้ายกับเย่ว์หยางตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น พอทุกคนไปแล้วนางถึงเลิกดุร้าย บางครั้งก็ค่อนข้างอ่อนโยน “หน้าโง่ ทำไมเจ้าไม่หลบ? ช่างเถอะ ข้าไม่ได้ใช้กำลังสักหน่อย เจ้ายังแกล้งทำเป็นตายอีกหรือ? เจ้าไม่รู้หรือว่าตอนที่เจ้าหัวเราะนี้น่าหมั่นไส้ขนาดไหน ถ้าสาวหิมะอยู่ด้วยคงสงเคราะห์เจ้าหนึ่งหมัด... ขอบอกไว้ก่อนเลยนะ ข้าไม่สามารถหลอมรวมประสานกับดาบเทพจักรพรรดิอวี้ได้ ก็เลยมาขอความช่วยเหลือจากเจ้า เป็นเพราะข้ากำลังมองหาพี่หวี่ นางจึงขอร้องแกมบังคับ นี่ถึงทำให้เจ้ามีโอกาส!”
เย่ว์หยางไม่พูดอะไรสักคำ แค่ดึงมือแม่เสือสาวมากุมเบาๆ
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพูด!
ไม่ได้ยินหรือว่าไม่มีใครกระซิบกันในเวลากลางคืน นี่เป็นเวลาไม่มีเสียง
เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นว่าตัวร้ายเข้ามาใกล้และประกบปากลงช้าๆ นางใช้มือปิดป้องด้วยความอาย “เจ้ายังไม่นอนอีกหรือ เจ้าจะทำอะไร? เจ้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่พูดแล้วข้าจะปล่อยให้เจ้าจูบหรือ?”
เย่ว์หยางไม่พูด แต่มือของเขาไม่ทราบว่าโอบไหล่นางตั้งแต่เมื่อใด เขาหายใจรดหน้านางทำให้นางรู้สึกร้อนเล็กน้อย นางอาย และรู้สึกอ่อนแรง ดวงตาที่งดงามของแม่เสือสาวพร่าแล้วค่อยปิดลง มือของนางผลักไสเขาไปได้ครึ่งหนึ่ง แต่ในใจวาดหวังว่าเขาจะเข้ามาใกล้มากกว่านี้ นางอภัยให้ตัวร้ายที่น่าโมโห ไม่ว่าเขาจะน่ารังเกียจขนาดไหนมาก่อน แต่ตอนนี้เขาอ่อนโยน
บางทีนี่อาจเป็นดาวข่มที่นางต้องทุบตี
เขาเคยเอาเปรียบนางไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพยายามอย่างหนักหาข้ออ้างให้ตนเอง นางค้นหาข้ออ้างก่อนที่เขาจะจูบนาง .. ถูกแล้ว ท้ายที่สุดนางไม่ต้องการหาข้ออ้าง นางยอมรับว่าต้องการจูบเขาจริงๆ... ในช่วงเวลาสั้นๆ เจ้านี่ทำให้ชีวิตนางแย่ เกลียดนัก เกลียดคนทึ่ม
นางอ้าปากต้องการจะกัดปากเย่ว์หยางเป็นการลงโทษ
คาดไม่ถึงเลยว่าเย่ว์หยางชิงลงมือก่อน
โอย!
เจ็บนะ
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตะลึงพักหนึ่ง
เขามากัดนางได้ยังไง? เมื่อเห็นเย่ว์หยางเผ่นหนี นางเข้าใจทันทีว่าเจ้าตัวร้ายนี่ล้อนาง นางโมโหทันที เจ้าวายร้าย บังอาจกัดข้าหรือ?”
“เข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้อยากกัดจริงๆ!” เย่ว์หยางอธิบายพลางหนีไปพลาง “เป็นเพราะองค์หญิงผู้หยิ่งผยองน่ารักเกินไป มันต้องเลยกัดตามสัญชาตญาณ... เจ้าจะทำอะไรกับดาบ? เหวอ.. ไว้ชีวิตข้าเถิด ช่วยด้วย องค์หญิงไล่ฆ่าข้าแล้ว” “ข้าก็จะฟันเจ้าตามสัญชาตญาณ”
“การสื่อสารเป็นเรื่องดีในการเริ่มลดความห่างเหิน” โล่วฮัวยิ้มให้ราชันย์ปีศาจใต้
“กัดกันนี่ เป็นการสื่อสารหรือ?” อี้หนานไม่เข้าใจ?
“โอว บางครั้งคนกัดกันก็เป็นการสื่อสารที่ดี” โล่วฮัวอธิบายอย่างจริงจัง
“ข้าง่วงแล้ว ทุกคน รีบพักได้แล้ว!” เย่ว์หวี่เมื่อได้ยินหัวข้อสนทนานี้รู้ว่าไม่เหมาะให้เด็กฟัง นางรีบกลับห้องพักทันที
2 ความคิดเห็น:
ใจจ้า
5555
แสดงความคิดเห็น