วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1082 เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์



ตอนที่  1082  เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์

ไม่มีใครรู้ว่าเย่ว์หยาง คุณชายหมิงจู คุณชายฉีมู่พูดคุยอะไรกันในร้านเหล้าเล็กๆ


ไม่มีใครตระหนักว่ารูปแบบอนาคตของหุบเขามนุษย์จะเปลี่ยนไป

คุณชายหมิงจูและคุณชายฉีมู่ออกเดินทางในวันเดียวกัน

เย่ว์หยางอยู่ต่ออีกสามวันและซื้อผลิตภัณฑ์พิเศษมากมายก่อนกลับไปที่โรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าในเมืองไม้เงินด้วยเรือเหาะพร้อมกับอาจารย์ใหญ่  ก่อนออกเดินทางหยางผิงและพวกของเขาจากสาขาเมืองเปลวอาทิตย์ยังคงมาตามหาเย่ว์หยางเพื่อใช้คำพูดยั่วยุให้เย่ว์หยางเลือกเขาเป็นคู่ต่อสู้ท้าทายในงานประเมินคะแนนชีวิต

 “ตกลง!  เจ้าจะได้รับตามต้องการ”  เย่ว์หยางเหมือนพยัคฆ์หลับ เมื่อเห็นหนูสองสามตัวมาท้าสู้ก็ไม่อยากทะเลาะด้วย

หลังจากกลับไปถึงเมืองไม้เงิน เย่ว์หยางพักอย่างสบายใจอีกสองวัน

อาจารย์โอมอนและอาจารย์อูผู่ดำเนินการวิจัยค้นคว้าก้าวหน้าเป็นอย่างดี  อาจารย์ใหญ่รู้สึกว่าตอนนี้ก็ดีแล้ว  เวลาจะกระชั้นเข้ามาทุกขณะ  ไม่ว่ายังไงก็ตามเขาไม่ยอมให้เย่ว์หยางเหนื่อยจากเดินทางไกล จึงอนุญาตให้เย่ว์หยางหยุดอีกสามวัน  สิ่งที่อาจารย์ใหญ่กลัวที่สุดก็คือเย่ว์หยางจะไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอที่จะรับมือในพิธีการประเมินคะแนนชีวิตของนักเรียนใหม่ได้

ต้องชนะเลิศ

นี่คือเกียรติยศที่ครูใหญ่ต้องการ

แม้ว่าในการประชุมสัมมนาเมืองใบทอง เขาได้เห็นหุ่นรบแม่เหล็กที่จินฉีสร้างแล้วก็ตาม  แต่อาจารย์ใหญ่มั่นใจอย่างเต็มที่ในหุ่นรบบินที่เขาพัฒนา

หุ่นรบแม่เหล็กเป็นอะไรที่ไม่มากไปกว่าหุ่นรบตัวหนึ่ง  แต่หุ่นรบบินเป็นวิธีการต่อสู้ที่ครอบคลุมและเป็นนวัตกรรม ทิศทางการพัฒนาทั้งสองไม่มีอะไรเทียบได้ และพวกเขาก็รู้ว่าวิธีใดจะนำไปสู่ความสำเร็จ  สิ่งที่ยิ่งกว่านั้นการวิจัยพัฒนาของโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าเมืองไม้งามไม่ง่ายเหมือนการต่อสู้ทางอากาศธรรมดา  มีทั้งหุ่นรบบินลาดตระเวน หุ่นรบโจมตี ไม่ว่าจะสร้างอะไรออกมา ล้วนสั่นสะเทือนอำนาจในหุบมนุษย์ในปัจจุบันนี้! 

ผ่านไปสองวัน

ที่นอกเมืองไม้เงิน เย่ว์หยางประพฤติตัวเป็นนักเรียนดี  เขาขอลาเป็นพิเศษเพื่อไปพบกับคุณชายหมิงจูและคุณชายฉีมู่

เกี่ยวกับการมาถึงของคุณชายทั้งสองคนนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางได้อธิบายเหตุผลไว้ก่อน อาจารย์ใหญ่อาจสงสัยว่าเป็นการขโมยวิทยาการหุ่นรบบินหรือไม่  อย่างไรก็ตามหลังจากเย่ว์หยางอธิบาย  อาจารย์ใหญ่ก็ชื่นชมยินดีทันที  เพราะด้วยการสนับสนุนของคุณชายหมิงจูแห่งหุบเขาอัญมณีและคุณชายฉีมู่แห่งเมืองจันทร์เงิน นักเรียนไตตันที่เขาภาคภูมิใจที่สุดจะต้องชนะเลิศในกลุ่มนักเรียนใหม่แน่นอน...   ต้องทราบว่าคุณชายทั้งสองคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญของหุบเขามนุษย์และพลังอำนาจที่หนุนหลังพวกเขาก็มีอำนาจมากเช่นกัน พวกเขามีอิทธิพลยิ่งกว่าราชาองค์หนึ่งในหุบเขามนุษย์  และทั้งสองนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าเมืองไม้งาม

จุดที่สำคัญที่สุดก็คือเย่ว์หยางประกาศยืนยัน

คุณชายหมิงจูและคุณชายฉีมู่ไม่ได้มาเพื่อหุ่นรบบิน  แต่ร่วมมือทำหุ่นรบอย่างอื่น

 “โลหะหลอมปีศาจสามคุณภาพ พื้นฐาน ปานกลาง และชั้นดี ข้าเตรียมไว้พร้อมแล้ว เจ้าลองดู”  คุณชายหมิงจูไม่ได้มาอย่างเอิกเกริก แต่มาเมืองไม้เงินลับๆ  คุณชายฉีมู่ที่มาถึงก่อนได้ซื้อสวนเล็กๆ ชานเมืองไม้เงินอย่างลับๆ เพื่อใช้เป็นฐานค้นคว้าวิจัยและพัฒนาลับสำหรับสามคน

รถบรรทุกสัมภาระหลายสิบคันปลอมเป็นกองคาราวานมาพร้อมกับคุณชายหมิงจู

ภายในเต็มไปด้วยวัสดุต่างๆ สำหรับใช้ทำการเกษตร

แน่นอนว่าของหายากอย่างโลหะหลอมปีศาจถูกบรรจุไว้ในแหวนเก็บของของคุณชายหมิงจู

คุณชายหมิงจูใช้เวลานานกว่าจะโน้มน้าวผู้อาวุโสในตระกูลให้เห็นด้วย  หลังจากได้รับมอบโลหะหลอมปีศาจปริมาณมากจากหุบเขา แต่ผู้อาวุโสถามถึงความเป็นไปได้ นี่คือสาเหตุที่คุณชายหมิงจูเสียเวลาไปสองวัน

 “ข้าออกแบบไว้เสร็จแล้วและทำเสร็จเกินกว่าแผนเดิมที่เราตั้งใจไว้ว่าจะสร้างสาม  แต่ข้าวาดไว้ถึงห้าแบบไม่มีปัญหาในการทดสอบผังอักขระรูน มีความเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์”  เย่ว์หยางมองดูคุณชายหมิงจู  ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ  เขายิ้มเล็กน้อย  “ตอนนี้เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้น คือสร้างผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป”

เขากล่าวขณะส่งแบบที่เขียนไว้ให้คุณชายหมิงจูและคุณชายฉีมู่

คุณชายหมิงจูรู้สึกพอใจ

มีการเตรียมใจไว้ล่วงหน้าแล้ว

ฉีมู่ทำหน้าตกใจ  เขาตกตะลึงอย่างคาดไม่ถึงและคว้าภาพวาดมาดูอยู่เป็นเวลานาน ตาของแทบถลนจากเบ้า  “เป็นไปไม่ได้  เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างที่เป็นไปไม่ได้ที่จะออกแบบได้สำเร็จ  นี่เจ้าออกแบบมาได้ยังไง?  พระเจ้า, สมองเจ้าสร้างมาจากอะไร เปิดให้ข้าดูได้ไหม... จากมุมมองนี้ ดูเหมือนว่าจะสามารถทำได้จริงๆ ข้าฝันไปหรือเปล่า!  ข้ายอมรับว่าข้าเชื่อถือเจ้าครึ่งเดียวเท่านั้น ข้าไม่ใช่คนมองโลกในแง่ดีนัก  ข้าจะไปรู้ได้ยังไงว่าหัวคิดเจ้าร้ายกาจขนาดนี้!   เดี๋ยวก่อน นั่นหมายความว่ายังไง? งานที่ข้ารับผิดชอบมีความแข็งแกร่งทางกายภาพขนาดไหนแล้ว  เจ้าดูถูกไอคิวข้าหรือ?  บอกกับเจ้า สติปัญญาของข้าไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย  หากเจ้าไม่ส่งความสามารถมาทางใจ ข้ากับเจ้าเกรงว่า....”

ในวันท้ายๆ ฉีมู่พบว่างานของเขาเป็นการจัดส่งวัสดุตามคำสั่งของเย่ว์หยาง เขาเริ่มกังวลทันที

เขารู้ว่าเขาไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก  แต่เขาไม่พอใจกับความเคลื่อนไหวหลายอย่าง

ถ้าการออกแบบตามภาพวาดเหล่านี้ได้รับรู้ไปทั่วทั้งหมด จะเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของหุบเขามนุษย์  จะไม่อาจเขียนบันทึกผลรวมลงในประวัติศาสตร์ได้อย่างไรว่า   ในปีหนึ่งคุณชายฉีมู่ขนย้ายวัสดุอย่างดีที่สุดของเขาด้วยความทุ่มเทไม่เห็นแก่ตัว  ในที่สุดบารอนไตตันก็สร้างความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน.. งานนี้ของคนรุ่นถัดไปไม่สามารถบันทึกลงในหนังสือประวัติศาสตร์ได้   สถานะของเขาจะต้องเป็นหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ในการวิจัยพัฒนา ไม่ใช่เด็กชายน้อยๆ ที่บังเอิญผ่านไปประสบพบเหตุ

ฉีมู่เกือบอดตะโกนออกมาไม่ได้  ถ้าไม่ให้เขาช่วย  เขาจะสร้างปัญหา

ในที่สุด เย่ว์หยางก็ถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น

เขาต้องแจกจ่ายงานส่วนหนึ่งให้ฉีมู่ คุณชายผู้มีปัญญาสูง จะขอเข้าร่วมวิจัยพัฒนารวมกลุ่มเป็นสามผู้ยิ่งใหญ่

คุณชายหมิงจูไม่ได้คัดค้าน แต่ยิ้มเยาะเล็กน้อย  “เสี่ยวมู่!  ทำในสิ่งที่เจ้าทำได้  เจ้าไม่ฟังเลย ถ้างานของเจ้าไม่เสร็จซึ่งส่งผลต่อแผนการรวม  เจ้าจะเป็นคนบาปตลอดกาล”

 “ถ้าทำเสร็จไม่ทัน ข้ายอมตายคาห้องวิจัย”  เพื่อพิสูจน์ว่าสติปัญญาของเขาไม่มีปัญหาฉีมู่ทำตามวินัยทหาร

 “นั่นไม่จำเป็น เราเข้าใจเจ้า”  เย่ว์หยางพูดว่าเข้าใจ จนฉีมู่เกือบจะปลื้มอยู่แล้ว ก่อนจะมีคำพูดตามมา  “ความฉลาดมีไม่พอ นั่นไม่ใช่ความผิดของเจ้า”

 “.....”  ฉีมู่รู้สึกหดหู่

เมื่อพูดถึงเรื่องสติปัญญา

ถ้าเขาไม่ได้พบกับเย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูที่ฉลาดเกินธรรมดา สหายอีกคนหนึ่งเช่น จินฉีบุตรคนที่สี่ของเจ้าเมืองใบทอง หรือหยางผิงแห่งเมืองเปลวอาทิตย์  หรือแม้แต่พี่ชายของหยางผิงคุณชายหยางฉวน ฉีมู่ก็มีความรู้สึกว่าเขาเองยังมีสติปัญญาสูงกว่า

อย่างไรก็ตามสำหรับเย่ว์หยางและคุณชายหมิงจู แต่ละคนมีสติปัญญาที่เขาต้องก้มหัวให้

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขามีความฉลาดไม่พอ

เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้สติปัญญาสูงส่งเกินไป จนตัวเขากลายเป็นผู้มีสติปัญญาต่ำได้อย่างไร?

ฉีมู่แข็งใจ  ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาจะต้องต่อสู้พากเพียรเพื่อสติปัญญาของตนเอง  ไม่ใช่คนทั่วไปที่มีสติปัญญาความรู้สึกด้อย

ต่อไปเป็นการใช้โลหะหลอมปีศาจเพื่อเริ่มการผลิตจะกลายเป็นฝันร้ายที่คุณชายฉีมู่ยากจะเลือนไปจากใจตลอดชีวิต  เพราะคุณชายหมิงจูมีภาระให้ทำมากมายในเวลาที่กำหนด ทั้งยังมีกำลังเหลือพอติดตามความคืบหน้าของงานของเขา  แต่เย่ว์หยางคนเกียจคร้านไม่เคยทำงานนี้กลับใช้เวลาน้อยกว่าหลายนาทีในการทำงานให้เสร็จ ซึ่งปกติไม่มีทางทำให้เสร็จได้ในสองสามวัน

ยิ่งกว่านั้นยังทำได้สมบูรณ์แบบเป็นพิเศษ

สมบูรณ์จนคุณชายฉีมู่อยากจะเอาศีรษะโขกผนังให้ตายไม่อยากมีชีวิตอีก!

 “เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่งานวิทยาศาสตร์”  ฉีมู่ไม่เคยเห็นคนมีฝีมือร้ายกาจอย่างนั้นมาก่อนในชีวิตของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาดูเกียจคร้าน เป็นไปได้อย่างไรที่ทำงานที่ยากให้สำเร็จในพริบตาอย่างน่าทึ่ง?   ทุกคนรู้ว่าเย่ว์หยางรับผิดชอบส่วนที่เป็นหัวใจของงานที่ยากที่สุดของแผน  แต่เขาไม่เพียงแต่ทำให้สำเร็จอย่างง่ายดาย  แต่ยังแก้ไขส่วนข้อต่อที่ไม่สามารถทำให้เสร็จได้หลังจากเวลาผ่านไปสองสามวัน  ในที่สุด เขาขอโทษและพูดว่าเขาไม่ทันระวัง  บ้าไปแล้ว..นี่เป็นความพลั้งเผลอทั้งหมด คนเลินเล่อมีมากมายในโลก แต่คนเลินเล่ออย่างนี้เหมือนกับตบหน้ากัน!

 “ยังจะพูดอีก  เจ้ายืนยันว่าจะทำงาน เจ้าสิ่งนี้สามารถทำได้ในวันเดียว  เพราะความงี่เง่าของเจ้าทำให้เสียเวลาไปทั้งวัน”  คุณชายหมิงจูหยิบค้อนทอง

 “เราต้องสามัคคีกัน  สามัคคีคือพลัง เราต้องผูกพันด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง...”  เย่ว์หยางรีบคว้ามือของคุณชายหมิงจู

 “ผูกพันด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง?”  ฉีมู่ฟังแล้วทำไมรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย?

 “บัดซบ, ขุดหลุมเดี๋ยวนี้  เจ้าจะยืนบื้อไปถึงไหน?”  คุณชายหมิงจูจับมือเย่ว์หยางและอุทานคำพูดที่เย่ว์หยางใช้ประจำโดยไม่รู้ตัว  ทันทีที่เขาได้ยินว่าให้ขุด คุณชายฉีมู่รีบถลกแขนเสื้ออย่างรวดเร็วและบอกว่าเขาจะเป็นคนขุด โปรดเหลือผลงานให้เขาได้สร้างไว้บ้าง  ตอนนี้ฉีมู่เลิกคิดพิสูจน์สติปัญญากับสองปีศาจอย่างเย่ว์หยางและหมิงจู   ก็ได้ เขาจะไม่ทำเรื่องโง่เกินไป จะได้ไม่ทำร้ายจิตใจพวกเจ้ามากเกินไป

ในไม่ช้า ฉีมู่ขุดหลุมที่ลานบ้านน้อยถึงสิบหลุม

นี่ไม่ได้ใช้ฝังใคร

ไม่ใช่วันปลูกต้นไม้แห่งชาติ   นี่เป็นหุ่นรบชนิดหนึ่ง

คุณชายหมิงจูลงมือทันที เขาวางหินผลึกพลังงานและวัสดุในแต่ละหลุม

ขั้นตอนสุดท้ายส่งต่อให้เย่ว์หยาง เขาเทโลหะหลอมปีศาจปริมาณต่างๆ ในแต่ละหลุม และวาดผังภูมิอักขระรูนน้อยใหญ่ในแต่ละหลุมอย่างประณีต

เหมือนกับมีดวงอาทิตย์ผุดจากพื้นในแต่ละหลุม เป็นดวงอาทิตย์น้อยๆ ที่โผล่ออกมาเปล่งรัศมีนุ่มนวล

ตอนแรกแสงยังไม่เจิดจ้า

แต่ในไม่ช้าแสงที่ฉายออกมาก็เจิดจ้ารุนแรงจนไม่สามารถมองได้

ฉีมู่ต้องใช้มือบังแสงสีทองข้างหน้าเขา เขาต้องการมองดูกระบวนการทั้งหมด แต่โชคไม่ดีที่ดวงตาของเขาไม่สามารถทนมองแสงแบบนั้นได้   เขาได้แต่รอให้แสงจางหายไปอย่างจนใจ  รอจนแสงสว่างลดลง เขาพบว่าทั้งคุณชายหมิงจูและเย่ว์หยางทั้งคู่สวมแว่นตากันแดดสีดำคนละชุด ขณะที่พวกเขามองดูกระบวนการในท่ามกลางแสงเจิดจ้าอย่างใจเย็น  ฉีมู่โมโหทันที  “มากเกินไปแล้ว พวกเจ้ายังคงพูดว่าสามผู้ยิ่งใหญ่ ทำไมข้าไม่มีของแบบนี้บ้าง?”

เย่ว์หยางหัวเราะ  “ก็ข้าเพิ่งถามเจ้าหยกๆ แต่เจ้าปฏิเสธ ข้าก็เลยคิดว่าเจ้ามีความสามารถมองแสงเจิดจ้าได้!

ฉีมู่แทบจะตบปากตนเอง

เมื่อครู่นี้เย่ว์หยางถามว่าจะให้ช่วยไหม?  แต่ในเวลานั้นเขากระตือรือร้นจะพิสูจน์ความสามารถของตนเองและปฏิเสธความตั้งใจดีของเขาโดยตรง  เขานึกว่ากำลังถูกหยอกล้อ  เขาพลาดไปแล้ว!

เขารีบคว้าแว่นมาจากหน้าเย่ว์หยาง และแปะเข้ากับดั้งจมูก และรู้สึกว่าดีขึ้น

ถึงตอนนี้แสงเจิดจ้าหายไปเกือบหมดแล้ว

เหลือแต่แสงสีทองเลือนลางอยู่ในหลุม

พื้นสั่นสะเทือนรุนแรง และหลุมใหญ่ทุกหลุมดูเหมือนมีบางอย่างกำลังทะลวงออกมา

แขนของหุ่นทลายพื้นดินออกมาและจากนั้นแขนหุ่นอีกข้างหนึ่งทลายพื้นดินออกมา พื้นทรุดลงทันทีปรากฏเป็นหุ่นรบยักษ์ระดับทอง มันขยับร่างออกมาจากพื้น  ไม่แต่เพียงหลุมนี้  แต่หลุมอีกเก้าหลุมก็มีลักษณะอย่างเดียวกันหุ่นรบสิบตัวที่มีขนาดแตกต่างกัน และมีระดับกำลังรบที่แตกต่างกันทลายพื้นออกมาอย่างต่อเนื่อง

รอจนหุ่นรบตัวสุดท้ายขึ้นมาจากพื้น หุ่นรบทั้งหมดมารวมตัวพร้อมกัน

กลุ่มหุ่นรบก้าวออกมาข้างหน้าเหมือนกับอัศวินผู้ภักดีต่อราชา

และคุกเข่าลงข้างหนึ่ง

พวกมันคุกเข่าต่อหน้าเย่ว์หยาง คุณชายหมิงจูและคุณชายฉีมู่ที่ยืนตะลึง  “อ๊า.. นี่มันไม่ธรรมดาแล้ว!” ฉีมู่อยากอาเจียน หลายอย่างที่เห็นดูเหลือเชื่อ  แต่เขาไม่เคยเห็นเรื่องเหลือเชื่อเช่นนั้น  คนอื่นทำงานหนักหนาสาหัสแทบตายกว่าจะสร้างหุ่นรบได้ สิ้นเปลืองทั้งหยาดเหงื่อและน้ำตาอย่างมากมาย แต่นักเรียนไตตันยอดเยี่ยมเขาปลูกหุ่นรบในหลุมได้โดยตรง  ด้วยวิธีนี้ช่างผู้สร้างหุ่นรบในหุบเขามนุษย์ยังจะมีชีวิตต่อไปได้หรือ?  สิ่งนี้ไม่ใช่หัวไชเท้าจะปลูกขึ้นมาจากหลุมได้ยังไง?

ถ้าเป็นไปไม่ได้ มันถูกสร้างขึ้นมาโดยข้าหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่

แล้วเขาเองมีความสามารถยิ่งใหญ่แบบนี้ตั้งแต่เมื่อใด?

แน่นอน เขาคืออัจฉริยะ!

ไม่ว่าฉีมู่จะคิดเรื่องนี้อย่างไร ก็หาคำตอบไม่เจอ ไม่มีทาง  เขาต้องเชื่อว่าเขาคืออัจฉริยะที่มองไม่เห็น และยังไม่ถูกพบ

4 ความคิดเห็น:

โอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่า กล่าวว่า...

จะไม่ให้เสร็จแล้วได้ไง ในคัมภีร์มีคนช่วยตั้งหลายคนฮ่าๆๆๆ

Popcorn กล่าวว่า...

มีรวมร่างได้ด้วย นึกถึงการ์ตูนเรื่องหนึ่งได้ตอนเด็กชอบดู

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

zen zen กล่าวว่า...

กันดั้มแม่นบ่555

แสดงความคิดเห็น