วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1088 การยั่วยุของวายร้าย




ตอนที่ 1088  การยั่วยุของวายร้าย

หอโบราณบนภูเขาแท่นสวรรค์


ที่นี่คือศูนย์กลางของหุบเขามนุษย์ที่ผู้พเนจรและคนชั้นสูงเข้าร่วมในพิธีประเมินคะแนนชีวิต ภูเขาแท่นสวรรค์มีความสูงเป็นพิเศษถึงหมื่นเมตร ยอดเขาที่โดดเด่นนั้นเป็นที่ราบกว้างหลายสิบตารางกิโลเมตร เทียบได้กับเมืองธรรมดา  อย่างนั้นทั่วทั้งภูเขาแท่นสวรรค์สามารถรองรับให้ผู้คนอยู่อาศัยได้เป็นแสนคน

มองจากที่ไกล ยอดเขาสูงใหญ่ของภูเขาแท่นสวรรค์มียอดเขาแหลมมากมาย ยอดเขาใหญ่เป็นรูปกรวยเหมือนมีทางขนาดใหญ่ทอดลงสู่พื้น

ยอดบนของยอดเขาหลักนั้นเป็นที่ราบเรียบมีบุปผชาตินานาพันธุ์งอกเต็มไปหมด

แทนที่จะเป็นโลกเย็นยะเยือก กลับเป็นสวนใบไม้ผลิที่งดงาม

นอกจากยอดเขาหลักของแท่นสวรรค์แล้ว ยังคงมีอีกสี่ยอด

แตกต่างกันไปตามลำดับ

ยอดเขาทางทิศตะวันออกสูงน้อยกว่ายอดเขาหลักหนึ่งในสิบ แต่เขียวชอุ่มมีต้นไม้ขึ้นเขียวขจี มีสัตว์อสูรเติบโต ยอดเขาตะวันตกเหมือนกับทะเลทราย แห้งแล้งและร้อน มีพายุหมุน พายุทะเลทรายเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งกวาดร่องรอยให้หายไปจนมองไม่เห็น  ยอดเขาใต้เหมือนกับมีทะเลสาบ มีมากเพียงพอให้สัตว์น้ำได้อาศัยอยู่ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ ทางทิศเหนือเต็มไปด้วยหิมะและมีพายุหมุนเป็นเรื่องปกติ ที่นี่คือโลกหิมะน้ำแข็งที่หาได้ยาก

ถ้ายอดเขาแท่นสวรรค์ที่เป็นยอดเขาหลักเป็นสถานที่ให้ผู้พเนจรและคนชั้นสูงมารวมตัวชั่วคราวและมีส่วนร่วมในการประเมิน อย่างนั้นยอดเขาอีกสี่ยอดก็คือสนามต่อสู้

ทุกคนสามารถเข้ามาได้เพื่อพิสูจน์ผลแพ้ชนะตามกฎเกณฑ์

ในที่นี้มีการต่อสู้เพื่อเอาชนะกัน และให้ได้ผู้ชนะเลิศ

ภูเขาแท่นสวรรค์ หอโบราณเป็นสถานที่ใกล้ชิดกับเทพที่สุดในหุบเขามนุษย์ ที่นี่คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มนุษย์เทิดทูนบูชา

แม้แต่คนที่มีบุคลิกหยิ่งยโสที่สุด เมื่อมาที่นี่ก็ต้องยอมรับผลการแข่งขันและเกียรติยศอย่างดีที่สุด รวมทั้งจีอู๋ลี่และคนอื่นๆ ไม่มีการยกเว้น!

ไม่มีใครละเมิดอำนาจกฎสวรรค์ที่สร้างขึ้นโดยเทพโบราณ

ที่นี่คือสถานที่แห่งเดียวที่จะใช้ประเมินผล

ต้องได้รับการยอมรับ

จากนั้นผู้นั้นจะมีความโดดเด่นในหุบเขามนุษย์

มีคนจำนวนหนึ่งที่ปกติอาศัยอยู่บนหอคอยโบราณเกือบแสน แม้ว่าจะสามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้มากขึ้น  นอกจากคนรุ่นอาวุโสของสมาคมผู้พเนจรแดนฟ้า บุคคลพิเศษผู้รอบรู้บางคนที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมในการประเมินไม่มีใครกล้าเข้ามาในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้

แน่นอนว่าเมื่อถึงโอกาสพิธีประเมินคะแนนชีวิตบนยอดเขาแท่นสวรรค์จะมีเด็กสาวสามคนสวมชุดขาวลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ

ไม่มีใครรู้ว่าพวกนางอยู่มาตั้งแต่เมื่อใด

พวกนางมีพลังระดับเทวทูต แม้แต่ประธานใหญ่สมาคมผู้พเนจรแดนฟ้าและคนเฒ่าคนแก่อย่างมหาบัณฑิตพันปีก็ยังไม่รู้เรื่องราวในอดีตของพวกนาง  เขารู้แต่ว่าตั้งแต่มีบันทึกประวัติศาสตร์หุบเขามนุษย์พวกนางก็ปรากฏตัวในหุบเขามนุษย์แล้ว  บางครั้งพวกนางปรากฏตัวที่ทางเข้าของหุบเขามนุษย์พูดคุยกับผู้พเนจรที่สนใจ  และในพิธีประเมินผลที่จัดขึ้นทุกสามเดือน พวกนางจะมาตรงเวลา  แต่ส่วนใหญ่จะไม่พูดแค่มองดูจากระยะไกล หรือกลับไปเมื่อการประเมินมาถึงครึ่งทาง เฉพาะในกรณีที่ผู้พเนจรหรือคนชั้นสูงที่มีบุคลิกหายาก หญิงสาวระดับเทวทูตทั้งสามจึงจะพูดคุยสอบถามประเมินผล

คนในหุบเขามนุษย์รวมทั้งประธานกลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าและบัณฑิตพันปีมองออกว่าพวกนางคือเทวทูตแห่งหุบเขามนุษย์  พวกนางเป็นดวงตาของเทพเจ้า

ในนามของเทพ พวกนางสังเกตทุกอย่างในหุบเขามนุษย์

 “นักเรียนไตตัน!  ที่นี่คือหอคอยสวรรค์โบราณ  อาคารตรงกันข้ามคือวิทยาลัยแดนฟ้า  คนส่วนใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้ารุ่นแรก เรายังไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ เนื่องจากก่อนจะเข้าร่วมพิธีประเมินคะแนนชีวิต เราจะต้องอยู่ในหอพักนักศึกษาอีกสองสามวัน ทางสมาคมผู้พเนจรแดนฟ้าจะให้บริการที่พักฟรีพร้อมทั้งดูแลความปลอดภัยไม่ต้องกังวลการรั่วไหลของความลับในการเข้าประเมิน  หากเจ้าต้องการชมดูสำรวจ ก็อย่าออกไปไกลเกินไป เจ้าควรจะให้ความสนใจสถานที่ต่างๆ เช่นหอสมุดหยกขาวและพิพิธภัณฑ์ต่างๆ  แต่จงจำไว้ว่าอย่ารับปากสัญญากับคนอื่นที่ท้าทายเจ้า  เมื่อคำท้าทายได้รับการตอบรับ เจ้าจะถูกส่งไปที่หนึ่งในยอดเขาสนามต่อสู้เพื่อประลองกัน....  วายร้ายบางคนใช้เวลาในการเรียนรู้มากขึ้นกลายเป็นนักเรียนหัวดื้อ  นอกจากนี้ยังมีคนอิจฉาที่แอบร่วมมือกันเพื่อทำร้ายอัจฉริยะ...  เราต้องใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้” อาจารย์ใหญ่นำกลุ่มอยู่ข้างหน้าเย่ว์หยาง พาเขาไปที่หอคอยสวรรค์ของภูเขาเทียนผิงเพื่อให้เรียนรู้สถานการณ์โดยเร็ว อาจารย์ใหญ่เล่าสถานการณ์โดยรวมให้เย่ว์หยางฟัง

 “ขอรับ, เข้าใจแล้ว”  เย่ว์หยางทำตัวเป็นนักเรียนที่ดีเป็นธรรมดา

 “ความจริง ข้าไม่กังวลผลการประเมิน  เพราะถ้าไม่มีอุบัติเหตุใด เจ้าต้องเป็นผู้ชนะเลิศของปีนี้”  อาจารย์ใหญ่ลดเสียงและกระซิบย้ำที่หูเย่ว์หยาง  “แต่ด้วยมโนสำนึกของข้า ข้าไม่ต้องการให้ผลงานประเมินออกมาก่อน เจ้าอาจจะถูกเพ่งเล็งและมีการคำนวณแก้ไขในกรณีที่ความลับของหุ่นรบบินรั่วไหลออกไป นั่นจะส่งผลต่อการประเมินคะแนนและความปลอดภัย”

 “อาจารย์ใหญ่!  ข้าจะไม่ขัดแย้งทะเลาะกับคนอื่น โปรดสบายใจ”  เย่ว์หยางไม่เคยกลัวอะไร  ถ้าไม่ใช่เพราะเขาหวังจะใช้จงหัวต่ออีกสองสามวัน เขาคงทำเหมือนจีอู๋ลี่และจอมปีศาจไคเทียน พยายามเอาชนะใจผู้คนให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้

เจ้าตำหนักแสงสว่างจงหัวเป็นบุตรคนที่สิบของเจ้าเมืองไม้เงิน

แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นศัตรูของจีอู๋ลี่

แต่ก็สร้างความลำบากใจให้เขาบ้าง

อย่างน้อยการกระทำของจงหัวก็ช่วยเบี่ยงเบนสายตาของจีอู๋ลี่ ทำให้เย่ว์หยางซ่อนตัวอยู่ในเงามืดได้ดียิ่งกว่า

ในขณะตอบคำถาม ทันใดนั้นรัศมีประตูเทเลพอร์ตกระพริบส่องแสงอยู่ที่ด้านหลังของเขา คนกลุ่มหนึ่งถูกส่งเข้ามา  เย่ว์หยางจำคนแรกได้  นั่นคือคุณชายจินฉีที่ได้อวดผลงานในงานสัมมนาที่เมืองใบทอง  ตอนนี้คุณชายจินฉีนอกจากจะได้เป็นเจ้าเมืองน้อยแล้ว  ยังมีสถานะเป็นนักเรียนชั้นนำผู้มุ่งมั่นจะเอาชนะการแข่งขันนี้ให้ได้  เขามีหุ่นแม่เหล็กที่แข็งแกร่งพร้อมไปด้วยความมั่นใจ และรู้สึกว่าเขาจะสามารถเปล่งประกายในพิธีการประเมินครั้งนี้ได้  และได้รับชนะเลิศเป็นอันดับที่หนึ่ง

แต่เดิมในคาบสุดท้ายก่อนนั้น เมืองใบทองก็พร้อมจะเข้าแข่งขัน

อย่างไรก็ตาม หุ่นแค้นของเจ้าชายของจีอู๋ลี่นั้นแข็งแกร่งจริงๆ  และไม่มีใครกล้าแข่งขัน นอกจากจงหัวและกัปตันคุ้ก  เพื่อหลีกเลี่ยนหุ่นแค้นเจ้าชายของจีอู๋ลี่ หลีกเลี่ยงอสูรไอพ่นของจงหัว และนักรบทะเลของกัปตันคุ้ก ครั้งนี้จินฉีไม่มีเหตุผลใดที่จะเชื่อว่าเขาไม่ได้ชนะเลิศ

จินฉีรู้สึกว่าไม่มีความล้มเหลวคงอยู่แม้แต่หนึ่งในหมื่น

นอกจากหุ่นแค้นเจ้าชายของจีอู๋ลี่  เขามีความรู้สึกว่าหุ่นอสูรไอพ่นของจงหัวและนักรบทะเลของกัปตันคุ้กไม่ได้ทรงพลังเท่ากับราชันย์โลหิตหุ่นรบแม่เหล็กของเขา เขารู้สึกว่าตำแหน่งชนะเลิศนอนอยู่ในกระเป๋าของเขาอยู่แล้ว

 “หลีก หลีกไป พวกเจ้าไม่มีสติอยู่กับตัวหรือไง?”  สหายคนหนึ่งที่อยู่ใกล้จินฉี เห็นอาจารย์ใหญ่และเย่ว์หยางอยู่ข้างหน้าก็โบกมือไล่ให้หลีกทาง

 “นักเรียนจินฉีดูเหมือนจะมั่นใจมากสินะ!  อาจารย์โอมอนมองดูและอดแค่นเสียงไม่ได้

 “เราควรให้เกียรติครูบาอาจารย์  แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่อาจารย์ของเราก็ตาม  แม้ว่าพวกเขาจะเป็นกลุ่มครูบาอาจารย์ทำงานเพื่อบำรุงนักเรียนอย่างหนัก แต่ไม่เคยชนะเลิศมาเป็นสิบๆ ปีเลย จำเอาไว้ เราเป็นคนชั้นสูง มีเกียรติและความสง่างาม” จินฉีโอ้อวดคุณธรรมตนเองทำให้สหายในกลุ่มของเขาหัวเราะ

 “อา..อย่างนั้นหรือ?”  อาจารย์ใหญ่จินจงและอาจารย์จินกวง ท่านคิดอย่างนั้นไหม?”  อาจารย์ใหญ่อดกลั้นความโกรธไม่ได้  อาจารย์ใหญ่โรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าปล่อยให้นักเรียนตนเองพูดแบบนั้นได้อย่างไร นันจะมิเป็นการตบหน้าตนเองหรอกหรือ?

 “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าเมืองน้อยพูดว่าควรเคารพครูบาอาจารย์นั้นถูกต้องแล้ว  แต่คำพูดเล็กๆ น้อยๆ ของเด็กที่เต็มไปด้วยความฮึกเหิมของคนวัยหนุ่มสาว พวกเขาเต็มไปด้วยพลัง พวกเขาตรงไปตรงมากับสิ่งที่พวกเขาพูดและทำ ข้าต้องขอโทษแทนพวกเขา  หวังว่าอาจารย์ใหญ่และคณาจารย์จะยกโทษให้กับความเป็นเด็กของพวกเขา”  อาจารย์ใหญ่จินจงพูดตรงกันข้ามว่าเขาสายตาไม่ถึงและเขาขอโทษด้วย ที่จริงแล้วนี่เป็นการเยาะเย้ยเพื่อโอ้อวดตนเองในที่สาธารณะ  หลังจากหยุดเล็กน้อยพวกเขาอาจรู้สึกว่ายังพูดไม่พอ จึงเพิ่มประโยคอื่นอีกด้วย  “เป็นความประสงค์ของเทพเจ้าที่ให้มายังสถานที่โบราณแห่งนี้เพื่อร่วมประเมินตามธรรมชาติ เราก็ต้องทุ่มเทให้หมดเป็นธรรมดา เช่นเดียวกับท่านที่พร้อมจะนำปากกาขนนกศักดิ์สิทธิ์เข้าร่วมในการประเมิน  เราไม่มีอัจฉริยะที่ดีที่สุดเหมือนท่าน ดังนั้นเราจึงต้องใช้วิธีของเราผ่านหุ่นรบ  หลังจากสิบปีจากการทำงานอย่างหนัก ในที่สุดเราก็ประสบความสำเร็จ ในการผลิตหุ่นรบแม่เหล็ก  จินฉีน้อยก็มีความสุขอยู่บ้าง  เช่นเดียวกับท่านค้นพบความสามารถพิเศษของนักเรียนที่พัฒนาปากกาขนนกชั้นศักดิ์สิทธิ์ได้

 “ขอแสดงความยินดีกับรางวัลความคิดสร้างสรรค์  รางวัลนี้จะต้องตกเป็นของเจ้าแน่นอน  ปากกาขนนกระดับศักดิ์สิทธิ์นั้นน่าทึ่งจริงๆ”  อาจารย์จินกวงเยาะเย้ยตามน้ำ

 “ดูเหมือนว่าเจ้าต้องทำความเข้าใจการแข่งขันให้ดีนะ!  จินฉีมองดูเย่ว์หยางและกล่าวยั่วโมโห

 “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า....”

คนของจินฉีพากันหัวเราะลั่น นอกจากตัวเขาเองที่รู้สึกสนุกเฉยๆ

อาจารย์ใหญ่  อาจารย์โอมอนโกรธกันทุกคน

หน้าของพวกเขาซีด

ในฐานะอาจารย์ใหญ่และครูบาอาจารย์  พวกเขารู้เป็นธรรมดาว่าเป็นการย้อมแมวของเมืองใบทอง  เห็นได้ชัดว่าจินฉีไม่มีความสามารถในการพัฒนาหุ่นรบแม่เหล็ก  แต่เป็นเพียงการอวดอ้างชื่อสรรพคุณผิดๆ แปะไว้บนหัวของเขา จอมลวงโลกอย่างนี้จะเอาชนะอัจฉริยะประดิษฐ์ที่แท้จริง นักเรียนผู้ยอดเยี่ยมแท้จริงได้อย่างไร?

เมื่อกลุ่มคนเมืองใบทองอวดอ้างสรรพคุณ อาจารย์ใหญ่ข่มความโกรธและเอื้อมมือตบไหล่เย่ว์หยางเบาๆ  “ไตตันน้อย!  อย่าไปใส่ใจกับคู่ต่อกรสวะแบบนั้น จงเป็นตัวของตัวเอง เจ้าใช้เวลาไม่นานก็จะพบทางขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุด  ตัวตลกพวกนี้ไม่ต่างอะไรกับมดแมลงที่ปลายเท้าเจ้า   คนพวกนี้ไม่คู่ควรไปโกรธตอบด้วย  พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเรา  คู่ต่อสู้ของเราคือเวลา!  ตราบเท่าที่เราเอาชนะเวลาได้ อย่างนั้นทั่วทั้งหุบเขามนุษย์ จะไม่มีใครสามารถหยุดเจ้ามิให้สยายปีกบินได้...”

อาจารย์โอมอนกำหมัดแน่น แต่ก็ทำใจได้

ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ต้องชนะเลิศการแข่งขัน  แต่ยังต้องชนะอย่างสวยงามหมดจด และความแข็งแกร่งน่าเกรงขามของสถาบันจะตามมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!

อย่าปล่อยให้คนเหล่านี้ต้องพ่นพิษใส่นักเรียนไตตัน นักเรียนไตตันนั้นฝีมือยิ่งใหญ่กว่าบิดาของพวกเขาผู้เป็นช่างผู้ชำนาญการสร้างหุ่นรบ  คนอย่างเขาจะไม่ยอมให้วายร้ายที่น่ารังเกียจทำการดูหมิ่นที่ยากจะอภัยได้

 

4 ความคิดเห็น:

Nasee กล่าวว่า...

ขอบคุณฮะ

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

lawling กล่าวว่า...

โดนแมงมุมระเบิดเก็บ แน่นอน

Lazykuma กล่าวว่า...

พวกเอ็งซวยแล้วเฮียเย่ยิ่งถนัดสุดๆเลยบทหมูกินเสือนิ และพวกเอ็งโง่เปล่าเป็นเจ้าเมืองไม่สืบประวัติศัตรูหน่อยหรอวะเขาบารอนเลยนะเว้ยยย สมควรเป็นได้แค่กี้ๆแล้ว

แสดงความคิดเห็น