ตอนที่ 1092 ไม่มีทาง ฉลาดเป็นปกติอยู่แล้ว
ดูเหมือนว่ายอดเขาตะวันออกที่กล่าวไว้ก่อนนั้นไม่มีอะไรมากไปว่าคำใบ้ที่ซ่อนเป้าหมายที่แท้จริงนั่นก็คือศิลาศักดิ์สิทธิ์ของประตูเทเลพอร์ตที่ยอดเขาตะวันออก
สถานที่จริงที่จะได้รับโบราณวัตถุคือทะเลที่ไม่รู้จัก
คุณชายหมิงจูรู้สึกสดชื่น
ขณะก้าวเหยียบทรายนุ่มสีเงิน ฟังเสียงคลื่นทะเลซัดสาด มองดูท้องฟ้าสีน้ำเงิน คุณชายหมิงจูรู้สึกจิตใจขยายออกไปไม่มีที่สิ้นสุด ความรู้สึกถึงความสำเร็จผุดขึ้นจนเขารู้สึกว่าจะต้องตะโกนเสียงดัง ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางข่มความสุขลงได้ แม้ว่าจะยังไม่พบโบราณวัตถุ แต่เมื่อมาอยู่ที่แล้วความรู้สึกกังวลสับสนหายไป?
จุดที่สำคัญที่สุดก็คือความสำเร็จนี้ไม่เพียงแต่มาถูกทาง เพื่อค้นหาวัตถุโบราณ
นอกจากนี้ยังเอาชนะจีอู๋ลี่และจอมปีศาจไคเทียนได้
พวกเขาไม่อาจหาวัตถุโบราณได้เจอ
เขาสามารถทำงานร่วมกับเย่ว์หยาง และเขาหาได้พบ หมายความว่ายังไง? หมายความว่าการร่วมมือระหว่างเขากับเย่ว์หยางทำให้ชนะหลายอย่าง
เนื่องจากความตื่นเต้น คุณชายหมิงจูลืมตัวอดกระโดดกอดเย่ว์หยางไม่ได้ จนกระทั่งเขารู้สึกตัวว่ากำลังกอดเย่ว์หยางอยู่ จึงรีบผลักเขาออกไปแล้วกระแอม “การล่าขุมทรัพย์เพิ่งเริ่มขึ้น เราจะดีใจเร็วเกินไปไม่ได้”
“เอ่อ..ภายใต้การแนะนำที่ถูกต้องของคุณชายหมิงจู ข้าในฐานะจับกังคนหนึ่ง ข้าขอยืนยันมุ่งมั่นในสายนี้ร้อยปี!” เย่ว์หยางแสดงความมุ่งมั่น
“พูดเพ้อเจ้ออะไร!”
คุณชายหมิงจูดูเหมือนจะโกรธและแค่นเสียง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาไม่ได้ใช้ค้อนทองก็แสดงว่าหมิงจูกำลังอารมณ์ดี และไม่ใส่ใจกับคำพูดไร้สาระ
ขณะที่เย่ว์หยางกำลังจะเตรียมดำน้ำลงไปในทะเลและค้นหาวัตถุโบราณ ทันใดนั้นทะเลเริ่มมีคลื่นยักษ์แปลกประหลาดก่อตัวช้าๆ เป็นรูปกำแพงเมืองที่มีความยาวหลายสิบเมตร น้ำไหลตกมาจากด้านบน มองเห็นมวลน้ำขนาดใหญ่แปลกประหลาด เย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูตกตะลึงมองดู รอจนน้ำทะเลซัดสาด ร่างมวลน้ำนั้นไม่เปลี่ยน ร่างกายครึ่งบนเป็นมนุษย์ ครึ่งล่างเป็นคลื่นน้ำ
ที่น่าแปลกประหลาดก็คือยักษ์เหล่านี้ที่ก่อตัวขึ้นในน้ำเป็นหุ่นรบทั้งหมด แต่ละตัวสูงร้อยเมตร
มันค่อยๆ ลอยตัวขึ้นจากทะเลมุ่งหน้ามาทางเกาะที่เย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูอยู่
เมื่อเทียบกับหุ่นรบน้ำเหล่านี้แล้ว เกาะเล็กนี้ค่อนข้างจะเล็กเกินไป และเย่ว์หยางกับคุณชายหมิงจูพร้อมใจกันจูงมือหนีไปที่กลางเกาะ แม้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะหนีพ้นระยะโจมตีของหุ่นน้ำแต่พวกเขาคิดโดยอัตโนมัติว่าตรงนี้ปลอดภัยกว่า
คุณชายหมิงจูนับอย่างระมัดระวังและพบว่ามีหุ่นรบน้ำขนาดยักษ์ล้อมรอบเกาะอยู่ร้อยตัว
ไม่ว่าจะหลีกหนีไปทางใด
จะแหวกวงล้อมหุ่นยักษ์น้ำเหล่านี้หนีเย่อมเป็นไปไม่ได้
“จะทำอย่างไรดี?” คุณชายหมิงจูสับสนเล็กน้อย ถ้ามีหุ่นน้ำมาเพียงตัวเดียว อย่างนั้นเขาจะใช้หุ่นรบทองสู้ด้วย แต่นี่มีมากกว่าร้อยตัว จะสู้ได้อย่างไร? นอกจากนี้ หุ่นยักษ์น้ำเหล่านี้ไม่ตายแน่นอน พวกมันสามารถรวมตัวในทะเลได้อีกแม้ว่าพวกมันจะพังทลายไปแล้วก็ตาม! พวกมันสามารถรวมตัวกับน้ำทะเล หุ่นน้ำโบราณนี้เป็นหุ่นที่ไม่รู้ว่าผู้ใดสร้างขึ้นมันรวมตัวเข้ากับทะเล หากทะเลไม่เหือดแห้ง พวกมันจะไม่ตาย ไม่ต้องพูดถึงการใช้หุ่นรบ แม้ว่าเย่ว์หยางและหมิงจูลงมือเองก็เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าพวกมัน
“รอก่อน ต้องมีสักทาง เป็นไปไม่ได้ที่ไม่มีทางเลย ให้เวลาข้าสักสองสามวินาที เดี๋ยวก็คิดออก” เย่ว์หยางปลอบใจ
“เจ้าขอเวลากับพวกมันเถอะ...” คุณชายหมิงจูกลืนน้ำลายกระวนกระวาย
มีหุ่นรบน้ำมากมายที่เข้ามาใกล้เย่ว์หยางที่สุดอยู่ที่ชายฝั่ง พวกมันเริ่มต่อยและเริ่มโจมตี บางตัวก็พ่นน้ำใส่เย่ว์หยางและคุณชายหมิงจู บางตัวก็ระดมขว้างก้อนน้ำแข็ง บางตัวก็ระดมหมัดที่เกิดการควบแน่นของเกลือโจมตีไม่หยุดหย่อน
ไม่ว่าโดนพลังโจมตีไหน ล้วนไม่เป็นผลดีแน่นอน
และสิ่งที่แน่นอนยิ่งกว่านั้น
ถ้าถูกฝูงหุ่นน้ำโจมตีใส่ อย่างนั้นเย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูจะต้องช้าลงทันที
และแน่นอนย่อมจะถูกฝูงหุ่นน้ำล้อมโจมตีอย่างไม่รู้จักหมดสิ้น และไม่รู้ว่าผลสุดท้ายจะจบลงเช่นไร
“ในบรรดาคุณสมบัติทั้งหลาย สิ่งที่ยับยั้งน้ำได้คืออะไร?” เย่ว์หยางพาคุณชายหมิงจูหนี หลบการโจมตีสองสามชุดแรก แต่นี่เป็นการหลบชั่วครู่ไม่สามารถหลบพลังโจมตีของหุ่นน้ำที่เริ่มโจมตีมากขึ้น ท่ามกลางความวุ่นวายกับการหลบหลีก จู่ๆ เย่ว์หยางก็มีคำถามแบบนั้น คุณชายหมิงจูได้ยินเท่านั้นก็ตะโกนลั่นทันที “เจ้าโง่, ไฟ ไฟ ไฟ มันแน่นอนอยู่แล้ว!”
ไฟและน้ำไม่ถูกกัน!
ใช่แล้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อเย่ว์หยางได้ยิน เขาฝืนใจพูด “ต้องใช้ไฟมากเท่าใดถึงจะต้านเจ้าหุ่นน้ำงี่เง่าทั้งร้อยตัวนี้ได้ หุ่นรบหรือ? ภูเขาไฟ คาดว่าเกือบคล้ายกัน”
ไม่มีทางใดที่คุณชายหมิงจูจะลงทะเลได้ ฝูงหุ่นน้ำนี้แทบจะไร้เทียมทาน! หุ่นรบธรรมดาจะทำอะไรได้ แม้ว่ามันจะติดไฟก็ตาม? ฝูงหุ่นรบน้ำทั้งหมดประกอบขึ้นจากน้ำ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะแผดเผาพวกมันให้เป็นไอ ถึงทำเช่นนั้นมันจะกลับมาเติมเต็มทะเลได้ทันที ตราบเท่าที่กฎสวรรค์ยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายพวกมัน
“แล้วข้าจะทำอะไรได้เล่า? ถ้าไฟใช้ไม่ได้ อย่างนั้นเจ้าน่าจะลองใช้ลมพัดเจ้าพวกนี้ขึ้นไปบนฟ้าให้หมดเป็นไง?” คุณชายหมิงจูให้เหตุผลอย่างสิ้นหวัง เพราะคิดอะไรอื่นไม่ออก
“แล้วไงอีก?” เย่ว์หยางไม่ต้องการทำแบบนั้น ต้องลมแรงขนาดไหนถึงจะกวาดหุ่นน้ำสูงร้อยเมตรให้ลอยขึ้นไปบนฟ้าได้
“อย่างนั้นเจ้าก็ดำลงไปในทะเลและเก็บโบราณวัตถุขึ้นมา” คุณชายหมิงจูนึกแผนได้แค่นี้
“ทำอย่างนั้นกลุ่มหุ่นน้ำจะกลับลงไปในทะเลหรือ?” เย่ว์หยางถามอีก
“เจ้าไม่มีปัญญาหลบหรือ?” คุณชายหมิงจูคิดว่าคนผู้นี้งี่เง่า
“ข้าอยู่ในทะเลสามารถผ่านร่างหุ่นน้ำไปได้หรือไม่?” เย่ว์หยางรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับความสามารถของเขาเป็นครั้งแรกในชีวิต
“......” คุณชายหมิงจูไม่พูด คาดว่านี่คือภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเขาลงไปหาวัตถุโบราณ บางทีอาจหาวัตถุโบราณไม่พบ แต่ถ้าหุ่นยักษ์น้ำดำลงไปในทะเลกว้างใหญ่ เขาคงได้เป็นอาหารปลาและกุ้งแน่นอน
“ดีแล้ว ตอนนี้ปฏิเสธที่จะทอดทิ้งความหวัง”
เย่ว์หยางขณะที่ถอย เขาใช้เท้าลากทรายเป็นรอยวาดพร้อมทั้งใช้มือช่วยวาดอย่างรวดเร็ว จากนั้นขุดหลุมตื้นๆ และดึงผลึกปีศาจออกมาจำนวนหนึ่งแล้วหย่อนลงในหลุม จากนั้นใส่ศิลาศักดิ์สิทธิ์ในหลุมอย่างต่อเนื่องจนครบวง จากนั้นวาดผังอักขระรูนที่ซับซ้อนขึ้น
กระบวนการทั้งหมดนี้ เสร็จสมบูรณ์ขณะที่เขาทำไป ดึงคุณชายหมิงจูให้หนีไปพร้อมกัน
ในทุกช่วงเวลาจะมีหุ่นน้ำมากกว่ายี่สิบตัวโจมตีเข้ามา ไม่ว่าพวกเขาจะหนีไปส่วนใดของเกาะ ก็ไม่มีทางหลุดพ้นจากวงล้อมได้ เกาะมีขนาดเล็กเกินไป ยาวและกว้างไม่ถึงร้อยเมตร จุดสูงสุดสูงเพียงสามสิบเมตร หุ่นรบน้ำเข้าโจมตีเย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูเหมือนกับผู้ใหญ่รังแกมดน้อยที่น่าสงสารสองตัว แม้ว่าการโจมตีครั้งนี้จะไม่สามารถทำร้ายเย่ว์หยางและหมิงจูได้ แต่มันน่าหงุดหงิดที่ต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำโดยไม่สามารถโต้ตอบได้ นอกจากนี้ร่างกายยังเปียกปอน
ครืนน ครืนนน ครืนนน!
ผังภูมิอักขระรูนที่เย่ว์หยางวาดไว้เสร็จพอดี และมีบางอย่างผุดขึ้นมาจากหาดทราย
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่เหมือนกับหุ่นยักษ์หินภูเขาไฟที่เขาเคยสร้างครั้งแรก แต่เป็นหุ่นทรายชนิดใหม่
หุ่นทรายตัวแล้วตัวเล่าทลายพื้นออกมาตามประสงค์ของเย่ว์หยาง และเข้าต่อสู้กับหุ่นน้ำ หุ่นทรายเป็นวัตถุที่รวมกันอย่างหลวมๆ เห็นได้ชัด ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหุ่นยักษ์น้ำ ความสมบูรณ์ในการก่อตัวเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงไม่อาจเอาไปเทียบกับหุ่นรบน้ำที่สร้างขึ้นอย่างประณีตโดยนักสู้ยุคโบราณผู้แข็งแกร่ง
หุ่นทรายทั้งสองต่างระดับกันสิ้นเชิง
หุ่นรบน้ำ อย่างน้อยเป็นระดับแพลตตินัม แต่หุ่นทรายนั้นเพราะเหตุผลที่ผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก และรีบเร่งผลิต ทั้งหมดจึงเป็นระดับเงิน และมีตัวระดับทองอยู่ตรงกลาง เห็นได้ว่าทั้งสองฝ่ายมีระดับพลังที่ห่างกันมาก
หุ่นทรายปล่อยให้หุ่นน้ำ ยิงพลังน้ำร่างระเบิดทลายอย่างรวดเร็ว ทรายนับไม่ถ้วนพังทลายอย่างต่อเนื่อง
ภายใต้การโจมตีเต็มกำลังของฝ่ายตรงข้าม หุ่นทรายพังทลายอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าเย่ว์หยางจะผลิตมาอย่างเพียงพอ
ก็ไม่สามารถถ่วงเวลาได้มากนัก
หุ่นน้ำเหมือนพยัคฆ์เข้าไปในฝูงแกะ ไม่ว่าจะต่อยไปทางไหน ทุกอย่างก็พลังทลายมิอาจต้านได้
อย่างไรก็ตามก็เหมือนกับหุ่นยักษ์น้ำ หุ่นทรายก็มีความสามารถในการฟื้นฟูควบแน่นเหมือนกัน เว้นแต่ฝ่ายหนึ่งเป็นคุณสมบัติน้ำ อีกฝ่ายหนึ่งเป็นคุณสมบัติทราย หุ่นทรายที่พังทลายลงบนชายหาดของเกาะน้อย หลังจากนั้นไม่นานก็ลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง หลายตัวยังไม่ทันฟื้นฟูควบแน่นได้เต็มที่ก็ถูกโจมตีพลังทลายไปก่อน
แต่ไม่ว่าหุ่นน้ำจะโจมตีหนักเพียงใดก็ตาม ก็ไม่สามารถฆ่าหุ่นทรายที่อ่อนแอนี้ได้
หุ่นทรายถูกโจมตีทำลายแต่ไม่ตายเหมือนกับแมลงสาบ พวกมันกลับลุกขึ้นยืนอีกครั้งแม้จะถูกทำลายก็ตาม ไม่ว่าจะพังทลายกี่ครั้ง พวกมันก็ไม่ได้รับผลแต่อย่างใด
ถ้าหุ่นน้ำมีสติปัญญาอยู่บ้าง พวกมันไม่ควรสนใจหุ่นทรายที่ไม่เป็นภัยคุกคามเหล่านี้
น่าเสียดายที่หุ่นน้ำเป็นแค่ระดับแพลตตินัม ไม่ใช่ระดับศักดิ์สิทธิ์
พวกมันไม่มีความฉลาดอยู่เลย พวกมันรู้แต่การโจมตีเป้าหมายที่ใกล้ที่สุด พวกมันรุมล้อมโจมตีหุ่นทรายข้างหน้าและโจมตีไม่หยุด โดยไม่สนใจว่าการโจมตีของพวกมันจะมีประสิทธิภาพหรือไม่ อย่างไรก็ตามคุณชายหมิงจูและเย่ว์หยางลอบหอบหายใจหลั่งเหงื่อโชก ตอนนี้มนุษย์ทั้งสองไม่ใช่เป้าหมายแรกของการโจมตี และกลุ่มหุ่นทรายเหล่านี้ขวางอยู่ข้างหน้าพวกเขา
สิ่งที่ทำให้คุณชายหมิงจูประหลาดใจก็คือ หุ่นน้ำเหล่านี้พวกมันโจมตีหุ่นทรายอย่างต่อเนื่อง และองค์ประกอบน้ำทะเลปนเปื้อนทรายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เริ่มจากน้อย และมากขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดมีหุ่นน้ำหลายตัวที่มีทรายปนอยู่ที่ร่างและแขน ทั้งหมดเต็มไปด้วยทรายปนน้ำทะเลทั่วไป
หลังจากร่างเต็มไปด้วยทรายก็ไม่ส่งผลต่อการทำงานของพวกมัน หุ่นน้ำเหล่านี้ยังคงเหมือนเดิม แต่ความเคลื่อนไหวของพวกมันช้าลง และมีความรู้สึกว่าเหมือนกับคนมาก และหุ่นน้ำเริ่มเป็นเช่นนี้มากขึ้น ความเคลื่อนไหวของพวกมันช้าลงเรื่อยๆ ถึงเวลานี้ ไม่มีตัวใดคุกคามเย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูได้อีก
“ธาตุดินเป็นหนึ่งในห้าธาตุ ธาตุดินสามารถข่มธาตุน้ำได้” คุณชายหมิงจูประหลาดใจ มองดูเย่ว์หยาง “เจ้าคิดแบบนี้ได้ยังไง?”
“ข้าฉลาดมาตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว!” เย่ว์หยางไม่เคยรู้ว่าการถ่อมตัวคืออะไร
“ไม่อยากเชื่อเลย!” คุณชายหมิงจูทำท่าเหมือนอยากอาเจียน
“ไม่ต้องชื่นชมข้ามากนักก็ได้... ข้ารู้ว่าเจ้าแอบชื่นชมข้าอยู่ในใจ แต่ใจส่วนหนึ่งก็ปฏิเสธไม่ยอมให้เจ้าชื่นชมข้า!” เย่ว์หยางทำสีหน้าว่าเข้าใจเป็นอย่างดี
“ข้าไม่เคยเห็นคนแบบนี้มาก่อนในชีวิตเลย!” คุณชายหมิงจูโมโห
“ถูกแล้ว, ข้าก็เชื่อว่าเจ้าไม่เคยเห็นบุรุษหล่อเหลาอย่างข้ามาก่อนในชีวิต เจ้าอิจฉาข้าเป็นเรื่องธรรมดามาก” เย่ว์หยางพูดไม่ทันจบค้อนทองยักษ์ก็เงื้อขึ้น เย่ว์หยางวิ่งหนีค้อนทองยักษ์ซึ่งมีพลังมากกว่าหุ่นน้ำยักษ์ร้อยตัวรวมกันเสียอีก แน่นอนเขาไม่อาจต้านได้ เมื่อเย่ว์หยางอยู่ในแนวช่องว่างของสนามรบ ขณะลอบเข้าไปในทะเลอย่างลับๆ ค้อนทองในมือของหมิงจูได้แต่ถือค้าง สีหน้าของเขามีแววกังวล
เขายิ้มและหันกลับไปส่งเสียงดังหลอกล่อ
การกระทำของคุณชายหมิงจูนี้เพื่อสนับสนุนเย่ว์หยางเต็มร้อย
ตอนนี้เห็นเขาลอบลงทะเลเพื่อไปค้นหาวัตถุโบราณ หากบอกว่าคุณชายหมิงจูไม่ห่วง นั่นเป็นเรื่องโกหก ก่อนหน้านี้เขาก็กังวล บางทีเย่ว์หยางเจาะจงใช้เสียงหัวเราะเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหมิงจู ยั่วให้หมิงจูโกรธเพื่อจะได้คลายกังวล
สิบนาทีผ่านไป หนึ่งชั่วโมงผ่านไป สองชั่วโมงผ่านไป... กระทั่งผ่านไปครึ่งวัน เย่ว์หยางก็ยังไม่กลับขึ้นมา
คุณชายหมิงจูกังวลเหมือนมดในกะทะร้อน
เขาต้องการตามรอยเย่ว์หยางไปอยู่หลายครั้ง
แต่เขากัดริมฝีปากล่างจนเจ็บปวดเพื่อสงบอารมณ์และล้มเลิกความคิดเช่นนั้น
และยิ่งกว่านั้น การรอเขาเป็นวิธีที่ดีที่สุด
ถ้าเขาลงไปตาม มีความเป็นไปได้ว่าจะหาเขาไม่พบ ถ้าหาพบอาจกลายเป็นตัวถ่วงเขาก็ได้ เรื่องที่ไม่ฉลาดที่สุดก็คือ ถ้าเขากลับขึ้นมาจากทะเลและไม่พบเจอหมิงจู นั่นอาจทำให้เขาเป็นห่วงมากขึ้น
กลางวันผ่านไปจนกระทั่งตกกลางคืน
เย่ว์หยางถึงโผล่ออกมา
เขาทะยานขึ้นมาจากน้ำทะเล
พอคุณชายหมิงจูมองเห็นภาพเขาก็ดีใจจนลืมตัว บนหาดทรายหุ่นน้ำกับหุ่นทรายยังคงสู้กันต่อไป ก่อนที่เย่ว์หยางจะทันได้ทำอะไร หมิงจูก็กระโดดกอดเขาจนตกทะเลด้วยกัน เขาอยากกอดไว้อย่างนี้ การต้องเป็นห่วงใครทั้งวันทั้งคืนมันน่าทุกข์ใจ แต่พอเห็นตัวร้ายกลับมาก็ลืมเรื่องทั้งหมด “เจ้ากำลังร้องไห้หรือ?” คนที่เพิ่งขึ้นมาจากทะเลสงสัยว่าเขาตาบอดหรือไม่
“คนบ้า, ทรายมันเข้าตา!” บางคนที่ต้องรอถึงหนึ่งวันหนึ่งคืนด้วยความกังวลปฏิเสธจะยอมรับ
“ถ้าทรายเข้าตาจริงๆ อย่างนั้นข้าจะช่วยเป่าให้!”
“เป่าหัวเจ้าเถอะ!”
6 ความคิดเห็น:
ขอบคุณแอดมินจ้า
หมิงเยวกวงเเน่ๆ
ใจจ้า
คิดเหมือนกันเลยฮะ
ธาตุทรายมันจะข่มน้ำยังไงวะมีแต่น้ำที่จะจ่มทราย ตอนมึงสู้กับมนุษย์ พวกแดนสวรรค์ที่เป็นมนุษย์ทรายมึงยังต้องใช้น้ำเพื่อที่ทำให้ร่างมันที่เป็นอมตะไม่สมารถรักษาตัวเองได้เลย ที่นี้มึงจะมาบอกว่าทรายข่มน้ำได้ยังไงวะ ย้อนแยงชิบหาย
ตอนสู้กับมนุษย์ทรายใช้ทฤษฎีทำลายการควบแน่นของร่างกายทำให้ประสิทธิภาพลดลงแล้วทำลายง่ายขึ้น ส่วนอันนี้ใช้ทฤษฎีการข่มกันของตารางเบญจธาตุซึ่งดินข่มน้ำ แล้วก็ไม่ได้สร้างหุ่นมาสู้ให้ชนะแค่ให้ถ่วงเวลาเฉยๆ
แสดงความคิดเห็น