ตอนที่ 1116 เสรีภาพ โอกาส การยอมรับ
เทวีเสรีภาพอิงหลัวจิตใจสงบราบเรียบเหมือนกระจก
นางไม่ได้เบือนหน้าหนีปฏิเสธเย่ว์หยางเหมือนที่เคยทำมาก่อน เพียงแค่เหลือบตาโดยไม่ตั้งใจ ดวงตาของนางมองไม่เห็นแน่นอน แต่ตาที่บอดนี้สามารถมองทะลุเข้าไปในจิตวิญญาณของเขาได้เสมอ เย่ว์หยางไม่ได้รู้สึกอายสำหรับคนที่แข็งแกร่งในโลก เด็กหนุ่มจากโลกอื่นไม่ได้ด้อยกว่าใคร
เพียงแต่เมื่อเผชิญหน้ากับเทวีเสรีภาพ
เขามีความรู้สึกไม่สบายใจ
ไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของนาง แต่เป็นเพราะจิตใจกว้างขวางและความเมตตาของนาง
เขาเชื่อว่าในโลกนี้ ไม่มีใครมีความเมตตาและเข้าใจสรรพสัตว์มากกว่าเทวีเสรีภาพแล้ว ความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจของนาง ไม่ใช่ความเมตตาอย่างคนโง่หรืออ่อนแอ ทั้งไม่ใช่การไถ่บาป แต่เป็นความเมตตาระดับสูง
เป็นความเมตตาที่ถึงระดับเทพหรืออาจสูงมากกว่า
สำหรับคนทั่วไป นางไม่คิดว่าความทุกข์นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี ในทางตรงกันข้าม นางมีความเชื่อว่าการที่คนทุกข์ทรมานเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการเลื่อนระดับสภาวะจิตใจ เป็นวิถีก้าวหน้าเลื่อนเป็นระดับเทพได้ตลอดไป แต่ในท่ามกลางผู้คนที่เจ็บปวดและสับสน นางมอบความสะดวกและช่วยเหลือผู้ทุกข์ทนเหล่านั้น
เมื่อรู้ว่าคนเหล่านั้นประสบความยากลำบากทรมาน แต่เพราะความเจ็บปวดมีมากเกินไป ผู้ทุกข์ทรมานจึงเป็นผู้น่าสงสาร
เย่ว์หยางขอร้องนางอีกครั้ง
วิธีอย่างนี้ จะไม่ขัดแย้งกันหรือ?
แต่เวลานั้นเทวีเสรีภาพกลับตอบด้วยรอยยิ้ม บางอย่างรู้ว่าผิดก็ต้องทำ ตราบเท่าที่สิ่งนั้นออกมาจากหัวใจ
ก่อนที่จะเดินทางไปยังเกาะกลางบึงหยุดลมเพื่อสู้กับจ้าวสุริยา เย่ว์หยางเคยสนทนากับนาง เนื่องจากการรู้แจ้งในระดับสภาวะใจของนาง เย่ว์หยางจึงเริ่มต้นตระหนักถึงความจริงของมนุษย์และเทพ นั่นทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นมาก ในท้ายที่สุดด้วยความช่วยเหลือของเย่ว์หวี่ การฝึกฝนนั้นทำให้เขาเข้าใจสภาพของธาตุน้ำบริสุทธิ์และธาตุไฟที่สมบูรณ์แบบที่สุด หากปราศจากการรู้แจ้งจากเทวีเสรีภาพ เย่ว์หยางคงไม่ได้เลื่อนระดับอย่างรวดเร็ว
แม้ว่ามองอย่างผิวเผินเทวีเสรีภาพจะไม่ได้มีบทบาทในการชี้ขาดการต่อสู้ระหว่างเย่ว์หยางและจ้าวสุริยาก็ตาม
แต่ในความเป็นจริงก่อนการต่อสู้ การรู้แจ้งที่ได้รับจากนางทำให้เกิดผลกระทบอย่างต่อเนื่องในการเลื่อนระดับของเขา
หลังจากเอาชนะจ้าวสุริยา
เย่ว์หยางพาเทวีเสรีภาพซึ่งถูกชางหลงโจมตีจนหมดสติกับพื้นกลับมาที่โลกคัมภีร์ด้วย
การกระทำนี้ แม้จะเป็นการเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง แต่เย่ว์หยางไม่ได้มีความคิดเรื่องขืนใจนาง แค่ต้องการนำเทวีเสรีภาพออกมา ไม่ปล่อยให้นางพเนจรอยู่ในภูมิภาคสวนสวรรค์ที่เต็มไปด้วยสงคราม และใช้พลังชีวิตหมดไปกับมดแมลงที่อ่อนแออย่างไร้ประโยชน์
ต่อมานางเซียนหงส์ฟ้าและราชันย์ปีศาจใต้เข้าปกครองภูมิภาคสวนสวรรค์ สถานการณ์สงครามต่อสู้กันในภูมิภาคสวนสวรรค์ก็ค่อยๆ ดีขึ้น จึงไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยนางไป
แต่เทวีเสรีภาพไม่ได้ต่อต้านคัดค้าน
ตรงกันข้าม นางยังคงอยู่ต่อ ยกเว้นบางครั้งก็พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้อักขระรูนและกลยุทธ์โบราณกับอู๋เหินและเย่ว์หวี่ ส่วนใหญ่นางจะคิดคำนึงอยู่เงียบๆ นางเป็นสตรีที่ไม่มีความปรารถนาทะเยอทะยาน อี้หนานกับเย่ว์ปิงจะโน้มน้าวใจนางได้อย่างไร? แต่นางอาจจะไม่ปฏิเสธอย่างชัดแจ้ง นางรอจนกว่าเย่ว์หยางจะเข้ามาจากนั้นจึงค่อยอธิบายอย่างชัดเจนว่าทำไมถึงยากจะปฏิเสธอี้หนานและเย่ว์ปิง เหมือนอย่างที่เคยปฏิเสธกีดกันห่างไกลเป็นพันไมล์เลยหรือเปล่า?
“ข้ามาแล้ว!” เย่ว์หยางเตรียมทำใจมองผลในแง่ร้ายที่สุด
“หลายวันมานี้ ข้าคิดไตร่ตรองเป็นอย่างดี” เทวีเสรีภาพอิงหลัว ไม่ได้ขับไล่ไสส่งแขกอย่างที่เขาคิด แต่กลับปล่อยวางใจที่นิ่งดุจทะเลสาบสนทนากับเขาฉันท์มิตรในโลกภายในจิตอย่างสงบ “เพราะไม่ได้ทำอะไรเลยข้าจึงต้องคิดมาก”
“อย่างนั้น ท่านคิดอะไรอยู่?” หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เย่ว์หยางแน่ใจว่าคงหยอกเล่นสนุก พูดว่าท่านไม่มีอะไรทำในช่วงเวลาที่ผ่านมา หรือจะพูดว่าเพื่อชื่อเสียง ท่านอุทิศตนอุทิศความรักให้ผู้อื่นก็ได้ไม่ใช่หรือ...แต่อยู่ต่อหน้าเทวีเสรีภาพ เขารักษามารยาทจริงจังยิ่งกว่าอยู่ต่อหน้าจักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนเสียอีกและไม่ยิ้มพร่ำเพรื่อ
“ข้ากำลังคิดว่าจุดจบของชีวิตหนึ่ง คือจุดเริ่มต้นอีกชีวิตหนึ่งก็ได้” เทวีเสรีภาพอิงหลัวพูดเช่นนี้ เย่ว์หยางถึงกับหลั่งเหงื่อ
“เรื่องลึกลับมากเช่นนี้ปล่อยให้ผู้เชี่ยวชาญค้นคว้าวิจัยเถอะ” เย่ว์หยางรีบโบกมือไม่อยากคุยเรื่องนี้มาก
“ความจริงแล้วไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องค้นคว้าวิจัยเรื่องอย่างนั้น ข้าไม่ได้ค้นคว้าวิจัยเชิงวิชาการ ข้ามีอิสระในการปลดปล่อยมากขึ้น ข้าเข้าใจมากขึ้นว่าถ้าชีวิตถูกยกเลิกไปจะเป็นการปลดภาระหรือไม่? ถ้ามันคือจุดเริ่มต้นของอีกชีวิตหนึ่งก็อาจไม่ใช่ความโล่งใจ แต่เป็นการเริ่มต้นความสุขหรือความทุกข์ในระยะสั้น ความโล่งใจย่อมเกิดได้เมื่อไม่ใส่ใจทุกสิ่ง” เทวีเสรีภาพถอนหายใจเล็กน้อย “ข้าได้คิดได้สำรวจติดตามการแบ่งเบาทุกข์แบบนี้ในสถานที่เล็กๆ แต่ข้าก็เข้าใจว่า บางทีข้าไม่อาจไปถึงระดับนั้นได้ในชีวิตของข้า”
“ดูท่านไม่เหมือนคนมองโลกในแง่ร้าย?” เย่ว์หยางประหลาดใจ “ท่านมีอิสระและเป็นอยู่อย่างดี มีอะไรไม่พอใจอีก?”
“ข้าไม่มีอะไรไม่พอใจ แต่ข้ามักมีความรู้สึกบางอย่างในใจอยู่เสมอ สิ่งที่ไม่ได้เรียกร้อง เป็นไปได้ว่ามันเกินจินตนาการ หรืออย่างที่เจ้าบอก ข้าอาจคิดมากเกินไป” เทวีเสรีภาพส่ายศีรษะเล็กน้อย
“ความหลุดพ้น” เย่ว์หยางเริ่มขมวดคิ้ว แต่ทันใดนั้นเขาลืมตาและยิ้มราวกับดวงตะวันที่ไม่มีเมฆหมอกบดบัง
“ดูเหมือนว่าเจ้ามักจะได้คำตอบง่ายๆ เสมอ เจ้าสามารถบอกข้าบ้างได้ไหม?” เทวีเสรีภาพอิงหลัวรู้อยู่แล้วตั้งแต่นางอยู่ที่บึงหยุดลมว่าเย่ว์หยางเป็นคนฉลาดที่สุดเท่าที่นางเคยพบมา รวมทั้งตัวนางเองก็สามารถเข้าใจความจริงบางอย่างโดยไม่จำเป็นต้องรู้แจ้ง แต่เขาไม่เพียงแต่สามารถเปลี่ยนให้เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังนำไปใช้ได้จึงไม่ใช่เรื่องที่พูดเกินจริง เขาเป็นคนฉลาดผิดมนุษย์ทั่วไป
“เพื่อให้เป็นเช่นนี้ ในแต่ละขอบเขตมีวิธีหลุดพ้นต่อกัน” เย่ว์หยางยกตัวอย่างต่อ “เช่นคนธรรมดาสามัญคนหนึ่ง ถูกภารกิจหน้าที่กดดัน ทำให้ต้องเหนื่อยหนักทำงานหาอาหาร เสื้อผ้ารายได้เพื่อใช้จ่ายในการดำรงชีวิตรวมทั้งสิ่งอื่นๆ เพื่อทำให้ตัวเองภรรยาลูกๆ มีชีวิตที่เป็นสุขกินดีอยู่ดีมีเสื้อผ้าสวมใส่ ต้องทำงานแทบไม่มีเวลาหยุดพักหายใจ... ถ้าสักวันหนึ่งเขาแก้ไขสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดได้ก็นับเป็นความโล่งใจ อยู่มาเกิดได้รับความมั่งคั่งอย่างไม่คาดฝัน มีเงินเป็นล้าน อาหาร เสื้อผ้าไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป ปัญหาความเจ็บปวดในใจของเขาจางหายไปอย่างสมบูรณ์ เต็มไปด้วยความสุข ดังนั้นเขาจึงอยู่ในสภาพโล่งอกเบาใจ แต่ถ้าเป็นการได้รับเงินล้านของคนอื่น นั่นไม่ใช่การบรรเทา แต่เป็นความยากลำบาก”
“นั่นตัวอย่างหรือ?” เทวีเสรีภาพไม่คิดว่าเย่ว์หยางจะยกตัวอย่างขึ้นมาอธิบาย นางจึงสนใจใคร่รู้ทันที
“อา.. ข้าคงไม่รู้สึกโล่งใจ เป็นอิสระสำหรับเงินหนึ่งล้าน ตัวอย่างเช่น คนที่ไม่ใช่คนทั่วไปผู้ต้องดิ้นรนทำงานหาเงินซื้ออาหารเสื้อผ้า แต่ถ้าเป็นนักศิลปะ คนผู้มีชื่อเสียง ขุนนางพวกเขานอนไม่หลับตอนกลางคืน พวกเขาต้องการความเงียบ และแรงบันดาลใจ ไม่ใช่เงิน” เย่ว์หยางยกอีกตัวอย่างหนึ่ง
“ด้วยวิธีนี้ พวกศิลปินที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจได้ ถือเป็นความโล่งใจหลุดพ้นหรือไม่?” เทวีเสรีภาพถามตามตรง
“นี่ก็ไม่ใช่” เย่ว์หยางตอบกลับทันที
“หือ?” เทวีเสรีภาพสงสัย
“เพราะข้าเพิ่งบอกไปแล้ว ความโล่งใจระดับแรกของคนทุกระดับนั้นเหมือนกัน และมีความทุกข์อยู่ในทุกระดับ อย่างเช่นคนทั่วไปที่ดิ้นรนทำมาหากินอย่างต่อเนื่อง ความทุกข์ยากของเขาคือแรงกดดันของชีวิต และความคาดหวังอันแรงกล้าของลูกๆ และภรรยาของเขาที่รอรับอาหาร นั่นเป็นภาระที่หนักหน่วงที่เขาไม่สามารถบรรเทาหรือหลุดพ้นไปได้ ในทางกลับกันการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในอีกระดับนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นี่ไม่ใช่ปัญหาที่เงินทองสามารถแก้ไขได้ง่าย” เย่ว์หยางหยุดและพูดต่อ “แน่นอนว่ามีปัญหาต่างๆ ในโลกมาก กว่าจะสร้างสรรค์ผลงานศิลปะออกมาได้ ยากต่อการจำกัด และมีมากมายเป็นหมื่นอย่าง ตัวอย่างเช่นท่าน มีสิ่งที่ท่านต้องการให้เป็นอิสระ แม้ว่าท่านไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เพื่อปลดปล่อยตนเอง หรืออาจจะกล่าวได้ว่าไม่ว่าจะเป็นชนชั้นไหน ล้วนแต่มีปัญหาส่วนตัวที่พวกเขาต้องเผชิญ และยากที่พวกเขาจะกำจัดได้”
“สมเหตุสมผลดี” เทวีเสรีภาพยอมรับมุมมองของเย่ว์หยาง และถามอีกครั้ง “ผู้ชมดูมีความคิดกระจ่าง เจ้าจะให้ความเห็นข้าอีกสักอย่างได้ไหม?”
“ย่อมแน่นอน” เย่ว์หยางมีความสุข “ท่านต้องการฟังเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก?”
“เอ๋..เจ้าจริงจังอยู่หรือเปล่า?” สำหรับเย่ว์หยางที่สัมผัสถึงสถานะที่แท้จริงของนางโดยบังเอิญ ทำให้เทวีเสรีภาพพูดไม่ออก ควรจะภูมิใจมากเกินไปหรือเปล่า?
“ความจริง ท่านต้องการเป็นอิสระ นั่นเป็นเรื่องง่าย ก็แค่เป็นคนธรรมดา” เย่ว์หยางรีบสำรวมตัวไม่พูดนอกประเด็น เขากลับคืนสู่หัวข้อสนทนาหลักครั้งแรก “ถ้าท่านเป็นสามัญชนที่ยังต้องดิ้นรนกับชีวิตชนชั้นล่าง เพื่อให้ได้มีอาหารกินวันละสองมื้อ จากนั้นพูดว่าเป็นอิสระ นั่นเป็นเรื่องง่ายมาก ข้าให้อิสระท่านได้เป็นร้อย”
“ปัญหาก็คือข้าไม่มีความกังวลเรื่องเสื้อผ้าและอาหาร ท่านให้ข้าสักหนึ่งล้าน นั่นดูเหมือนว่าจะไม่มีผลอะไรจริง” เทวีเสรีภาพฟังแล้วอดไม่ได้ที่จะต้องประหลาดใจ
“อ๋า, นั่นเป็นเพราะท่านยังคิดว่าตัวเองเป็นเทวีเสรีภาพที่ผู้คนเทิดทูนบูชาและช่วยชีวิตผู้คน ถ้าท่านละทิ้งตัวตนนั้นและกลายเป็นสตรีธรรมดา ท่านพบว่ามีหลายในชีวิตที่มีค่าสำหรับความสุขของท่าน ขอโทษที เมื่อถึงตอนนั้นท่านจะมีความเป็นอยู่ที่ดีที่ท่านไม่เคยมีมาก่อน ท่านอาจจะกรีดร้องด้วยความดีใจ เพราะมีบางอย่างที่มีความสุขมากจนร้องเพลงเต้นออกมาได้ทันที มิฉะนั้นท่านจะไม่แสดงความตื่นเต้นออกมา อาจเกิดขึ้นได้ที่ท่านร้องไห้เพราะบางเรื่อง ท่านอาจไม่อยากเศร้าอีกไป หวังว่าจะมีเพื่อนสักล้านคนอยู่รอบๆ เพื่อปลอบใจตัวเอง หรือหวังว่าจะสามารถแก้ไขสิ่งผิดพลาดที่ท่านทำลงไป แม้ว่าจะต้องจ่ายเป็นหมื่นๆ... หากท่านเต็มใจฟังข้ากล้าที่จะพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าท่านไม่เหมือนคนปกติเลยในตอนนี้ แต่เหมือนกับเซียนหรือกึ่งเทพที่ดูแคลนสิ่งมีชีวิต! ท่านไม่มีความเศร้าหรือความสุขในหัวใจ ท่านเห็นสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเหมือนมด เมื่อมองลงมายังโลกมนุษย์เข้าใจโลกตามความเป็นจริงและมองความคิดของโลกอย่างถี่ถ้วน ท่านจะมีความสุขและเพลิดเพลินกับชีวิตได้อย่างไร หากปราศจากความสุขและความสุขในการแสวงหาชีวิตว่าคืออะไร ท่านจะมีชีวิตอิสระได้โดยไม่ทำตามได้อย่างไร?” ในที่สุดเย่ว์หยางก็มาถึงบทสรุป “อิงหลัว! ข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของท่านคือ ไม่มีสิ่งใดจำเป็นต้องคลี่คลายปลดปล่อย ดังนั้นท่านจึงไม่สามารถสลัดหลุดออกมาได้!”
“...” เทวีเสรีภาพตะลึงงัน นางไม่เคยคิดเลยว่าคำตอบของเย่ว์หยางจะเป็นเช่นนี้
“ท่านคิดว่าข้ายอดเยี่ยม จะชื่นชมข้าหน่อยได้ไหม?” เย่ว์หยางว่าเขาแสดงออกในระดับสุดยอดแล้วในเวลา เขายังอดยกย่องตัวเองไม่ได้
“เจ้าคิดว่าข้าอาจกลายเป็นหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งได้หรือไม่?” เทวีเสรีภาพถอนใจหนักหน่วง
“ถ้าท่านเชื่อข้านะ!” เย่ว์หยางตบอก ไม่มีปัญหา เขาพร้อมอุทิศตัวเพื่อความเปลี่ยนแปลง
“นี่คือจุดประสงค์ของการมาของเจ้าในวันนี้หรือ?” เทวีเสรีภาพตอบโต้ในที่สุด
“เอ่อ, ข้าไม่ได้คิดถึงการพูดคุยหัวข้อนี้มาก่อนที่ข้ามาจริงๆ” เย่ว์หยางรีบแสดงความบริสุทธิ์ใจก่อน ความจริงที่เป็นเรื่องที่ยากสำหรับเขา
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องของข้าก่อน พูดเรื่องตัวเจ้าเอง” เทวีเสรีภาพใช้ดวงตามองผ่านทางจิตเย่ว์หยางและถาม “เจ้าเคยคิดถึงเรื่องนี้ในหุบเขามนุษย์ ความลำบากเช่นนี้เป็นโอกาสจริงๆ หรือไม่? ผ่านการทดสอบที่นี่เจ้าจะได้เลื่อนระดับอย่างรวดเร็วหรือไม่?”
“แน่นอน ข้าคิดถึงเกี่ยวกับปัญหานี้ ไม่เพียงแต่ที่หุบเขามนุษย์ แต่เป็นทุกสิ่งและทุกระดับของชีวิต!” เย่ว์หยางหัวเราะลั่น “ข้าเตรียมพร้อมจะรับมือกับทุกอย่าง จัดการกับการฝึกฝนทุกอย่าง สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตทุกส่วนทุกระดับ ผ่านความเข้าใจระดับสูงขึ้นไปแล้วพัฒนาเลื่อนชั้นตนเอง ท่าน, เทวีเสรีภาพอิงหลัว ท่านเคยคิดไหมว่านี่เป็นบททดสอบในชีวิตของท่าน และนี่ก็เป็นโอกาสในชีวิตของท่านเช่นกัน? แน่นอนว่าท่านอาจชอบอดีตแบบนี้ และปฏิเสธอย่างเด็ดเดี่ยวดำเนินชีวิตต่อไป อย่างไรก็ตาม หากท่านยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ท่านจะติดอยู่ในความสับสนที่ไม่สามารถคลี่คลายได้โดยไม่ต้องมีอะไรที่ปลดปล่อยตัวเองออกมาในตอนนี้ ท่านจะหลงทางอยู่เสมอ ไม่เคยมีเป้าหมายในการยกระดับขึ้นไปถึงด้านอื่น หรือการแสวงหาความสุขพื้นฐานที่สุด!”
“...ข้าไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆ...” เทวีเสรีภาพตกตะลึงจริงๆ และใช้เวลานานมากกว่าจะตอบเย่ว์หยางเล็กน้อย “ขอบคุณ, กลับกลายเป็นว่าอี้หนานและเย่ว์ปิงมาที่นี่ข้ายังมีความสับสน ตอนนี้ข้าเข้าใจเต็มที่แล้ว
คำพูดของนางยังไม่จบ
ร่างของนางเปล่งรัศมี
ตอนแรกเป็นรัศมีที่นุ่มนวลมากเหมือนกับสายน้ำไหล และค่อยเจิดจ้าขึ้นในที่สุด
นั่นกลายเป็นลำแสงที่ฉายจากบนศีรษะนางขึ้นไปบนท้องฟ้า
เงียบสงบ
แต่แสงท่วมไปทั้งโลกคัมภีร์ทันที
เย่ว์หยางที่อยู่ใกล้ดูเหมือนจะได้ยินเสียงแห่งธรรมชาติเงียบ จากก้นบึ้งหัวใจและร่างของเขาอาบอยู่ในแสงรัศมี มีความรู้สึกสะดวกสบายและสงบอย่างสมบูรณ์ เหนือศีรษะของเทวีเสรีภาพมีภาพฉายเทพธิดาเอนกายพิงพนักในท่าที่สวยงาม นางเอื้อมมือมาลูบนัยน์ตาของเทวีเสรีภาพอิงหลัว
22 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ จะเกิดอะไรขึ้นกันนะ
ฮืมมได้เวลาปล้ำเทพ
ขอบคุณครับ
สาระล้วนๆ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
เหมาะสมกับเทพธิดาจริงๆ
ได้เทพมาร่วมปาตี้อีก1รายการแล้วอาหยาง
หือ...เอาได้ลงคอรึ
อีกตอนละปอด555
ไอ้ 3 สฺดยอด
ใจจ้า
สนุกมากคับ
ขอบคุณผู้แปล มาวันละ2ตอน มีความสุขมากๆ
ท่านได้รับเทพ1ea
แยกสถานะเทพออกหรือเปล่าเพื่อจะได้เป็นหญิงสาวธรรมดา และเอาสถานะเทพไปให้เฮียเย่สร้างเทพมั้งเดาๆ
เทพีโดนมนต์มารของชายสามแล้ว หึหึหึ
เลาะหลอก
ขอบคุณครับ
เทวีแปลงร่าง
เอ๊ะะะะะะะ
ตามเซนก็ต้องบอกว่าบรรลุมรรคผลฉับพัน เหมือนฟ้าผ่ากลางใจ
แสดงความคิดเห็น