วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1126 ความจริงที่คาดไม่ถึง



ตอนที่  1126  ความจริงที่คาดไม่ถึง

 “มีสถานที่สำหรับส่งเสริมประสบการณ์พิเศษให้เจ้า ถ้าเจ้าสามารถทำได้...อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม”  คนที่กล่าวคนแรกคือสตรีผู้ถือคัมภีร์สีเงินชุดขาว นางพูดไม่จบเหมือนกับว่าสงวนคำพูดไว้


 “นั่นก็ดีแล้ว  ข้าเชื่อว่าเราจะปฏิบัติตามข้อกำหนดตามวันเวลาที่กำหนดไว้ และจะไม่สายเกินไปแน่”  เย่ว์หยางยิ้มเล็กน้อย

เขารู้มานานแล้วว่าการทดสอบขั้นสุดท้ายไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

ถ้าการทดสอบง่ายมาก อย่างนั้นหมื่นปีที่ผ่านมานักรบผู้มีความสามารถของรุ่นก่อนที่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดคงบรรลุเป้าหมายไปมากมายแล้ว

นอกจากนี้ จากมุมมองของฝ่ายตรงข้าม ยิ่งการทดสอบยากยิ่งขึ้น  รางวัลความสำเร็จย่อมเป็นของที่ดีที่สุดแน่นอน  เทวทูตทั้งสามสามารถอยู่และรอเวลาที่จะมาถึง  สำหรับเย่ว์หยางถือว่าสิ่งนี้ประสบความเร็จไปมากกว่าครึ่ง เมื่อเทียบกับจีอู๋ลี่ผู้แสวงหาผลลัพธ์โดยการแลกเปลี่ยนกับเทพปีศาจ  เย่ว์หยางกับหมิงจูกำลังก้าวหน้าไปถูกทางอย่างมิต้องสงสัย    เฉพาะการทดสอบสุดท้ายการฟื้นคืนชีพของเทพปีศาจ

คุณชายหมิงจูรู้ว่าพวกนางจะไม่พูดตอนนี้  แต่พวกนางทั้งไม่เต็มใจและไม่สามารถช่วยได้  ได้แต่ถามปัญหาขึ้น  “ท่านช่วยบอกเราได้ไหมเกี่ยวกับหุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์?”

เทวทูตหญิงคนกลางยิ้มโดยไม่พูดอะไรเพียงแต่ลูบคัมภีร์ในมือ

เทวทูตคนที่หยิ่งและกล้าหาญหยุดพูด

เทวทูตหญิงหน้ากลมน่ารักเห็นเย่ว์หยางต้องทำเป็นเหมือนไม่ให้ความร่วมมือกับคุณชายหมิงจู นางอดปลอบใจเขามิได้  “ที่จริงสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ว่าจะเป็นความลับ เราจะบอกเจ้าเร็วๆ นี้หรือต่อจากนั้น  แต่ตอนนี้ยังไม่เหมาะสมที่จะบอกเจ้า  มันจะส่งผลต่ออารมณ์และสถานะของเจ้า

เย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูมองหน้าและพยักหน้าให้กัน และขอบคุณเทวทูตสาวหน้ากลมผู้น่ารัก

นางมิได้ระบุไว้ให้ชัดเจน

แต่เย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูพยายามคาดเดานิดหน่อย

ก่อนหน้านี้พวกนางบอกว่าเทพปีศาจกลับมาและถ้าไม่มีใครหยุดมันได้พวกนางจะออกมาเอง...เย่ว์หยางสงสัยว่าถึงเวลานั้น คงมีแต่เทพปีศาจผู้เดียวเท่านั้น ไม่อาจจะรักษาหุบขามนุษย์ไว้ได้และล่มสลายในที่สุด  จากนั้นจะมีเทพปีศาจนับไม่ถ้วนในหุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์

ถ้าการใช้ชีวิตในหุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์ยังเอาตัวไม่รอดแล้วพวกเขาจะไปที่ไหน?

ความปลอดภัยที่แท้จริงอยู่ตรงไหน?

นอกจากนี้เย่ว์หยางยังมีข้อสงสัยเกี่ยวสถานที่เร้นลับอย่างหอคอยเหนือหอคอแห่งหุบเขามนุษย์  ขุนเขาเหนือขุนเขาแห่งหุบเขาโลกธาตุ และฟ้าเหนือฟ้าแห่งหุบเขาสวรรค์ ไม่ใช่ว่าสถานที่เหล่านี้ไม่มีอยู่จริง  แต่หลังจากการต่อสู้ในหอคอยเหนือหอคอยเป็นการยืนยันข้อสันนิษฐานในใจของเย่ว์หยาง  หลังจากคุยกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและจักรพรรดินีเทียนฟาในโลกคัมภีร์แล้ว เย่ว์หยางก็ได้ข้อสรุปตามจากการเสนอแนวคิดของทุกคน  จากนั้นแบ่งปันแนวคิดสันนิษฐานให้กับหมิงจู  นั่นคือ ตอนนี้ในหอคอยโบราณแห่งหุบเขามนุษย์ ความจริงก็คือหอคอยเหนือหอคอย  และหอคอยเหนือหอคอยซึ่งเป็นสถานที่ต่อสู้กับเทพปีศาจนั้นก็คือหอคอยโบราณแห่งหุบเขามนุษย์

ทั้งสองที่สลับตำแหน่งกันโดยไม่ทราบสาเหตุ

วิญญาณของเทพปีศาจหลุดออกจากร่างและถูกผนึกไว้ในหอคอยเหนือหอคอย

ซึ่งความจริงก็คือหอคอยโบราณนั่นเอง

อาจเป็นเพราะผู้แข็งแกร่งทรงพพลังยุคโบราณสลับช่องว่างมิติระหว่างหอคอยโบราณกับหอคอยเหนือหอคอย

นั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่ทุกคนจะเห็นได้ว่ารูปแบบอาคารโบราณหลังจากเข้าไปในอาคารจะมีขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใหญ่กว่าอาคารด้านนอกถึงสิบเท่า  อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเมื่อเย่ว์หยางนำหินเทพเจ้าออกมาที่ยอดเขาทั้งสี่ของหอคอยโบราณเพื่อเข้าสู่พื้นที่ผนึกโบราณและค้นหาสมบัติโบราณ  หินวิเศษเหล่านี้รู้จักกันในนามของพลังงานอนันต์ เดิมทีไม่ได้มีอยู่หลังจากที่เทพปีศาจถูกผนึกเพื่อใช้วัตถุโบราณนั้นยับยั้งเทพปีศาจไม่ให้ออกมาจากผนึก  นักรบโบราณที่แข็งแกร่งจงใจสร้างประตูเทเลพอร์ต และหินพลังงานในยอดเขาทั้งสี่ทิศ เย่ว์หยางใช้ตาทิพย์ตรวจสอบพบว่า ยอดเขาทั้งสี่ทิศยังไม่ได้รับหินพลังงาน

ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าจะมีประตูเทเลพอร์ต แต่ไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานจากศิลาศักดิ์สิทธิ์

ทุกอย่างถูกเปิดเผย

เกี่ยวกับการทดสอบสติปัญญา สำหรับการทดสอบคนรุ่นหลัง  นักเรียนที่ฉลาดที่สุดและยอดเยี่ยมที่สุดสามารถค้นหาโบราณวัตถุได้  คนธรรมดาไม่มีทางได้รู้ความลับฟ้า และแม้แต่ไม่มีโอกาสร่วมในการทดสอบค้นหาโบราณวัตถุ

หอคอยเหนือหอคอยเป็นหอคอยโบราณดั้งเดิมของแท้  และเย่ว์หยางรู้สึกว่ายังมีเหตุผลอื่นสนับสนุนอยู่

นั่นคือพลังเทพ

ในการต่อสู้กับเทพปีศาจ พลังที่น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงที่เทพปีศาจแสดงออกมานั้นไม่มีใดเทียบได้  แต่ยังเป็นพลังที่อ่อนแอเพียงหนึ่งในร้อยของพลังเทพเดิม แต่ก็ยังเล่นงานเย่ว์หยางจนทุลักทุเล เด็กหนุ่มจากโลกอื่นอาจพูดได้ว่า เป็นสุดยอดฝีมือที่สั่นสะท้านจักรวาลได้  ในท้ายที่สุดแล้ว เขาก็แทบเอาตัวไม่รอด เพียงแต่เทพปีศาจไม่มีโอกาสโจมตีครั้งที่สอง  ในทางตรงกันข้าม เมื่อแข่งขันกันที่ยอดเขาตะวันตก ที่เขาเผชิญกับจินฉีและว่านหมอ จินฉีได้พลังปีศาจมาหนึ่งในหมื่น และว่านหมอได้พลังเทพปีศาจมาหนึ่งในพัน    แม้ว่าดูเหมือนจะได้ความสามารถมามาก  แต่ในความเป็นจริงเย่ว์หยางรู้สึกว่าการต่อสู้ง่ายกว่าที่เขาคิด

หากสลับไปสู้กับเทพปีศาจที่หอคอยเหนือหอคอย พลังเทพหนึ่งในพันก็ทำให้เขาลำบากได้

ทำไมความแตกต่างระหว่างทั้งสองจึงมากมายขนาดนั้น?

เหตุผลก็คือหอคอยโบราณก็คือหอคอยเหนือหอคอยที่แท้จริงซึ่งเทพสร้างให้สำหรับเป็นที่ฝึกฝน และกฎสวรรค์ที่จำกัดห้ามมีพลังรุนแรง

ดังนั้นจินฉีและว่านหมอที่ต่อสู้กับเย่ว์หยางในยอดเขาตะวันตก  พลังเทพปีศาจของพวกเขาถูกสกัดกั้นโดยกฎสวรรค์และอ่อนแอลงอย่างมาก  ไม่เช่นนั้นพลังที่พวกเขาใช้จะต้องมากมายยิ่งกว่านั้น

ถ้าจินฉีกับว่านหมอเปลี่ยนที่สู้กับเย่ว์หยาง

ไม่ว่าที่ใดในหุบเขามนุษย์

แม้ว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้ก็ตาม

แต่คงไม่พ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ

หากพลังเทพที่ทำการแลกเปลี่ยนกันโดยเทพปีศาจไม่มีผลเลย  เทพปีศาจจะรู้ว่ามันจะไร้ประโยชน์ถ้าเขาเล่นงานเย่ว์หยาง? แน่นอนว่าเขาต้องการกำจัดเย่ว์หยาง  แต่น่าเสียดายที่เทพปีศาจไม่ได้คิดว่าจินฉีและว่านหมอจะต่อสู้กับเย่ว์หยางที่ยอดเขาตะวันตก  ดังนั้นผลลัพธ์ของพลังเทพบางอย่างก็ไร้ประโยชน์และเย่ว์หยางถูกโจมตี

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเย่ว์หยางได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความลับของเทพปีศาจ

เขาไม่สับสนเหมือนเมื่อก่อนที่ไม่รู้อะไร

เพราะการสลับระหว่างหอคอยโบราณและหอคอยเหนือหอคอย เป็นเพราะทัศนคติก่อนหน้านี้ของเทวทูตสาวชุดขาวทั้งสาม เช่นเดียวกับข้อมูลเล็กน้อยที่เย่ว์หยางรวบรวมไว้จากนางพญาเฟ่ยเหวินหลีและเหตุผลขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน  เย่ว์หยางได้ทำการคาดเดาที่กล้าหาญมาก  หากหุบเขามนุษย์ล่มสลายไปเฉยๆ อย่างนั้นหุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์ก็ไม่สำคัญ  ดังนั้นพวกเขาต้องพูดเท็จ... มิฉะนั้นเทพโบราณคงไม่สามารถสร้างดินแดนมิติฝึกฝีมือที่จะทำให้คนรุ่นหลังไม่มีความหวัง ไม่มีทางสำเร็จเป้าหมายได้เลย!

หุบเขามนุษย์ หุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์มีแนวโน้มว่าจะตกอยู่ในมือของเทวทูตชุดขาวสามสาว

จากนั้นพวกนางเลือกเป็นการส่วนตัว

มีแต่ผู้มีคุณสมบัติที่ดีที่สุดถึงจะเข้าไปได้

เป็นไปไม่ได้ที่เทพโบราณจะให้การส่งเสริมทดสอบฝึกฝนเทพที่มีความทะเยอทะยานรุ่นหลัง หรือเทพปีศาจชั่วร้าย ที่ไม่มีทางควบคุมบังคับได้  เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้กองกำลังป่าเถื่อนควบคุมคนที่มีความหวังที่แท้จริงให้หลงทาง

ดังนั้นกุญแจสำคัญสำหรับไขทุกอย่างอยู่ที่เทวทูตสตรีชุดขาวทั้งสาม

พวกนางแสดงถึงประสงค์ของเทพเจ้าโบราณในระดับหนึ่ง

อย่างน้อยก็อยู่ในยุคเดียวกันกับเทพโบราณ จะเลือกผู้สืบทอดเจ้าของคัมภีร์เทพที่แท้จริง... หากหุบเขามนุษย์เป็นของปลอม อย่างนั้นหุบเขาโลกาและหุบเขาสวรรค์ที่จำเป็นต้องผ่านไปให้ได้ ก็เป็นของปลอมเช่นกัน จริงๆ แล้วมันอยู่ที่ไหน?

 “เจ้ายิ้มค่อนข้างน่ากลัว อย่าตีข้านะ ข้าจะไม่พูดอะไรเลยในตอนนี้”  เทวทูตสาวหน้ากลมผู้น่ารักกลัวที่จะมองเย่ว์หยาง เพราะเด็กหนุ่มหัวเราะน่ากลัวพร้อมกับจ้องมองนาง ใบหน้าของสาวเทวทูตผู้น่ารักบ่งบอกว่ามีจิตใจอ่อนโยนที่สุด  และนางชอบหยอกล้อเย่ว์หยางมากที่สุด นางจึงเป็นคนที่น่าบอกความลับได้มากที่สุด

 “ก็ได้ อย่ามองข้าเหมือนกับหมาป่าเห็นลูกแกะ  เจ้าเช็ดน้ำลายที่ปากก่อน!  คุณชายหมิงจูทนดูไม่ไหว เขาใช้วิธีอย่างสุภาพ  เจ้าหมอนี่ดีแต่จะใช้กำลังหรือไง?

 “ข้าเหมือนคนช่างกระวนกระวายอย่างนั้นหรือ?”  เย่ว์หยางทำตัวกร่าง คุณชายหมิงจูยืนอยู่ด้วยอย่างนี้เขาหักหน้าได้อย่างไร

 “ไม่ใช่ว่าดูเหมือน แต่ว่าใช่เลย!  คุณชายหมิงจูรู้สึกว่าการป้องกันอย่างเข้มงวดไม่มีอะไรผิด จะเป็นยังไงถ้าเจ้าเด็กนี่ ทำงานเพื่อผลประโยชน์ตัวเองภายใต้หน้ากากทำงานเพื่อสาธารณะ เป็นแค่เพียงไม่จริงใจอย่างนั้นหรือ

 “ก็ได้ เจ้าชนะ”  เย่ว์หยางทำเป็นก้มหน้าขีดเขียนแก้เก้อ เขาไม่ต้องการทะเลาะกับคุณชายหมิงจู

คุณชายหมิงจูเชิดหน้าภูมิใจเหมือนนกยูง

มันยากที่จะเอาชนะเขาได้สักครั้ง  และเอามาอวดเมื่อใดก็ได้!

เทวทูตสตรีที่ถือคัมภีร์สีเงินนั่งเงียบๆ ในกระโจมชั่วคราวที่เย่ว์หยางสร้างให้ นางทรุดตัวนั่งลง ไม่ว่าเย่ว์หยางและหมิงจูจะทำอะไร นางไม่สนใจ ส่วนเทวทูตสตรีที่ดูห้าวหาญมองเย่ว์หยางและหมิงจูจากนั้นเดินเข้าไปพักในกระโจม เหลือแต่เทวทูตหญิงหน้ากลมน่ารักเอียงคอมอง  ดูเหมือนนางจะชอบมองภาพลักษณ์ย่ำแย่ของเย่ว์หยาง เป็นรูปลักษณ์เหมือนขโมยที่ถูกจับได้ เห็นแล้วมีความสุข

ในเวลากลางคืน เย่ว์หยางก่อกองไฟ

เขาจับปลาและกุ้งในทะเลมาทำกับข้าวมื้อค่ำ

เทวทูตสามสาวไม่สนใจอาหาร  แต่นางดื่มน้ำพุวิญญาณที่เย่ว์หยางนำมาจากหอทงเทียน

คุณชายหมิงจูวิพากษ์วิจารณ์งานฝีมือของเย่ว์หยาง  แต่ในความเป็นจริงเขาพอใจมาก เขายิ้มและถามเกี่ยวกับกิจการของเย่ว์หยางในแดนสวรรค์  แน่นอนสิ่งที่อย่างถามมากที่สุดก็คือหอทงเทียน   น่าเสียดายที่เย่ว์หยางแค่สนทนาสั้นๆ นอกจากเป็นหัวข้อที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

 “หอทงเทียน กล่าวกันว่ามีสุสานเทพเจ้า สุสานเทพเจ้าจริงๆ ใช่ไหม?”  เทวทูตหน้ากลมผู้น่ารักมีความรู้ดีมาก

 “และคัมภีร์เทพด้วย!  เทวทูตหญิงผู้หยิ่งจิบน้ำพุวิญญาณและพูดคุยสนทนาด้วย

 “เจ้าเคยเห็นคัมภีร์เทพมาก่อนไหม?”  เย่ว์หยางเหลือบตาถาม

 “คัมภีร์เทพจะอยู่ในใจของผู้ที่มองเห็นได้.. ผู้ที่ถูกลิขิตไว้ว่าจะได้มาจึงจะเห็นได้  ผู้ที่ไม่มีชะตาได้รับก็จะมองไม่เห็นแน่!  เทวทูตผู้ถือคัมภีร์เงินยิ้มอ่อนโยน ราวกับจะถามเย่ว์หยางเงียบๆ ว่าเจ้าคิดว่าตนเองมีวาสนาหรือไม่?  ประโยคนี้ของนางก็มีความหมายว่า คัมภีร์เทพไม่ใช่สิ่งที่จะรับได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะใช้ความพยายามมากเพียงไหน ทุ่มเทราคามากเพียงไหนก็ไม่มีทางได้รับ เพราะคัมภีร์เทพเลือกเจ้าของเอง

คัมภีร์เทพจะเลือกเจ้านายของตนเอง

แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่กองกำลังภายนอกจะบังคับเอามาได้ ไม่ว่าจะมีพลังมากขนาดไหนก็เป็นไปไม่ได้

ความจริงเย่ว์หยางไม่คิดถึงปัญหาเรื่องนี้  เด็กหนุ่มจากโลกอื่นยังมีคัมภีร์เทพฤทธิ์ที่เขายังไม่มีโอกาสได้ใช้  สำหรับคัมภีร์เทพเขาต้องการได้มาเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นได้ไป ไม่ใช่เพื่อตัวเขาเอง

แน่นอนว่าถ้าคัมภีร์เทพเลือกเขา อย่างนั้นเย่ว์หยางก็ไม่ต้องเกรงใจ

เย่ว์หยางไม่ต้องการสนทนาหัวข้อนี้มากเกินไป เนื่องจากคัมภีร์เทพฤทธิ์ที่ไม่สามารถเรียกใช้งานได้ทำให้เขากังวลอย่างมากว่าความลับจะรั่วไหล โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าคุณชายหมิงจู และสามเทวทูตสาวชุดขาว ถ้าพูดไปโดยไม่ตั้งใจอย่างนั้นก็จบกัน  ดังนั้นเย่ว์หยางเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องหุบเขาทั้งสาม หุบเขามนุษย์ หุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์  “ถ้าประสบการณ์ในหุบเขามนุษย์คือการเกิดใหม่ จากนั้นพัฒนาตนจนเลื่อนไปเป็นเทพ อย่างนั้นประสบการณ์ในหุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์จากนั้นจะเป็นยังไง?”

คำถามนี้เขาถามโดยไม่ตั้งใจ  และไม่ได้ถามเพื่อลองใจ

เป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติอย่างสมบูรณ์

เขาต้องการพูดคุยเรื่องนี้ หลังจากพูดเรื่องนี้แล้ว เย่ว์หยางรู้ตัวทันทีก็รีบเปลี่ยนหัวข้อคุย

คาดไม่ถึงว่าเทวทูตหญิงผู้ถือคัมภีร์สีเงินเปลี่ยนทัศนคติและตอบเขาโดยตรง  “จริงๆ แล้วมันไม่สำคัญ  สำหรับเจ้าความหมายที่แท้จริงของหุบเขาโลกธาตุก็คือทำลาย และหุบเขาสวรรค์ก็คือการสร้าง”

 “....” เย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูตกตะลึง มองหน้ากันเอง และพวกเขาพูดไม่ออกชั่วครู่

ทำไมนางถึงบอกความจริง?

แต่สิ่งที่น่าสงสัยที่สุดก็คือการสร้างของหุบเขาสวรรค์ไม่มีอะไร  แต่ความหมายที่แท้จริงของหุบเขาโลกธาตุคือการทำลายนั้น... การทำลายคือการทดสอบชนิดหนึ่งหรือ?

12 ความคิดเห็น:

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

oBABYVOXo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

--- กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ
ข่าวที่น่าตกใจ

Popcorn กล่าวว่า...

ดื่มน้ำพุจนเมาเลย. คนเมาชอบพูดความจริง

Akirabas กล่าวว่า...

เพื่อกลายเป็นเทพอะเนอะ

BJ กล่าวว่า...

สนุกๆมีเงื่อนให้ทุกตอน

ผ่านมา กล่าวว่า...

ในคัมภีร์ก็มีสาวๆรออยู่ นอกคัมภีร์ก็มีสาวๆอยู่ด้วย

Lazykuma กล่าวว่า...

ทำลายร่างมนุษย์และเกิดใหม่ในร่างเทพปะ

peter กล่าวว่า...

ขอบคุณ

CHANTANA กล่าวว่า...

ตีบวกรอเลยไอ้3

Unknown กล่าวว่า...

โอ้ยย555

Kingtest5 กล่าวว่า...

จะเป็นเทพต้องทำลายก่อนแล้วค่อยสร้างสินะ

แสดงความคิดเห็น