วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1128 แม่ผู้ฉลาดที่สุดในประวัติศาสตร์



ตอนที่  1128  แม่ผู้ฉลาดที่สุดในประวัติศาสตร์

 “ทำไม?” เย่ว์หยางไม่สามารถข่มความโกรธได้ เขาตะโกนใส่เทวทูตสาวผู้ถือคัมภีร์เงิน  “ทำไมเป็นแบบนี้?  อธิบายให้ข้าฟัง!


 “พลังความแข็งแกร่งของนางใกล้ระดับเทพมากอยู่แล้ว แต่นางยังไม่ฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บ และนางยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่ นางยังขาดพลังเทพ ตอนนี้พอพลังนางฟื้นฟูนางจึงเลื่อนไปเป็นระดับเทพและต้องออกจากหุบเขามนุษย์ไปโดยอัตโนมัติ”  เทวทูตสาวชุดขาวอธิบายอย่างเฉยเมย  “ในปีที่ผ่านมาประสบการณ์ของนางในหุบเขามนุษย์ทำให้นางได้ผลรับที่ดีมากมาย  ความจริงหลังจากสู้กับเทพปีศาจครั้งแรกนางอาจเห็นแสงสว่างและเลื่อนระดับได้ทันทีจากนั้นออกไปจากหุบเขามนุษย์   แต่ใจนางยังไม่อยากจากไป แม้จะพบกับความยากลำบากนางยืนกรานจะอยู่กับเจ้าต่อ  อย่างไรก็ตามเจ้าควรทราบว่าผนึกในตัวนางมีขีดจำกัด  เป็นไปไม่ได้ที่นางจะรักษาสิ่งนี้ไว้ตลอดไป  และสำหรับนาง การข่มบังคับพลังเอาไว้เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ  ตอนนี้นางเลื่อนเป็นระดับเทพแล้ว การออกจากหุบเขามนุษย์นั่นเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือ?”

 “อย่างน้อยพวกเจ้าก็น่าจะให้พวกเราได้เตรียมตัวเตรียมใจกันบ้าง!  เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขามีความในใจเป็นพันคำที่อยากจะบอกกับนาง  ดังนั้นเขาได้แต่ดูนางจากไปโดยทำอะไรไม่ได้

 “ความจริงแล้ว คนที่ข้าต้องการให้เข้าใจคือเจ้า ไม่ใช่นาง!  เทวทูตหญิงชุดขาวผู้เป็นหัวหน้ายิ้ม

 “ความสามารถในการผนึกของนางแข็งแกร่งมาก  แต่ในความเป็นจริงนางสามารถคงอยู่ได้ไม่เกินสองสามวัน  พลังเทพอยู่เหนือการควบคุมของนาง ไม่ว่าเราจะปรากฏตัวหรือไม่ก็ตาม ทันทีที่นางไม่สามารถควบคุมได้ ผนึกจะแตกทำลายและนางจะถูกขับออกจากหุบเขา”  เทวทูตสาวผู้ห้าวหาญรู้สึกว่าเย่ว์หยางไม่ควรจะพิรี้พิไรเรื่องอย่างนี้  หลังจากที่นางพูดคำนี้ เย่ว์หยางค่อยรู้สึกว่าหลายวันมานี้ คุณชายหมิงจูดีต่อเขามาก  เมื่อคืนที่ผ่านมานางแสดงอาการผิดปกติมากขึ้นเหมือนนางจะรู้ว่าผนึกของนางนั้นยากจะควบคุมเสียแล้ว

 “เลื่อนเป็นระดับเทพเป็นเรื่องที่ดี เจ้าควรจะยินดีกับนาง”  เทวทูตสาวหน้ากลมผู้น่ารักปลอบเย่ว์หยาง

 “เมื่อนางออกจากหุบเขามนุษย์  นางจะกลับไปที่ไหน?”  เย่ว์หยางถาม

 “กลับสู่โลกคัมภีร์ ก่อนที่ประกายเทพของนางจะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ นางยังต้องการเวลาอีกนานในการทำความคุ้นเคยและเสริมสร้างพลังในระดับนี้  ไม่ใช่ว่าพอเจ้าเลื่อนเป็นระดับเทพแล้ว  เจ้าจะได้เป็นเทพทันที  ในกิจที่ต้องทำหลายอย่างนี้จำเป็นต้องสร้างขึ้น อาทิ ร่างเทพ สำนึกเทพ ประกายเทพ ฯลฯ  พลังเทพ บุคลิกของเทพ รวมทั้งความเชี่ยวชาญความเข้าใจอีกหลายด้าน ในที่สุดสิ่งเหล่านี้จะถูกสร้างในคัมภีร์เทพ  สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีวิธีการที่เรียกว่าเทพแท้  ขณะที่การเปลี่ยนไปเป็นเทพอย่างสมบูรณ์แบบจะมีพลังที่ยิ่งใหญ่และสมบูรณ์ สามารถไปในทุกที่ที่นางต้องการ จะห่างเป็นพันไมล์ ล้านไมล์ก็ไม่ถูกจำกัดห้ามอีกต่อไป”  เทวทูตหญิงชุดขาวพูดเสียงอ่อนโยนอธิบายถึงการเลื่อนเป็นระดับเทพ

 “พวกเจ้าบอกได้ไหม อีกนานเท่าใดกว่าข้าจะพบนางได้”  เย่ว์หยางต้องการรู้คำถามนี้ที่สุด

 “บางคนจำเป็นต้องใช้เวลาหลายพันปีกว่าจะพบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่  บางคนใช้เวลาไม่กี่ร้อยปี และบางคนอาจจะสำเร็จได้ในเวลาไม่กี่สิบปี”  เทวทูตสาวผู้ห้าวหาญอธิบาย

 “อย่างน้อยก็หลายสิบปี...”  เย่ว์หยางพูดอะไรไม่ออกอีกเลย

คิดดูแล้วนางพญาเฟ่ยเหวินหลีเปลี่ยนมิติหลุมดำให้เป็นโลกหิมะน้ำแข็ง ก็ต้องใช้เวลาอีกมาก  แม้ว่าจะยากลำบากอยู่บ้างในการเปลี่ยนมิติหลุมดำให้เป็นโลกน้ำแข็ง  เขาคงยากที่จะเห็นหมิงเยี่ยกวงผู้ปลอมตัวเป็นคุณชายหมิงจูในช่วงเวลาสั้นๆ

ต้องบอกลากันอย่างยากลำบาก  ใครจะรู้กันว่าอยู่ด้วยกันเพียงไม่กี่วัน แต่กฎสวรรค์ต้องมาพรากทั้งสองให้แยกจากกัน

คิดแล้วอยากจะบ้าจริงๆ!

ที่น่าจนใจที่สุดก็คือนางกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ ไม่ได้กลับไปยังแดนสวรรค์ เป็นไปไม่ได้ที่จะส่งจดหมายรักไปหานางอีก

เย่ว์หยางหดหู่ใจอยู่นาน แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดถาม  “ข้าอยากพบนาง ยังมีหนทางอื่นบ้างไหม?”

เทวทูตสาวใบหน้ากลมน่ารักพยักหน้าให้ความหวังกับเขา  แต่ประโยคต่อไปของนางทำให้เขาพูดไม่ออกอีก  เพราะนางบอกเย่ว์หยางขณะยิ้ม “ตราบเท่าที่เจ้าเลื่อนชั้นเป็นระดับเทพ  จากนั้นเชื่อมสำนึกเทพของนางด้วยสำนึกเทพของเจ้าเข้าด้วยกัน สำนึกเทพของนางจะนำทางสำนึกเทพของเจ้า จากนั้นเจ้าก็สามารถเข้าไปยังดินแดนคัมภีร์อัญเชิญของนางได้”    คำพูดนี้แทบไม่ให้เย่ว์หยางลุกขึ้นจากพื้น  พูดดีๆ ถ้าเลื่อนเป็นระดับเทพมันง่ายเหมือนอย่างที่พูด คงไม่ต้องมานั่งทำความเข้าใจอย่างลำบากแน่

เย่ว์หยางไม่มีทางเลือกแต่ก็ยังถาม  “จะเลื่อนเป็นระดับเทพให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ทำอย่างไร?”

เทวทูตสาวผู้เป็นหัวหน้ายิ้มเล็กน้อย  “ข้าไม่รู้เรื่องคนอื่น  แต่เจ้าเป็นข้อยกเว้นเล็กน้อย  บางทีเจ้าสามารถลองฝึกพิเศษได้... เจ้าเห็นคัมภีร์เงินในมือของข้าไหม?   นี่คือคัมภีร์สวรรค์และโลกน้อยที่มีความจริงภายในไม่สิ้นสุด  ถ้าเจ้าคิดว่าปลอม อย่างนั้นทุกอย่างจะเป็นภาพลวงตา  ถ้าเจ้าคิดว่าจริง อย่างนั้นทุกอย่างจะกลายเป็นจริง”

เย่ว์หยางสงสัยคัมภีร์เงินในมือของนางมานานแล้วว่าเป็นทางเข้าหุบเขาสวรรค์ โลกธาตุและมนุษย์!

พอได้ยินเช่นนี้ก็มีความมั่นใจมากขึ้น

เขาอยากเข้าไปข้างในและลองฝึกดู  แต่เย่ว์หยางไม่ใช่คนบ้าบิ่น

แน่นอนเขาต้องถามเรื่องสถานการณ์ภายในคัมภีร์เงิน มิฉะนั้นจะเกิดอะไรขึ้น?

ในบรรดาเทวทูตสาวทั้งสามคน เทวทูตสาวผู้น่ารักจะไม่ทำให้เขาผิดหวังแน่นอน ส่วนเทวทูตสาวผู้ห้าวหาญ อาจจะไม่  แต่เทวทูตสาวผู้ยิ้มอ่อนโยนนี้จะต้องระวัง เขาอาจจะกลายเป็นคนตายโดยไม่รู้ตัว  ถ้าเขาไม่ถามเขาไม่อาจลงมือทำได้

เย่ว์หยางคิดแล้วคิดอีก และถามอย่างระมัดระวัง  “ข้ามีประสบการณ์ผ่านประตูเป็นตายซึ่งเป็นบททดสอบภาพจริงในความลวงตาและภาพลวงตาที่กลายเป็นจริง ข้าสามารถรู้วิธีแยกแยะถึงความแตกต่าง  อะไรคือเงื่อนไขของการเข้าสู่โลกที่ไม่มีที่สิ้นสุดของคัมภีร์เงิน  หลังจากเข้าไปแล้วจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขอะไรบ้าง เพื่อแลกกับการกลับมาได้อย่างสำเร็จ

 “หลังจากเข้าไปแล้ว จะไม่สำเร็จและจะไม่สามารถกลับมาได้” เทวทูตสาวผู้เป็นหัวหน้าให้คำตอบที่เย็นชา  พี่สาว! โหดร้ายอะไรขนาดนั้น

 “โลกไร้ที่สิ้นสุดในคัมภีร์เงิน ไม่มีแนวคิดเรื่องเวลาและมิติพื้นที่  เจ้าอาจอยู่ในนั้นเป็นเวลาหมื่นปีโดยไม่ได้ออกมาข้างนอกแม้แต่วินาทีเดียว หรืออาจใช้เวลาล้านปี หรือสิบล้านปีในนั้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเจ้าและกลับสู่ข้างนอกโดยเวลาไม่แตกต่างจากตอนที่เจ้าเข้าไปก็ได้”  เทวทูตสาวผู้ห้าวหาญอธิบาย

 “ตราบใดที่เจ้าประสบความสำเร็จ เจ้าสามารถออกมาได้ง่ายมาก”  นี่คือคำพูดที่เทวทูตสาวหน้ากลมพูด

 “แล้วจะทำให้สำเร็จได้อย่างไร?”  เย่ว์หยางอยากอาเจียน กับสิ่งที่พวกนางบอกว่าง่าย!

 “เข้าใจตัวเองได้มาก  ความหมายของการทำลายและการสร้าง” เทวทูตสาวชุดขาวผู้เป็นหัวหน้าพูดเงื่อนไขการผ่านการฝึกฝนช้าๆ

 “นี่ไม่ใช่เงื่อนไขของการผ่านด่านทั้งสาม หุบเขามนุษย์ หุบเขาโลกธาตุ และหุบเขาสวรรค์หรอกหรือ?”  เย่ว์หยางหมดแรงจะถ่มน้ำลาย  หุบเขาทั้งสามอยู่ในความควบคุมของเทวทูตสาวทั้งสาม  นักรบทุกคนในโลกนี้ล้วนแต่เขลา  พวกเขายังคงคิดว่าพวกเขาประสบความสำเร็จ  แต่ในความเป็นจริงพวกเขาเป็นคนโง่ ไม่ได้สัมผัสกับหุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์ที่แท้จริงก็ยังไม่รู้ตัว

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไม่มีใครสามารถได้คัมภีร์เทพได้ในช่วงหลายพันปีมานี้

เทวทูตสาวทั้งสามไม่ได้เอาคัมภีร์เงินออกมา แล้วให้ผู้คนเข้าไปฝึก กฎเทพเจ้าดั้งเดิมไม่ต้องคำนึงถึงชีวิตนี้  ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงผลของการผ่านด่าน!

แม้แต่พวกที่เรียกว่าเทพปีศาจก็ยังถูกหลอกได้  สามสาวเทวทูตผ่านประสบการณ์มามาก เขาไม่เคยคิดว่าการฝึกในสามหุบเขามนุษย์ โลกธาตุ สวรรค์ที่น่าประทับใจจะกลายเป็นของปลอม และสามหุบเขาที่แท้กลับอยู่ในมือของผู้อื่น!

เย่ว์หยางอยากให้รางวัลด้วยการตบหน้าตัวเอง ดูสิว่าเขายังกล้าประเมินสามสาวเทวทูตนี้ต่ำเกินไปอีกหรือไม่... หากเขาไม่เข้าไปฝึก เขาคงไม่กล้าพูดถามเหตุผล  “อะแฮ่ม.. ข้าอยากทราบเหตุผลจริงๆ  ทำไมพวกเจ้าถึงบอกแต่ข้าคนเดียว?”

เทวทูตสาวผู้ห้าวหาญชื่นชมเขา นางชำเลืองมองเขา  “เรากำลังเชิญชวนคนที่มีแนวโน้มว่าจะประสบความสำเร็จ  ไม่ใช่แค่เจ้า  สิบห้าปีที่ผ่านมาผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าได้เดินทางมาที่นี่และนางประสบความสำเร็จในการผ่านด่าน  แต่นางจากไปโดยไม่ยอมไปถึงระดับที่สิบ บางทีนางอาจมีคัมภีร์เทพอยู่แล้วและต้องการให้โอกาสเจ้า!

เทวทูตสาวหน้ากลมผู้น่ารักพยักหน้าเห็นด้วย  “ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว!

เย่ว์หยางอ้าปากค้าง มีคัมภีร์เทพอยู่แล้ว?

เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่าบางคนมีคัมภีร์อยู่แล้ว  เขาไม่อยากเชื่อว่าคนที่มีคัมภีร์เทพอยู่แล้วจะเป็นพี่สาวของแม่สี่ซึ่งมีฐานะเป็นมารดาของเขา

 “นางพญาเฟ่ยเหวินหลี และจักรพรรดิอวี้จ้านฟงก็ผ่านการฝึกฝนด้วยไม่ใช่หรือ?”  เย่ว์หยางข่มความตื่นเต้นและถามกลับ

 “นางพญาผู้พิชิตผ่านด่านได้  แต่จ้านฟงไม่ได้ท้าทายผ่านด่านต่อ เขาตั้งใจจะเข้าไปฝึกในหุบเขาสวรรค์ แต่ทำไมเขาไม่เข้าไปฝึกในหุบเขาโลกธาตุ?  เขาต่อต้านความหมายของการทำลายที่แท้จริงจึงถอนตัวจากการทดสอบ ในตอนแรกเขาบอกว่าเขาจะมาทดสอบผ่านด่านอีกครั้ง แต่เขาไม่เคยกลับมา!  เทวทูตหญิงผู้กล้าหาญรู้สึกประทับใจเขา

 “เขาตายแล้ว ไม่มีทางกลับมาอีกแน่นอน!  เย่ว์หยางไม่กล้าจินตนาการถึงขอบเขตโลกไร้ขีดจำกัดว่าน่ากลัวแค่ไหน  จักรพรรดิอวี้ถึงไม่กล้าท้าทายผ่านด่าน

หรือคิดๆ ดูแล้วนางพญาเฟ่ยเหวินหลีก็คงผ่านโลกไร้ที่สิ้นสุดที่น่ากลัวมาแล้ว

มิน่าเล่านางไม่พูดอะไรเกี่ยวกับความเป็นความตายของนาง ยังคงมีความลับเช่นนี้เอง

เย่ว์หยางชะงักและต้องการทำการเปรียบเทียบ  “นางพญาเฟ่ยเหวินหลีและท่านแม่คนไหนฝึกได้เร็วกว่ากัน”

เทวทูตหญิงผู้น่ารักใช้มือลูบคางทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเล็กน้อย  “เวลาของนางพญาผู้พิชิตใช้เวลานานจนลืม แต่น่าจะสามพันกว่าปี  แม้ว่านางจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างหนักในโลกไร้ที่สิ้นสุด แต่ความเร็วโดยรวมก็นับว่าค่อนข้างเร็ว!

เย่ว์หยางถามต่อ  “แล้วท่านแม่ข้าเล่า?”

เทวทูตหน้ากลมผู้น่ารักชูนิ้วสามนิ้ว

 “สามร้อยปี?”  เย่ว์หยางถามอย่างไม่แน่ใจ

 “งี่เง่า”  เทวทูตหญิงผู้ห้าวหาญแค่นเสียงเย็นชา

 “งั้นก็สามปี?  ไม่ ไวเกินไป!  เย่ว์หยางร้องลั่น

 “สามวัน!  นางเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยภูมิปัญญาอันยอดเยี่ยมของนาง ไม่มีอะไรในโลกที่สามารถเอาชนะนางได้ ในความเป็นจริงนางสามารถออกเดินทางได้ในสามชั่วโมง แต่เพื่อจะส่งต่อความรู้ให้กับคนรุ่นหลังนางใช้เวลาอยู่ต่อสามวัน  รวมแล้วนางใช้เวลาแค่สามวันเท่านั้น”  เทวทูตสาวผู้เป็นหัวหน้าตอบเย่ว์หยาง  เขาตกใจมากจนแทบทรุดหลั่งเหงื่อเยียบเย็น

ยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว มีแม่แบบนี้ไร้เทียมทานจริงๆ

นางพญาเฟ่ยเหวินหลียังต้องใช้เวลาสามพันปีถึงจะผ่านด่านได้ นางสามารถทำได้ในสามวัน แถมยังมีเวลาเตรียมสมบัติให้คนรุ่นหลังนางด้วย นี่มันสติปัญญาแบบไหนกัน?

เย่ว์หยางรู้สึกเวียนหัวอยู่นานและในที่สุดเขารู้สึกว่าเขาถ้าเข้าไปข้างในและได้รับการบันทึกว่าช้าที่สุดในประวัติศาสตร์ คงน่าละอายที่กลายเป็นลูกชายของนาง  ดังนั้นเขาถามต่อ  “สถิติช้าสุดล่ะ เท่าไหร่?”

เทวทูตสาวผู้ห้าวหาญตอบอย่างไม่พอใจ  “เจ้างั่งนั่นชื่อว่ามังกรปีศาจใช้เวลาล้านปี!  ข้ากับพี่น้องพยายามโยนเขาออกนอกโลกไร้ที่สิ้นสุดไปหลายครั้ง  แต่น้องข้าใจดี ให้โอกาสเขาอยู่เรื่อย...”

เจ้างั่งนั่นเรียกว่ามังกรปีศาจหรือ?

เย่ว์หยางอดหัวเราะก๊ากไม่ได้  เจ้าผู้นี้ เขาอยากพบอีกครั้ง ดูซิว่าเขาจะทำหน้ายังไง!

ตอนนี้เริ่มตั้งไข่แล้ว  เย่ว์หยางรู้สึกว่าจะคงเป็นคนงี่เง่าอีกครั้ง  และเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทดสอบนานถึงล้านปีในโลกที่ไม่มีสิ้นสุด

ถ้ามังกรปีศาจอยู่ใกล้ๆ เขาจะถามความรู้สึกว่าอยู่ในโลกไร้ที่สิ้นสุดถึงล้านปี รู้สึกอย่างไรบ้าง!

มิน่าเล่าเทพมังกรทองผนึกเขาไว้แสนปี มังกรปีศาจออกมาก็ยังใจเย็นอยู่ได้

ปรากฏว่าเขาคุ้นเคยอยู่ก่อนแล้ว

เย่ว์หยางอดยิ้มไม่ได้ และในที่สุดเขาโบกมือให้สามสาวเทวทูต  “ข้าจะเข้าไป  แต่รอให้ข้าคิดและเตรียมตัวก่อน   อย่างไรก็ตามถ้าทำลายสถิติเร็วที่สุด จะมีรางวัลอะไรพิเศษหรือไม่?”

 “เจ้าไม่มีทางทำลายสถิติที่เร็วที่สุดได้!  เทวทูตหญิงผู้ห้าวหาญบอกกับเขาโดยตรงอย่างไม่เกรงใจ

 “....”  เย่ว์หยางคิดว่าแม่สาวนี่ดูถูกเหยียดหยามผู้คนเกินไป  ไม่จำเป็นต้องพูดอย่างนั้นเลยไม่ใช่หรือ?

 “เป็นไปไม่ได้จริงๆ ที่เจ้าจะทำสถิติเหนือแม่เจ้าได้  แต่ข้าคิดว่ามีปัญญาแน่นอน  บางทีอาจไม่นาน ข้าเชื่อว่าเจ้าใช้เวลาไม่ถึงล้านปี!  เทวทูตสาวน่ารักใช้คำพูดดีๆ ปลอบโยนเย่ว์หยาง

 “.......”  เย่ว์หยางพูดไม่ออก  สติปัญญาเขาอยู่ในระดับเดียวกับมังกรปีศาจหรอกหรือ?

21 ความคิดเห็น:

Akirabas กล่าวว่า...

พี่เยว์บอก มันจะหยามกันมากไปแล้ว

Lazykuma กล่าวว่า...

คุณแม่!!!?จะโหดเกินไปไหมนิ!!!? แม่ตัวเอกทำไมมันโหดทุกเรื่องเลยฟร๊ะ!!!?

TarCom กล่าวว่า...

สมกับเป็นขุ่นแม่ ดูแต่ล่ะอย่างที่ผ่านมาแล้วเตรียมการไว้ให้ก็ค่อนข้างแน่ใจว่า นางมีแค่เสียใจที่ไม่ได้มาเกาะขอบสนามดูขุ่นลูกชายค่อยๆเติบโตแล้วก็มีมาแซะคุณลูกบ้างบางเวลาแค่นั้นล่ะ

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

CHANTANA กล่าวว่า...

อย่ายอมนะไอ้3

Escanor777 กล่าวว่า...

หยามพี่เย่ว์เกินไปแล้วแม่สาวน้อย

Popcorn กล่าวว่า...

สู้ๆน่ะอาหยางเพื่อสาวงาม

--- กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ
ผมว่าสามคนนี้ต้องเป็นของแถมกับคัมภีร์แน่ๆ

เนพื กล่าวว่า...

3นาทีเลยไหม

Unknown กล่าวว่า...

พี่เย่สู้ตาน

SorathornBest กล่าวว่า...

แม่อย่างเทพ

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

แม่เป็นใครกันแน่

oBABYVOXo กล่าวว่า...

พี่เย่เราต้อง 1 วัน 555++

Pcha กล่าวว่า...

เทพจัด

โอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่า กล่าวว่า...

สุดยอด

Kingtest5 กล่าวว่า...

555 ไม่ถึงล้านปี !!

แมงมุม unknow สีส้ม กล่าวว่า...

คุ๊ณ~~แม่โหดสุด

SoHaIsO กล่าวว่า...

คุณแม่โหดมากกก

อ่าห้า กล่าวว่า...

แม่งคุณเเม่ของจริงงงงง

บักซาดซัว กล่าวว่า...

พ่อมันคือไผน้อ แม่มันเทพขนาดนี้ ทำไมเชื้อพ่อไม่แถมมา หรือเขื้อหื่นมากจากพ่อหว่า

chay กล่าวว่า...

พ่อแม่บักเย่หยาว แม่คืออึงย้ง พ่อคือก้วยเจ๊ง

แสดงความคิดเห็น