วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1130 ไม่ต้องกลัว ยังมีพี่ชายทั้งคน!



ตอนที่  1130  ไม่ต้องกลัว ยังมีพี่ชายทั้งคน!

สามวันต่อมา


เย่ว์หยางพักอยู่ในโลกคัมภีร์สามวันเต็ม แล้วกลับออกมายังเกาะมรกต หุบเขามนุษย์  มองอย่างผิวเผินไม่มีอะไรแตกต่าง ราวกับว่าการรู้แจ้งของตั่วตั่วไม่ทำให้เขาหลงระเริงในความคิด  แต่น่าแปลกที่เทวทูตสาวทั้งสามคนที่นั่งอยู่ในกระโจมที่พัก เมื่อพวกนางมองเห็นเย่ว์หยางต่างพากันประหลาดใจลุกขึ้นยืนราวกับพบเห็นเสือเดินอยู่ในถนนใหญ่ ในที่สุดเทวทูตสาวที่เป็นหัวหน้าเอ่ยปากขึ้นก่อน  “แค่เพียงสามวัน เจ้าดูแตกต่างจากก่อนไปอย่างสิ้นเชิง”

 “แตกต่างตรงไหน?”  เย่ว์หยางถาม

 “แน่ใจได้เลยว่าเจ้าไม่ต้องอยู่ในโลก-สวรรค์น้อยถึงล้านปีแน่ ข้ากล้าพนันได้”  สำหรับการเปลี่ยนแปลงของเย่ว์หยางเทวทูตสาวหน้ากลมผู้น่ารักดูมีความสุขที่สุด

 “มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก  แต่การทดสอบในโลกไม่สิ้นสุดแตกต่างอย่างสิ้นเชิง”  เทวทูตสาวผู้ห้าวหาญพยักหน้ายืนยันและให้คำแนะนำเย่ว์หยาง

 “ในขณะที่ข้ายังมีความมั่นใจ ข้าจะลองเดี๋ยวนี้เลย”  เย่ว์หยางรู้สึกว่าถ้าเขาลังเล เขาอาจพลาดได้

 “สวรรค์และโลกน้อยในคัมภีร์เงิน โลกไร้ที่สิ้นสุด

ต้องยากกว่าการทดสอบประตูเป็นตายแน่นอน

เมื่อไม่สามารถรู้แจ้งได้ ก็จะติดอยู่ภายในเป็นล้านปีเหมือนกับมังกรปีศาจ

แม้ว่าจะมีเสี่ยวเหวินหลีอยู่ด้วยตลอด แต่บางครั้ง ปล่อยองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไว้สักสิบวันหรือครึ่งเดือน เขารู้สึกว่าคิดถึงจนยากจะควบคุมตนเอง เมื่อมีเสวี่ยอู๋เสียอยู่ข้างๆ เขาไม่ได้จมอยู่กับความรัก แต่เมื่อนางหลับ เขาหวังว่านางจะกลับมาได้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้

เข้าสู่โลกไร้ที่สิ้นสุด

หมายถึงแยกจากคนอื่นทุกคนและอยู่คนเดียวอย่างสมบูรณ์

ถ้าเขาอยู่ในนั้นเพียงเดือนเดียว ก็ยังอาจทนอยู่ได้  ถ้าเขาอยู่หลายเดือนหรือหนึ่งปี  เย่ว์หยางไม่สามารถคิดได้ว่าเขาจะเป็นอย่งไร  ในกรณีที่โชคร้าย ถ้าเขาติดอยู่ร้อยปี พันปีเขาไม่จำเป็นต้องหลับเหมือนมังกรปีศาจนานเป็นล้านปี   แม้ว่าจะอยู่ร้อยปี เย่ว์หยางคาดว่าเขาคงเป็นบ้าเพราะความเปลี่ยวเหงาเป็นแน่

เขาไม่กังวลเกี่ยวกับความเข้าใจของตนเอง  เขาไม่กังวลใจเกี่ยวกับการทดสอบ  เขากังวลแต่เวลา

เขากลัวว่าเขาจะติดอยู่ในโลกไร้ที่สิ้นสุดนานเกินไป

รบกวนใจเขาเกินไป

แม้ว่าเขาจะอยู่ในโลกไม่สิ้นสุดเป็นเวลานาน เท่ากับอยู่ภายนอกเพียงวินาทีเดียว อย่างองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตามปกติจะรู้สึกว่าไม่นาน ถึงอย่างนั้นเย่ว์หยางยังกังวลว่าพวกนางจะได้รับผลสะท้อนทางวิญญาณ ทำให้เขารู้สึกปวดใจไม่รู้จบ

 “เจ้าแน่ใจนะว่าจะเข้าไปฝึก?”  เทวทูตหญิงผู้ถือคัมภีร์เงินถาม

 “แน่นอน” เย่ว์หยางพยักหน้า

 “ขอให้โชคดี”  เทวทูตหญิงผู้ห้าวหาญพยักหน้าเล็กน้อยปรารถนาให้เขากลับออกมาโดยเร็ว

 “ต้องสำเร็จแน่นอน”  เทวทูตหญิงผู้น่ารักชูกำปั้นให้กำลังใจเย่ว์หยาง นางดูน่าสนิทที่สุดและใจดีที่สุดต่อเย่ว์หยาง

เมื่อเปิดคัมภีร์เงินออก แสงรัศมีเจิดจ้า และขณะที่เทเลพอร์ตเย่ว์หยางยิ้มกว้างให้เทวทูตสาวหน้ากลมผู้น่ารักตอบรับคำเชียร์ของนาง

วินาทีสุดท้าย ยังเป็นใบหน้าหนุ่มน้อยน่ารักแท้ๆ

วินาทีต่อมากลายเป็นใบหน้าที่น่าเกลียดเหยเก ที่เย่ว์หยางไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น  บุรุษผู้นี้อยู่ในเมืองไป๋ฉือ เป็นคนแรกที่เขาฆ่า มีพลังอ่อนแอแค่นักรบสามัญระดับสอง ตราบเท่าที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดก็สามารถฆ่าเจ้าผู้นี้ได้เหมือนฆ่ามดแมลงโดยตรง  ตอนนี้เจ้าผู้นี้จ้องมองเย่ว์หยางอย่างดุร้าย มือใหญ่คว้าคอเสื้อเย่ว์หยางและส่งเสียงหัวเราะลั่น  “เจ้าเด็กน้อย เจ้าก็มีวันนี้กับเขาได้ อา...”

เย่ว์หยางตะลึง  “เจ้าโง่ เจ้าตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?”

เจ้าหินพยักหน้ายืนยัน  “ใช่แล้ว, ตายไปแล้ว และกลายเป็นอาหารของต้นดอกหนามของเจ้า กลายเป็นปุ๋ยที่น่าสมเพช”

เพราะตอบอย่างนี้ เย่ว์หยางพูดว่าเขาไม่เข้าใจ  “ในเมื่อเจ้าโง่อย่างเจ้ากลายเป็นปุ๋ยไปแล้ว ทำไมเจ้าถึงมาพูดคุยกับข้าในตอนนี้เล่า?   ดูเหมือนวิญญาณร้าย  เจ้าดูเหมือนต้องการทุบตีข้าใช่ไหม?”

บึ้ม

คำพูดของเย่ว์หยางยังไม่ทันจบ หมัดที่หนักหน่วงของเจ้าหินกระแทกหน้าเขาทันที

เลือดกระจาย

เป็นหยด

เลือดสาดอยู่บนพื้นน่าตกใจ

เย่ว์หยางพบว่าร่างกายของเขาเปราะบางจริงๆ ถูกหมัดธรรมดาต่อยใส่ก็ได้เลือดเสียแล้ว

เจ้าหินตะคอกใส่หูเย่ว์หยางด้วยความรู้สึกหยิ่งยโสและผยอง  “เด็กน้อย!  ที่นี่เป็นอีกโลกหนึ่ง ไม่มีหอทงเทียนที่เจ้าประสบความสำเร็จอีกต่อไป เข้าใจไหม?  ในโลกนี้เจ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น  ในโลกนี้ถ้าข้าพอใจข้าสามารถฉีกเจ้าเป็น 18 ชิ้นแล้วจัดท่าให้เจ้าได้อีก 36 ท่าเพื่อให้เจ้าตายในท่าที่ดูดีเช่นกัน”

เสียงของเขาดังเหมือนฟ้าผ่าสะท้านแก้วหู่เย่ว์หยาง

จากนั้นมีอีกเสียงร้องดังลั่น  “รอเดี๋ยว อย่าเพิ่งรีบฆ่ามัน ให้ข้าเล่นงานมันก่อน บังอาจส่งนังแพศยามาวางยาสลบในเหล้าของข้า ทำให้ให้ข้าต้องตายกลายเป็นปีศาจงามงาย ถ้าศัตรูนี้ไม่ไปรายงานพระยายมก็อย่าเรียกข้าว่าเถี่ยขวง”

บุรุษคนที่สองที่ถูกเย่ว์หยางฆ่ากลายเป็นปุ๋ยปรากฏตัวอีก เถี่ยขวงนักรบสามัญระดับสาม

เดิมทีบุรุษผู้แข็งแกร่งเหมือนมดอย่างเขากับเจ้าหินต้องการลงมือกับเย่ว์หยาง คาดว่าเขาจะไม่ทำร้ายภายในล้านปี แต่ตอนนี้แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง  เถี่ยขวงกระโดดหมุนตัวกลางอากาศฟาดส้นเท้าที่ก้านคอเย่ว์หยาง  เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนก้านคอหัก เจ็บปวดเสียดแทงใจ  เขากระอักเลือดออกมา และพยายามข่มความเจ็บปวดอย่างยากลำบาก

เถี่ยขวงและเจ้าหินรุมทำร้ายเย่ว์หยางบนพื้น

ทุบตีอย่างทารุณ

เจ็บปวด

พวกเขาหัวเราะเยาะเย่ว์หยางและแก้แค้นที่ถูกเย่ว์หยางจับทำปุ๋ยในอดีต

ขณะที่พวกเขาไม่รู้ว่าจะหาเชือกได้จากที่ไหนเพื่อเอามาแขวนคอเย่ว์หยางทั้งเป็น  จู่ๆ เย่ว์หยางก็พูดเสนอ  “ใช้เชือกแขวนคอ ความคิดไม่สร้างสรรค์เลย เจ้าควรจะมีเครื่องมือสักอย่าง เช่นขวาน หรือเลื่อยสองมือ และมีดทำครัว”

 “อะไรนะ?”  เจ้าหินและเถี่ยขวงเมื่อได้ยินก็ตะลึง

 “เจ้าไม่รู้สึกอยากแขวนคอข้าทั้งเป็น มันไร้ค่าเกินไปสำหรับข้าใช่ไหม?  เจ้าควรถลกหนังข้าเสียก่อน แล้วค่อยหั่นเป็นชิ้นใหญ่สี่ชิ้น กระดูกเอาไว้ทำซุป ไขมันเอาไว้ปรุงอาหาร หั่นเนื้อเป็นรูปลูกเต๋าเอาไว้ทำบะหมี่หรือซาลาเปา จากนั้นกลืนกินลงท้อง หรือให้เป็นอาหารปลา  สุดท้ายก็ตกปลาขึ้นมาแล้วค่อยแขวนกับเชือก ความเกลียดข้าจะได้ลดลงบ้าง”  เย่ว์หยางเสนออย่างจริงใจ

 “ทำไมข้าต้องเอาปลามาแขวนด้วย?”  เจ้าหินถามอย่างไม่แน่ใจ

 “ถ้าเจ้าไม่แขวนปลา เจ้าสามารถกดหัวปลาลงในน้ำ ทำให้มันจมน้ำตายทั้งเป็น”  เย่ว์หยางคิดว่าการจมน้ำเป็นความคิดที่แย่

 “ปลา..จมน้ำตายหรือ?”  เถี่ยขวงโง่ทันที ดูเหมือนว่าเขาไม่เข้าใจข้อเสนอนี้  เขากับเจ้าหินยืนงง จากนั้นแตกสลายและระเบิดหายไปในมิติเป็นพันๆ ชิ้นต่อหน้าเย่ว์หยาง

เย่ว์หยางลุกขึ้นมาจากพื้นลูบเลือดบนใบหน้าและพึมพำ “เหมือนจริงยิ่งกว่าประตูเป็นตายเสียอีก”

มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากด้านหลังของเขา

และส่งผ้าเช็ดหน้าผื่นหนึ่งให้เขา

เมื่อเย่ว์หยางกล่าวขอบคุณเขาและรับผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดที่ใบหน้า เจ้าของมือปรากฏตัวขึ้นช้าๆ ด้านหลังเย่ว์หยาง และเขาคือคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวคนแรกของเย่ว์หยาง  สือจินโหว  ดูเหมือนว่าเขายังคงเป็นเหมือนเดิม หยิ่งยโสราวกับไม่แคยพ่ายแพ้เย่ว์หยาง เหมือนกับว่าไม่เคยถูกเย่ว์หยางก้าวข้าม  แต่เหมือนกับครั้งแรกที่พบกันและมีพลังเหนือกว่าเย่ว์หยางเต็มที่

เขายังคงวางมาดดูแคลนเย่ว์หยาง  “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าหินงี่เง่าและเถี่ยขวงไม่สามารถรบกวนจิตใจเจ้าได้  อย่างไรก็ตามเจ้ายังขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่ได้รับบาดเจ็บและหลั่งเลือดเป็นแน่.. ที่นี่จะต้องมีข้อบกพร่องในใจของเจ้า และมันสามารถขยายออกได้เป็นสิบเท่า  และที่นี่เจ้าเป็นมนุษย์ที่อ่อนแอที่สุด ไม่มีความสามารถทำอะไรได้  เจ้าสามารถทำลายตนเองภายใต้ข้อบกพร่องในใจของเจ้า  เจ้าเห็นเลือดของเจ้าหรือไม่ นั่นคือจุดบกพร่องของเจ้า สิ่งที่เจ้าเห็นล้วนเป็นจริง รวมทั้งอาการบาดเจ็บที่เจ้าได้รับ  ในโลกไร้ที่สิ้นสุดนี้ไม่มีการปลอมแปลงใดๆ อยู่เลย  ดังนั้นเจ้าพร้อมจะตายหรือยัง?”

เย่ว์หยางพับผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดอย่างระมัดระวังเป็นอย่างดี

ก่อนหน้านี้ถ้าไม่ใช่เพราะการสะสมผ้าเช็ดหน้าเป็นงานอดิเรก อย่างนั้นเขาคงคิดว่าตนเองมีนิสัยที่ผิดปกติแล้ว

หลังจากสือจินโหวพูดจบ เย่ว์หยางไตร่ตรองครู่หนึ่งและยิ้มขึ้นทันใด  “ข้าเป็นมนุษย์ แน่นอนว่าย่อมต้องมีข้อบกพร่องในใจ ถ้าข้าเป็นเทพเจ้า ข้าจะลองเข้ามาฝึกในสถานที่น่ากลัวแห่งนี้หรือ? ในใจข้าไม่มีอะไรต้องกลัว  ข้าเข้ามาก็ได้พบเจ้าหินและเถี่ยขวงเป็นเพราะข้ายังมีความทรงจำเกี่ยวกับการฆ่าครั้งแรก ในเวลานั้นข้ายังเป็นมนุษย์ที่ไม่สามารถควบคุมชะตาชีวิตตนเองได้ ข้าต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด ต้องใช้ความสามารถและเงื่อนไขที่จำกัดในการฆ่าศัตรูและเหยียบย่ำศัตรู  แม้ว่าข้าจะฆ่าคู่ต่อสู้ของข้า แต่ข้าก็ยังมีพื้นฐานคุณธรรมอยู่บ้าง  ข้ารู้สึกว่าการฆ่านั้นผิดจริงๆ  แต่ข้าไม่มีวิธีอื่นในเวลานั้น  ถ้าข้าไม่พยายามให้หนักขึ้นเรื่อยๆ  ข้าจะไม่มีทุกอย่างในอนาคตทั้งจะไม่มีความสุขในอนาคต  ดังนั้นในที่สุดข้าจึงต้องหาคนอื่นเพื่อก้าวไปข้างหน้า และพวกเขาก็ต้องมองไปข้างหน้าด้วย  ไม่ว่าเจ้าจะทำถูกหรือผิดในอดีตที่ผ่านมา เจ้าไม่จำเป็นต้องจำเอาไว้ตลอดเวลา และเจ้าต้องไม่มามัวเสียใจ  เจ้าก็สามารถทำดีได้ในอนาคตตราบใดที่ความผิดพลาดจะไม่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง นั่นถือเป็นความก้าวหน้า และเป็นความสำเร็จในชีวิต”

 “เจ้าพูดแบบนี้ อาจเป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตเจ้า และอาจทำให้ชีวิตของเจ้ามีค่ามาก”  สื่อจินโหวแหงนหน้าหัวเราะ  “อย่างไรก็ตาม จะไม่มีใครช่วยเจ้าได้!  ที่นี่เจ้าไม่สามารถทำอะไรได้ เจ้าจะต้องตายอย่างอนาถเพราะข้อบกพร่องในใจเจ้า.....  อย่าเพิ่งรีบเร่งปฏิเสธการปรากฏตัวของข้าเหมือนกับเจ้าหินและเถี่ยขวง  นั่นเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่ายังมีข้อบกพร่องในใจของเจ้า  ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงไหน เจ้าไม่สามารถโกงกฎสวรรค์ได้”

 “ข้าไม่เคยคิดปฏิเสธอยู่แล้ว”  เย่ว์หยางดึงผ้าเช็ดหน้าของเขาที่พับเก็บไว้อย่างดี และส่ายหน้ากล่าว “ข้าแค่ไม่ใส่ใจถึง”

 “ว่าไงนะ?”  สื่อจินโหวมีสีหน้าสงสัย

 “เหตุผลที่มนุษย์เป็นมนุษย์ พวกเขาจึงต้องมีจุดอ่อน  ใจคนเราต้องมีจุดอ่อนกันทั้งนั้น จะเกี่ยวข้องสัมพันธ์อย่างไร?  ข้าไม่สนใจว่าข้ามีจุดอ่อน ข้าไม่สนใจว่าใจว่ามีข้อบกพร่อง  ข้ายังไม่สมบูรณ์พร้อมก็ต้องมีปัญหากันบ้าง  นั่นคือสิ่งที่เกี่ยวข้องใช่ไหม?”  เย่ว์หยางเหมือนพูดยอมรับกับตนเอง

เขาส่งผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดที่พับอย่างดีให้สื่อจินโหวที่กำลังยกมือเตรียมฆ่าเขา

สื่อจินโหวพยายามฟาดทำลายศีรษะของเย่ว์หยางซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ในที่สุดเขารับผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดกลับไป  “โลกไม่มีที่สุดเป็นของจริง แต่ข้าไม่จริง ไม่จริงแน่นอน เจ้าไม่สามารถใช้จุดอ่อนในใจข้าเพื่อล้างแค้น แต่เมื่อข้าคิดว่าตัวข้าจริง ข้าเองก็สามารถทำอะไรทุกอย่างได้ รวมทั้งเติมเต็มความปรารถนาตนเอง รวมทั้งทำให้ศัตรูอย่างเจ้าต้องตายไป  แต่ข้าผิดแล้ว ของไม่จริงก็เป็นเพียงภาพลวงตา  เมื่อเจ้าไม่ยอมรับ ข้าก็คงไม่มีการคืนชีพ พระเจ้า ข้าไม่เคยมีอยู่อย่างนั้นหรือ?”

สื่อจินโหวมองดูมือทั้งสอง

มือและผ้าเช็ดหน้าที่เขาถือกลายเป็นควันสว่างสีขาวและลอยหายไปในความว่างเปล่า....  “เจ้ายังมีความคงอยู่ อย่างน้อยก็เป็นจุดอ่อนในใจของข้า  ได้เกิดใหม่อีกครั้ง  อาจจะอยู่เป็นจุดอ่อนในใจข้าได้สักวันแล้วก็หายไป    แต่เจ้ามีความคงอยู่แน่นอน นี่เป็นเรื่องที่เกินคาดแน่นอน”  สีหน้าของเย่ว์หยางเหมือนกับกล่าวอำลาสหายเก่าที่ไม่ได้พบกันมานาน

 “ใช่, ข้าไม่สามารถบอกความแตกต่างได้  แต่ก็มีอยู่ในลักษณะนี้  แม้ว่าจะเป็นภาพความอ่อนแอทางจิตใจของเจ้า แต่ข้าก็พอใจแล้ว  ชีวิตข้าไม่ได้ไร้ความหมายเลย  อย่างน้อยก็เป็นความทรงจำเกี่ยวกับการเติบโตของศัตรู และได้รับการช่วยเหลือให้คงอยู่ได้  เมื่อคิดถึงชีวิตของข้าสือจินโหว แม้ว่าข้าจะไม่สามารถทำสิ่งใดได้สำเร็จ แต่ข้าก็สามารถสร้างคนอื่นได้สำเร็จ  มิได้เปลี่ยนแปลงโลกไปอย่างว่างเปล่า ฮ่าฮ่าฮ่า”  ในขณะหัวเราะ ร่างของสือจินโหวสลายเป็นควันและหายไปไม่เหลือร่องรอยราวกับว่าไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน  นอกจากนี้ความรู้สึกนึกคิดของเย่ว์หยางก็เป็นเหมือนกับไม่เคยพบเจอเจ้าหินและเถี่ยขวงกับสือจินโหวมาก่อน

เมื่อสัมผัสใบหน้า ปรากฏว่าไม่มีคราบเลือด

ปรากฏว่ารอยปากเจ่อเพราะหมัดเจ้าหินเหมือนไม่เคยปรากฏมาก่อน ไม่มีแม้แต่รอยเลือด

ทุกอย่างดูเหมือนจริง ทุกอย่างเหมือนกับภาพลวงตา.. เย่ว์หยางเงยหน้ามองและพบว่าเด็กหญิงผู้น่ารักอยู่ข้างหน้าเขา  เธอยืนอยู่บนเก้าอี้ง่อนแง่นพยายามใช้ตะเกียบคีบปลาย่างควันบนโต๊ะ และโต๊ะก็เอนไปข้างหน้าขณะคีบปลาย่าง ก้นน้อยเธอกระดกหน้าคะมำไปข้างหน้าพยายามคีบปลาย่างด้วยมือเดียวอย่างงุ่มง่าม

เย่ว์หยางจำได้ว่าเธอคีบปลาย่างได้สำเร็จ  แต่แม่สี่ตีเธอและสอนให้นั่งไม่ให้ผิดมารยาท

แต่เธอกลับตกใจร่วงจากเก้าอี้

วันนั้น

จากวันที่เขาโถมตัวเข้าไปกอดสาวน้อย เธอกลับช่วยเติมส่วนที่ขาดหายไปในใจของเขาจนเต็ม

ที่นี่ไม่มีแม่สี่ ไม่มีห้องน้อยในเมืองไป๋ฉือปีนั้น

ขณะที่เด็กหญิงคีบปลาย่างในจานได้ โลกไร้ที่สิ้นสุดกลายเป็นห้วงเหวลึกไร้ก้น

เย่ว์หยางเห็นเด็กหญิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ แต่ยังไม่ทันจะยืนขึ้นเธอก็ร่วงลงไปในเหวลึก ครั้งนี้ไม่มีเวลาจะกระโจนเหมือนในอดีต ก่อนที่เธอจะร่วงเจ็บตัว  เขากอดศีรษะน้อยๆ ของเธอไว้เป็นการปกป้องเธอ

ข้าจะทำอะไรได้?

ด้วยร่างมนุษย์ที่อ่อนแอ จะมองดูเด็กหญิงร่วงลงไปอย่างนั้นหรือ?

เขาต้องทำอะไรจริงๆ กับภาพที่เหมือนจริงนี้หรือ?  หรือว่าล้มตัวรับร่างเธอไว้เหมือนที่เกิดขึ้นในอดีต?

 “ซวงเอ๋อ!  ไม่ต้องกลัว เจ้ามีพี่ชายอยู่ทั้งคน”  เย่ว์หยางไม่วิ่งออกไปเหมือนอย่างเคย แต่ค่อยๆ หลับตาและเหยียดแขนออกไปข้างหน้า

16 ความคิดเห็น:

oBABYVOXo กล่าวว่า...

ก้าวผ่านจิตใจ

Akirabas กล่าวว่า...

ตอนรับสู่ความเป็นเทพ

Popcorn กล่าวว่า...

บังไค.......

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

peter กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แอบอ่าน กล่าวว่า...

เรียนวิชาจากแม่นาคมาตอนไหน

Lazykuma กล่าวว่า...

พี่ชายแสนดี

--- กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ
จะผ่านได้เร็วไหมนะ

--- กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
Unknown กล่าวว่า...

หลับตาแล้วกางแขน สามเมิงนึกว่าตัวเป็นแจ็คกับโรสเหรอฟะ

Unknown กล่าวว่า...

ไกล้ละ

โอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่า กล่าวว่า...

จะใช้เวลาเท่าไหร่น้อ

Kingtest5 กล่าวว่า...

สารภาพว่าลืมไปละพวกตัวละครแรกๆ

guide กล่าวว่า...

ลืมหมดจริงๆ

แมงมุม unknow สีส้ม กล่าวว่า...

2คนแรกที่ปรากฏมาคือใครกันลืม

chay กล่าวว่า...

จำได้คราวๆ

แสดงความคิดเห็น