ตอนที่ 1131 โลกไร้ที่สิ้นสุด
โลกไร้ที่สิ้นสุด
สวรรค์และโลกน้อยในคัมภีร์เงิน ไม่เพียงแต่มีการทำลายและสร้างที่เป็นเอกลักษณ์เท่านั้น
ตรงจุดนี้ถึงแม้ว่าคนที่เข้าร่วมทดสอบจะรู้ก็ตาม แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเข้าใจได้ทันที มิฉะนั้นจะไม่มีโศกนาฏกรรมเหมือนอย่างมังกรปีศาจที่ติดอยู่ในนั้นเป็นเวลาล้านปี เย่ว์หยางเป็นคนที่มีพรสวรรค์หาตัวจับยาก แต่หากไม่ได้แนวทางจากตั่วตั่วและช่วยคนอื่นไว้ก่อน เกรงว่าคงไม่อาจตอบสนองได้ทันทีเมื่อเห็นซวงเอ๋อลำบาก
เมื่อเขาหลับตายื่นมือทั้งสองออกไป
ที่เท้าของเขามีความชื้นนับไม่ถ้วนและกลายเป็นสะพานน้ำแข็งทอดยาวขวางเหวทั้งสองด้าน
ใต้เท้าของเย่ว์หยางมีเมล็ดไม้พันธุ์ขนาดเล็กเริ่มแตกต้นอ่อนงอกเติบโตออกกิ่งก้านสาขายืดขยายไปในความว่างเปล่า
มันขยายลึกลงไปในเหวไม่มีที่สิ้นสุด
บนเถาวัลย์ที่เหนียวสีเขียวสดมีดอกไม้ผลิบานจนกระทั่งเต็มไปทั้งหุบเหว ขณะที่ยืดขยายกิ่งไล่ตามหนูน้อยเย่ว์ซวงที่ส่งเสียงกรีดร้องตลอดเวลาที่ร่วงตกและรองรับร่างหนูน้อยไว้อย่างอ่อนโยน
ความอ่อนหยุ่นช่วยกำจัดแรงตกไม่ให้ลงไปกระแทกพื้นเบื้องล่าง
เมื่อยืดถึงขีดจำกัดก็เด้งกลับคืน
สิ่งนี้กลายเป็นชิงช้าดอกไม้ที่งดงามส่งกลิ่นหอมจรุงใจ และเสียงกรีดร้องของหนูน้อยซวงเอ๋อหลังจากที่ตกใจ กลับสะท้อนกลับเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเย่ว์หยางโดยไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
เด็กหญิงกอดคอเย่ว์หยางไว้แน่นและเรียกเขาด้วยความรักทันที “พี่เสี่ยวซาน ข้าอยากนั่งชิงช้าบินได้ ข้าอยากนั่งชิงช้าที่บินได้สูงๆ เหมือนอย่างเมื่อครู่นี่อีก”
เย่ว์หยางลืมตาและมือเขายังกอดแม่หนูน้อยซุกซนอยู่
เขาลูบศีรษะและจูบหน้าผากหนูน้อย “แม่เล่า?”
“ท่านแม่อยู่ข้างหลัง!” ซวงเอ๋อชี้มือไปข้างหลัง เย่ว์หยางไม่จำเป็นต้องหันกลับไปดู ฉากหลังที่เป็นสะพานน้ำแข็งเปลี่ยนไปเป็นเส้นทางคดเคี้ยวขึ้นเขา ในภูเขาปกคลุมไปด้วยหมอก ในท่ามกลางหมอกเป็นปราสาทตระกูลเย่ว์ที่ไม่ได้พบเจอมานานแล้ว และด้านหลังเย่ว์หยางมีรถม้าที่ชำรุด ไม่มีม้าสำหรับพ่วง พื้นดินกระจัดกระจายไปด้วยเชือก ใกล้กันนั้นมีรถม้าที่มีม่านกั้นกางเอาไว้
“ใช่แล้ว” เย่ว์หยางมองกลับไป และปากของเขาสั่นเล็กน้อย เขาจะไม่มีทางลืมภาพนี้ นั่นคือวิธีการที่เขาพาแม่สี่กลับบ้าน!
“ครืน... ครืนน.. ครืน....”
ขณะที่เย่ว์หยางหันกลับไป มีลูกเหล็กกำลังกลิ้งลงมาตามเส้นทางที่คดเคี้ยว
ลูกเหล็กกลมขนาดใหญ่เพียงพอจะบดขยี้ทุกอย่างที่ขวางหน้ามัน
เทียบขนาดกันแล้ว รถม้าที่กำลังจะถูกบดขยี้มีขนาดเล็กมาก
ตอนนี้ เขาวางซวงเอ๋อในอ้อมแขนลงเพื่อช่วยแม่สี่ผู้คอยให้กำลังใจและยิ้มให้เขาทุกครั้ง และนางมักออกหน้าทุกครั้งเพื่อปกป้องพวกเขา
เย่ว์หยางไม่มีทางเลือก เขาอุ้มเด็กหญิงด้วยมือข้างหนึ่งและเดินไปข้างหน้าช้าๆ
เกิดกำแพงน้ำแข็งมากมาย
โครม...
ลูกเหล็กบดกระแทกกำแพงน้ำแข็งแตกเป็นเสี่ยง สะเก็ดน้ำแข็งกระเด็นกระจายไปทั่ว
กำแพงน้ำแข็งมากมายไม่สามารถหยุดลูกเหล็กไม่ให้กลิ้งมาข้างหน้าได้ อย่างไรก็ตามภายใต้การนำทางของเย่ว์หยาง เส้นทางกลิ้งของลูกเหล็กเปลี่ยนไป ลูกเหล็กเพียงชนขอบรถม้า เมื่อเห็นรถม้าปลอดภัย เด็กหญิงร้องตกใจกลัว จากนั้นโบกมือและปรบมือชอบใจให้กำลังใจพี่ชายของเธอ
ก่อนที่เย่ว์หยางจะได้ทันถอนหายใจโล่งอกปรากฏทางลาดชันหน้าลูกเหล็กที่กำลังกลิ้ง
แรงเหวี่ยงมหาศาลทำให้ลูกเหล็กยักษ์พุ่งไปตามทางลาดขึ้น
ม้วนวนเหมือนกับรถไฟเหาะ
จะกระทั่งถึงขีดจำกัดความสูงจึงกลิ้งกลับมาอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังมีเปลวไฟปะทุออกมาจากลูกเหล็กยักษ์ทั้งหมดและพื้นดินก็ถูกแผดเผาด้วยเสียงดังตามเส้นทางที่ลูกเหล็กไฟกลิ้งผ่าน ทั้งหินและทรายถูกแผดเผาจนแดง
แย่แล้ว เย่ว์หยางอยากกระอักเลือด
เขาใช้แขนข้างหนึ่งอุ้มเด็กหญิง และมือข้างหนึ่งดึงเชือกลากรถโดยสารแม่สี่ไปทางปราสาทตระกูลเย่ว์
เย่ว์หยางรีบฉุดลากรถขึ้นเขาโดยมีลูกเหล็กเพลิงยักษ์ไล่ตามมาข้างหลัง
เขารีบลากรถม้าไปถึงในที่ปลอดภัย ลูกเหล็กยักษ์ไม่สามารถไล่ตามได้ทันอีกต่อไป
ทันใดนั้นลูกเหล็กไฟยักษ์พลันมีหลาวแหลมงอกขึ้น
หนามเหล็กตรึงอยู่ในทางลาดครึ่งทาง
เย่ว์หยางรู้สึกประหลาดใจและสายเกินไปเมื่อเขาพบว่าเชือกลากรถนั้นขาด
รถม้าที่เพิ่งหลบอันตรายมาได้ หลังจากหยุดชั่วคราวก็สูญเสียแรงฉุดดึงค่อยๆ เลื่อนถอยหลัง และเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่องตรงไปที่ลูกเหล็กไฟที่มีหนามแหลมร้อนแดง
ขอเพียงแล่นเร็วขึ้น เชื่อได้ว่าในรถม้าคงจะไม่มีใครรอดด้วย
ในท่ามกลางความสิ้นหวัง
เย่ว์หยางหลับตาอีกครั้ง มือข้างหนึ่งอุ้มซวงเอ๋อ อีกข้างหนึ่งยื่นออกไปข้างหน้า.. แต่ครั้งนี้ ไม่มีอะไรที่เขาสร้างอีกต่อไป แต่เป็นการทำลาย
รถม้าชนลูกเหล็กร้อนเต็มที่และแตกเป็นชิ้นเล็กชินน้อย
อย่างไรก็ตามในขณะนั้น
เปลวไฟทั้งหมดและชิ้นส่วนทั้งหมดถูกทำลายพลังงานถูกเปลี่ยนไปเป็นกลีบดอกไม้
ท่ามกลางแรงเหวี่ยงขนาดมากมายราวกับมีชีวิตนับไม่ถ้วนไหลหลากระบายออกมาแล้วหายไป สตรีชุดขาวนั่งอยู่เงียบๆ ในรถม้าโดยสารหายไปอย่างไร้ร่องรอย กลับปรากฏค่อยๆ ร่วงลงกับพื้นที่เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้วิญญาณและยืนกับพื้นอย่างมั่นคง นางไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด
นางยิ้มให้เย่ว์หยางที่กำลังอุ้มเย่ว์ซวงอย่างอ่อนโยน “ข้ารู้ว่าไม่มีการทดสอบใดในโลกที่สามารถหยุดเจ้าได้”
ขณะที่เอื้อมมือไปรับเด็กหญิงน้อยที่ไม่เต็มใจจะกลับ นางพยักหน้าให้เย่ว์หยาง “เจ้าก็รู้ เรารอเจ้าอยู่เสมอดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าเจ้าจะเดียวดาย เรารอเจ้าอยู่ที่นั่นเสมอ!”
เย่ว์หยางไม่กล้าเอ่ยปาก เพราะเขาเกรงว่าเมื่อเอ่ยปากแล้ว นัยน์ตาที่ร้อนผ่าวของเขาจะแสดงความรู้สึกออกมา
แม้แต่อยู่ต่อหน้านาง เขาก็ไม่ยินดีเปิดเผยอารมณ์ความรู้สึกภายในของตัวเอง
นางค่อยๆ อุ้มเด็กหญิงเดินจากไป
โดยไม่พูดอะไร
อย่างไรก็ตามคำพูดก่อนนี้และความคิดเห็นของนางแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนเขาอยู่เสมอ นางจะรออยู่ที่บ้านและรอให้เขากลับมาหานาง จะไม่ปล่อยให้เขาไปตามลำพัง จะไม่ปล่อยให้เขาไร้ที่พึ่งพิงอาศัย ไม่ใช่คนร่อนเร่ผู้น่าสงสาร
“พี่เสี่ยวซาน, มาเถอะ!” แต่เด็กหญิงผู้น่ารักหันมองหันกลับหลังผ่านไหล่มารดาโบกมือให้พี่ชาย
“.....” เย่ว์หยางพบว่าดวงตาของเขาคลุมเครือ
นี่ไม่ใช่ความอายอึดอัด
แต่เป็นความคะนึงคิดถึงชนิดหนึ่ง ความคิดถึงของผู้ที่หลงทางไปนาน แม้ว่าจะไม่ได้กลับไปยังบ้านเกิดของเขา แต่ที่นี่การได้เห็นพวกนางในใจเป็นเวลานาน นับเป็นการดีต่อใจ
เย่ว์หยางค่อยๆ หลับตาและสูดหายใจลึก
ต่อไป ไม่สำคัญแล้วว่าจะทดสอบอะไร
เขาจะไม่ลังเลและจะไม่สะดุ้งกลัว เพราะเขาได้รับการสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะพร้อมสำหรับความคิดที่เลวร้ายที่สุดเมื่อเขาลืมตาขึ้นและมองฉากภาพข้างหน้า เขาก็ยังอดตกใจไม่ได้
นี่คือสถานที่พิเศษ
ในสถานที่นี้เย่ว์หยางต้องทดสอบกับความไม่แน่ใจที่สุดในชีวิต
ถ้าไม่มีแม่สาวหิมะผู้รักการอ่านอยู่เสมอ มือซ้ายมีพลังสายฟ้าโจมตี มือขวามีพลังน้ำแข็ง เย่ว์หยางไม่คิดว่าเขาจะผ่านด่านนี้ได้ เพราะที่นี่ตั้งแต่เริ่มต้นประวัติศาสตร์ ไม่เคยมีใครผ่านด่านได้สำเร็จอย่างแท้จริงในบรรดาวิหารสิบสองนักษัตร วิหารเทพสตรี!
เป็นด่านที่ยากมากกว่าการผ่านประตูเป็นตาย!
หนักหนาสาหัสกว่าการท้าทายใดๆ!
วิหารเทพสตรีทดสอบจุดอ่อนในหัวใจมนุษย์ ไม่มีใครสามารถเอาชนะความอ่อนแอทางจิตใจตนเองได้อย่างเดียว แม้แต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่สามารถทำได้
วันนั้นเย่ว์หยางผ่านด่านได้สำเร็จเพราะเขามีสหายที่ดีสามคนคือ อี้หนานสาวผู้ลึกลับที่ไม่เต็มใจจะเปิดเผยตัวตนของนางในเวลานั้น อี้หนานมีความสามารถทางจิตที่ยอดเยี่ยม และสาวน้อยเย่ว์ปิงผู้กล้าและกระตือรือร้นมากที่สุด เมื่อทั้งสามคนช่วยกัน เย่ว์หยางก็เอาชนะจิตปีศาจและเอาชนะจุดอ่อนของเขาในวิหารเทพสตรีได้ ทำให้ผ่านด่านได้อย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน
อย่างไรก็ตามตอนนี้
เด็กหนุ่มจากโลกอื่นพบว่าตัวของเขาเองกลับมาที่วิหารเทพสตรี
มีเสียงที่ไม่มีตัวตนและเสียงเบาดังขึ้นเบาๆ ในหูของเขาดูเหมือนหญิงสาวกระซิบรักด้วยความผิดหวัง “คนโง่! เจ้าคิดว่าเจ้าผ่านด่านวิหารเทพสตรีได้จริงๆ หรือ? ความจริงกระบวนการทั้งหมดก่อนหน้านั้นเป็นเพียงภาพลวงตา!”
“รวมถึงการต่อสู้ในแดนสวรรค์ การทดสอบประตูเป็นตาย และมิติฝึกปรือฝีมือ เหล่านี้ก็เป็นภาพลวงตาด้วยใช่ไหม?” เย่ว์หยางยิ้ม
“เจ้าคิดว่านั่นเป็นเรื่องจริงหรือ?” เสียงที่ไม่มีตัวตนเย้ยหยันไม่เกรงใจ “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? สิ่งที่ดีที่สุดในโลกกองอยู่ในหัวของเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
“นั่นคือรางวัลจากความพยายามหนักของข้าไม่ใช่หรือ?” เย่ว์หยางยักไหล่
“ในภาพลวงตาของชีวิต เจ้ายังจะคงดื่มด่ำต่อไป แทนที่จะตื่นขึ้นอย่างนั้นหรือ?” เสียงนั้นถามในทำนองนี้
“เจ้าบอกว่าชีวิตเดิมเป็นภาพลวงตาและมันก็เป็นเรื่องจริง ต้องสนใจทำไมว่าใครจะมองอย่างไร หากใครบางคนรู้สึกว่าชีวิตของเขาเป็นเรื่องจริง มันก็เป็นเรื่องจริง ถ้าเขาคิดว่าเป็นเรื่องเท็จ ก็ต้องแสวงหาเรื่องจริงอย่างยากลำบาก ไม่มีความจริงเด็ดขาดในโลก ความจริงบางทีก็มีพื้นฐานมาจากความเท็จแล้วก็มีความจริงรวมอยู่ด้วย ตัวอย่างเช่นคนที่ดูเหมือนคน แต่เขามีรูปร่างแปลก ประกอบด้วยโมเลกุลหลวมๆ เหมือนทรายเม็ดเล็กนับไม่ถ้วน อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือดอกไม้ที่ดูสวยงามมาก แต่เป็นรูปแบบที่ประกอบด้วยอนุภาคขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วน หากเจ้าขยายภาพดูมันเต็มไปด้วยจุลินทรีย์ที่น่าเกลียดทุกชนิดรวมถึงสีที่งดงาม หากเจ้ามองผ่านกระจกสีที่แตกต่างกัน มันอาจดูน่าเกลียดน่ากลัวมากกว่าก็ได้... นั่นคือสัจธรรมที่แท้จริงของทุกชีวิต” เย่ว์หยางตอบด้วยวิธีนี้
“นี่คือเหตุผลที่ทำให้เจ้ายินดีอยู่ในภาพลวงตาใช่ไหม?” เสียงคลุมเครือถาม
“แม้ว่าข้าไม่ต้องการ แต่ข้าไม่มีสิทธิ์และความสามารถในการเลือก!” เย่ว์หยางส่ายหน้าและถอนหายใจ “ข้าเกิดมาไม่ได้เป็นเทพผู้มีพลานุภาพทุกอย่าง จะให้ข้าทำอย่างไรได้? ข้าต้องกินเมื่อร่างกายหิว ต้องสวมเสื้อผ้าเมื่ออากาศเย็น เจ็บปวดเมื่อร่างกายถูกทำร้าย มีความรู้สึกท้อแท้และเศร้า... แม้ว่าข้าต้องพากเพียรอย่างหนัก ข้าก็พยายามเต็มที่เพื่อเปลี่ยนโชคชะตา ข้าจะทำอะไรได้บ้างเล่า ข้าไม่รู้ว่าทางเลือกนั้นถูกต้องหรือว่าผิดพลาด บางครั้งข้ารู้ตัวว่าเลือกผิด แต่ข้ายังต้องทำ ข้าสามารถเลือกได้อย่างอิสระหรือ? เป็นไปไม่ได้! ข้ามีความสามารถในการเลือกได้อย่างอิสระหรือไม่? ไม่เลย! ดังนั้น...มนุษย์ ไม่มีอะไรดี” เย่ว์หยางถามกลับ “เจ้าคิดว่าข้ายินดีจะทำเช่นนี้หรือ?”
“แม้ว่าเจ้าจะผ่านวิหารเทพสตรี ผ่านประตูเป็นตาย ผ่านมิติดินแดนทดสอบฝีมือ และได้รับคัมภีร์เทพ ด้วยพลังอย่างเจ้า เจ้าคิดว่าคัมภีร์เทพจะเลือกเจ้าหรือ?” เสียงที่ไม่มีตัวตนถามอย่างไม่มีความรู้สึก
“ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไร?” เย่ว์หยางไม่ให้คำตอบ
“รู้สึกว่าห่างไกลจากความเข้าใจ เจ้าผู้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการสร้างและทำลาย ทำไมเจ้าถึงไม่สามารถออกจากโลกไร้ที่สิ้นสุดนี้ได้?” ทันใดนั้นมีเสียงคลุมเครือถาม “ทำไมเจ้าถึงคิดว่าเทวทูตสาวทั้งสามเป็นผู้แนะนำที่ดี? พวกนางอาจเป็นผู้รับใช้ของเทพปีศาจ ทำงานอย่างหนักเพื่อฟื้นคืนชีพของเทพปีศาจ และพยายามทำร้ายความเป็นไปได้ในการคืนชีพเทพปีศาจ เจ้าเข้ามาในกรงโลกไร้ที่สิ้นสุดในคัมภีร์เงินทำไม?”
“ความจริงข้าถูกหลอกบ่อยมาก จนตอนนี้เลิกสนใจแล้ว” เย่ว์หยางหัวเราะลั่น
“ถ้าพวกนางไม่ปล่อยเจ้าไปเล่า จะเกิดอะไรขึ้น? เจ้าจะฝันอยู่ในโลกนี้ตลอดหรือไม่? อย่างเช่นตอนนี้ เจ้าฝันถึงคนที่เจ้ารัก คนที่เจ้ารักจะเข้ามาอยู่ข้างเจ้าไม่ใช่หรือ?” เสียงคลุมเครือถาม
“หนึ่งล้านปี ถ้าไม่มีความต่างกับหนึ่งวินาที” เย่ว์หยางพยักหน้าและพูดต่อ “อย่างนั้นก็ไม่เป็นไร”
“อย่างนั้นก็นอนต่อไป ฝันและตายไป หลังจากล้านปี ค่อยมาพูดกันอีกครั้ง” เสียงคลุมเครือค่อยๆ จางหายไปอย่างไร้ร่องรอยเหมือนกับไม่เคยปรากฏมาก่อน
“หนึ่งล้านปีใช่ไหม?” เย่ว์หยางหลับตาและเหยียดมือ “พอเถอะ พอได้แล้ว สำหรับข้า ข้าจะสร้างโลกไร้ที่สิ้นสุดโลกความฝันในใจของข้า!”
สายเกินกว่าจะเริ่มสร้าง
ทันใดนั้น
เขารู้สึกจิตใจถูกชักจูง
เย่ว์หยางลืมตาและเห็นว่ามีเด็กหญิงที่ตัวเล็กกว่าซวงเอ๋อกำลังนั่งอยู่ข้างหน้ามองดูเองอย่างสงสัย และลูบหน้าตัวเองว่าบวมหรือไม่?
เด็กหนุ่มจากโลกอื่นสร้างถาดขนมหลากสีสันและส่ายร่อนหลอกล่ออยู่ข้างหน้า “บอกพี่ได้ไหมน้อง พวกหนูๆ ชื่ออะไร ใครตอบเร็วที่สุด พี่จะให้ขนมเป็นรางวัล” เดิมทีนี่เป็นลูกเล่นหลอกเด็กเกลี้ยกล่อมเด็กให้ทำทุกอย่าง แต่ไม่มีผลต่อเด็กหญิงน้อยสามคน พวกเธอมองดูเย่ว์หยางด้วยสายตางงงวย
เด็กหญิงตัวเล็กหน้ากลมแดงพูดเสียงแหลมเล็ก “มีคนโง่เคยใช้วิธีนี้หลอกเด็กมาก่อน!”
เย่ว์หยางเมื่อได้ยินก็หงุดหงิดและพูดอย่างเย็นชา “เหลวไหล, มีคนมากมายหลอกเด็กอย่างไร้ยางอาย พวกเจ้ามั่นใจได้เลยว่าพี่ชายไม่เป็นแบบนั้นแน่!”
เด็กหญิงผมสั้นทางขวามือปิดปากอย่างมีความสุข
เด็กหญิงคนกลางที่มีรูปลักษณ์จับตาท่าทางสงบใจเย็น ชี้ไปทางเด็กหญิงทางซ้ายมือ “นางคือ ‘ผู้สร้าง’”
และชี้มือไปทางขวา “นางคือ ‘ผู้ทำลาย’”
ทั้งสองมือกลับมาชี้ตนเอง “ส่วนข้าคือ ‘ผู้นิรันดร์’ เมื่อเจ้ารู้ว่าอะไรคือการสร้าง การทำลาย และความนิรันดร์ อย่างนั้นเจ้าสามารถแยกออกมาจากโลกไร้ที่สิ้นสุดนี้ได้!”
14 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
สามสาวแน่เลย
เฮียหย่างนักหลอกเด็ก555
ทูตโลลิ *_*
ปลากระป๋องสามแม่วัว สร้าง ทำลาย. นิรันดร์
555555เจอนักเตาะเด็กในตำนาน
มาแบบนี้ก็จบเลยดิ
โอ้แม่สาวน้อย
ใจจ้า
3 โลลิ
โชคดีที่สุดท้ายเป็นเด็กม กับ ผญ โดนหลอกหมด
ความสามารถในการหลอกเด็กนั้น
สู้ๆนะ3
ขอบคุณครับ
หลอกพากลับบ้านเลย
เอาขนมหลอกเด็กจนชิน
แสดงความคิดเห็น