วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1133 หุบเขาโลกธาตุ, ขุนเขาเหนือขุนเขา



ตอนที่  1133  หุบเขาโลกธาตุ, ขุนเขาเหนือขุนเขา

หุบเขาโลกธาตุ ขุนเขาเหนือขุนเขา


แม้ว่าคนผู้มีพรสวรรค์จะได้รับความนิยมในทุกที่  แต่เชื่อได้ว่าไม่มีที่ใดในโลกที่ให้ความสำคัญกับคนผู้มีพรสวรรค์มากไปกว่าขุนเขาเหนือขุนเขา

ขุนเขาเหนือขุนเขาปกครองโดยเทพทั้งสิบ แต่เดิมมีเทพที่ทรงพลังที่สุดสองคน เพราะการต่อสู้แย่งอำนาจปกครองตลอดเวลาหลายปี ทำให้หุบเขาโลกธาตุและขุนเขาเหนือขุนเขาเกิดความสูญเสียที่มิอาจนับคำนวณได้  เพราะเหตุนี้เองเทพทั้งแปดที่ร่วมสงครามหมื่นปีที่แล้ว ตัดสินใจผนึกกำลังกัน ขณะที่สองเทพผู้แข็งแกร่งที่สุดถูกโจมตีทำร้ายอย่างรุนแรงจนอยู่ในสภาพอ่อนแอ ทันใดนั้นพวกเขาตัดสินใจเผาร่างเทพเป็นจุล และผนึกสำนึกเทพไว้ในขุนเขาเหนือขุนเขา... เมื่อสุดยอดนักสู้ทั้งสองตาย แปดเทพที่ผนึกกำลังกันต่อสู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาตัดสินใจที่จะดูแลปกครองโลกทั้งแปดคนด้วยกันและแนะนำเสาะหาอัจฉริยะในหุบเขาโลกธาตุหวังว่าจะฟื้นฟูขุนเขาเหนือขุนเขาจากหายนะให้ได้โดยเร็ว

เป็นเวลาหลายพันปี ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์แบบไหน ตราบใดที่พวกเขามาถึงขุนเขาเหนือขุนเขาแห่งหุบเขาโลกธาตุ พวกเขาจะได้รับการจ้างงาน

เทพทั้งแปดอยู่ในทิศทั้งแปด ในยุคแห่งสันติภาพ พวกเขาตัดสินใจสร้างอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ซึ่งต้องการผู้มีพรสวรรค์จำนวนมาก

ดังนั้นผู้มีพรสวรรค์ทุกคนที่มาถึงที่นี่ ในเมืองนี้จะมีคุณค่าเป็นร้อยเท่า ทุกฝ่ายจะแย่งกันนัดหมายจองตัว

สถานีแรกรับ หุบเขาเหนือหุบเขา

เฒ่าเหมาผู้ทำหน้าที่ต้อนรับนั่งทอดถอนหายใจยาวทั้งวัน

ตามกฎของที่นี่ในแต่ละปี ตัวแทนของเทพแต่ละฝ่ายจะอยู่ประจำการที่นี่เป็นเวลาหนึ่งเดือน ผู้มีพรสวรรค์ที่รับเข้ามาในช่วงเวลานี้จะต้องลงนามทำสัญญาว่าจ้างกับเทพฝ่ายของตน  มิฉะนั้นผู้มีพรสวรรค์ทั้งหมดจะตกไปอยู่ในความครอบครองของเทพบางคนทั้งหมด

สำหรับส่วนที่เหลืออีกสี่เดือนของทุกปี เทพทั้งแปดฝ่ายจะรวมตัวกันรับสมัครงานในราคาค่าจ้างที่สูงขึ้น

ปัญหาก็คือเฒ่าเหมาเทวทูตรับสมัครงานซึ่งเป็นตัวแทนของอาณาจักรเทพอาคเนย์ปฏิบัติหน้าที่มา 28 วันแล้ว ยังไม่มีผู้เปี่ยมพรสวรรค์เข้ามาสมัคร และยังห่างไกลจากภารกิจเป้าหมายส่งมอบ สามอัจฉริยะ เฒ่าเหมาไม่คาดหวังอีกแล้ว เขาแค่หวังจะได้รับสมัครผู้มีพรสวรรค์สักคน จะได้ไม่ต้องกลับไปมือเปล่า

“ตอนนี้ผู้มีพรสวรรค์ชักจะน้อยลงทุกที นี่ไม่เหมือนกับเมื่อหกพันปีก่อนไม่ว่าจะเป็นแดนสวรรค์หรือหอทงเทียนจะมีกระแสผู้มีพรสวรรค์หลั่งไหลเข้ามาหุบเขาโลกธาตุของเรามิได้ขาด  แม้ว่าหลายคนจะไม่เต็มใจอยู่ประจำการเป็นเวลานาน  แต่อย่างน้อยก็ยังไม่มีปัญหาในช่วงเวลาหนึ่ง  เดี๋ยวนี้มีคนรุ่นหลังมาฝึกฝนที่ขุนเขาเหนือขุนเขาเพียงไม่กี่คน เฮ้อ.. ทั้งปีก็ยังไม่มีสักคน!  เฒ่าเหมาส่ายหัวและถอนหายใจยกขวดเหล้ากรอกปาก  เขาคาดว่าคงไม่สามารถยึดอาชีพนี้ในฐานะผู้นำได้  เขาคิดจะเกษียณและออกจากงานตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน  และตอนนี้ไม่มีอะไรรับประกันชีวิตเลย!

“ท่านขอรับ!  ดูเหมือนจะมีคนอยู่ตรงนั้น!  เฒ่าเหมาในฐานะเทวทูต ในขุนเขาเหนือขุนเขาถือว่ามีสถานะใหญ่ระดับกลาง  อาจมีคนรับใช้หลายคนเป็นลูกมือ  แต่คนที่เพิ่งจะพูดนั้นเป็นเด็กหนุ่มฉลาดมีไหวพริบสายตายาวไกลเหมือนตาเหยี่ยว

ปีศาจน้อยนี้เรียกว่ากัวกัว ยังไม่มีความแข็งแกร่งพอจะเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่จะเข้าขุนเขาเหนือขุนเขาได้

แต่เขากะล่อนและมีสายตาดีเยี่ยม

อาจมองได้ว่าเป็นพรสวรรค์ก็ได้

แน่นอนว่าเฒ่าเหมาพาเด็กหนุ่มมาด้วยเมื่อเขาต้องทำธุรกิจในหุบเขาโลกธาตุ และพาปีศาจน้อยผู้มีอายุ 300 ปี ซึ่งยอมตัวเป็นคนรับใช้มายังขุนเขาเหนือขุนเขา

เฒ่าเหมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น มือที่กำลังกรอกเหล้าเข้าปากชะงักค้างทันที

มาจริงๆ หรือ?

จะเป็นผู้มีพรสวรรค์มาถึงหรือเปล่า?

หรือว่าพระเจ้าทรงมีนัยน์ตาทนเห็นข้าเกษียณมือเปล่าไม่ได้ จึงส่งผู้มีพรสวรรค์มาถึงในขณะที่ข้าอาจต้องกลับมือเปล่า?

“ดูให้ดี เขาอาจเป็นผู้รับใช้ที่กลับมาทำธุระในหุบเขามนุษย์ก็ได้ อย่าเข้าใจผิดพลาด!  เฒ่าเหมาพยายามข่มความตื่นเต้นในหัวใจของเขา  เขาพยายามมองดูอย่างชัดเจนที่สุด บุคคลที่กำลังมาเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ไม่เคยลงทะเบียนมาก่อน ไม่ใช่ผู้รับใช้ทำงานให้คนอื่นในหุบเขาโลกธาตุ  สิ่งที่ทำให้เฒ่าเหมางุนงงก็คือดูเหมือนเขายังอายุน้อยอย่างคาดไม่ถึง มองดูจากพลังผันผวนธรรมชาติในชีวิตของเขา เฒ่าเหมาพบว่าเด็กหนุ่มคนนี้อายุประมาณ 20 ปี

20 ปีเองหรือ?

อายุน้อยอย่างไม่น่าเชื่อ!

เขารู้ว่าในหุบเขาโลกธาตุ อายุ 300 ปี ถือว่าเป็นวัยรุ่นกำลังเติบโต แต่ยี่สิบปีถือว่ายังอายุเยาว์เหมือนเด็กเพิ่งหย่านม  แต่จะพูดอย่างนั้นกับเด็กหนุ่มอายุยี่สิบปีคนนี้ก็คงไม่ดี  “ยินดีต้อนรับ”  ไม่ว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะหย่านมแล้วหรือไม่ก็ตาม เฒ่าเหมารู้สึกว่าเขาจะต้องแนะนำเด็กหนุ่มอายุน้อยนี้  ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ได้เป็นระดับหัวหน้ามานานถึงพันปี  เป็นไปไม่ได้เลยที่จะนึกวาดภาพตอนจบที่สมบูรณ์แบบยอดเยี่ยม เฒ่าเหมามักจะแนะนำผู้มีพรสวรรค์ มีความมั่นใจในตนเอง ผู้ติดต่อครั้งแรกมักจะส่งไปเป็นผู้รับใช้  แต่ตอนนี้โดยไม่คำนึงของตัวตนของเขาในฐานะเทวทูต เขาคว้าข้อมือของเด็กหนุ่มผู้ที่เพิ่งมาถึง

“นี่ที่ไหน?”  เด็กหนุ่มผู้มาถึง ไม่เพียงแต่สับสนเท่านั้น แต่เขามาถึงขุนเขาเหนือขุนเขา เขายังไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน พูดไม่ออกลยจริงๆ

“สวัสดีที่นี่คือจุดแรกรับของขุนเขาเหนือขุนเขา  ข้าคือเทวทูตแห่งอาณาจักรเทพอาคเนย์ นามว่าเหมาพั่วตี้ หรือจะเรียกข้าว่าเฒ่าเหมาก็ได้”  เฒ่าเหมาไม่ยอมไร้ผลงาน เขายิ้มให้เย่ว์หยางและจับมือแน่นไม่ปล่อย ด้วยความกระตือรือร้น

“สถานีแรกรับขุนเขาเหนือขุนเขาหรือ?”

เมื่อเขาได้ยิน ถึงกับตกใจ

เป็นเวลานานเขาถึงพึมพำกับตนเอง  “ความจริงข้าควรปล่อยให้เขาถูกโยนออกจากขุนเขาเหนือขุนเขาหรือไม่?”

ฝ่ายเฒ่าเหมาและกัวกัวมองดูรู้สึกไม่ถูกต้อง  คนผู้นี้ยังเยาว์วัยเกินไป และดูเหมือนประสาทจำแนกทิศทางก็ไม่ดี เขาหลงทางเข้ามาในสถานีแรกรับ แสดงว่าไม่ใช่ผู้มีพรสวรรค์ที่ถูกส่งเข้ามาหลังจากผ่านเงื่อนไขแล้ว

เขารีบเตือนเฒ่าเหมา  “ท่านผู้เฒ่า!  ดูเหมือนจะผิดปกติไปบ้าง”

เฒ่าเหมาเป็นคนแบบไหนกันแล้ว?

สุดยอดฝีมือที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเป็นเวลาหลายพันปี แล้ว

ในฐานะเทวทูตต้อนรับ หากเขามองไม่เห็นสิ่งผิดปกติตั้งแต่ครั้งแรกออก  อย่างนั้นเขาอยู่มาหลายพันปีอย่างไร้ประโยชน์เปล่าๆ  และนัยน์ตาของเขาคือนัยน์ตาของเทวทูตปฏิสันถาร

อย่างไรก็ตามสำหรับสถิติที่น่าอายซึ่งกำลังจะเกิดขึ้น เขาตัดสินใจแกล้งทำเป็นตาบอด  เด็กหนุ่มนี่ยังเด็กเกินไปที่จะต่อกรกับมัน   แม้แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ยังไม่ถึงระดับผู้มีพรสวรรค์! แต่มีค่าควรแก่การฝึกปรือ  ไม่ต้องพูดหรอกว่าเด็กหนุ่มนี้มีศักยภาพยิ่งใหญ่ที่สุด!  เขาโบกมือขัดจังหวะกัวกัว “ไม่มีอะไรผิดปกติในเรื่องนี้  นี่คือผู้มีพรสวรรค์!  เด็กน้อย..โอไม่, น้องชาย เจ้าชื่ออะไร?”

“ข้าสกุลเย่ว์ นามว่าไตตัน”  เด็กหนุ่มที่ประสาทจำแนกหนทางไม่ดี แต่รูปร่างหล่อเหลาอดหัวเราะไม่ได้  เฒ่าเหมายินดีที่เขาไม่ใช่คนประเภทไม่หญิงไม่ชาย มิฉะนั้นเจ้าเด็กนี่ต้องน่าหลงใหลเป็นแน่

“เย่ว์ไตตันหรือ?  ข้าจะเรียกเจ้าว่าไตตันน้อย  เจ้ามีความสามารถอะไรเป็นพิเศษบ้าง?”  เฒ่าเหมาส่งสัญญาณให้กัวกัวจดบันทึกลงทะเบียน

“ความสามารถพิเศษ?  รูปหล่อใช้ได้ไหม?”  เย่ว์หยางกล่าว กัวกัวที่กำลังจดบันทึกทรุดลงกับพื้น แทบไม่เหลือเลือดในสมอง

“แค่ก แค่ก, รูปหล่อ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงก็ได้ ทุกคนมองเห็นอยู่แล้ว  นอกจากหล่อแล้วเจ้ามีความสามารถพิเศษอะไรอื่นอีกไหม?”  เฒ่าเหมาไม่โกรธ เขาต้องการได้ข้อมูลความสามารถพิเศษของเย่ว์ไตตันเพื่อรักษาอาชีพของเขาให้สมบูรณ์แบบโดยไม่มีอะไรต้องอับอาย  ประการที่สองคนหนุ่มสาวมักจะค่อนข้างโอ้อวดตัวเอง  เด็กอายุยี่สิบคงจะหาเรื่องต่อรองกับเขา

“นอกจากหล่อแล้ว ข้ายังมีอีกหลายอย่าง ข้าไม่ใช่เด็กหนุ่มยอดเยี่ยม ยกเว้นแต่หน้าแล้วไม่มีจุดเด่นตรงไหน...”  เย่ว์ไตตันเกาศีรษะไม่สามารถบอกได้ว่าตนเองเก่งด้านไหนอยู่นาน

“อย่างนั้นความสามารถพิเศษควรเขียนคำว่าหล่อลงไปก่อน!  เฒ่าเหมาไม่กังวลเรื่องนี้  เขาอายุเพียงยี่สิบปีเพิ่งหย่านมได้นับเป็นความสามารถยอดเยี่ยมแล้ว?  แต่ถามถึงเรื่องนี้จะไม่เป็นการจงใจให้เขาอายหรือ?  เฒ่าเหมาโบกให้กัวกัวบันทึกลงไปว่า หล่อ ในระบบฐานข้อมูล  กัวกัวเขียนลงไปอย่างไม่เต็มใจ เขาทำปากเบะ หล่อดีแต่ผายลม  หล่อกินได้หรือเปล่าวะ!

“ขอบคุณ, ถ้าข้านึกถึงความถนัดของข้าในอนาคตออกข้าจะบอกกับท่าน!  เย่ว์ไตตันขอบคุณผู้เฒ่าเหมาอย่างซาบซึ้ง

“ด้วยความยินดี ความสามารถพิเศษเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”  เฒ่าเหมาตบไหล่เย่ว์ไตตัน  ความสามารถพิเศษนี้มีค่ามาก  โดยเฉพาะอย่างยิ่งยิ้มที่สดใสยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ มีพลังฆ่าทำให้สตรีไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ได้  และเฒ่าเหมารู้สึกว่าจะต้องระมัดระวังมากขึ้นในอนาคต จะเป็นการดีกว่าที่ไม่นำเย่ว์ไตตันกลับไปฉลองที่บ้าน มิฉะนั้นสตรีในบ้านของเขาอาจต้องฟุ้งซ่านเพราะรอยยิ้มของเจ้าเด็กบ้านี่

“บอกเราได้ไหมว่าเจ้ามีถิ่นกำหนดอยู่ที่ไหน?  ถ้าเจ้าต้องการเก็บรักษาไว้เป็นความลับ ไม่ต้องพูดก็ได้”  กัวกัวรู้สึกอึดอัด  เดิมทีเขาเป็นคนที่รูปหล่อที่สุดในสายตาท่านเหมาพั่วตี้ เขาเป็นคนอายุเยาว์ ผู้คนรอบตัวเขารวมทั้งครอบครัวของเฒ่าเหมามีผู้เยาว์อายุน้อยหลายคน บางคนพูดว่าเขาเป็นลูกนอกสมรสของเหมาพั่วตี้  พอตอนนี้เย่ว์ไตตันมาถึงแล้วอายุเยาว์กว่า  สถานะของเขานับว่าไม่ปลอดภัยเลย

เทียบกันในเรื่องอายุแล้ว เย่ว์ไตตันนี้อายุเยาว์กว่า  เขาอายุเพียง 20 นับว่าเยาว์วัยมาก

ยิ่งหน้าตายิ่งเทียบกันไม่ได้  เจ้าเด็กนี่รูปหล่อกว่า

เห็นแล้วน่าอิจฉา

รอยยิ้มของเขาทำให้ผู้คนอึดอัด!

ถ้าเหมาพั่วตี้ให้คำแนะนำเย่ว์ไตตันผู้นี้เป็นพิเศษ เขากลัวว่าสถานะของเขาจะถูกเจ้าเด็กช่างพูดนี้แทนที่ได้.. แม้ว่าเขาจะมีความไม่สบายใจ แต่เขาไม่กล้าแสดงออกทางสีหน้า  นั่นเป็นการพูดเพื่อหวังจะได้รับรู้ข้อมูลของกันและกันมากขึ้น และเป็นเรื่องของการรู้เรารู้เขารบร้อยครั้ง ชนะร้อยครา!

“คนที่สดใสเปิดเผยอย่างข้าไม่มีอะไรต้องเก็บเป็นความลับ และไม่มีอะไรจะบอกคนอื่น”  เย่ว์หยางตบอกรับประกันว่าเขาเป็นคนซื่อตรงและอ่อนโยน อดทนต่อการทดสอบขององค์กรโลกที่รักษาความเป็นกลาง  อย่างไรก็ตามทัศนคติของเขาไม่ได้ลดความลำบากใจของกัวกัวแม้แต่ครึ่งหนึ่ง  แต่เขากลับรู้สึกรำคาญมากขึ้น  คิดว่าเจ้าผู้นี้เป็นแค่เด็กผายลมตัวน้อยอายุ 20 ปี เพิ่งจะมีชีวิตได้ไม่กี่วันเองไม่ใช่หรือ?  เขาผ่านอะไรมาบ้าง?  แม้ว่าเขาต้องการความลับของเจ้าผู้นี้  แต่เจ้าผู้นี้เพิ่งผ่านคลื่นผ่านลมมาสักกี่ปีกันเชียว!

“หอทงเทียน?”  หลังจากได้ยินคำตอบเย่ว์หยาง เฒ่าเหมาขมวดคิ้ว  “หอทงเทียน ไม่ค่อยมีคนใหม่มาเยือนในรอบหลายพันปีมาแล้ว  เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”

“ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น ก็ถือว่าดี!  เย่ว์ไตตันตอบว่าหอทงเทียนมีปัญหา

“เจ้าเข้ามาถึงขุนเขาเหนือขุนเขาได้อย่างไร?”  กัวกัวถามคำถามนี้อย่างช่วยไม่ได้ ในชั้นต้นนี้ไม่สามารถสอบสวนอย่างระมัดระวัง นั่นเกี่ยวข้องกับการฝึกฝนส่วนตัว แต่สำหรับเย่ว์ไตตัน คนโง่ที่หลงเข้ามาในขุนเขาเหนือขุนเขากัวกัวอดถามไม่ได้

“ไม่รู้เหมือนกัน เดิมที ข้ากำลังฝึกฝนอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อข้าพร้อมที่จะฝึกฝนเสร็จ ทันใดนั้นก็มีบุรุษที่ข้าไม่รู้จัก  สันนิษฐานว่าไร้ความรู้สึกของมนุษย์ เห็นข้าดูดรับพลังงานได้ดี ก็เลยจับข้าโยนมาที่นี่และขอให้ข้าทำอะไรบางอย่าง”  เย่ว์หยางกางมือชี้โน่นชี้นี่ส่ายหน้ายิ่งกว่าแมลงที่สับสน  “พระเจ้าคงรู้ดีว่านั่นหมายถึงอะไร   แต่ยังไงก็ตามข้าก็ยังไม่เข้าใจชัดนัก...”

“อา..ไม่เลวเลย!  เฒ่าเหมายอมฟังอยู่ครึ่งค่อนวัน  ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นหน้าที่ของเขา  เขาคงไม่ยอมรับฟังเรื่องงี่เง่าแน่นอน  แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือก ได้แต่ต้องเปิดตาข้างหนึ่งปิดตาข้างหนึ่ง แม้ว่าอีกฝ่ายยังเป็นเด็ก แต่ก็มีศักยภาพ แม้ว่าประสาทจำแนกเส้นทางจะย่ำแย่ก็ตาม แต่บางทีอาจมีผู้ยิ่งใหญ่หนุนหลัง ไม่อย่างนั้นจะส่งเขามาขุนเขาเหนือขุนเขาหรือ?

คนแบบนี้มีไม่มาก

และคนมีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังเขาอาจเป็นเทพ บางทีแม้แต่อาณาจักรเทพอาคเนย์ หรือที่อื่นคงจะส่งเขามาขุนเขาเหนือขุนเขา เขารับหน้าที่มาตั้งแต่เมื่อไหร?  ไม่ว่ายังไงก็ตาม เป็นเรื่องจำเป็นต้องรับเย่ว์ไตตัน เพื่อคงความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจที่หนุนหลังเขา ไม้ต้องพูดถึงความช่วยเหลือชั่วคราว อย่างน้อยก็ยังมีพลังวิเศษที่สามารถส่งผู้คนไปยังขุนเขาเหนือขุนเขาได้ จึงไม่ควรขัดแย้งกับเขา

กัวกัวเป็นเด็กฉลาด เขาก็มีแนวคิดด้านนี้เหมือนกัน

เขายังคงอิจฉาเย่ว์ไตตัน  แต่เขาต้องกำจัดความคิดของเขาในการพยายามขัดแข้งขัดขา และหวาดกลัวทันที

“ไตตันน้อย ดูตามอายุและความแข็งแกร่งของเจ้ายังต่ำกว่ามาตรฐานของเราไปเล็กน้อย แต่อาณาจักรเทพอาคเนย์ไม่กีดกันผู้มีพรสวรรค์  เจ้ามีศักยภาพ  เราตัดสินใจจ้างเจ้า ตราบเท่าที่เจ้าเห็นด้วย เจ้าสามารถลงชื่อในสัญญาได้  แน่นอนว่า นี่เป็นการจ้างงานชั่วคราว รอให้พลังของเจ้าได้รับการพิเศษ เจ้าได้คุณค่าพิเศษ เจ้าจะได้รับค่าจ้างในระดับสูง”  เฒ่าเหมาทำสัญญาจ้างเย่ว์ไตตัน  แต่กัวกัวรอคอยมาหลายปีแล้วแต่ก็ยังไม่ได้สัญญา

“เด็กรับใช้ฝึกงานชั่วคราวหรือ?”  เย่ว์ไตตันชำเลืองดูสัญญา แต่เขาส่ายหน้าไม่พอใจ  “ข้าไม่เป็นคนใช้ให้คนอื่น  ข้าอยู่บ้านก็เป็นคุณชายสบายๆ อยู่แล้ว!

“....”  กัวกัวทรุดกับพื้นอีกครั้ง  เจ้าเป็นคุณชาย  คนตาบอดก็มองออกว่าเจ้าควรจะอยู่ที่บ้าน  เมื่อเจ้ามาถึงขุนเขาเหนือขุนเขาในหุบเขาโลกธาตุ ไม่ว่าเจ้าจะมีฐานะใดในที่บ้าน  เจ้าจะมาโม้โดยไม่มีกำลังสนับสนุนไม่ได้!  แม้ว่าจะเป็นคนฝึกงานชั่วคราวของเทพ แต่ด้วยการทำงานหลายสิบปีของกัวกัว เทียบกันแล้วยังดีกว่าร้อยเท่า  เจ้าเด็กนี่ยังไม่พอใจอีก  เขาเห็นผีจริงๆ!

“เป็นผู้รับใช้เทพ ไม่ใช่เป็นทาสจริง  แต่เป็นตำแหน่งที่ต้องรับคำสั่ง”  เฒ่าเหมาฝืนยิ้ม  “ผู้รับใช้ไม่มีในตอนแรก  ผู้รับใช้เทพมีแต่ เทวทูตและขุนพลเทพเท่านั้น  แต่เพราะมีผู้มีพรสวรรค์จำนวนมากยังไม่ถึงระดับผู้รับใช้เทพจึงต้องจัดสรรตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราวที่ต่ำลงมากว่าระดับหนึ่ง”

“ผู้รับใช้เทพหมายความว่าคนที่อยู่ในโลกเป็นตัวแทนของเทพ แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาของเทพ มีตรงไหนผิดด้วย?”  กัวกัวอดขึ้นเสียงบ้างไม่ได้

“ยังไงก็ตาม ข้าไม่ยอมเป็นคนรับใช้ แม้ว่าจะเป็นผู้รับใช้เทพก็ตาม!  เย่ว์ไตตันกล่าวเช่นนั้น ก็ไม่ต้องปรึกษากันต่อไป

“เจ้าไม่มีคุณสมบัติ ถึงเจ้าต้องการก็ตาม!  กัวกัวโมโห  เด็กอย่างเจ้ามีความรู้นิดหน่อย? รู้สึกละอายบ้างไหม?

“อย่างนั้นข้าจะกลับ”  เย่ว์ไตตันหันหลังเดินออกไป

“อย่า อย่าเพิ่งกลับ  โชคชะตานำเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว!  เฒ่าเหมารีบหยุดเขาทันที และเขาคิดถึงพลังพิเศษที่ส่งเย่ว์ไตตันมาที่นี่  ในกรณีที่มีคนอยู่เหนือเขา ได้ส่งเมล็ดพันธุ์ที่มีศักยภาพมาให้แต่ถูกส่งคืนกลับ คาดว่างานไม่สามารถทำให้เสร็จสิ้นได้ และเขาอาจถูกตำหนิอย่างหนักจากเบื้องบน นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาชดใช้ได้ เขาคิดอย่างนี้แล้วรู้สึกหนาวสะท้านในใจ  เขารีบยิ้ม  “ข้าเฒ่าเหมาเป็นแค่เทวทูต มีอำนาจค่อนข้างจำกัด อย่างไรก็ตามข้าจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อให้เจ้าได้รับการฝึกงาน เจ้าคิดว่ายังไง?”

“ท่านผู้เฒ่า”  กัวกัวเกือบคิดว่าเขาบ้าไปแล้ว

“หุบปาก!  เฒ่าเหมาคิดว่าครั้งนี้ไม่สามารถปล่อยหมาป่าเข้าป่าได้ เพื่อให้รั้งตัวเย่ว์ไตตันไว้ เขายอมกล้ำกลืน ไม่ว่ายังไงก็ต้องรับคนมีพรสวรรค์ให้ได้!

17 ความคิดเห็น:

Akirabas กล่าวว่า...

ด่านต่อมานี่เอง

--- กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ
ผ่านด่านมาแบบงง

โอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่า กล่าวว่า...

กำลังรู้แจ้งโดยโยนออกมาแบบงงๆ

Lazykuma กล่าวว่า...

ขิงแก่ยิ่งเผ็ดกว่าเฒ่าเหมาตัดสินใจได้ดี

Unknown กล่าวว่า...

ด่านไหม่แล้วรึ

ผ่านมา กล่าวว่า...

โดดมาด่านใหม่เลย นึกว่าจะมีตอนไปหาหมิงจูซะอีก

Nasee กล่าวว่า...

ขอบคุณหล้ายหลาย

BJ กล่าวว่า...

มาด่านใหม่แล้วสนุกอีกแล้วสิ

Deils(of)darK กล่าวว่า...

อ้าวเทพปีศาจรอเก้อเลยแบบนี้ อยู่คนละด่านกันซะแล้ว

CHANTANA กล่าวว่า...

มาแบบงงฯ

oBABYVOXo กล่าวว่า...

แล้วจะกลับไปช่วยพวกนั้นยังไงนิ

l3ell_Zaa กล่าวว่า...

ไม่ได้ลาใครสักคน

Kingtest5 กล่าวว่า...

ผ่านมาเหมือนใช้สูตรโกง

guide กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ งงมากอ่ะ ตอนแรก

แมงมุม unknow สีส้ม กล่าวว่า...

ผ่านละหรือ?

SoHaIsO กล่าวว่า...

อ้าว

chay กล่าวว่า...

เติมทรูเยอะไปละสิ

แสดงความคิดเห็น