วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1135 ขับความสงสัย



ตอนที่  1135  ขับความสงสัย

ผนึกมิติหลุมดำ


ทันที่เข้าสู่พื้นที่ผนึกอีกครั้ง ลักษณะภายนอกเปลี่ยนไปมาก

พลังกฎสวรรค์ดั้งเดิมอ่อนลงถึง 80% และมีแต่ความรู้สึกถึงโลกหิมะน้ำแข็งที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีสร้างขึ้น หลังจากเข้ามาในโลกหิมะน้ำแข็งเย่ว์หยางพบว่า นี่เป็นโลกแก้วผลึกงดงามจนสุดจะพรรณนา  ขณะนี้เย่ว์หยางสัมผัสได้ถึงช่องว่างระหว่างเขากับนางพญาเฟ่ยเหวินหลี  นอกจากนี้ยังสัมผัสได้ถึงพลังระดับราชันย์ศักดิ์สิทธิ์!

ทุกอย่างถูกสร้างด้วยมือทั้งสอง

หนึ่งความคิดและหนึ่งโลก

การดำรงคงอยู่เช่นนี้เรียกว่าเทพก็ได้

“หือ?”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีสัมผัสได้ถึงการมาของเย่ว์หยาง นางออกมาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง นางอดใจรอไม่ไหวกอดเด็กหนุ่มผู้เป็นที่รักของนาง นางตกใจอีกครั้งเมื่อพบว่าการมาของเขาครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน

นางพญาเฟ่ยเหวินหลีรู้สึกประหลาดใจขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดนางก็ถูกปิดปากนางด้วยปากของเขาเสียก่อน นางอุทานขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจ

แม้ว่านางจะรู้ว่าเย่ว์หยางเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก

แม้จะรู้ว่าความรู้ของเขาเป็นเลิศอย่างไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์

แต่นี่คือยอดอัจฉริยะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบหมื่นปี

ในโลกนี้ไม่มีใครรู้อนาคตและการเติบโตของเขาดีกว่านาง

แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเย่ว์หยางปรากฏตัวต่อหน้านางในเวลานี้ ก็ยังทำให้นางรู้สึกเหลือเชื่อ

ระดับเทพราชันย์... แค่เวลาเพียงไม่กี่เดือน หนุ่มน้อยผู้นี้เลื่อนชั้นขึ้นมาอยู่ในระดับศักดิ์สิทธิ์ของปราณราชันย์ได้  นี่ยังไม่ใช่ส่วนที่ทำให้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีตกใจที่สุด สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกเหลือเชื่อที่สุดก็คือหนุ่มน้อยที่อยู่ข้างหน้านางไปไกลกว่าเทพราชันย์  แม้กระทั่งจินตนาการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนางเอง ก็ยังไม่เคยฝันถึงระดับนี้มาก่อน

“เจ้ารู้แจ้งการสร้าง ทำลายและความนิรันดร์แล้วใช่ไหม?”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีกอดเย่ว์หยางด้วยความตื่นเต้นดีใจและจูบเขาหลายครั้ง  “ข้าไม่เคยพูดถึงความหมายที่แท้จริงของขอบเขตระดับเทพมาก่อน ข้าเกรงว่าทันทีที่เจ้าเข้าใจเจ้าจะเลื่อนไปเป็นระดับเทพ จากนั้นความสามารถจะหยุดนิ่งยากจะบรรลุได้เร็วเหมือนก่อนหน้านั้น  คาดไม่ถึงเลย เจ้าไม่เพียงแต่ตระหนักรู้ด้วยตัวเองได้เท่านั้น แต่ยังก้าวข้ามไปไกลแม้จะเป็นในกรอบระดับเทพ แต่ก็ยอดเยี่ยม  ข้าเคยกังวลจุดนี้มาก่อน  ตอนนี้ข้ารู้สึกพอใจ โล่งใจแล้ว เจ้าทำได้อย่างไร?”

“อะไรนะ?”  เย่ว์หยางยังไม่ค่อยเข้าใจ

“ข้าหมายถึงเจ้ามาถึงระดับเหนือกว่ามาตรฐานเทพได้อย่างไร  แต่ความสามารถเจ้ายังไม่หยุดนิ่ง เจ้าทำได้ยังไง?”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่เข้าใจว่าหนุ่มน้อยผู้นี้แตกต่างจากคนมากมายได้อย่างไร

“อ่า...ข้าก็ไม่รู้ ข้าคิดว่าทุกคนคงเป็นแบบนี้!  เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อเยียบเย็น  คนอื่นไม่ได้ฝึกกันอย่างนี้หรือ?

“ฮะฮะฮะ, หนุ่มน้อยที่น่าสนุก เจ้าไม่คิดว่าหลังจากถึงระดับเทพ เจ้าจะก้าวหน้าได้ไวเหมือนก่อน? ไม่ ไม่  นอกจากเจ้าแล้วทุกคนในโลกนี้มีมาตรฐานเดียวกัน นั่นคือหลังจากบรรลุถึงระดับเทพแล้ว ก็จะแสดงพลังที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นเรื่องที่เหนือระดับร่างกายมนุษย์  นักสู้ที่เข้าถึงระดับเทพจะไม่มีห่วงกังวลอีกต่อไป และความคิดจะทรงพลังไม่มีใดเปรียบ นึกครั้งเดียวก็สามารถสร้างทุกอย่างได้ นึกคราเดียวก็ทำลายทุกอย่างได้ และกลายเป็นผู้อมตะในอาณาจักรสวรรค์!  นางพญาเฟ่ยเหวินหลียิ้มและกล่าวต่อ  “นักรบเช่นนี้ยังจะสามารถพัฒนาก้าวหน้าได้อีกหรือ? แน่นอนว่าย่อมเป็นไปไม่ได้!  พวกเขาไม่มีทางอดทนต่อความยากลำบาก  ไม่มีวิธีฝึกฝนเติมความไม่เพียงพอในตนเอง  เพราะทุกอย่างในร่างกายพวกเขาแซงหน้าร่างมนุษย์เข้าถึงขอบเขตของเทพ ซึ่งเป็นขอบเขตที่ค่อนข้างนิรันดร ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ไม่ว่าจะดีจะร้ายยังไงก็ตาม”

“หากเปรียบเทพนักรบที่เข้าถึงระดับเทพ ก็เหมือนกับมนุษย์ที่อ่อนแอ พอเลื่อนระดับขึ้นไปเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดถ้าไม่มีวิธีฝึกฝนในระดับที่สูงกว่าเขาจะก้าวหน้าต่อไปได้หรือไม่? แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้  เพราะระดับปราณก่อกำเนิดสำหรับมนุษย์ที่อ่อนแอมากถือว่าเป็นขอบเขตที่คาดไม่ถึง แต่หลังจากไปถึงขอบเขตนั้นก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าใจและปรับตัวได้ เมื่อนักสู้ระดับเทพกลั่นสร้างประกายเทพกลายเป็นนักสู้ระดับเทพที่สมบูรณ์แบบก็สามารถสร้างความสำเร็จในระดับสูงได้  นอกจากนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น ในขอบเขตระดับเทพ เมื่อคิดแสวงหาความก้าวหน้าอีกครั้ง จะมีความสำเร็จระดับน้อยมาก เป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวหน้าได้เร็วและง่ายเหมือนเมื่อก่อน  เพราะนักรบในขอบเขตระดับเทพไม่มีวิธีฝึกฝน ศักยภาพของพวกเขาก็ลดน้อยลง นอกจากนี้ความคิดและพลังได้รวมกันกลายเป็นพลังเทพและสำนึกเทพ ไม่จำเป็นต้องลงมือทำ  ในเมื่อพวกเขาสามารถทำทุกอย่างได้แค่เพียงคิด พวกเขาจะฝึกฝนเหมือนแต่ก่อนได้ยังไง  เป็นไปไม่ได้”

“แน่นอนนั่นเป็นคำพูดของคนอื่น ร่างกายมนุษย์แม้จะอ่อนแอมาก แต่ก็มีค่ามากที่สุด  เมื่อนักรบเหนือชั้นกว่าใครๆ นั่นหมายความว่าเขาไม่สามารถก้าวหน้าได้อีกในอนาคต ไม่อาจก้าวล้ำในบางขอบเขต”

“ก็เหมือนกับท่าน พลังถึงมาตรฐานระดับเทพแล้ว แต่ท่านยังไม่เลื่อนระดับพลังเป็นระดับเทพ แม้ข้าจะยังงงๆ แต่ก็เห็นได้ในครั้งแรก”

นางพญาเฟ่ยเหวินหลีถอนหายใจในที่สุด

นางเองก็ไม่รู้เหตุผล

อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางสามารถโดดเด่นเหนือคนอื่นๆ นั่นเป็นผลที่นางหวังไว้เป็นที่สุด

นี่หมายความว่ากระไร?  นี่หมายความว่าเย่ว์หยางยังสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วในระดับเทพนี้ได้อย่างรวดเร็ว.. ในฐานะนักรบระดับเทพก้าวหน้าไปอย่างช้าๆ เขายังมีร่างกายมนุษย์ และเขายังสามารถฝึกฝนและปรับปรุงก้าวหน้าได้เหมือนอย่างที่เขาเริ่มทำมาแล้ว!

ผลก็คือความสำเร็จในอนาคตของเขา

มากมายอย่างคาดไม่ถึง!

นางพูดเรื่องนี้ แต่เย่ว์หยางกลับสับสน

เย่ว์หยางอดใจถามไม่ได้  “ในเมื่อนักรบทั้งหมดเข้าถึงระดับเทพล้วนมีมาตรฐานเดียวกันหมด แล้วทำไมเทพจึงมีพลังที่แตกต่างกัน ทั้งที่ควรจะเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”

นางพญาเฟ่ยเหวินหลีได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะ  “ระดับเทพก็มีมาตรฐานหลังจากเข้าถึงระดับเทพแล้ว นักสู้จะเลื่อนเป็นเทพก็ในระดับนี้  ถูกแล้วนี่คือสิ่งที่ข้าได้พูดถึงไว้เพียงเท่านี้  อย่างไรก็ตามข้ามิได้บอกว่าอันดับนักสู้และความแข็งแกร่งหลังจากเข้าถึงขอบเขตเทพจะเหมือนกันทุกคน  ยิ่งมีศักยภาพมากเท่าไหร่ ความพยายามฝึกฝนก็ควรมีมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งทำความเข้าใจได้ลึกซึ้ง ระดับพลังก็จะสูงขึ้น การเลื่อนอันดับนักสู้จะตามมา  ตัวอย่างเช่นหากบุคคลผู้นั้นมีศักยภาพเต็มร้อย  หลังจากใช้ความพยายามเต็มร้อย  และมีความเข้าใจรู้แจ้งความหมายที่แท้จริงของการสร้าง การทำลาย ความนิรันดร์เต็มร้อย  เขาจะได้รับการเลื่อนระดับในหมู่เทพในระดับที่สูงมากขึ้น  ในทำนองเดียวกันหากบุคคลผู้นั้นมีศักยภาพเพียงแปดสิบ ความพยายามไม่เพียงพอ เข้าใจรู้แจ้งยังไม่เต็มร้อย แต่ด้วยเหตุผลหลายประการ ในที่สุดเขาเข้าถึงระดับเทพได้ ระดับนักสู้ของเขาจะเท่ากันได้อย่างไร?”

เมื่อนางพูดเช่นนี้เย่ว์หยางตระหนักได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

การฝึกฝนจากพรสวรรค์ทักษะที่แตกต่าง  ความรู้และพื้นฐานแตกต่างกัน ความสำเร็จย่อมแตกต่างกันสิ้นเชิง

หลังจากบางคนฝึกฝนจนเข้าถึงระดับเทพ อาจเป็นระดับมหาเทพก็ได้  บางคนเข้าถึงระดับเทพ บางคนเป็นเทพผู้น้อยที่เพิ่งผ่านการฝึกมาตรฐานมาได้ มิน่าเล่าเทพธิดากระบี่ฟ้าถึงปล่อยให้เขาฝึกฝนเอง แม้ว่าเขาจะต้องใช้เวลามากขึ้นในการวางรากฐาน แต่กลับกลายว่าเป็นเรื่องข้อจำกัดความสำเร็จในอนาคต  บนพื้นฐานของการฝึกฝนที่สมบูรณ์แบบเพื่อระดับเทพในอนาคต  จริงๆ แล้วเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะบรรลุไปถึงขอบเขตระดับไหน? แน่นอนว่าไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ แน่นอนว่าการฝึกฝนยิ่งนานขึ้นย่อมจะดีกว่า   ก่อนที่ผู้ฝึกนั้นจะปราศจากการอดทนทางกายอย่างสมบูรณ์ และก่อนที่จะไม่ได้เลื่อนเป็นระดับเทพอย่างสมบูรณ์ เวลาฝึกฝนยิ่งนานขึ้น ก็หมายความว่ามีการพัฒนาศักยภาพอย่างทั่วถึง ยิ่งทุ่มฝึกฝนมากขึ้น ความรู้แจ้งในระดับเทพก็มีความวิเศษมากขึ้นไปด้วย

“ถ้าฝึกต่อไปเช่นนั้น จะไม่เป็นการต่อต้านเจตนาฟ้าหรือ”  เย่ว์หยางค่อนข้างโลภทั้งที่ยังไม่ถึงระดับเทพ ฝึกฝนหมื่นปีก็ยังรู้สึกว่าไม่มากเกิน ฝึกฝนแสนปีก็รู้สึกว่ายังไม่พอใจ ควรฝึกฝนตลอดไป ในที่สุดจะกลายเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของทุกโลก

“เป็นความคิดที่โง่เขลา, พรสวรรค์ของทุกคนและศักยภาพของทุกคนมีจำจัด เจ้ายังสามารถฝึกต่อไปได้ไหมเล่า?  ในที่สุดเจ้าก็ยังฝึกได้!  ถ้าศักยภาพถึงที่สุดแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวหน้าได้ต่อไปอีก ต่อให้เจ้าต้องการฝึกก็ตาม เพราะมันจบแล้ว!  นอกจากนี้ถ้าไม่มีเป้าหมายในการฝึกฝน  ใครเล่าจะยืนหยัดเอาแต่ฝึกได้? แม้ว่าจะไม่มีอุบัติเหตุอยู่ตรงกลาง ไม่มีแนวทางฝึกฝน ไม่มีเป้าหมาย  มีโอกาสมากที่ผู้ฝึกฝน จะเข้าสู่เส้นทางที่ผิด กลายเป็นผู้หลงทางและล้มเหลวในที่สุด!  นางพญาเฟ่ยเหวินหลียิ้มและโบกมือกล่าวว่าวิธีนี้ไม่เป็นที่ปรารถนาและกล่าวเสริมต่อ “นอกจากนี้ แม้ว่าความเร็วในการฝึกฝนในระดับเทพจะช้า  แต่แน่นอนว่า    ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความก้าวหน้า ด้วยการฝึกฝนเป็นเวลายาวนาน สามารถฝึกให้ช้าลงได้แน่นอน มันช้ากว่าตอนที่ข้าฝึกด้วยตนเองตอนนั้น!  แต่ก็เข้าถึงระดับเทพได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบาย แม้ว่าความเร็วในการเข้าถึงจะช้ากว่า  แต่ทำไมถึงไม่ทำ?”

“นั่นก็เหมือนกัน”  เย่ว์หยางหัวเราะ

“การฝึกฝนเป็นแค่การกระตุ้นศักยภาพของเจ้าให้ปรากฏออกมาเร็วขึ้นและดีขึ้น  ตราบเท่าที่ศักยภาพถูกกระตุ้นจนถึงระดับสูงสุด  นั่นก็เพียงพอให้บรรลุระดับเทพได้อย่างคาดไม่ถึง  ดังนั้นเจ้าไม่ต้องคิดมากเกินไป  แม้ว่าเจ้ากำลังฝึกอยู่ก็ตาม!  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีอดจูบเขาไม่ได้  เด็กคนนี้ร่ำรวยพรสวรรค์ยิ่งนัก แม้เข้าถึงพลังระดับเทพได้ แต่เขายังไม่เปลี่ยนสถานะไปเป็นเทพ เขายังสามารถฝึกต่อไป  และนางรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย!

“เข้าใจแล้ว”  เย่ว์หยางจำวัตถุประสงค์ของการมาได้เขารีบถามนาง  “เดิมทีข้าอยู่ในหุบเขามนุษย์..แต่ต่อมาเข้าก็เข้าไปฝึกในโลกไร้ที่สิ้นสุดในคัมภีร์เงิน และออกมาได้สำเร็จ  ข้าโดนจับโยนเข้าไปในขุนเขาเหนือขุนเขาในหุบเขาโลกธาตุด้วยพลังลึกลับ  นอกจากนี้ยังส่งคำสั่งผ่านจิตสำนึกให้เข้าไปเก็บวัตถุโบราณของหุบเขาโลกธาตุ”

“โบราณวัตถุของหุบเขาโลกธาตุตกอยู่ในมือของเทพแท้จริงทั้งสองคือเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือก  แต่พวกเขาเป็นศัตรูกัน และต่อสู้กันเองจนพินาศ ตอนนี้คาดว่าตกอยู่ในเงื้อมมือของกลุ่มเทพเทียมแห่งขุนเขาเหนือขุนเขา”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว  เทพเทียมก็คือเทพเทียมถ้าไม่ใช่เพราะเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกตายทั้งคู่ วัตถุโบราณถูกชิงเอาไป  โลกไร้ที่สิ้นสุดของคัมภีร์เงิน ข้าได้ลองมาแล้ว  แต่พลังลึกลับที่เจ้าเอ่ยถึง ข้าไม่เคยสัมผัสถึง อาจเป็นบรรพบุรุษของยุคโบราณ หรือจิตสำนึกที่มหาเทพโบราณทิ้งไว้ก็ได้  สำหรับเหตุผลที่เจ้าถูกโยนเข้าหุบเขาโลกธาตุ บางทีอาจเป็นแนวทางฝึกสำหรับเจ้า  หากเจ้าไม่ได้รับการชี้นำโดยบรรพบุรุษท่านนี้  ข้าเกรงว่าต่อให้เจ้าเลื่อนขึ้นเป็นระดับเทพ โดยไม่มีการควบคุม เจ้าจะสูญเสียศักยภาพไปอีกมากมาย  เจ้ายังต้องฝึกฝนอย่างที่เจ้าเป็นอยู่ต่อไป ทั้งยังมีการรู้แจ้งในระดับเทพ ส่วนการสร้างประกายเทพเป็นเรื่องของเวลา!” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่อธิบายถึงสาเหตุที่เย่ว์หยางถูกโยนเข้าไปในขุนเขาเหนือขุนเขา แทนที่จะโยนเขากลับไปในหุบเขามนุษย์  แต่เพราะเหตุผลนี้นางต้องรู้รายละเอียดอย่างชัดเจน แต่นางไม่อธิบายเป็นพิเศษ

“เป็นอย่างนี้จริงๆ!  เย่ว์หยางคาดคิดว่า หากไม่มีจิตสำนึกลึกลับ และเขาถูกจับโยนออกไปนอกโลกไม่สิ้นสุดเข้าสู่หุบเขาโลกธาตุ ขุนเขาเหนือขุนเขา เขาเกรงว่าเขาคงเลื่อนเป็นระดับเทพไปแล้ว อันตรายมาก!

“กล่าวอีกอยางหนึ่ง จิตสำนึกผีสางนั่น จะตามให้คำแนะนำเจ้าไปทุกที่ และเราต้องฝึกฝนอย่างหนัก”

นางพญาเฟ่ยเหวินหลีค้อนใส่เขาอดนึกอิจฉาต่อโชคชะตาของเขาไม่ได้

เย่ว์หยางหัวเราะ

อารมณ์แบบนี้ทำให้นางพญาดูน่ารัก เป็นภาพที่เห็นได้ยาก!

หลังจากพูดเรื่องนี้อยางเปิดใจ ทันใดนั้นเย่ว์หยางนึกขึ้นได้ว่าเพิ่งพูดถึงเทพแท้ เทพเทียม และจำได้ว่าเทพปีศาจที่ถูกผนึกอยู่ในหุบเขามนุษย์ เขาถามนางพญาเฟ่ยเหวินหลี  “ในระดับเทพยังแบ่งเป็นเทพแท้กับเทพเทียมด้วยหรือ?  ช่วยบอกข้าให้รับรู้ถึงความแตกต่างระหว่างเทพปีศาจในหุบเขามนุษย์และเทพเทียมในขุนเขาเหนือขุนเขาได้ไหม?”

นางพญาเฟ่ยเหวินหลีคิดเล็กน้อยแล้วตอบ  “แม้ว่าจะไม่ใช่มาตรฐานที่แน่นอน แต่เราเรียกนักรบระดับเทพที่ไม่มีคัมภีร์อัญเชิญว่า เทพเทียม เพราะแม้ว่าพวกเขาจะเข้าถึงระดับชั้นเทพ แต่ค่อนข้างเป็นระดับต่ำ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีโลกเป็นของตนเอง  พลังเทพ สำนึกเทพและประกายเทพของพวกเขายังค่อนข้างต่ำ ไม่สามารถรู้แจ้งในระดับเทพได้มากยิ่งขึ้น ยังมีข้อบกพร่องอยู่หลายด้าน  แม้ว่าจะเป็นระดับเทพ แต่ก็ไม่สมบูรณ์แบบ  ในทางตรงกันข้ามเราสามารถสร้างดินแดนของเราจากการครอบครองคัมภีร์อัญเชิญ เป็นเหมือนกับผู้ครองโลก เรียกว่า เทพแท้  ความหมายก็คือ พวกเขาเป็นเทพที่มีอำนาจทุกอย่างแท้จริง  อย่างน้อยก็เป็นเทพในเขตปกครองของเขา เขามีพลังอำนาจทุกอย่าง  ถ้าเทพแท้มีพลังเทพสูงสุดนั่นคือ พลังเทพราชันย์  เทพราชันย์คือชื่อหนึ่งของหอทงเทียนของเราและแดนสวรรค์บน  หมายความว่าเป็นที่ดำรงคงอยู่ของเทพราชันย์ที่แท้จริง   ในมาตรฐานก่อนหน้านี้จะมีแต่เจตจำนงและประกายเทพที่แข็งแกร่ง ในเวลาเดียวกันนักรบที่มีคัมภีร์อัญเชิญระดับแพลตตินัมขึ้นไป ก็เรียกว่าเทพราชันย์ได้  แต่นักรบที่มีคัมภีร์เทพ หรือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ในบรรดาเทพราชันย์ จะมีศักดิ์ศรีสูงที่สุด”

เย่ว์หยางขมวดคิ้ว คัมภีร์เทพและคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์จะมีสักกี่คน?

เทพโบราณอาจจะมีมากเล่ม ถ้าพวกเขามีเล่มหนึ่งอยู่ในมือจะเพียงพอหรือไม่?

นอกจากนี้คัมภีร์เทพที่เขาพบมาช่วงที่ผ่านมาไม่มีเจ้าของทั้งนั้น สาเหตุเพราะอะไร?

สำหรับคำถามของเย่ว์หยาง นางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่สามารถตอบได้  “ข้าไม่เข้าใจเรื่องราวของเทพโบราณหลายอย่าง พวกเขามีหลักการเหตุผลในการดำรงอยู่และมีกฎเกณฑ์ในการจัดระดับนักสู้ เรายังไม่ต้องคิดเรื่องมาก แม้ว่าเราจะผ่านระดับสูงมาไม่นานนัก เรายังต้องฝึกฝนไปตามขั้นตอนอย่างสม่ำเสมออย่างช้าๆ เชื่อว่าเราจะพบความรู้ที่แท้จริงที่แสวงหามาตลอดชีวิต

หลังจากหยุดเล็กน้อยเย่ว์หยาบอกว่าในหุบเขาโลกธาตุและสถานการณ์ในหุบเขามนุษย์เล็กแต่ไม่ละเอียด นางหวังว่าเย่ว์หยางจะพยายามหาคำตอบ

ในที่สุดนางทนเห็นเย่ว์หยางผิดหวังไม่ได้ นางเตือนเขา  “เทพเทียมยังไม่น่ากลัวมาก เจ้าแค่สู้ด้วยความระมัดระวัง  ถ้าเจ้าไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ เจ้าก็หนีได้ พวกเขาจะได้เปรียบเรื่องจำนวน เป็นแต่เทพปีศาจในหุบเขามนุษย์ เจ้าต้องระวัง อย่าให้เขาได้ร่างที่แท้จริงกลับไป”

เย่ว์หยางเป็นห่วงองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน พวกนางใจจดใจจ่อรออยู่ในโลกคัมภีร์

นางพญาเฟ่ยเหวินหลีเศร้าใจเล็กน้อย แต่ไม่รั้งเขาไว้

นางใช้นิ้วชี้ที่ยาวดุจลำเทียนแตะหน้าผากเย่ว์หยาง

ส่งผ่านสำนึกศักดิ์สิทธิ์

เป็นการยกย่องเขา และยังแฝงไปด้วยคำแนะนำส่วนตัวให้เขาที่อยู่ในสภาพสับสน...  ถ้าเป็นเป็นคนอื่น ประสบการณ์ล้ำค่านี้คือสมบัติล้ำค่าที่ไม่มีใดแลกเปลี่ยนได้ แต่นางส่งต่อให้เขาโดยไม่เห็นแก่ตัว

บางครั้งนางพญาก็รู้สึกว่านางดีต่อเจ้าเด็กนี่เกินไปไป

ก่อนที่เขาจะกลับ นางไม่ลืมเตือนเขา  “แม้ว่าเจ้าจะยังไม่ยอมเข้าสู่ขอบเขตระดับเทพ แต่ที่สำคัญเจ้าตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงในระดับเทพอย่างแท้จริงแล้ว  ระวังอย่าแบ่งปันจิตสำนึกของเจ้ากับสาวๆ เหล่านั้นง่ายๆ มิฉะนั้นเจ้าอาจทำร้ายพวกนางโดยไม่ตั้งใจ  หากความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ  พวกนางจะถูกจิตสำนึกของเจ้าโจมตีอย่างรุนแรง  หากความแข็งแกร่งอยู่ใกล้ระดับเจ้า ก็จะได้รู้แจ้งและเลื่อนสู่ระดับเทพโดยตรง  เพราะฉะนั้นจิตสำนึกของเจ้าจะสูญเสียศักยภาพและความสามารถที่ยังไม่ได้ใช้อีกมาก!  ว่าไงนะ? ตั่วตั่วกับอีกสามกำลังจะได้เลื่อนระดับหรือ?  เจ้ายังสามารถฝึกต่อได้อีกหรือ เจ้าได้รับคำแนะนำจากใคร? เหลือเชื่อจริงๆ!  ช่างเถอะ ข้าไม่สามารถจัดการกิจการของเจ้าได้  เจ้ามีแต่เรื่องน่าปวดหัว!

เย่ว์หยางรู้แน่นอนว่าใครเป็นคนแนะนำตั่วตั่ว  สองพี่น้องหงส์เพลิง!

บางทีอาจมีเทพธิดากระบี่ฟ้าอยู่เบื้องหลัง

มีแต่พวกนางเท่านั้นที่รู้วิธีควบคุมการฝึกฝนในขอบเขตชั้นเทพ และพวกนางยังก้าวหน้าต่อไป... ในใจของเขา เย่ว์หยางต้องการพบเทพธิดากระบี่ฟ้าอีกครั้ง  แม้ว่านางจะไม่ถามอะไร  แต่แค่ได้เห็นนางเขารู้สึกสงบได้

9 ความคิดเห็น:

peter กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

--- กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ
ฝึกๆๆๆๆๆต่อไป

Unknown กล่าวว่า...

ฝึงต่อไปบัก3

โอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่า กล่าวว่า...

เข้าด่านใหม่ได้เวลาจีบสาวคนใหม่

l3ell_Zaa กล่าวว่า...

บัก3จะไปตบเทพแล้ว

Lazykuma กล่าวว่า...

ปั้มสเตตัสอีก555

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

Akirabas กล่าวว่า...

เติมทรูกันต่อไป

CHANTANA กล่าวว่า...

ตบเทพไห้ควำ้เลยไอ้3

แสดงความคิดเห็น