วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1142 เดี๋ยวพี่จะให้อมยิ้มเป็นรางวัล



ตอนที่  1142  เดี๋ยวพี่จะให้อมยิ้มเป็นรางวัล

เย่ว์หยางเป็นหนึ่งในตัวประกันที่สบายที่สุดในบรรดาผู้ถูกลักพาตัวมากมาย


ไม่เพียงแต่เขาไม่จำเป็นต้องรวมกลุ่มอยู่กับทุกคนในจัตุรัสนักรบ แต่เขายังได้รับการต้อนรับอย่างดีจากโจรดวงดาว

นอกเหนือจากอาหารที่อุดมสมบูรณ์และเสื้อผ้าที่สะอาดแล้ว เขายังได้อยู่ในห้องโดยสารแยกต่างหาก แม้ว่าจะไม่หรูหราห้าดาวเหมือนก่อนนั้น แต่ก็ยังดีกว่าโจรดวงดาวทั่วไปมาก  หลังจากอ้างชื่อพี่ใหญ่ เย่ว์หยางบอกฮัวยาโจรดวงดาวร่างหยาบกร้านผู้คอยทำหน้าที่คุ้มกันเย่ว์หยางในอนาคต ส่งอาหารค่ำมาให้  เย่ว์หยางทำเป็นไล่ฮัวยาออกไปจากห้องและปิดประตูใส่หน้าฮัวยาจากนั้นกลับเข้าไปพักในโลกคัมภีร์อย่างสบาย ปล่อยวางเรื่องภายนอกอย่างสิ้นเชิง

ฮัวยาลูบคลำจมูกและกลับไปรายงานพยัคฆ์บิน

พยัคฆ์บินได้ยินแล้วหัวเราะลั่น

กาดำนั่งอยู่อีกด้านขมวดคิ้วเล็กน้อย  “เจ้าเด็กนี่ ข้าเกรงว่าจะควบคุมได้ไม่ง่ายนัก เขาไม่ใช่คนที่ยินดีใช้ชีวิตใต้บังคับบัญชาของใคร..”

 “กาดำ, เจ้ากำลังอิจฉาอยู่นะ”  พยัคฆ์บินแตะไหล่กาดำและส่ายหน้ายิ้ม  “ข้าเข้าใจว่าเจ้าเองก็ยังอายุน้อย  ไม่ว่าเจ้าจะใจกว้างแค่ไหนเจ้าก็ไม่รู้ตัวว่าคนอื่นดีกว่าเจ้าและมีศักยภาพมากกว่า  เมื่อเจ้าเห็นคู่ปรับ ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ฝ่ายไหน  เจ้าย่อมไม่มีความสุขแน่นอน”

 “ข้า..ไม่”  กาดำไม่พูดอีกต่อไป

 “ไม่เป็นไร  ข้าเข้าใจ”  พยัคฆ์บินพยักหน้าให้เขา  “ก็อย่างที่เจ้าพูด  เด็กหนุ่มคนนี้มีศักยภาพ  แต่เขาจะยินดีร่วมงานกับเราหรือไม่?  เด็กหนุ่มอย่างเขาอาจถูกชี้นำจากคนที่มีความสามารถเบื้องหลังเราได้  เราเป็นแค่โจรดวงดาว และมันยากสำหรับเราที่จะให้อนาคตที่สดใสแก่ผู้คน  อย่างไรก็ตาม ข้าแค่ใช้วิธีนี้ลองเสี่ยงโชคไว้ก่อน อย่าให้อินทรีป่ารู้ ไม่เช่นนั้นข้าคงถูกชิงตัวคนแน่”

 “ใช่, ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร”  กาดำไม่ชวนพูดเรื่องนี้อีกต่อไป

 “ท่านพยัคฆ์บิน, มีข้อมูลมาว่าผู้บัญชาการกริฟฟิน ขุนพลเทพอินทรีทองและเทวทูตเหมาพั่วตี้ยังหาตัวไม่พบ”  โจรดวงดาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน

 “แปลก!  กาดำขมวดคิ้วอีกครั้ง

 “ผู้บัญชาการกริฟฟิน, แม่ทัพอินทรีทอง, และเหมาพั่วตี้ยังอยู่บนยานแม่แน่นอน พวกเขารอโอกาสที่จะยึดเรือกระทุงอีกครั้ง”  พยัคฆ์บินสวมชุดเกราะทหารธรรมดาพยักหน้า “ข้ากล้าพูดได้ว่ากริฟฟินและอินทรีทองคงเก็บตัวซ่อนอยู่ในความมืดเพื่อคอยสอดแนม  สิ่งที่ทำให้พวกเขากลัวก็คือฟลามิงโกที่ไม่เคยพลาดท่ามาก่อน ไม่ใช่ข้าและอินทรีป่าสองคน  พวกเขาอาจรู้แล้วว่าเรามีความเชี่ยวชาญพลังต้องห้าม ดังนั้นทันทีที่เรือเปลี่ยนมือ พวกเขาก็ซ่อนตัวและไม่ให้โอกาสเราได้โจมตี!  อย่างไรก็ตามนี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะยอมเสียยานแม่นี้ให้เราง่ายๆ ข้ามีลางสังหรณ์ จะมีการต่อสู้ที่ดุเดือดตามมา  นี่แค่เป็นการอุ่นเครื่อง  กาดำ!  อย่างนั้นเจ้าต้องระวังให้มากขึ้น!

 “ข้าจะระวังให้มากขึ้น”  บุรุษชุดคลุมดำ กาดำไม่กล้าประมาท  แม้ว่าเขาจะเชี่ยวชาญพลังต้องห้ามซึ่งเพิ่มพลังได้เป็นร้อยเท่า  แต่สถานะของผู้บัญชาการกริฟฟินและแม่ทัพอินทรีทองไม่ใช่ธรรมดา พวกเขาลือชื่อในการต่อสู้อาบเลือด

ไม่มีใครกล้าดูแคลน!

พยัคฆ์บินผู้สวมเกราะอย่างทหารธรรมดาคิดเล็กน้อย

หลังจากชะงักเล็กน้อย เขาบอกโจรดวงดาวคนร่างใหญ่ชื่อฮัวยา  “เจ้าไปที่ห้องโดยสารของกัปตันและเตือนความจำพวกเขาให้เร็ว ให้เรือนกกระทุงเคลื่อนไปที่แนวเข็มขัดดาวตกระหว่างขุนเขาเหนือขุนเขาและหุบเขาโลกธาตุให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้  ขอเพียงไปถึงที่นั่น นั่นคือถิ่นของเรา เป็นที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง  ยานกระทุงไม่ใช่ยานแม่ที่แล่นได้เร็วที่สุด แต่สามารถไปได้วันละหมื่นกิโลเมตร  ดูเหมือนว่ายังคงมีเวลาครึ่งวัน เราจะไปถึงบ้าน    ลูกเรือกระทุงยังคงจับตาดูอยู่  ในส่วนนี้ เราจะพลาดไม่ได้!

ฮัวยาไปทันทีและพยัคฆ์บินจมนิ่งอยู่ในความคิด  กริฟฟินและอินทรีทองซ่อนตัวอยู่ที่ไหนบนเรือ

เขาจะเพิกเฉยได้อย่างไร?

ที่ไหนปลอดภัยที่สุด?

พยัคฆ์บินไม่ได้ทำอะไร

เมื่อทำอะไรไม่ถูกเขาถอนหายใจยาว  “แผนการสมบูรณ์แบบ  แต่พอลงมือทำงานกลับเต็มไปด้วยช่องโหว่ ดูเหมือนว่าข้าไม่สามารถรักษาความระมัดระวังและรายละเอียดก่อนหน้านี้ได้  หลังจากได้รับพลังต้องห้าม  แต่ข้ามั่นใจตัวเองมากเกินไป!

ในห้องโดยสารธรรมดา วางโต๊ะตัวหนึ่งมีคนสองคนนั่งหันหน้าหากัน

มีกระดานหมากรุกอยู่บนโต๊ะ

กำลังมีการเข่นฆ่า

ผู้เล่นหมากรุกจ้องมองกระดานหมากรุกอย่างตั้งใจ  ดูเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงโจรดวงดาวที่กำลังค้นหาอยู่ด้านนอก

นอกจากบุรุษทั้งสองแล้ว ยังมีบุรุษอีกคนหนึ่งนั่งมองดูการแข่งหมากรุก  สีหน้าของเขามีแววกังวลเล็กน้อย  เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะการเดินเกม หรือเพราะมีเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา

ในโลกคัมภีร์

ทันทีที่เย่ว์หยางกลับเข้าโลกคัมภีร์ เขาเรียกประชุมทุกคนทันที

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกับพวกเข้าพักผ่อนแล้ว รีบตามมาสมทบ เช่นเดียวกับเย่ว์หวี่ พวกนางสวมชุดเรียบร้อย  นางเซียนหงส์ฟ้าไม่สนใจเปลี่ยนชุดใส่ชุดนอนบางๆ เดินออกมองเห็นยอดอกเลือนลางตระหง่าน เทียนฟาหาวจนอกนางกระเพื่อม คนอื่นเห็นก็ไม่คิดอะไร มีแต่อี้หนานและเซี่ยอีที่รู้สึกต่ำต้อยเหมือนนกกระทาน้อย

 “อะไรกันนี่ นางมองไม่เห็นนิ้วเท้าตัวเองมานานเท่าใดแล้ว!  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอดพูดไม่ได้

 “นางไม่ได้ว่าเจ้า แม่เอลฟ์น้อย อย่าเข้าใจผิด!  เย่ว์หวี่กลัวว่าสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ฟังแล้วนางจะเศร้า จึงปลอบใจนาง

 “เฮ้อ..พวกเจ้าก็ขี้อิจฉา มีแต่ตัวร้ายที่รู้ดี!  นางเซียนหงส์ฟ้ายักคิ้วให้เย่ว์หยาง เจ้าก็รู้ ทำให้เด็กหนุ่มข้ามโลกปากคอแห้ง แทบไม่อยากประกาศประชุม แล้วกอดนางเซียนหงส์ฟ้าพาไปนอนคุยในห้องส่วนตัว

 “ถ้าเจ้าบอกเราให้ไปเยี่ยมน้องชายหมูของเจ้า อย่างนั้นเจ้าก็ทำสำเร็จแล้ว”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทำหน้ากระด้างทุบเย่ว์หยางหนึ่งหมัด

 “แค่ก แค่ก, อันที่จริงข้าเรียกประชุมทุกคนเพราะมีธุระต้องคุย!  เย่ว์หยางรีบกลับเข้าเรื่อง

 “พลังต้องห้าม?  ชิ้นส่วนวัตถุโบราณสามารถควบคุมพลังต้องห้ามได้หรือ?”  พอฟังเรื่องราวจากเย่ว์หยางอย่างละเอียด ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ สาวโล่วฮัวกล่าว  “โบราณวัตถุนี้เกี่ยวข้องกับโบราณวัตถุที่เจ้าหาอยู่หรือเปล่า?”

 “ต้องใช่แน่ ไม่อย่างนั้นผู้อาวุโสในโลกไร้ที่สิ้นสุดของคัมภีร์เงิน ถึงขอให้เขามาขุนเขาเหนือขุนเขาเพื่อให้ช่วยค้นหา  ข้าคิดว่าถ้าโบราณวัตถุแตกสลายกลายเป็นเศษซากหักพังจำนวนมาก และการเก็บรวบรวมจะต้องลำบากแน่”  หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกสงสัยโบราณวัตถุคงถูกทำลาย เป็นเพราะการต่อสู้และความตายของเทพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองคือเทพมหาอัคคี และเทพสุดยะเยือก อาจเป็นไปได้ว่าเทพเทียมทั้งแปดที่เหลือทุกคนล้วนแต่มีเศษวัตถุโบราณ และนั่นเป็นสิ่งที่ใหญ่ที่สุดที่กาดำได้มาจากโจรดวงดาวนี้  นั่นเป็นเพียงเศษเล็กเศษน้อยที่มีการเก็บกักพลังน้อยที่สุด

 “เรายังไม่รู้สถานการณ์หุบเขาโลกธาตุ  แต่ขุนเขาเหนือขุนเขาไม่มีกฎสวรรค์จำกัดพลัง  ที่นี่เราสามารถออกไปช่วยเจ้าได้”  นางเซียนหงส์ฟ้าพร้อมแล้ว และถ้าจำเป็น นางจะออกไปท้าสู้กับเทพเทียม

 “แม้ว่าจะไม่ใช่การจำกัดการใช้วิทยายุทธ์  แต่พลังอ่อนแอลงร้อยเท่า นั่นเป็นปัจจัยที่ไม่อาจละเลยได้”  เย่ว์หวี่ชี้ให้เห็นประเด็นสำคัญอย่างมีเหตุผล

 “ถ้าเราสามารถใช้พลังต้องห้ามนั้นได้ก็คงดี!  ราชันย์ปีศาจใต้ถอนหายใจ

 “ไม่ได้”  โล่วฮัวพูดปฏิเสธอย่างจริงจัง  “ก่อนอื่นเราไม่รู้วิธีได้พลังต้องห้ามนั่นมา  ประการที่สองไม่ว่าจะต้องมีการพึ่งพาอาศัยกันหรือไม่ การใช้พลังคนอื่นเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตนเอง ก็คือการใช้พลังเพื่อหลอกตนเอง เราไม่สามารถทำอย่างนี้ได้ เพราะการฝึกฝนก็เหมือนการพายเรือทวนกระแสน้ำ  ถ้าเราไม่ก้าวหน้าต่อไป เราจะล้าหลัง!

 “ข้าแค่ติ๊งต่างเท่านั้น”  ราชันย์ปีศาจใต้รีบอธิบาย

 “นี่เป็นแค่มุมมองทางยุทธวิธี ไม่มีอะไรผิด  แต่ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด  เราต้องหลีกเลี่ยงวิธีนี้”  อู๋เหินพูดเพื่อรักษาหน้าราชันย์ปีศาจใต้  ในฐานะเป็นสตรีคนแรกของเย่ว์หยาง แม้ว่านางไม่ค่อยออกมายุ่งกับโลกภายนอก แต่ในความคิดของทุกคนถือว่าสถานะของนางยังคงโดดเด่น แม้แต่นางเซียนหงส์ฟ้าก็ยังอ่อนข้อให้นางสามส่วน เมื่อทุกคนมองดู อู๋เหินยิ้มให้ ยิ้มของนางเหมือนทำให้ท้องฟ้าผ่องใสดอกไม้เบ่งบาน ยิ้มของอู๋เหินยากจะมีใครงดงามเปรียบ

อู๋เหินผายมือ

นางลูบแขนเย่ว์หยางเบาๆ อี้หนานเกิดอาการโงกง่วงนางถือโอกาสนอนอิงอู๋เหิน

ขนตางอนยาวของอี้หนานสั่นเล็กน้อยทำท่าเหมือนจะตื่น แต่เนื่องจากสัมผัสที่สบายของอู๋เหินนางจึงเผลอหลับอย่างเงียบๆ  อู๋เหินยกนิ้วส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบและลดเสียงกระซิบ  “พลังต้องห้ามนั้นยากต่อการควบคุมและมีแนวโน้มมากว่าจะทำลายร่างกายทั้งไม่เป็นประโยชน์ต่อการฝึกฝน  เราไม่อาจใช้พลังนี้  แต่มีจุดหนึ่ง ข้าเชื่อว่าทุกคนสังเกตเห็น นั่นคือพลังเทพที่เก็บไว้ในโบราณวัตถุสามารถต้านทานพลังต้องห้ามได้  เราไม่สามารถใช้พลังต้องห้าม แต่ในการใช้ชิ้นส่วนของโบราณวัตถุย่อมไม่มีปัญหา”

 “ใช่แล้ว ด้วยสิ่งนี้พลังต้องห้ามของศัตรูจึงเท่ากับถูกหักล้าง!  องค์หญิงเชี่ยเชี่ยนมีความสุขที่ได้ทราบเรื่องนี้  แต่ในสายตาของอี้หนานที่หลับอยู่ในอ้อมแขนเย่ว์หยางรีบนั่งตัวตรง แม้ว่านางจะลดเสียง แต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้

 “เสี่ยวซาน เจ้ากลับมาครั้งนี้ เจ้าจะปรับแต่งเกราะรบเต่าดำได้ไหม?”  คนที่รู้ใจเย่ว์หยางดีที่สุดก็คือเย่ว์หวี่

 “ท่านเดาออกได้อย่างไร?”  เย่ว์หยางประหลาดใจ

 “ฮึ..ดูอารมณ์ดีใจเหมือนเด็กต้องการคำชม ใครตาไม่บอดย่อมมองออกกันทั้งนั้น”  เย่ว์หวี่ยิ้ม แต่คนแรกที่คาดเดาความเคลื่อนไหวเย่ว์หยางออกก็คือนางจริงๆ

 “เจ้าขโมยเศษโบราณวัตถุมาด้วยหรือ?”  ครั้งนี้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนนั่งเฉยไม่ได้อีกต่อไป นางพุ่งเข้าหาเย่ว์หยางและทุบเบาๆ หนึ่งหมัด ทำเอาอี้หนานตกใจตื่น นางยื่นมือออกไปลูบแก้มเย่ว์หยาง  “เด็กดี!  ทำดีได้ดี ดูเหมือนข้าควรให้รางวัลเจ้าอีกครั้ง..”  นางอยากจะบอกว่านางจะให้รางวัลเย่ว์หยางด้วยการจูบ  แต่เมื่อนางเห็นว่าทุกคนกำลังมองดูนาง  นางไม่สามารถแบกศักดิ์ศรีเชิดหยิ่งได้อีกต่อไป นางแก้ไขคำพูดทันที  “ใช่แล้ว พี่สาวจะให้รางวัลเจ้าเป็นอมยิ้มหนึ่งเม็ดในครั้งต่อไป”

ทุกคนต้องการให้องค์หญิงผู้หยิ่งภูมิใจแสดงความน่ารักออกมาทางใดทางหนึ่ง

นางเป็นคนจูบเขาแล้วทุกคนจะพูดอะไรได้

มันน่าอายสำหรับนางนักหรือ?

พูดอย่างนี้แม้ว่านางไม่เหนื่อย แต่ทุกคนที่ได้ยินรู้สึกเหนื่อยหน่ายแทนนาง...

9 ความคิดเห็น:

--- กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ
ได้ของเล่นไหมอีกแล้ว

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

อมยิ้มหรืออย่างอื่นนะ

Pcha กล่าวว่า...

อมแล้วยิ้ม..ยิ้มที่ได้อม

โอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่า กล่าวว่า...

ขอด้วยเม็ดหนึ่ง

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

oBABYVOXo กล่าวว่า...

อมยิ้มหรือ... อิอิ

l3ell_Zaa กล่าวว่า...

มันไปแอบเอามาตอนไหน

guide กล่าวว่า...

5555 ลึกมากอ่ะ

แมงมุม unknow สีส้ม กล่าวว่า...

ยังไงกันะครับ

แสดงความคิดเห็น