วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1149 ระวัง ข้าบอกว่ข้าจะขายพวกเจ้า



ตอนที่  1149  ระวัง ข้าบอกว่ข้าจะขายพวกเจ้า

เมื่อเย่ว์หยางพาทารกหญิงเข้าไปในโลกคัมภีร์ กาดำและกระทุงยังคงอยู่ในอาการมึนงง


พวกเขาไม่รู้ว่านี่คือคัมภีร์ระดับศักดิ์สิทธิ์

นอกจากนี้ยังคิดอย่างผิดๆ ว่าคัมภีร์อัญเชิญทั้งหมดยอดเยี่ยมและน่าตื่นตา...  รอเมื่อเย่ว์หยางให้เงายักษ์ช่วยเสริมพลังให้พวกเขา  ทั้งสองรู้สึกว่าพลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า กาดำมองตนเองด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ มือของเขามีพลังเกินกว่าจะควบคุมได้อย่างสมบูรณ์  หลังจากให้พลังเงายักษ์เสริมความแข็งแกร่งเขาพึมพำ “นี่คือพลังของคัมภีร์อัญเชิญหรือ?  นี่คือพลังของอสูรพิทักษ์หรือ?”

เจ้ากระทุงผู้หยาบกร้านมีท่าทางตกใจ

เย่ว์หยางพูดไม่ออก

คัมภีร์อัญเชิญเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวหรือ?  ถ้าพวกเขาเห็นคัมภีร์ระดับเทพคงมิบ้ากันทันทีหรือ?

“มีแต่ลูกเทพเท่านั้นที่มีคัมภีร์อัญเชิญ ท่านเป็นลูกเทพองค์ไหน?”  ตอนนี้กาดำเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างว่าทำไมเย่ว์ไตตันนี้ถึงไม่กลัวศัตรูใดๆ  เพราะเขาเป็นลูกรักของเทพ ไม่กลัวศัตรูธรรมดา!

“ไม่, ข้าเป็นคนธรรมดา”  เย่ว์หยางถามด้วยคำถามประหลาด  “คนในหุบเขาโลกธาตุและขุนเขาเหนือขุนเขา มีใครที่มีคัมภีร์อัญเชิญบ้างหรือ?”

“คนธรรมดาจะมีคัมภีร์อัญเชิญได้อย่างไร..”  กาดำกับกระทุงไม่อยากเชื่อคำพูดเย่ว์หยางเลย  สิ่งที่เย่ว์หยางไม่รู้ก็คือมีนักรบน้อยคนที่ออกมาจากหุบเขามนุษย์และเข้ามาในหุบเขาโลกธาตุ  แม้ว่าจะมีก็ต้องเป็นคนที่มีพลังมาก เมื่อคนเช่นนี้เข้าสู่หุบเขา  แทบจะในทันทีตัวแทนลับของเทพทั้งแปดจะรู้ตัว หลังจากทำสัญญาแล้วเด็กของเทพจะอยู่ในสถานะปกปิดแน่นอน  หากนักรบที่แข็งแกร่งเหล่านี้ไม่เต็มใจจะอยู่ในหุบเขาโลกธาตุหรือขุนเขาเหนือขุนเขา เมื่อหลายพันปีที่แล้ว เทพทั้งแปดจงใจเปิดทางลัดผ่านไปด่านที่เก้าหุบเขาสวรรค์ ฟ้าเหนือฟ้า  เป็นไปไม่ได้ที่นักรบผู้มีคัมภีร์อัญเชิญจะท้าทายต่อสู้กับเทพทั้งแปดในหุบเขาโลกธาตุ ขุนเขาเหนือขุนเขาจากนั้นค่อยออกจากหุบเขากลับแดนสวรรค์หรือไปต่อยังด่านที่เก้า

หุบเขาโลกธาตุหรือขุนเขาเหนือขุนเขา

มีผู้ถือคัมภีร์อัญเชิญน้อยมากที่ปรากฏตัว และถ้าพวกเขาปรากฏ พวกเขาจะมีสถานะเป็นลูกเทพหรือสถานะปกปิดอย่างอื่น  แทบเป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะเข้ามาติดต่อไป

เพราะเหตุนี้นักรบที่มีคัมภีร์อัญเชิญ ทั้งในหุบเขาโลกธาตุและขุนเขาเหนือขุนเขา จึงมีความลึกลับและเป็นที่เคารพ  แม้แต่กาดำและเจ้ากระทุงผู้มีพลังมาก พวกเขายังรู้สึกว่าคนที่ครอบครองคัมภีร์อัญเชิญคือลูกเทพ รองจากเทพ!

หากในตอนแรกพวกเขาไม่เชื่อ แต่เย่ว์หยางมอบเงาปีศาจยักษ์ช่วยสนับสนุนพลังพวกเขา ทำให้พวกเขาเชื่อมั่นอย่างบริบูรณ์

นอกจากมีพลังต้องห้ามซึ่งเป็นพลังที่ทำให้คนมีพลังเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า

นั่นเป็นเพียงอสูรพิทักษ์ของคัมภีร์อัญเชิญ

และนี่คือข้อพิสูจน์

ไม่เหมือนกับพลังต้องห้ามที่น่ากลัว  มันไม่มีอันตรายอย่างสิ้นเชิง

ภายใต้พยานบุคคลเช่นนี้และการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกส่วนตัว  กาดำและกระทุงจะกล้าตั้งข้อสงสัยกับตำนานได้อย่างไร พวกเขามีความมั่นใจมากขึ้น

“ฮึ่ม, เจ้าขยะ จงตายให้หมดทุกตัว!  เมื่อมีพลังเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่าและไม่ต้องกังวลเรื่องผลสะท้อน เจ้ากระทุงที่โดนเล่นงานอย่างน่าสงสารก่อนนั้นตอนนี้ได้ระบายออกในที่สุด  เขาวิ่งเข้าหาฝูงหนอนเหมือนพยัคฆ์ที่ตะลุยเข้าไปในฝูงแกะและเขามีความรู้สึกว่าไร้เทียมทาน  พลังเดิมของเขาดีกว่าหนอนปีศาจมากอยู่แล้ว แม้ว่าหนอนจะมีจำนวนที่ได้เปรียบ แต่ก็ไม่สามารถหยุดการบุกตะลุยของเขาได้  ในขณะนี้พลังของเขาเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า หนอนปีศาจจะต้านทานเขาได้อย่างไร?

“ไม่ต้องถึงมือเจ้าก็ได้ หนอนเหล่านี้ ให้ข้าจัดการเอง!” เย่ว์หยางแค่ต้องการเริ่ม กาดำเห็นเช่นนั้นก็บุกตะลุยขึ้นไปฆ่าหนอนปีศาจระบายอารมณ์หดหู่พร้อมกับเจ้ายักษ์กระทุง

เย่ว์หยางมองไปข้างหลัง

ทหารและพ่อค้าหนีไปไม่เหลือร่องรอยขณะที่พวกเขาต่อสู้กับหนอน

ในกรณีนี้เขาคร้านเกินกว่าจะดูแลความเป็นความตายของปีศาจเห็นแก่ตัวพวกนี้ ถ้าพวกนี้ฉุดดึงมารดาสาวขึ้นมา นางก็คงไม่ตายที่นี่  แน่นอนว่าเย่ว์หยางไม่มีสิทธิ์และเหตุผลที่ขอให้อีกฝ่ายทำเช่นนี้  ผู้คนเห็นแก่ตัวได้  แต่เนื่องจากความเห็นแก่ตัวเย่ว์หยางคงไม่ยุ่งเพื่อปกป้องพวกเขาเป็นแน่

บางทีพวกเขาอาจถูกหนอนตัวอื่นกลืนกินในวินาทีถัดไปก็ได้

หรืออาจโชคดีหนีได้

อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเย่ว์หยาง

ทุกคนมีวิธีเลือกชะตาตนเอง  ไม่ว่าจะเสียสละหรือเห็นแก่ตัว  ผู้คนไม่มีอำนาจ แต่ความจริงชะตากรรมของพวกเขาทั้งหมด อยู่ในมือพวกเขา  แต่ผู้คนมักไม่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตนเองแต่แรก

เดินผิดก้าวเดียว

ก้าวที่ตามมาหลังจากนั้นก็ผิดหมด อาจกล่าวได้ว่ายิ่งถลำตัวผิดมากขึ้นจนท้ายที่สุดแก้ไขอะไรไม่ได้

เย่ว์หยางเรียกเพลิงอมฤตขึ้นที่ปลายน้ำและเผาร่างมารดาสาวผู้สละชีวิตตัวเพื่อลูกสาว  ในความรับรู้ทางวิญญาณ เขารับรู้ว่าวิญญาณนางกล่าวอำลาเขาและลอยขึ้นไป เขาไม่รู้ว่านางจะไปยังภพภูมิลึกลับใด...เย่ว์หยางรู้ว่าเขาไม่สามารถช่วยคนทุกคนบนเรือได้ แต่ถ้าเขาพบเจอ ก็ต้องดูสถานการณ์ ถ้าจำเป็นจริงๆ  เขาไม่ยอมเห็นใครตายต่อหน้าแน่นอน!

“แม่หนูน้อยหลับไปแล้ว เวลานี้คงต้องให้ท่านหญิงหวี่ดูแล!” อาหงลอยออกมาจากโลกคัมภีร์อัญเชิญส่งข่าวให้เย่ว์หยาง  ขณะเดียวกันก็ขอเขาต่อสู้ด้วย  “ในหุบเขามนุษย์ ไม่มีทางได้ใช้ฝีมือ แต่พอเข้ามาในหุบเขาโลกธาตุไม่มีกฎสวรรค์บังคับ  พวกพี่น้องอยากออกมาแสดงฝีมือกันมาก”

“ก็ได้!  หลังจากคิดสองสามวินาที ในที่สุดเย่ว์หยางเห็นด้วยกับคำขอนั้น

นี่ก็เป็นโอกาสที่ดีเช่นกัน

ในหุบเขาโลกธาตุ ถ้าพวกเขาสามารถสู้กับนักสู้แข็งแกร่งบางคนได้แล้ว อย่างนั้นต่อไปอาหง อาหมัน อิคคาจะก้าวหน้าได้เร็วขึ้น  หากไม่มีคู่ต่อสู้หรือความกวดขันความท้าทาย ความก้าวหน้าจะช้า.. อาหงและอาหมันล้วนเป็นอสูรพิทักษ์ต่างจากองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย

เรื่องเดียวที่ทำให้เย่ว์หยางกังวลก็คือการมาถึงขุนเขาเหนือขุนเขาของจีอู๋ลี่

ความแข็งแกร่งของเขาไม่ควรเปิดเผยให้จีอู๋ลี่รู้ก่อนกำหนด

แน่นอนว่าเพราะการเติบโตของตั่วตั่ว เจี้ยงอิงและเสี่ยวเหวินหลี ตอนนี้เย่ว์หยางไม่กลัวการต่อสู้กับจีอู๋ลี่  ยังไม่ใช่โอกาสที่ดี และเขามีไพ่ลับสองพี่น้องหงส์เพลิง!  เย่ว์หยางต้องการหาโอกาสที่ดีที่สุดฆ่าจีอู๋ลี่  เขาไม่ยอมปล่อยข้อมูลให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้และหนีไป จากนั้นจะพลาดโอกาสดีนั้น

อาหง อาหมัน อิคคาและอีกสองสามนางจะได้ออกมาข้างนอกแม้กระทั่งภูตฟ้าปั่นป่วนเช่นกัน

พวกนางไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้ากาดำและกระทุง

อาหง อาหมัน อิคคาและภูตฟ้าปั่นป่วนหายไปในทางเดินเรือทันที

เจ้ากระทุงไม่รู้สึกอะไร  แต่กาดำรู้สึกแปลกเล็กน้อย  ดูเหมือนเขารู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งเล็กน้อยปรากฏขึ้นและหายไปทันที  เป็นไปได้หรือไม่ที่เย่ว์ไตตันใช้พิธีกรรมอย่างหนึ่งเรียกบางอย่างออกมาและหายไปทันที เมื่อเขาหันกลับไปดู อาหง อาหมันก็หายไปไม่เหลือร่องรอย แม้แต่ภูตฟ้าปั่นป่วนที่ช้าที่สุดก็ยังสามารถปิดกั้นลมหายใจได้ อึดใจเดียวก็ไปได้หลายกิโลเมตร

“เมื่อครู่นี้เหมือนกับจะเกิดอะไรขึ้น?”  กาดำไม่แน่ใจ เพราะพลังงานปรากฏเร็วมาก เขาไม่แน่ใจว่าที่รู้สึกอยู่นั้นเป็นความรู้สึกลวงหรือไม่

“ไม่มีอะไร” เย่ว์หยางส่ายศีรษะและโบกมือให้เขา

“เป็นภาพลวงตาที่ร่างกายยังไม่สามารถควบคุมพลังเสริมได้เต็มร้อยอย่างนั้นหรือ?”  กาดำไม่มีทางหาคำอธิบายอื่นได้จากนี้  เขากับเจ้ายักษ์กระทุงยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเงาปีศาจยักษ์  เงาปีศาจยักษ์นี้ไม่เพียงแต่เพิ่มพลังให้เขาหลายสิบเท่าในทันที แต่ยังมีการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เมื่อร่างกายปรับตัวได้และมีความตั้งใจก็สามารถควบคุมได้เป็นอย่างดี

กาดำคาดว่าขีดจำกัดเต็มที่ของเงายักษ์นี้ก็คือพลังร้อยเท่า

หลังจากปรับตัวได้บ้างแล้ว ตอนนี้เขาควบคุมใช้พลังได้ไม่ถึงห้าสิบเท่า และเจ้ากระทุงใช้ได้ไม่ถึงสามสิบเท่า

ซึ่งก็หมายความว่าถ้าพวกเขายังสามารถปรับตัวได้ต่อเนื่อง ขีดจำกัดสูงสุดท้ายอาจมากกว่าห้าสิบเท่าไปจนถึงร้อยเท่า!

ขณะที่กาดำกำลังคิดหาวิธีปรับตัวให้เข้ากับพลังเสริมเร็วกว่านี้ ฝูงหนอนอีกกลุ่มหนึ่งก็สร้างความปั่นป่วนอีก  กาดำตื่นเต้นและกระหายต่อสู้มากขึ้น สัตว์ประหลาดเหล่านี้มาได้ถูกเวลา  เขาแค่กลัวว่าหาคนมากพอมาฝึกฝนไม่ได้  เจ้าพวกนี้เป็นหมอนสำหรับแก้ง่วงไม่ใช่หรือ?

ฆ่า!

คราวนี้เจ้ากระทุงตวาดลั่นราวกับสายฟ้า กาดำเร่งเข้ามาสมทบและผนึกพลังกันฆ่าศัตรูโดยตรง

เย่ว์หยางมองดูสักพักก็พบว่าทั้งเจ้ายักษ์กระทุงและกาดำไม่มีอสูรอัญเชิญ และไม่มีวิทยายุทธ์ที่เหมาะเข้ากันได้กับพลังตนเอง  แม้ว่าการต่อสู้ของพวกเขาจะมีกฎบางอย่าง  แต่เมื่อเทียบกับทักษะการต่อสู้ของหอทงเทียนในปัจจุบันนี้ ถือว่ายังด้อยกว่า  ไม่ต้องพูดถึงความลับที่ไม่เหมือนใครที่แพร่หลายในยุคเก่าก่อน  เกิดอะไรขึ้นกับหุบเขาโลกธาตุและขุนเขาเหนือขุนเขา? เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? ไม่มีอสูรอัญเชิญ ไม่มีทักษะฝีมือต่อสู้ เป็นการต่อสู้ตามสัญชาตญาณล้วนๆ  นี่ยังไม่ต้องพูดถึงนักรบหอทงเทียนที่ได้รับการฝึกฝนแล้ว  ยิ่งเป็นนักรบแดนสวรรค์ก็คงไม่มีทางเทียบติด... นี่เป็นความตั้งใจของเทพทั้งแปดหลังจากเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกพ่ายแพ้และสงครามยุติหรือไม่?

ขณะที่คิดเพลินๆ เขาพบว่าอสูรทองน้อย (ทงเทียน) เทาเถี้ย อสูรกลืนฟ้า (ฝักดาบพยัคฆ์อวี้) และแมงป่องดาวฟ้าลอบออกมาอยู่ข้างหน้าเขาเอง

จริงๆ เลย เมื่อไหร่พวกเจ้าจะรู้ว่าตัวเองเป็นใครสักที?

พวกเจ้าลับๆ ล่อๆ ปกปิดตัวเองอย่างนี้หรือ?

อสูรทงเทียนตัวเล็กมาก  แต่มันดูรูปลักษณะไม่เหมือนเทาเถี้ยที่คล้ายปีศาจอสูรเบเฮม็อธยักษ์ใหญ่หลายสิบตัน พวกมันลอบออกมาต่อหน้าต่อตาเขา คิดจะหลอกเขาหรือ?  เย่ว์หยางโมโห เขาเพิ่งแก้ปัญหาให้เจ้าพวกนี้เสร็จ แต่เจ้าพวกนี้กล้าแอบออกมาได้ยังไง? เขาแน่ใจว่าอสูรทงเทียนคงไม่ได้รับความยินยอมจากองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหรืออู๋เหินแน่ มิฉะนั้นพวกมันต้องใช้วิธีฉลาดแกมโกง!

“พวกเจ้ามันโง่กันทั้งนั้น!  เย่ว์หยางมองดูอสูรทงเทียนตัวหัวโจก

“อืมมมม..” อสูรทงเทียนกลัวเขามากที่สุด มันทำท่าน่าสงสารบีบน้ำตาซึมมองดูเย่ว์หยางขอความเห็นใจ ดาบอสูรเทาเถี้ยและแมงป่องดาวฟ้ารับลูกทันทีพยายามแสดงสีหน้าท่าทางว่าพวกมันเชื่อฟังยิ่งนัก มีแต่เพียงอสูรกลืนฟ้าที่ยังไม่ได้เรียนรู้จากฮุยไท่หลาง  มันเพิ่งเกิดมาได้ไม่นานยังคงมีความบริสุทธิ์ซื่อสัตย์อยู่บ้าง

“ระวังตัวให้ดี ไม่งั้นข้าจะขายเจ้าตัวร้ายๆ ออกไปบ้าง!  เย่ว์หยางไม่ใช่โล่วฮัวหรืออี้หนานเขาไม่ใจอ่อนกับเจ้าพวกนี้

อสูรทงเทียนไม่มีทางทำอะไรได้ มันได้แต่ก้มหน้า

ทำน้ำตาคลอเบ้า

โชคดีที่เย่ว์หยางตำหนิได้ไม่นานนัก กาดำก็เข่นฆ่าหนอนปีศาจได้ทั้งหมด เย่ว์หยางไม่มีเวลาลงโทษพวกมันก็โบกมือไล่พวกมันอย่างรวดเร็ว  พวกอสูรทงเทียนดีใจ หายไปทีละตัวๆ ไวยิ่งกว่าสายฟ้าหลายเท่าทำให้เย่ว์หยางทั้งโกรธทั้งขำ!

หลังจากกาดำกลับมาเขารู้สึกสับสนอีกครั้ง

เขาอยากจะถามว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น?

แต่พอเขากลับมากลับไม่เห็นอะไร และเขาพยายามข่มความสงสัย แต่ก็ยังรู้สึกอึดอัดใจ!

หนอนร่างมนุษย์ได้รับบาดเจ็บสาหัส และหนอนพิษผู้เป็นเจ้านายก็ย่อมรู้สึกได้เป็นธรรมดา เขารีบมาวิ่งมาทางที่เย่ว์หยางอยู่เพื่อต้องการดูว่าเป็นศัตรูแบบไหนถึงได้ฆ่าเด็กๆ ของเขาได้ในเวลาอันรวดเร็ว...   น่าเสียดายที่เขาไปผิดทาง ทำให้ไม่มีเวลาไปถึงสนามรบของเย่ว์หยาง เขากลับพบเจออสูรทงเทียนที่แอบหนีความผิดออกมา!

หลังจากเจ้าตัวน้อยถูกเย่ว์หยางตำหนิอย่างหนัก มันตัดสินใจพยายามอย่างหนักเพื่อชิงบัลลังก์สัตว์เลี้ยงตัวโปรดหมายเลขหนึ่งจากฮุยไท่หลาง

ดังนั้นหนอนพิษตกใจเมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กขวางทางอยู่ข้างหน้าเขา

และท้าทายเขา

ถ้าอสูรทองน้อยไม่ยืนอยู่บนหลังของแมงป่องดาวฟ้ามีอสูรกลืนฟ้ายืนอยู่ข้างๆ พร้อมกับดาบอสูรเทาเถี้ย จอมโฉดหนอนพิษคงหัวเราะท้องแข็งไปแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น  นี่ข้าตาฝาดไปหรือเปล่า?”  จอมโฉดหนอนพิษไม่นึกไม่ฝันว่าจะมาเจอกับศัตรูเช่นนี้

“.....”  อสูรทองน้อยต้องการเลียนแบบเจ้านายมันทำท่าประกาศสู้ศึกครั้งนี้  แต่มันเลียนแบบอยู่ครึ่งค่อนวัน ทำยังไงก็พูดไม่ออก  มันได้แต่ใช้กรงเล็บเกาหัว และตัดสินใจลืมคำที่มันต้องการพูด พูดกันด้วยภาษาดาบในลักษณะของเย่ว์หยาง  มันชักดาบเทาเถี้ย และใช้แมงป่องดาวฟ้าเป็นพาหนะ จากนั้นกระโดดขึ้นไปในอากาศใช้ดาบที่มีขนาดใหญ่ฟันใส่พื้นทันที

นี่คือท่าที่เย่ว์หยางใช้ ; ท่าที่หนึ่ง ดาบผ่าปฐพี

แม้วาจะไม่ดีเท่าที่เย่ว์หยางใช้ แต่ก็มีความคล้ายคลึงอยู่สามส่วน ไม่ว่าความเคลื่อนไหวจะเป็นยังไง แต่ดาบเทาเถี้ยไม่ได้มาดีแน่.... อย่างน้อยหนอนพิษก็คิดอย่างนี้!

 

15 ความคิดเห็น:

--- กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ
มาได้ก็ดี เจ้าหนอนรับดาบนี้ซะ

dvdkeeper กล่าวว่า...

น้องน่ารัก

Kokuryu กล่าวว่า...

โอ้ยยย ดูน้อนนมากพวกแก๊งค์นี้ เอ็นดู

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ กำเนิดแก๊งค์ใหม่แล้ว 555

CHANTANA กล่าวว่า...

หมาน้อยแพร์เชึ้อแล้วอิฯ

Unknown กล่าวว่า...

โดนดุมีน้ำตาคลอเบ้าด้วย5555

BJ กล่าวว่า...

เย่หยาง2แน่ๆ​ ซวยๆๆๆ

Tingtong กล่าวว่า...

อ่านไป ขำไปครับ ขอบคุณครับ

Pcha กล่าวว่า...

55เจ้านายเป็นไงลูกน้องเป็นงั้น

Lazykuma กล่าวว่า...

555ถ้าอยากอยู่เป็นต้องเลียนแบบพี่ฮุย555 แต่สงสารชิบๆบรรพบุรุษมาเห็นน้ำตาจะนองหน้าขนาดใหนนิ555

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

oBABYVOXo กล่าวว่า...

น้อนนนนนน

l3ell_Zaa กล่าวว่า...

ติ๋งต๋องพอกัน

แมงมุม unknow สีส้ม กล่าวว่า...

เจ้าหมาโง่จะตกกระป๋องแล้ว

ïиƒïиï†ч гє†гч กล่าวว่า...

เฮียฮุ่ยจะโดนแย่งที่ 1 ซะแล้ว

แสดงความคิดเห็น