วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1151 ให้เจ้าตะโกนด้วยความยินดี


ตอนที่  1151  ให้เจ้าตะโกนด้วยความยินดี

เงาร่างสองร่างพุ่งเข้ามาปะทะทันที


และป้องกันการโจมตีของหัวหน้าหนูและค้างคาวหูโตในกลางอากาศไว้ได้ ไม่จำเป็นต้องให้เย่ว์หยางลงมือ

พวกเขาคือกาดำและเจ้ายักษ์กระทุงผู้ได้รับการเสริมพลังด้วยเงาปีศาจยักษ์ เดิมทีด้วยพลังของพวกเขาแม้จะมีพลังต้องห้ามก็ยังเป็นเรื่องยากมากที่จะพัวพันหัวหน้าฟันหนูและขุนพลหูค้างคาว  ขุนพลห้าสัมผัสเป็นขุนพลเทพที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรเทพประจิมเทียบกับห้าจอมโฉดยังมีสถานะที่สูงกว่า

กาดำสะบัดชุดคลุมต้านการโจมตีจากหัวหน้าฟันหนู ร่างของเขาค่อยๆ จางลงและเลื่อนออกไปหนึ่งเมตร

เจ้ากระทุงยักษ์ที่อยู่ตรงข้ามนั้นอ่อนแอกว่ามาก และถูกขุนพลค้างคาวโจมตี  ร่างใหญ่ถูกสะท้อนกลับไปหลายสิบเมตรกระแทกใส่ดาวเคราะห์น้อยระเบิดถึงจะยืนได้อย่างมั่นคงอย่างยากลำบาก

ถึงจะเป็นอย่างนี้ เจ้ากระทุงก็ยังประหลาดใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

เป็นที่ทราบกันดีว่าในการต่อสู้กับห้าจอมโฉด แค่เพียงผีตะกละคนเดียว เขากับกาดำถูกเล่นงานอย่างหนักและถูกจับได้ในทันที

ตอนนี้ แม้ว่าจะมีระยะห่างอยู่ แต่ก็ไม่มีความรู้สึกว่าในการต่อสู้แล้วตนเองอ่อนแอเหมือนเมื่อก่อน  เขาสามารถต่อสู้ได้อย่างหนักหน่วง จะกลัวอะไรต่อความตาย   เขาได้รับการเสริมพลังจากเงายักษ์ยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้น  ตอนนี้มีพลังมากขึ้นถึงสี่สิบเท่า หากมีพลังถึงห้าสิบเท่า เขาคงยืนหยัดสู้ได้เหมือนกาดำและเขาคงสามารถขับไล่เจ้าค้างคาวนี่ได้...  ส่วนเจ้าฟันหนูข้างหน้าแม้ว่าจะดูน่าเบื่อ แต่ระดับพลังคงเป็นหัวหน้าของขุนพลสัมผัสห้าอย่างไม่ต้องสงสัย!  กาดำสามารถรับมือฟันหนูได้และเขาสามารถต้านทานเจ้าหูค้างคาวนี่ได้!

ความกระตือรือร้นต่อสู้ของเจ้านกกระทุงเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย

เขาพยายามยกดาวเคราะห์น้อยดวงใหญ่และขว้างใส่ขุนพลหูค้างคาวและจากนั้นพุ่งเข้าหาขุนพลหูค้างคาวราวกับรถศึก

การเคลื่อนไหวด้วยพลังมหาศาล ร่างเขาเบาเหมือนเมฆ!

ขุนพลหูค้างคาวถูกเจ้ากระทุงพุ่งชนทั้งตัวราวกับช้างแมมม็อธชน กระเด็นลอยขึ้นไปข้างบน

แต่ยักษ์กระทุงยังไม่ทันได้ดีใจ ก็พบว่าขุนพลหูค้างคาวบินได้  ร่างของเขาทั้งหมดแยกตัวเป็นค้างคาวน้อยนับไม่ถ้วน ไม่รู้ว่ามีค้างคาวหลายพันตัวลอยอยู่เหนือศีรษะเหมือนก้อนเมฆตั้งแต่เมื่อใด

ค้างคาวไม่สนใจปฏิกิริยาของเจ้ากระทุง พวกมันบินลงมากัดตามร่างกายของเขา  เมื่อเปรียบกับค้างคาวที่โจมตีได้อย่างยืดหยุ่นเหล่านี้ เจ้ากระทุงรู้สึกอึดอัดใจ  เขาไม่อาจต้านทานค้างคาวที่บินโฉบไปมาได้ หรือจับมันมาฉีกดับความโกรธได้  เขาไม่สามารถหยุดค้างคาวจำนวนมากที่สลับกันโจมตี

บนร่างของเขาเริ่มมีบาดแผลรอยกัดเล็กปรากฏขึ้น

เมื่อเห็นเลือด ค้างคาวเหล่านั้นก็เริ่มคลั่งมากขึ้น

พวกมันส่งเสียงดัง

ค้างคาวมากมายพุ่งลงมาอย่างไม่กลัวเกรงและดูดเลือดจากบาดแผลของเจ้ากระทุง

ร่างยักษ์ใหญ่แข็งแรงอย่างเจ้ากระทุง

หลังจากถูกดูดเลือดระยะเวลาสั้นๆ ก็เริ่มมีแววอ่อนแอไม่สบายให้เห็น

เขาเริ่มเวียนหัว โบกมือไปมาเหนือหัวและที่เท้าขับไล่ฝูงค้างคาวที่มีอยู่เต็มท้องฟ้า

แม้ว่าจะมีค้างคาวดูดเลือดหลายสิบตัวที่ถูกเขาตบเหลือแต่เลือดเนื้อเลอะเลือน แต่ก็มีค้างคาวมากขึ้นเรื่อยๆ ที่หนีการตบของเขาและบินขึ้นท้องฟ้าไปได้.. มีสิ่งแปลกๆ เกิดขึ้น ค้างคาวดูดเลือดมีควันดำนับไม่ถ้วนในร่างกาย มันแยกออกเป็นสองส่วนและบางส่วนที่เต็มไปด้วยเลือดสามารถแยกร่างได้อีกครั้ง  จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่!  ค้างคาวดูดเลือดเหล่านี้เพิ่มจำนวนขึ้น  เย่ว์หยางเฝ้าดูกระบวนการทั้งหมดด้วยจักษุญาณทิพย์  เขาพบว่าค้างคาวดูดเลือดเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยห้าร้อย เพราะพวกมันดูดเลือดของเจ้ากระทุง

ตอนนี้มีค้างคาวดูดเลือดกว่าหมื่นตัว  และเขาไม่รู้ว่าเจ้ากระทุงจะต้านทานได้มากแค่ไหน

“แย่แล้ว”  เหมาพั่วตี้ที่อยู่บนพื้นพบในขณะนั้นว่า ค้างคาวดูดเลือดเหล่านี้หลังจากฆ่าแล้วจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ตราบเท่าที่ได้เลือดเพิ่มขึ้น  จะจัดการได้อย่างไง?

“เจ้าหูค้างคาว ถ้าเจ้ากล้าพอ ออกมาสู้กับข้า!  เจ้ากระทุงเริ่มใจหดหู่และกลัวขึ้นบ้าง  ตอนนี้ยากจะใช้พลังได้เต็มที่  ใครก็รู้ว่าอีกฝ่ายโกงและไม่ยอมสู้กันแบบตัวต่อตัวจริงๆ  แต่ใช้แผนอย่างเยือกเย็น

“ข้าไม่กลัวจะตามไล่ล่าเจ้า”  อีกด้านหนึ่งกาดำก็ยังไม่รู้สึกดีขณะไล่ตามขุนพลฟันหนู

“โง่จริงๆ!  ขุนพลฟันหนูไวกว่าสายฟ้า ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด  สิ่งที่สำคัญก็คือเขาเพิ่งบุกโจมตีและพ่นไข้พิษใส่หน้ากาดำ  กาดำโดนพิษกาฬโรคไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต  แต่ความเร็วนั้นช้าลงเรื่อยๆ และในที่สุดก็ช้าไม่ต่างอะไรกับเต่า เมื่อกาดำเคลื่อนที่ทุกย่างก้าวของร่างกายจะหนักขึ้นทีละน้อย

กาดำถูกพิษ พลังสู้ไม่ได้อ่อนลงเท่าใดนัก

อย่างไรก็ตาม เขาสูญเสียความเร็ว

กาดำปราศจากความเร็วเมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรูที่ว่องไวราวกับกระรอก ก็แทบจะเหมือนกับคนตาย

เหมาพั่วตี้เหาะขึ้นไปทันที  เขาต้องการขัดขวางหัวหน้าฟันหนูก่อนที่ความเร็วของกาดำจะหายไปหมด

หัวหน้าฟันหนูไถลผ่านไม้ตายทะลวงดินของเหมาพั่วตี้โดยไม่ได้รับผลกระทบอะไร

ขณะที่เขาตามทันกาดำ

เขาใช้ฟันหน้าขนาดใหญ่

กัดเข้าที่แขนของเหมาพั่วตี้

เมื่อเหมาพั่วตี้ไม่รู้สึกเจ็บเลยในตอนแรกเขาต้องการใช้ทวนแทงหัวหน้าขุนพลฟันหนู  แต่อีกฝ่ายหลบได้ เขาไม่สามารถแตะต้องแม้แต่เส้นขนของขุนพลฟันหนู  รอจนเขาหันหลังกลับและวิ่งไล่ตาม ร่างกายของเขาสั่นดวงตาเริ่มคล้ำขึ้น ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าแขนตัวเองหนักมากราวกับไม่ใช่แขนของเขา เปลือกตาหนักเหมือนมีตะกั่วถ่วง ร่างกายเมื่อยล้า  เหมาพั่วตี้รู้ว่านี่เป็นสนามรบอันตรายแต่ก็ยังทนไม่ไหว เขาเริ่มหลับลึก

ฮ้าววว.. หลังจากหาวครั้งแรก เขาไม่มีทางทนได้อีกต่อไป  ร่างกายต้องการหลับพัก

เขาใช้หอกเงินแทงฝ่ามืออย่างไม่ปราณี ตั้งใจว่าจะใช้ความเจ็บปวดหยุดอาการง่วงนอน แต่ก็ไม่เป็นผล

มือข้างที่ถูกแทงมีเลือดหยาดหยด   ถึงแม้จะเจ็บปวดแต่ก็ง่วงนอนมาก

เขาถูกความง่วงครอบงำ  เหมาพั่วตี้ร่วงตกลงไปที่อุกกาบาต มือข้างหนึ่งเต็มไปด้วยเลือด แต่เขาไม่รู้สึกเลยและหลับทันที

“ไม่มีใครในโลกสามารถหยุดพลังกัดสะกดจิตของมุสิกนิทราได้”  เสียงเขาหัวเราะเยาะเย้ย  ตอนนี้เขายืนอยู่ห่างจากกาดำไม่ถึงสามเมตร  แต่กาดำไม่มีวิธีโจมตีเขา

ครั้งนี้กาดำรู้สึกว่าร่างกายของเขาเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว

ตัวของเขาอ่อนแอลงทุกขณะ

แม้แต่นิ้วก็ยากจะขยับ

เขารู้ว่าศัตรูอยู่ข้างหน้า แต่เขาไม่สามารถเอื้อมมือไปคว้าตัวได้  และร่างของเขาสั่นเทา หากเขายังมีเจตจำนงที่แข็งแกร่งเขาจะยืนนิ่ง และถ้าเขาล้มลงอาจจะเหมือนเหมาพั่วตี้ได้ ไม่สามารถทำอะไรได้

“ระวัง!” กาดำพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเตือนเย่ว์หยาง  “ขุนพลฟันหนูใช้พิษ!

“เจ้ายังเชื่อใจเขาหรือ?  มือใหม่อย่างเขาข้าสามารถจัดการได้ในสิบวินาที!  จากการรวมตัวอย่างรวดเร็วของค้างคาวดูดเลือดนับไม่ถ้วน กลายเป็นร่างค้างคาวใหญ่และหัวเราะ  เขาไม่ได้คิดว่าเย่ว์หยางเป็นคู่ต่อสู้  เย่ว์หยางมีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ  ผู้มาใหม่งี่เง่าที่ไม่มีความแข็งแกร่งระดับลูกจ้างเทพยังสามารถยืนหยัดอยู่ในแถบดาวเคราะห์น้อยนี้ได้ก็ไม่เลว  แต่ยังต้องมีการต่อสู้กับขุนพลเทพ เป็นไปไม่ได้ที่จะท้าทายหัวหน้าฟันหนู

“เจ้าหูโต เจ้าต้องระวังด้วย”  ขุนพลฟันหนูค่อนข้างระมัดระวังอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าพลังของเย่ว์หยางจะอยู่ในระดับน่ารังเกียจมาก  แต่เขาพบว่าทัศนคติของมือใหม่ผู้นี้ไม่เหมือนมือใหม่ธรรมดา  อย่างน้อยไม่มีความตื่นตระหนกตกใจกลัว ถือว่าเป็นมือใหม่ที่ผิดปกติอย่างยิ่ง!

“ข้าว่าหัวหน้าฟันหนูกำลังล้อเล่นกระมัง?  ขอเวลาข้าหนึ่งวินาที  ข้าจะล้มเขาใน...”  หูค้างคาวไม่คิดว่าเย่ว์หยางจะทำอะไรเขาได้

เย่ว์หยางไม่ส่งเสียงอะไร

เขากำลังดู

ไม่ว่าจะเป็นห้าจอมโฉดหรือขุนพลห้าสัมผัส  พวกเขามีสิ่งหนึ่งทีเหมือนกัน

นั่นคือรวมพลังต้องห้ามอย่างเต็มที่และใช้ความสามารถพิเศษบางอย่างเร่งเร้าพลังถึงสุดขีดแสดงความแข็งแกร่งบางด้านออกมา

แน่นอน ราคาที่พวกเขาต้องจ่ายออกไปก็ยิ่งใหญ่ด้วย  คนธรรมดาอาจไม่รู้และอิจฉาความแข็งแกร่งของพวกเขา  แต่ในจักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยาง เขาพบว่าจอมโฉดทั้งห้านั้นยังดี ส่วนขุนพลห้าสัมผัสไม่มีอะไรที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นคนอีกต่อไป  พวกเขาไม่มีความเป็นคนอีกต่อไปไม่มีสิทธิ์ได้ทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญ  พวกเขาไม่สามารถมีลูกได้อีกต่อไป ไม่สามารถคืนร่างกลับเป็นมนุษย์  และทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้อีก และพวกเขาจะมีลักษณะเช่นนี้ตลอดไป ไม่ใช่มนุษย์ ไม่ใช่ภูตผี!

เพื่อพัฒนารูปแบบนี้ไปให้ถึงขีดจำกัด ห้าจอมโฉดและขุนพลห้าสัมผัสจะใช้วิธีการบางอย่าง เช่นห้าจอมโฉดจะใช้ความสามารถบางอย่างผสมผสานกันอย่างสมบูรณ์  ขุนพลห้าสัมผัสจะรวมร่างกับอสูรห้าชนิดเพื่อใช้จุดแข็งของอสูรมาเสริมกำลังให้ตนเอง

ความสามารถของผีตะกละคือกินศพ  ตราบเท่าที่มีศพให้กิน เขาจะไม่ตาย

ความสามารถในการกินศพนี้รวมถึงร่างกายของเขาเอง

คล้ายกับความสามารถว่ากินเพื่อเกิดใหม่

หากต้องการฆ่าผีตะกละให้ตายอย่างแท้จริง เขาจะต้องถูกทำลายอย่างสมบูรณ์...  เย่ว์หยางมองเห็นสิ่งนี้ แต่ล้มเหลวในการทำเช่นนั้นเขาพร้อมจะพาผีตะกละกลับมาและค่อยๆ ศึกษามัน

ความสามารถพิเศษของหัวหน้าฟันหนูที่อยู่ข้างหน้านั้น  แตกต่างจากผีตะกละ  เขาอาศัยการผสมผสานความสามารถพิเศษของหนูหลายตัวเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง

เพื่อจัดการกับความสามารถของหนูเหล่านี้ ต้องใช้วิธีพิเศษ

เย่ว์หยางมองไปที่ขุนพลหูค้างคาวผู้หยิ่งยโส ไม่จำเป็นต้องพูดกัน คนผู้นี้รวมความสามารถของค้างคาวชนิดต่างๆ โดยเฉพาะค้างคาวดูดเลือดเพื่อเสริมสร้างร่างกายของเขา เพื่อฆ่าศัตรูและหลีกเลี่ยงการโจมตีของศัตรูได้อย่างง่ายดาย  เป็นศัตรูที่เก่งในการบินและสามารถเสริมสร้างร่างกายด้วยการดูดเลือด ต้องใช้กลเม็ดเล็กๆ น้อยๆ ใช้แต่แรงถึกอย่างเดียวเหมือนเจ้ากระทุงก็คงไม่เพียงพอ!

เมื่อมองเห็นแบบนี้แล้ว เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาสามารถทำได้

พลังต้องห้าม

เขาไม่สนใจตัวเอง

อย่างไรก็ตาม เขาเคยพบพลังต้องห้ามที่คล้ายกันในกรณีของเจ้าอ้วนไห่มาแล้ว   แม้ว่าจะไม่เหมือนกัน แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น  เย่ว์หยางคิดเกี่ยวกับวิธีขยายร่างของเจ้าอ้วนไห่ และเสียเวลาไปกับการศึกษาหวังที่จะสะสมประสบการณ์บางอย่างเพื่อให้เจ้าอ้วนไห่ คนที่เคราะห์ร้ายมาตลอดสิบแปดปีได้พบกับโชคดีบ้าง!

“ฆ่าในทันที, ไม่ ข้าไม่ต้องการทำอย่างนี้  ข้าหวังจะให้เจ้ามีชีวิตนานขึ้นและทำร้ายเจ้าเพื่อความสะใจ”  เย่ว์หยางไม่ลืมพูดประจบขุนพลหูค้างคาว  “ถ้าเจ้าพอใจ ไม่ต้องตะโกนก็ได้  มันไม่สุภาพ!

“เจ้าบังอาจพูดกับข้าอย่างนี้เชียวหรือ?  หาที่ตายชัดๆ!  ขุนพลหูค้างคาวหงุดหงิดและแค้นอยู่ในใจเขาพุ่งโจมตีทันที

“ทำไมทุกครั้งที่ข้าพูดดีๆ ถึงไม่มีใครเชื่อ?  เจ้าบังคับให้ข้าต้องโกหก  เจ้ากำลังบังคับให้ข้าเป็นเด็กเกเรใช่ไหม?  เจ้าไม่ทำให้ข้าเป็นบุรุษหนุ่มผู้มีแนวโน้มว่าจิตใจสะอาดประกอบด้วยเมตตาใช่ไหม?  ข้าไม่สามารถกลายเป็นเสาหลักของชาติได้ เป็นเพราะเจ้า!  ข้าไม่มีโอกาสรับใช้ประเทศ ไม่มีโอกาสสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ใหม่ๆ เพื่อมาตุภูมิเลย!  เจ้าบอกว่าจะทำร้ายข้า แล้วอย่างนี้ข้าควรจะทำยังไงกับเจ้า?”  เย่ว์หยางยื่นมือคว้าคอของขุนพลหูค้างคาวทันทีและชูขึ้นในอากาศถกถึงเหตุผลกับขุนพลค้างคาวที่ดิ้นไม่หยุด แต่ไร้ประโยชน์

ขุนพลฟันหนูปากอ้าค้าง

ตามหลักการแล้ว!

เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?

ถ้าขุนพลหูค้างคาวพูดได้ตอนนี้ เขาคงจะตะโกนว่าทำร้ายเจ้าหน้าที่อย่างไม่เป็นธรรม  เย่ว์หยางไม่ควรพูดเรื่องนี้เป็นการชั่วคราว เย่ว์หยางไม่สามารถเป็นเสาหลักของประเทศได้ และไม่มีทางที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับดินแดนมาตุภูมิ  แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขา!

ขุนพลหูค้างคาวสามารถพูดได้คงจะพูดว่านี่คือการโกง

แต่ไม่มีใครที่โดนจับคอเชิดกลางอากาศอย่างนี้แล้วจะพูดได้

ยิ่งไปกว่านั้นเย่ว์หยางจับคว้าเขาผู้ไม่เคยแก้ปัญหาด้วยการพูด  เขาจะรู้ไหมว่านอกเหนือจากความจริงแล้ว  สิ่งที่เย่ว์หยางพูดมาทุกอย่างล้วนไม่มีเหตุผล!

คนแบบนี้จับเขาไว้ได้อย่างไร?

ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางตัดสินใจทำให้ขุนพลหูค้างคาวรู้สึกตัวว่าได้บังอาจละเมิดตำนานผู้ยิ่งใหญ่  เขาคงต้องใช้วิธีโน้มน้าวด้วยจิตเมตตาเป็นการส่วนตัว

8 ความคิดเห็น:

--- กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ
พี่เย่วไม่เคยมีเหตุผลเลย55

BJ กล่าวว่า...

โน้มน้าวอีกแล้ว​ 555

manit กล่าวว่า...

ใจจ่า

โอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่า กล่าวว่า...

ทุบมันทับมัน

Lazykuma กล่าวว่า...

เออทำไมเฮียเย่ไม่โน้มน้าวด้วยวิธีที่อ่อนน้อมถ่อมตนหละ

oBABYVOXo กล่าวว่า...

ฆ่าเลย มันไม่ฟังอยู่แล้ว

ïиƒïиï†ч гє†гч กล่าวว่า...

จะซ้อมชาวบ้านจัวปรักอบอีกซิแล้วนะไอ้สาม --a

chay กล่าวว่า...

เหตุผลสุดยอดมาก555

แสดงความคิดเห็น