วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1177 ข่าวดี ผู้พยากรณ์ ผู้โชคดี

 

ตอนที่  1177  ข่าวดี ผู้พยากรณ์ ผู้โชคดี

หลังจากปลอบโยนพวกปิงเอ๋อ เย่ว์หยางอยากจะคุยบอกพวกนางถึงความรู้สึกในการรู้แจ้งระดับใหม่

 

อู๋เหินเตือนเขา

เสียเวลานานเกินไป และยังไม่ได้เริ่มออกเดินทางคาดว่าสงครามเหล่าเทพจะเริ่มกันแล้ว

เย่ว์หยางถ้าไม่ได้ปลอมตัวเป็นเทพหรดีซาฟง  อย่างนั้นไม่สำคัญว่าสงครามเทพจะเริ่มเมื่อไหร่ ตราบใดที่ยังไม่จบ แต่ไม่ใช่ตอนนี้  เขาได้รับหอกกลืนมังกรและพลังเทพของชี่เฉียว อดรู้สึกว้าวุ่นไม่ได้ ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องชักช้า เทพบูรพาซื่อเสินมีแนวโน้มว่าอาจถูกฆ่า  อย่างน้อยเทียนโฉวคงมีแผนโจมตีทำให้บาดเจ็บสาหัส ซึ่งขัดกับแผนอย่างสมบูรณ์

ดังนั้นเย่ว์หยางจึงข่มความคิดแบ่งปันความรู้สึกพลังในขอบเขตใหม่กับทุกคนชั่วคราว

เขากล่าวลาทุกคนและออกไปจากโลกคัมภีร์

รอให้สถานการณ์ชัดเจนก่อน

พอมีเวลามาก

ค่อยกลับมาพบกับทุกคน

มุกมังกรไม่ใช่มุกมังกรที่แท้จริง และมังกรพิรุณที่พัฒนาเต็มที่ เขายังไม่มีเวลาวิเคราะห์ในตอนนี้

แม้แต่จะตรวจสอบโลกคัมภีร์อัญเชิญ เขาก็ยังไม่มีเวลา

เย่ว์หยางเก็บกงจักรสมบัติกึ่งเทพที่ยึดมาจากซาฟงโดยตรง

กลับมาที่ขุนเขาเหนือขุนเขา

ทักษะแฝงเร้นพราง เงาปีศาจ สนามพลังสร้างโลกสามอย่างรวมกันเพียงพอต่อการสร้างความสับสนให้กับตาผู้คนได้ บวกกับมุกมังกรที่มีพลังและองค์ความรู้ของซาฟง และด้วยเพลิงอมฤตกับกงจักรของซาฟงเขาเชื่อว่าน่าจะผ่านไปได้   เย่ว์หยางเชื่อว่าโจรล่มฟ้ากับเทพประจิมเฮยโจ้วมีความสัมพันธ์กัน และซาฟงเฮยโจ้วมีความสัมพันธ์กันเป็นหมื่นปีเป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นสถานะซาฟงในฐานะตัวปลอม ด้วยความรู้แจ้งขอบเขตมังกรแท้จริง เย่ว์หยางมั่นใจว่าจะฆ่าจีอู๋ลี่เป้าหมายหลักของเขาได้

ถ้าเป็นไปได้เย่ว์หยางยังต้องการฆ่าแม้กระทั่งเทพประจิมเฮยโจ้ว

ถ้าเฮยโจ้วตาย จะเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์

ตรงกันข้ามถ้าเขามีชีวิต

และเขาต้องการโจมตีตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ในอนาคต เฮยโจ้วผู้นี้จะต้องเป็นแนวต้านรับใหญ่แน่นอนเย่ว์หยางไม่หวังว่าในอนาคตเมื่อเขาต้องบุกฆ่าพวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตและต้องสู้กับเจ้าตำหนักสูงสุด จะได้ไม่ต้องพบกับผู้บัญชาการระดับรองๆ ที่น่ารำคาญอีก

การเทเลพอร์ตได้ครั้งละร้อยลี้ทำให้เย่ว์หยางไม่ต้องใช้ความพยายามมากเท่าใดไปถึงป้อมพายุแห่งอาณาจักรเทพบูรพา

ป้อมพายุ

ขณะนั้นนักรบฝีมือดีของค่ายตะวันออกทั้งหมดได้มารวมตัวกัน  เพราะจำนวนคนมากเกินรวมถึงการเสริมกำลังหลังจากนั้น  จอมพลฟงเอ๋อขอให้ทหารค่ายตะวันออกตั้งค่ายอยู่ด้านหลังป้อมพายุ  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทหารรับจ้างอิสระและกบฏจากอาณาจักรเทพอีสาน เทวทูตและขุนพลเทพถูกระแวงว่าพวกเขาจะเป็นไส้ศึกที่ค่ายตะวันตกส่งเข้ามา ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามกันคนเหล่านี้ให้อยู่ห่างจากป้อมพายุ ในฐานะเป็นกำลังเสริม

บังเอิญว่าโจรดวงดาวถูกจัดให้ต่อสู้ในหุบเขาและอยู่ในกลุ่มนี้

จำนวนคนของพวกเขาไม่มาก แต่พวกเขามีชื่อเสียง

ถ้าไม่ใช่เพราะคนสำคัญอย่างจอมพลฟงเอ๋อ และจอมพลกริฟฟินรับผิดชอบต้อนรับ คนเหล่านี้คงไม่ได้รับการต้อนรับเป็นแน่  ไม่มีใครต้องการโจรเป็นพันธมิตรอยู่ในค่ายเดียวกัน

ถ้าอินทรีป่า พยัคฆ์บินและฟลามิงโกมีชื่อเสียงสูงส่ง ยานกระทุงซึ่งต่อมาเย่ว์หยางเปลี่ยนชื่อเป็นหงส์เหินได้บินถึงน่านฟ้าป้อมพายุ อย่างนั้นโจรดวงดาวคงไม่ได้รับการตอบสนองแน่นอน พวกอินทรีป่าไม่ต้องการทำเช่นนี้ พวกเขาไม่ต้องการโดดเด่นจัดการเรื่องยานหงส์เหิน เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับทหารอาณาจักรอาคเนย์ และถ้าต้องการใช้กลยุทธ์บางอย่าง ยานหงส์เหินสามารถทำเรื่องน่าทึ่งได้และได้ผลดีกว่าปรากฏต่อหน้าสาธารณะ

ความจริงกองเรือของอาณาจักรเทพบูรพาและอาณาจักรเทพทักษิณ และเทพอาคเนย์มีการซุ่มโจมตีหรือหลอกลวงทางยุทธวิธี

จะไม่เปิดเผยร่องรอยที่แท้จริง

ผู้บัญชาการที่แสดงให้เห็นยานพาหนะจงใจอวดกลยุทธ์ต่อศัตรูล้วนแต่เป็นคนโง่ทั้งนั้น  ไม่มีใครทำอย่างนี้ เว้นแต่พลังของทั้งสองฝ่ายไม่สมดุลกัน ฝ่ายหนึ่งข่มขู่ฝ่ายที่ด้อยกว่า การสู้รบจะต้องปรากฏผลแพ้ชนะแน่นอน

บวกกับความจริงที่ว่าเจ้าหน้าที่ทางการ ห่วงแต่หน้าตา และเห็นแก่สบาย

มิฉะนั้นคนทั่วไปเลิกคิดได้เลย

“ข้าเกลียดสันเขาสุนัขผอมนี้ เกลียดหุบเขาที่นี่ เกลียดทุกอย่างที่นี่”  อินทรีป่านำยานกระทุงเข้ามาจอดในหุบเขาและนำกลุ่มลาดตระเวน เมื่อไม่นานมานี้พวกเขายังใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายบนยานหงส์เหิน  ในตอนนั้นนั่นเป็นชีวิตเหมือนฝันไม่จำเป็นต้องทำอะไรทุกคน แม้กระทั่งใช้สมอง กองทหารเกราะเต่าดำได้จัดเสบียงของดื่มกินทั้งหมดให้พวกโจรดวงดาวได้ดื่มกิน พวกทหารเกราะเต่าดำไม่มีการบ่นว่าอะไรมาก  พวกเขาทำงานขยันขันแข็งเหมือนกับผึ้งงาน หรือมดงานเป็นระเบียบ เมื่อออกจากยานหงส์เหิน  เจ้ากระทุงพบว่าเขายังไม่เคยได้กินอาหารที่น่าพอใจ อาหารที่เขาได้กินที่ภาคพื้นเป็นขนมปังแข็งพอๆ กับหิน และเนื้อตุ๋นชนิดหนึ่งที่ปรุงโดยพวกทหารที่ไร้ความรู้สึก ถ้าได้เจอแมลงสาบในเนื้อตุ๋นแทนที่จะเจอเนื้อหนูเน่าๆ ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว

“อดทนหน่อยเถอะ เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อสนุก  แต่มาเพื่อต่อสู้”  กาดำอดปลอบใจเขาไม่ได้  ความจริงเขาใช้ประโยคคำพูดเดียวกันนี้ปลอบคนไปไม่รู้เท่าใดแล้ว

“ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป  ข้าสงสัยว่าคงจะอดตายเสียก่อน แทนที่จะได้ตายในสนามรบ” กัวกัวถ่มน้ำลายบ่นบ้าง

“หุบปากไปเลย เจ้าคนทรยศและเชลย”  เจ้ากระทุงตีเขา

“เจ้าบอกว่าข้าเป็นเชลย ข้าพอจะลืมได้ แต่ทำไมต้องมาว่าข้าเป็นคนหักหลังด้วย?”  กัวกัวเมื่อได้ยินก็โกรธจัด  เมื่อห้าจอมโฉดและขุนพลห้าสัมผัสเข่นฆ่าคนในยานกระทุง ทุกคนต่างผ่านเวลายากลำบากด้วยกัน หลังจากนั้นเขาก็ไม่อยากกลับไปหาผู้เฒ่าเหมา นอกจากนี้พวกโจรดวงดาวไม่อาบน้ำครึ่งเดือน ตัวเหม็นเหล้าคละคลุ้งนี่หมายความว่ายังไง  เขาไม่คิดเลยว่าพวกที่อยู่รวมกันนี้ไม่ใช่คนเลว ดูแล้วมีความสุขมาก แต่ตอนนี้เขาโดนกล่าวหาว่าหักหลังผู้น่าหงุดหงิด  ยังมีคนหักหลังโง่ๆ อยู่ในโลกอีกหรือ?

“ข้าพูดไม่ผิด  จุดยืนของเจ้าไม่มั่นคงแน่นอน  ในตอนแรกเจ้าหักหลังท่านไตตัน แต่ท่านไตตันไม่สนใจถือสาเจ้าในฐานะคนหักหลังเลย!  บางทีในสนามรบ เจ้าเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี เจ้าอาจหันไปเข้ากับศัตรูอีกก็ได้  ดังนั้นข้าจึงต้องจับตามองเจ้าอย่างระมัดระวัง  ถ้าเจ้ามีความคิดเป็นอย่างอื่น ข้าจะฆ่าเจ้า!  แม้ว่าปากของเจ้ากระทุงจะพูดเช่นนั้น  แต่ใจจริงของเขาไม่ได้คิดจะทำเช่นนั้น เขาใช้แขนใหญ่ล็อคคอกัวกัวแกล้งทำท่าทรมาน จากนั้นหัวเราะอย่างรวดเร็ว  “แน่นอนว่าเจ้าไม่ได้ทรยศ ข้าให้โอกาสคนดีอยู่แล้ว  มาดื่มกัน ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าเป็นคนหักหลัง”

“เหลวไหล,  ดื่มแพ้จะกลายเป็นคนหักหลังได้อย่างไร?”  กัวกัวรู้สึกพูดไม่ออก

“ข้ากำลังบอกว่าเจ้าไม่กล้าดื่ม,  กลัวใช่ไหม?”  เจ้ากระทุงตบไหล่กัวกัวและหัวเราะ กัวกัวผู้เข้าร่วมงานแบบครึ่งๆ กลางๆ แต่ปฏิเสธจะเป็นโจรดวงดาวถูกลากไปร่วมวงดื่มเหล้าทันที

“แค่ดื่มเท่านั้นหรือ?  ใครกลัวกันเล่า แต่เหล้าที่มีชื่อเสียงของอาณาจักรอาคเนย์ก็คือเหล้าขุนพลเทพ...”  ข้อบกพร่องของกัวกัวก็คือชอบคุยโว แต่เขาชอบดื่มเหล้าแน่นอน

เมื่อเห็นสองคนไม่มีความคิดอะไร ไปดื่มเหล้าแก้เบื่อ

กาดำยืนบนหินเงียบๆ

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย

เขาไม่ได้ใส่ใจว่ากัวกัวจะเป็นคนทรยศ หรือจะทรยศอีกครั้งก็ตาม  ต่อให้คนอย่างกัวกัวมีพลังมากกว่าร้อยเท่า หรือพันเท่าก็ไม่มีผลกระทบกับสถานการณ์ต่อสู้ ยิ่งไปกว่านั้นหากสถานการณ์ถึงขนาดที่กัวกัวสามารถก่อความวุ่นวายได้ เขาเกรงว่ากัวกัวก็คงตายในเวลานั้น คาดว่าไม่เพียงแต่กัวกัวเท่านั้น แต่เขาไม่รู้ว่าจะมีคนหักหลังอีกมากเท่าใดรวมทั้งกลุ่มสหายของโจรดวงดาว อาจจะไม่อดทนจนถึงที่สุด

นี่ไม่ใช่เหตุผลที่กาดำปวดหัว

สิ่งที่เขากังวลที่สุดก็คือ วิธีใช้พลังตนเองและพลังของโจรดวงดาวช่วยค่ายตะวันออก ท่านซื่อเสิน เย่ว์ไตตัน อินทรีป่า พยัคฆ์บิน ฟลามิงโกและคนอื่น

ถ้าไม่มียานหงส์เหิน กาดำไม่คิดอะไรมาก  แต่คงไม่เหมาะให้เจ้ากระทุงที่เอาแต่ดื่มเหล้าคุมสถานการณ์ได้แน่

แต่ตอนนี้ยานหงส์เหินมีพลังไม่ด้อยไปกว่านานเหยี่ยวมังกรและยานพญาครุฑ ทั้งมีเกราะรบและหุ่นรบเต่าดำอีกเป็นร้อย

ตราบใดที่ได้รับคำสั่งนี่จะเป็นพลังอำนาจที่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์แน่นอน

อย่างน้อยก็ส่งผลต่อกลยุทธ์บางพื้นที่

“ท่านไตตันอาจจะกลับมาเร็วๆ นี้  เรารอข่าวของเขาอยู่ไม่ต้องคิดมาก  นอกจากนี้ ข้าได้ยินว่าเทพหรดีซาฟง เทพพายัพซวงหานและเทพอุดรจ้าวซี ได้ผนึกกำลังกันฆ่าเทพชี่เฉียว แต่ไม่สำเร็จ เทพอาคเนย์ชี่เฉียวถือโอกาสตีฝ่าวงล้อม  แม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากเทพทักษิณเทียนโฉว แต่หลังจากเทพทักษิณได้มาช่วยซาฟงเทพหรดีก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก  แม้แต่เทพอาคเนย์ชี่เฉียวก็ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็มีข่าวเล็ดรอดออกมาทำได้ทหารตกใจตื่นเต้น สามเทพแห่งค่ายตะวันตก มาพบเจอเทพอาคเนย์ที่อยู่ตามลำพังโดยไม่คาดคิดทั้งมีเทพอุดรที่มีสถานะและความแข็งแกร่งที่เหนือกว่า  ตอนนี้เทพหรดีซาฟงได้รับผลกระทบอย่างหนัก และเทพอีสานชิงหวิน อาจช่วยเราได้อย่างลับๆ บ้าง  ค่ายตะวันออกของเราไม่ได้เสียเปรียบในตอนนี้ ทุกคนไม่ต้องกังวลกับสถานการณ์รบมากเกินไป!

“ข่าวนี้เจ้าได้มาจากไหน?”  ตอนแรกกาดำมีความสุขมาก แต่ทันใดนั้นเขารู้สึกมีลางสังหรณ์ในใจ  จู่ๆ เขาก็ไม่สบายใจ

“ที่นอกค่ายส่งข่าวไปทุกที่  ใครเล่าไม่รู้”  ฮัวยาส่ายศีรษะ และพูดว่าเขาไม่รู้ว่าข่าวออกมาจากใครเป็นคนแรก

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร”  กาดำหัวเราะกับตนเอง  นี่เป็นข่าวดีอย่างเห็นได้ชัด  เขาคิดว่ามันเป็นการสมรู้ร่วมคิด การต่อสู้นี้อ่อนไหวเกินไป หรือลึกเกินไปหรือเปล่า?

เขาโบกมือให้ฮัวยาไป

กาดำกลับมาพักหลังจากสบายใจเล็กน้อย

ก่อนที่เขาจะหลับ

เขายังจำข่าวนี้ได้ เขารู้สึกเสมอว่านี่ไม่เป็นความจริง เทพอาคเนย์ชี่เฉียวมีความกล้าจริงๆ หรือ   บางทีชี่เฉียวอาจได้รับบาดเจ็บสาหัส  แต่มันเป็นเพียงความลับและไม่ได้มีการประกาศ  บางทีอาจเป็นเทพทักษิณเทียนโฉวช่วยเทพอาคเนย์ชี่เฉียวไว้ก็ได้  กาดำตัดสินใจที่จะไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนที่เย่ว์ไตตันจะกลับมา หรือส่งคำแนะนำมา  เขาตัดสินใจพักอย่างสงบและเตรียมพร้อมร่างกายให้อยู่ในสภาพดีที่สุดเพื่อทำสงครามเทพภายใต้การนำของเย่ว์ไตตัน

เบื้องหลังบุรุษหนุ่มผู้สร้างปาฏิหาริย์ได้อย่างต่อเนื่อง เขาอาจสร้างผลแห่งชัยชนะที่งดงามได้

เมื่อกาดำตื่นขึ้น เขารู้สึกเต็มไปด้วยพลัง

ทันทีที่เขาลุกขึ้น ฮัวยาพรวดพราดเข้ามาจากด้านนอกด้วยความดีใจและรายงานลับทันที  “ท่านกาดำ ข้าได้ทราบข่าวมาจากผู้พยากรณ์!  ผู้พยากรณ์เป็นหน่วยงานพิทักษ์บัลลังก์เทพบูรพา อยู่ภายใต้บัญชาการมหาเสนาบดีที่สอง  แต่ปกติจะไม่แสดงตัวเปิดเผยจนกว่าจะเกิดสงครามเทพ  ผู้พยากรณ์ผู้นี้เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป!  ท่านอาจไม่รู้ ข่าวนี้เป็นความจริงอย่างแน่นอน  ด้านป้อมพายุก็ให้ผู้ส่งสารเวียนส่งข้อความและข่าวดีไปแล้ว  เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่มีผู้พยากรณ์ตอนแรก  อย่างไรก็ตามผู้พยากรณ์ดังกล่าวกำลังเลือกผู้โชคดีในค่าย  กล่าวกันว่าเทพบูรพาซื่อเสิน จะเสริมพลังของเขาสร้างความแข็งแกร่งด้วยพลังเทพเก่าแก่ให้กับขุนศึกนายกองตามศักยภาพ  ตอนนี้ผู้พยากรณ์กำลังทดสอบทุกคน  ท่านยังไม่ทราบแน่ เจ้ากัวกัวโชคดีได้รับคัดเลือกจากผู้พยากรณ์ด้วย!

“อะไรนะ?”  กาดำได้ยินข่าวดีนี้ แต่ไม่มีความสบาย เขากลัวจนหลั่งเหงื่อเยียบเย็น

 

6 ความคิดเห็น:

CHANTANA กล่าวว่า...

เริ่มแล้วสู้ฯ

--- กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ
น่าสงสัยมาก

oBABYVOXo กล่าวว่า...

น่าสงสัยเกินไป จะเอาพลังเทพใส่ในร่างแล้วกลายเป็นพวกรึป่าว

แอบอ่าน กล่าวว่า...

เริ่มสร้างเทพแล้วไง ใครได้รับพลีงจะเป็นแบบพวก 5หนูที่กลับมาเป็นคนไม่ได้อีก

Lazykuma กล่าวว่า...

ไปๆมาๆไอ้กัวกัว สำคัญเฉย

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

แสดงความคิดเห็น