ตอนที่ 1179 ผ่านได้แม้แกล้งล้มเหลว
ยากจะพูดได้
สถานการณ์ปัจจุบันของเย่ว์หยางเหมือนกับอมบอระเพ็ด ยากจะบอกความขมขื่นได้ และคนที่วางตัวเป็นสายลับไม่สามารถอาละวาดได้
แต่วิธีจะพิสูจน์ว่าเขาเป็นเทพหรดีซาฟงนั้นง่าย ส่วนวิธีพิสูจน์ว่าเขาไม่ใช่เทพอีสานชิงหวินนั้นยาก! แต่ถ้าไม่พูดถึงตัวเขา เฮยโจ้ว ซวงหานและจ้าวซีจะสงสัยตัวเขาได้ง่าย ทั้งซวงหานและเฮยโจวยังไม่เท่าใด แต่ต่อหน้าจ้าวซีเทพอุดรผู้ลึกลับและไม่ค่อยใส่ใจ เขาไม่ใส่ใจก็คงไม่ได้
ทั่วทั้งขุนเขาเหนือขุนเขา เย่ว์หยางรู้สึกว่าสองคนนี้อาจมองเห็นสถานะของเขา
คนหนึ่งคือจีอู๋ลี่
คนที่สองคือเทพอุดรจ้าวซี
แกล้งเป็นเทพหรดีซาฟงให้ได้ เขาต้องผ่านเทพอุดรจ้าวซี
“แล้วไง ข้าเป็นชิงหวิน แล้วเจ้าต้องการอะไร?” เย่ว์หยางยิ้มสู้ การยอมรับว่าเขาคือเทพอีสานชิงหวินเกินคาดเฮยโจวและซวงหานไปมาก
“อย่าโมโหซวงหานเลย เขาไม่ได้ตั้งใจสงสัยเจ้า ก็แค่ล้อเล่น!” เฮยโจวรีบเข้ามาห้ามปราม ในความเห็นของเขา ซาฟงอาจจะปลอมกันได้ แต่คนปลอมไม่ใช่ชิงหวินแน่ เพราะด้วยความสามารถและนิสัยของชิงหวิน เป็นไปไม่ได้ที่จะเลียนแบบซาฟง นอกจากนี้หากถอยไปหมื่นก้าว ต่อให้ชิงหวินตั้งใจปลอมเป็นซาฟง เขาไม่มีทางลงมือต่อหน้าจ้าวซีได้ ใครจะสามารถเอาชนะเขาได้เมื่ออยู่ต่อหน้ากระจกวิเศษสมบัติชั้นเทพของจ้าวซีได้ นั่นคือกระจกที่สะท้อนความจริงทั้งหมดในโลกได้
“ฮ่าฮ่า เป็นเรื่องตลกไร้สาระ” เย่ว์หยางปลอมเป็นซาฟงย่อมไม่พูดดีเป็นธรรมดา ความโกรธรุนแรงเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่สุด หากสุภาพบุรุษมารยาทดีบอกว่าไม่เป็นอันตราย อย่างนั้นอาจต้องมีการทุบตีทันที เพราะซาฟงไม่ใช่สุภาพบุรุษแม้แต่น้อย ทั้งยังห่างจากพฤติกรรมเช่นนั้น
“ข้าขอสงวนความคิดเห็น” ซวงหานคิดว่าวันนี้ซาฟงผิดปกติไปเล็กน้อย แต่ไม่สามารถบอกได้
“.....” จ้าวซียิ้มเล็กน้อย และไม่พูดอะไรอีก
“ถ้าเป็นอย่างนี้ อย่างนั้นข้าขอสงสัยเจ้าบ้างว่าเป็นซื่อเสินปลอมตัวมา!” เย่ว์หยางตอบโต้โจมตีคืน เขาถนัดอยู่แล้วเรื่องชวนทะเลาะ
ไม่รอให้ให้เฮยโจวโน้มน้าวคน
เย่ว์หยางเริ่มงานแล้ว
แกล้งทำเป็นหน้าหนา ถือโอกาสเอาเปรียบ ถ้าไม่ดีจริงอาจหันหน้าหนีในที่สุด
ถ้าเลียนแบบเจ้าหน้าที่หรือนักการเมืองมักจะขมขื่นและเหนื่อยเกินไป ปลอมเป็นคนพวกนี้ไม่จำเป็นต้องมีมโนธรรม แค่หน้าด้านเข้าไว้ ถ้าหน้าด้านเพียงพอก็ปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ทางการหรือคนการเมืองก็ได้ จากนั้นเบิกตากว้างพูดเรื่องไร้สาระเป็นพื้นฐานที่จำเป็น ต้องมีระดับเล็กน้อย ทักษะการแสดงระดับเซียน เป็นทักษะพื้นฐาน
แม้ว่าเย่ว์หยางจะเป็นผู้มีพรสวรรค์ แต่เขาไม่สามารถแสร้งเป็นคนแบบนั้นได้ ไม่ว่าเขาจะมีความสามารถเพียงไหนก็ตาม
แต่ไม่เป็นปัญหากับการปลอมตัวเป็นคนเจ้าโทสะอย่างซาฟง
มือทั้งสองของเขาสั่น
เฮยโจว ซวงหานและจ้าวซีรู้สึกว่ามีเปลวไฟแห่งความโกรธปะทุขึ้นท้องฟ้า
นี่ไม่ใช่การระเบิดที่ถูกปล่อยออกมาหลังจากที่ปล่อยพลังระเบิด แต่เป็นการขยายการควบคุม เปลวไฟที่ลุกโชติช่วงในท้องฟ้า เทพอีสานชิงหวินท่วงท่าของเขานั้นมหัศจรรย์งดงาม ส่วนใหญ่จะปรากฏในรูปแบบของดอกไม้และต้นไม้ เขาเป็นเทพที่ใจดีรักความสงบและไม่ชอบต่อสู้ เขามีความเห็นอกเห็นใจทุกชีวิตในโลก นอกจากนี้เขายังเป็นเพียงหนึ่งในบรรดาเทพทั้งแปดที่ไม่แต่งงานยินดีใช้ชีวิตอย่างมัธยัสถ์ ในบรรดาเทพทั้งแปดหากมีสัญญาณของดอกไม้ตูมดอกไม้บานและการฟื้นฟูสภาพโลกปรากฏขึ้นทันที นั่นคือเครื่องหมายของเทพอีสานชิงหวินมาปรากฏตัว
เทพอีสานชิงหวินเป็นเจ้าของหัวใจฟ้าของวิเศษระดับกึ่งเทพ
นี่คือยอดฝีมือชั้นเทพเพียงคนเดียวที่ใช้พลังงานในการแปลงเป็นดอกไม้และต้นไม้ได้ นี่คือสัญลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครของเขา
ตอนนี้เย่ว์หยางควบแน่นพลังเปลวไฟสร้างเป็นกุหลาบไฟตกลงมาทั่วท้องฟ้า เป็นการตอบสนองต่อซวงหานและเฮยโจว เหมือนจะบอกว่าข้าคือชิงหวิน
แน่นอนว่าเขาต้องการหลอกว่าเป็นชิงหวิน แต่ด้วยวิธีนี้มีข้อบกพร่องมากมาย ในทางกลับกันการแสดงออกอย่างนี้จะขับไล่ความสงสัยที่ค้างคาใจซวงหานและเฮยโจว ผลนั้นหนักแน่นกว่าแสดงอิทธิฤทธิ์พิสูจน์ตัวมาก เขาไม่รู้ว่าทำได้ดีแค่ไหน
“น่ารำคาญ!” ตอนนี้ซวงหานไม่สงสัยแล้ว
สร้างกุหลาบไฟซึ่งเทียบได้กับเทพอีสานชิงหวินหรือ? นั่นเป็นเรื่องตลก! หนึ่งนั้นคือพลังชีวิต และอีกหนึ่งคือพลังแห่งการทำลายล้าง ทั้งสองเป็นพลังตรงข้ามสุดขั้ว เพลิงลุกไหม้เหมือนดอกกุหลาบ และมันกลั่นตัวจากความโกรธและแค้น ในบรรดาแปดเทพแห่งขุนเขาเหนือขุนเขา เทพหรดีซาฟง เขาเชื่อว่าไม่มีคนที่สองที่สามารถโกรธได้มากมายเท่าเขา
ซวงหานไม่ได้สงสัยว่าซาฟงที่เป็นเย่ว์หยางปลอมนั้นจะเป็นร่างปลอมของชิงหวิน เขาแค่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงพูดแหย่เท่านั้น
เพลิงบัวแดงของเย่ว์หยางแปลี่ยนรูปเป็นดอกกุหลาบ
เขาขจัดความสงสัยออกไปได้
นั่นคือซาฟงแน่นอน
ยกเว้นซาฟงไม่มีใครใช้ไฟได้ดีเท่าเขา
แน่นอนว่าเทพอาคเนย์ชี่เฉียวก็เป็นยอดฝีมือในการใช้ไฟ แต่ชี่เฉียวต่างจากซาฟง เขามีชื่อเสียงทางด้านเพลิงมังกรไฟ เป็นไฟพิเศษที่ไม่สามารถเปลี่ยนคุณสมบัติตลอดเวลา และสามารถมองเห็นได้อย่างรวดเร็ว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือในกุหลาบเพลิงเหล่านี้ พายุไฟนี้ฝากไว้ตรงนี้ชั่วคราว เขาจะสร้างแรงระเบิดที่น่าตกใจได้
นี่เป็นความสามารถพิเศษของซาฟง การผสมผสานที่สมบูรณ์แบบของลมและไฟที่ผู้อื่นไม่สามารถเลียนแบบได้
เฮยโจวที่ค้างคาใจก็หายสงสัย เขาหัวเราะ
ตรงกันข้ามกับจ้าวซี
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยดูเหมือนจะมึนงงเล็กน้อย
“รับมือ!” เย่ว์หยางกลัวว่าจ้าวซีจะเห็นจุดบกพร่อง ในความเป็นจริงเขาไม่ได้ใช้การผสานระหว่างลมและไฟ แต่เป็นการใช้ไฟสองชนิด อย่างหนึ่งเป็นเพลิงบัวแดง อีกหนึ่งคือไฟที่ยังสมบูรณ์ของกุ่ยหยินไฟ ซึ่งเป็นการผสานของลมและไฟ ด้วยทักษะแฝงเร้นพรางพร้อมด้วยเจตจำนงของเย่ว์หยาง ผู้อื่นไม่สามารถมองเห็นความแตกต่างได้อย่างแน่นอน แต่จ้าวซีผู้ครอบครองกระจกวิเศษอาจมองเห็นได้ เขารีบโจมตีอย่างเร่งรีบซึ่งบางทีดีกว่าใช้เหตุผลอื่นมากมาย
“เจ้าบ้าไปแล้ว...!” ซวงหานรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เจ้านี่ต้องการทำอะไร? ต้องการระเบิดพื้นที่น้ำตกควงหลัวให้พังพินาศหรือ
เปลวไฟลุกโชติช่วงควบแน่นภายใต้พายุแห่งจิตสำนึกของเย่ว์หยาง
เปลี่ยนเป็นดาบไฟขนาดยักษ์
หันปลายไปทางซวงหาน
ไม่สามารถหยุดได้
คราวนี้เย่ว์หยางแสร้งปลอมเป็นซื่อเสิน เขาไม่เคยเห็นเทพบูรพาซื่อเสิน ไม่รู้จักไม้ตายของเทพบูรพาซื่อเสิน แต่ข้อมูลก่อนหน้านี้เขาได้เรียนรู้ข้อมูลพื้นฐานบางอย่างมาบ้าง ตัวอย่างเช่นเทพบูรพาซื่อเสินใช้ดาบเทพเล่มหนึ่ง ดาบวิถีกำศรวลซึ่งเป็นดาบเทพโบราณแห่งขุนเขาเหนือขุนเขา
แน่นอนว่าเย่ว์หยางที่ถนัดปราณกระบี่อยู่แล้วสามารถสร้างขึ้นได้ง่าย
ต่อหน้าซวงหาน ดาบไฟลุกโชติช่วง ตาของซวงหานมีแววเย็นชา
เขายกมือขึ้น
ดอกไม้น้ำแข็งน้ำล้านบานทันที
เชื่อมกันกลายเป็นโซ่น้ำแข็งพุ่งขึ้นไปในอากาศเผชิญหน้ากับดาบเพลิงและออกแรงดึงบิด
“ทำลาย!” เย่ว์หยางเหยียบขอบดาบใช้หมัดระเบิดโซ่น้ำแข็งที่พันทั้งหมด เปลวไฟสวรรค์สีแดงปะทุออกมาจากร่าง เขายกดาบที่เสริมศักยภาพเป็นร้อยเท่าแทงใส่ใต้เท้าซวงหาน
“ซาฟง! เจ้ามันบ้าไปแล้ว!” ซวงหานเริ่มโกรธเช่นกัน
แม้ว่าจะเป็นคนของค่ายตะวันตกเหมือนกัน
แต่ซาฟงไม่เคยถูกมองว่าเป็นเทพระดับสูงส่ง
ตามการจัดอันดับของซวงหาน พันธมิตรเทพอย่างเทพหรดีซาฟง อยู่ท้ายสุดของของแปดเทพ ยังไม่อาจเทียบเท่าเทพอาคเนย์ชี่เฉียวและเทพอีสานชิงหวินได้ สำหรับเขาผู้เป็นเทพพายัพมีพลังเทียบได้กับสองเทพเหนือใต้ เขาแค่ด้อยกว่าตรงที่ไม่มีสมบัติระดับเทพ เขาจึงไม่ติดห้าอันดับแรก ไหนเลยจะเห็นซาฟงเทพอันดับแปดอยู่ในสายตา?
ครั้งนี้เมื่อเห็นซาฟงหันมาเผชิญหน้ากับเขา เขาเองก็รู้สึกโกรธเหมือนกัน
งั้นก็สู้กัน ข้าต้องกลัวซาฟงเจ้าด้วยหรือ?
เขาคิดเช่นนี้
ซวงหานลอยตัวขึ้นในท้องฟ้าอย่างใจเย็น
ลูกเห็บนับหมื่นชิ้นจับตัวกันเป็นโลก แข็งยิ่งกว่าดาบไฟนับสิบเท่า หนายิ่งกว่ากำแพง จะไม่ถูกทุบเหมือนในอดีต
เมื่อเทียบกับโล่ปราการน้ำแข็งที่สร้างโดยซวงหานแล้ว เย่ว์หยางยังคงพลังดาบไฟของเขาไว้ ตามปกติแล้วถ้าทั้งสองคนปะทะกันก็เพียงพอทำให้สั่นสะเทือนไปทั้งน้ำตกควงหลัวได้ทั้งหมด
คนอื่นๆ ไม่สามารถควบคุมได้ แต่เทพประจิมเฮยโจว ผู้นำค่ายตะวันตกต้องแทรกแซงการต่อสู้ครั้งนี้
ในฐานะลูกพี่ใหญ่เขาแสดงความรู้สึกความสามารถทันที
ฟ้าและดินพลันมืดมิด
ราวกับว่ามีสัตว์ร้ายขนาดใหญ่สามารถกลืนกินโลกทั้งโลกได้ด้วยการฮุบเพียงครั้งเดียว รวมทั้งเย่ว์หยางและซวงหาน ในพื้นที่ต่อสู้พวกเขารู้สึกเวียนหัวยากจะทนได้ แต่เพียงหนึ่งวินาทีต่อมา ฟ้าและดินกลับมาสว่างและทุกอย่างเป็นไปตามปกติ แต่ดาบไฟและโล่น้ำแข็งที่กำลังจะปะทะกันจนกลายเป็นระเบิดครั้งใหญ่ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย... เห็นได้ชัดว่านี่เป็นทางออกที่เฮยโจวสร้างขึ้นด้วยพลังเทพของเขา ภายในไม่กี่วินาทีดาบไฟและโล่น้ำแข็งของพวกเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย ความแข็งแกร่งของเทพประจิมเฮยโจว ถึงระดับที่น่ากลัวอย่างแน่นอน
เย่ว์หยางกับซวงหานเลิกลงมือต่อกันไปโดยปริยาย
เฮยโจวพุ่งเข้ามาจับเย่ว์หยางด้วยมือข้างหนึ่ง และจับซวงหานด้วยมือข้างหนึ่ง พลังของเขาดีกว่าอย่างชัดเจนเหมือนจักรพรรดิที่มีลักษณะที่ไม่ธรรมดา เมื่อรวมกับความยิ่งใหญ่ มั่นใจตามธรรมชาติ เขาคือนักสู้ระดับเทพที่มีความมั่นใจ
“น้องเราทั้งสองคน พวกเจ้าฟังคำแนะนำของข้าผู้พี่ก่อน จงอย่าทำอย่างนั้น ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นความโชคร้ายของค่ายตะวันตกเรา! น้องซาฟงกับน้องซวงหานไม่ใช่ศัตรูกัน เขาไม่มีความตั้งใจจะเป็นเช่นนั้น เขาเป็นคนมีนิสัยระมัดระวังตัวเท่านั้น ข้าเข้าใจความคิดเขาได้ ที่นี่ข้าผู้พี่ไม่ได้มีเงื่อนไขอะไร ไม่ต้องระแวงระแวงน้องเราทั้งสอง การมีส่วนร่วมรุมเข่นฆ่าก่อนนั้นทำให้น้องซาฟงได้รับบาดเจ็บ การเดินทางล่าช้าจึงทำให้เกิดการเข้าใจผิดในวันนี้! มาเถอะ เราจะเข้าไปที่งานเลี้ยงรื่นเริงกัน ถ้าจะสู้กันไปแข่งกันดื่มดีกว่า!” เฮยโจวสร้างความสงบได้ทันเวลา และพลังของเขาสร้างความตกใจให้กับเย่ว์หยางที่ปลอมเป็นซาฟงและซวงหาน
“ซาฟงยังไม่ชินจริงๆ” จ้าวซีอดกระตุ้นเขาไม่ได้
“.....” เย่ว์หยางเหงื่อตก เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาจะทำอะไรได้?
ซวงหานแค่นเสียงเย็นชา
ทัศนคติของซวงหานที่มีต่อซาฟงตัวปลอมอ่อนลง เพราะความคิดเล็กน้อยเกี่ยวกับผลการปะทะกันระหว่างโล่น้ำแข็งและดาบไฟ เขาเหนือกว่าเล็กน้อย แต่หลังจากซาฟงถูกชี่เฉียวโจมตีแล้วยังคงมีความแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ดูเหมือนว่าเขายังประเมินเทพหรดีต่ำเกินไป
เฮยโจวกังวลเล็กน้อยว่าซาฟงซึ่งรุมฆ่าชี่เฉียวได้รับบาดเจ็บแล้วจะอ่อนแอ
เมื่อเห็นตอนนี้แล้ว
แม้ว่ายังไม่พอเป็นหน่วยหน้ากล้าตาย แต่แค่นี้นับว่าไม่เลว
คนอื่นอาจไม่รู้ว่าการกลืนโล่น้ำแข็งและดาบไฟไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีเท่าใดนัก เพราะต่อหน้าเขาเพียงแต่คลี่คลายโล่น้ำแข็งและดาบไฟตามลำดับ ร่างของเขามองผิวเผินแล้วไม่เป็นอะไร แต่วิญญาณของเขาแทบทนรับไม่ได้ พลังเทพของซวงหานนั้นตามความรู้สึกในใจของเขารู้สึกว่าอึดอัด แต่นึกไม่ถึงเลยว่าดาบไฟของซาฟงก็มีพลังไม่คาดคิด แทบจะทำให้เขาเสียหน้า.. ยิ่งเป็นหน่วยทะลวงฟันที่แข็งแกร่ง การฆ่าซื่อเสินยิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง
เฮยโจวมีความสุขเป็นธรรมดา
แน่นอนว่ามองผิวเผินแล้วเขาเป็นมิตรมีจิตใจอบอุ่นเป็นกันเองไม่ได้มีแผนชั่วร้ายผลักไสซาฟงตัวปลอม ซวงหานให้ไปตาย ในทางกลับกันเขากลับแสดงออกเหมือนกับพี่ชายยิ้มต้อนรับน้องชายแท้ๆ
“ระวังให้ดีเถอะ มีสี่ต่อหนึ่ง ทั้งมีหมากลับอยู่ในมือก็ยังทำซื่อเสินไม่ได้อย่างนี้ ข้าว่ากลับไปซ่อนตัวกินนมแม่ดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียศักดิ์ศรี” เย่ว์หยางกล่าวแสดงอารมณ์โกรธไม่หาย และในขณะเดียวกันแสร้งทำเป็นเผยข้อมูลลับบางอย่างด้วยความขุ่นเคือง เฮยโจวรู้สึกกังวล เขารีบกระแอมและห้ามเย่ว์หยางไม่ให้พูดถึงเทียนโฉวหมากลับ หมากลับนี้จะไม่เปิดเผยได้จนกว่าจะถึงเวลาสุดท้าย แม้ว่าจะเป็นดินแดนของเขา แต่คำพูดแบบนี้ไม่อาจพูดออกมาได้ โชคดีที่ตอนนี้นอกจากทั้งสี่คนแล้ว ไม่มีคนอื่นได้ยิน มิฉะนั้นเขาจะต้องฆ่าทุกคนให้หมด
“เฮอะ, เจ้าจะรู้อะไร, ซื่อเสินไม่ใช่ศัตรูอย่างเจ้าคิด!” ซวงหานเกรงกลัวซื่อเสินมาตลอด เกรงว่าจะไม่เห็นเฮยโจวอยู่ในสายตา
“ถูกแล้ว, น้องซวงหานพูดถูก เราต้องระวังไว้ แม้ว่าเราจะมีโอกาสชนะก็ตาม” เฮยโจวเห็นด้วยแต่เพียงผิวเผิน แต่ในใจของเขาไม่สบายใจ
ซวงหานให้เกียรตินับถือเขา
แต่เทียบกับซื่อเสิน น่ากลัวว่ายังมีระยะห่าง
แน่นอนว่านี่คือความเข้าใจความแข็งแกร่งของซื่อเสินอย่างชัดเจนของซวงหาน นั่นเป็นสิ่งที่ดี ถ้าซวงหานรู้สึกเหมือนซาฟง นั่นก็คงไม่ดีนัก ดังนั้นเฮยโจว ดังนั้นไม่ว่าเขาจะอิจฉาแค่ไหน เฮยโจวก็ยังยิ้มออก เพียงเพราะเทพสือเซินครองตำแหน่งแรกของเทพแห่งขุนเขาเหนือขุนเขา เฮยโจวต้องการแทนที่ตำแหน่งนั้น
เทพบูรพาซื่อเสินต้องถูกฆ่าโดยเร็ว
มีเขาเพียงวันเดียวขุนเขาเหนือขุนเขาเป็นบุคคลหมายเลขหนึ่งที่ไม่มีวันล้มและไม่มีใครต้านได้
เย่ว์หยางทำท่าเลียนแบบซาฟงได้สำเร็จและปะปนอยู่ในค่ายตะวันตก แม้ว่าจ้าวซีพยายามจับเขาก็คงไม่ง่ายนัก แต่เมื่อเห็นเฮยโจวและซวงหานยังคงเงียบ และสัมพันธ์ของพวกเขาแข็งแกร่ง เขารู้สึกสงสัย
ต่อไปคือ เขาจะส่งข้อความให้ซื่อเสินยอมรับและเชื่อถือได้อย่างไร
ถ้าซื่อเสินยังคงเชื่อเทียนโฉวและจีอู๋ลี่ที่ปลอมตัวเป็นชี่เฉียว อย่างนั้นเขาแข็งแกร่งเชื่อมั่นมากกว่า เขาเชื่อว่าซื่อเสินจะตกอยู่ในวงล้อม เทียนโฉวและจีอู๋ลี่สองคนนี้จะยิ่งน่ากลัวมากกว่าซวงหานและจ้าวซี ทันทีที่แผนคำนวณสำเร็จ ซื่อเสินจะต้องหมดหวังแน่นอน สิ่งที่เย่ว์หยางต้องการตอนนี้คือวิธีการฟันฝ่าอุปสรรคไปตามความประสงค์ของสวรรค์ในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไรและปลอดภัยจากการต่อสู้ครั้งนี้ เขาจะไม่ยอมแพ้
โชคดีที่เขาเข้าไปในค่ายตะวันตกและก้าวแรกของเขาทำได้สำเร็จ
มิฉะนั้นไม่มีความจำเป็นต้องสู้กันต่อไป
เย่ว์หยางมองดูจ้าวซีและพบว่าเทพอุดรยังคงสงบและเขาระงับความคิดชั่วคตาว บางทีเขาอาจไม่เห็นข้อบกพร่องด้วยกระจกวิเศษนี้ก็ได้ บางทีเขาอาจเห็น แต่เขาไม่พูดว่า เป็นเรื่องไม่สำคัญ! แม้ว่าเทพจ้าวซีจะเห็นข้อบกพร่อง นั่นคงเป็นเรื่องดี แต่เย่ว์หยางไม่แน่ใจ
เขาไม่แน่ใจว่าเทพอุดรจ้าวซีนี้ จะโจมตีในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดหรือไม่
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเหตุการณ์
บางครั้ง
หลายอย่างจะมาถึงได้ในที่สุด ตัดสินตอนนี้ยังเร็วเกินไป
7 ความคิดเห็น:
เปิดก่อนได้เปรียบ
ไม่ใช่ว่าหักมุมช่วงหลังตีๆกันอยู่จ้าวซีหันกลับไปเข้ากับซื่อเสิน ไม่ก็แอบแทงหลังแล้วขึ้นเป็นใหญ่เอง
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
เดาว่าต่างฝ่ายต่างมีหมากลับล่ะมั้ง
รอดู
ใจจ้า
แสดงความคิดเห็น