วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1181 ยิ่งสมองน้อยยิ่งดี

 

ตอนที่  1181  ยิ่งสมองน้อยยิ่งดี

เพื่อจัดการซื่อเสิน  สิ่งที่เตรียมไว้ก่อน ไม่มีส่วนของเทพหรดีซาฟงที่เป็นตัวปลอมของเย่ว์หยาง

 

เพื่อเก็บเป็นความลับเฮยโจวเรียกเป็นพี่เป็นน้องกับเขาอีก และซาฟงก็อยู่ใกล้ๆ นั้นเอง

เหมือนกับเป็นการแสดงความไว้วางใจกัน

แต่เขาเชื่อตัวเองเท่านั้น

ลึกลงไปในใจของเขา  เฮยโจวกับจีอู๋ลี่ยังไม่วางใจเต็มร้อย  สำหรับจ้าวซีและซวงหานนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมวางใจเต็มร้อย!  ความต้องการในปัจจุบันนี้คือจำเป็นต้องร่วมมือกำจัดศัตรูร่วมกัน พันธมิตรควรหันหน้าเข้าหากัน  แต่ความไว้วางใจกันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผู้ที่เชื่อมั่นในพันธมิตรอย่างแท้จริงก็เหมือนเชื่อมันในพี่น้อง  ปัจจุบันนี้ซื่อเสินยังเป็นนักสู้อันดับหนึ่งของขุนเขาเหนือขุนเขา ไม่ใช่เทพประจิมเฮยโฉวที่จะมาแทนที่เขา

นอกจากนี้ เฮยโจวรู้สึกว่าถ้าเขาบอกแผนทั้งหมดแก่ซาฟงและการจัดการทั้งหมด ก็คงไม่ต่างอะไรกับสีซอให้ควายฟัง

เมื่อจำเป็นต้องใช้ความคิด  ก็ควรหลีกเลี่ยงมิให้ซาฟงรู้เรื่องนี้

มิฉะนั้นเป็นไปได้ว่าเขาจะทำให้เรื่องยุ่งเหยิง

ด้วยความคิดเช่นนี้ เฮยโจวให้เย่ว์หยางรั้งอยู่ข้างหลัง แค่กินดื่มและเล่นเท่านั้น  ตราบใดที่เขาจะกลายเป็นเหมือนกระสุนปืนใหญ่ได้ แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว

“เทพหรดี ท่านเทพของข้าส่งข่าวดีกลับมา จะต้องเอาชนะศัตรูเดี๋ยวนี้!  แทนที่จะบอกว่าให้อยู่ด้วยกัน แต่มหาเสนาบดีเป่าซู่บอก  ในวันที่สี่นับแต่เย่ว์หยางมาถึงน้ำตกควงหลัว สงครามเทพเริ่มอย่างเป็นทางการ และเย่ว์หยางถูกเตรียมให้เป็นหน่วยหน้ากล้าตาย

“ตกลง, อีกไม่กี่วัน ข้าจะได้แสดงอัจฉริยภาพของข้าสักที ซื่อเสิน!  วันตายของเจ้ามาถึงแล้ว!  เย่ว์หยางแสดงบทบาทกระสุนปืนใหญ่ไร้สมองมาแล้ว  ประมาณว่าช่วยๆ ส่งเขาออกไปตายเสียที

หลังจากผ่านไปหลายวัน เย่ว์หยางเริ่มแสดงได้ดี

เขาไม่สามารถใช้เงาได้

บทบาทตัวรองๆ ย่อมมีคุณสมบัติแน่นอน

เขาถือกล่องอาหารเป็นการสงบอารมณ์ทางจิต  บางครั้งภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับจักรพรรดิราชสำนักก็คล้ายกับเย่ว์หยางตอนนี้  ต้องทุ่มเทความสามารถทั้งหมด การตายของตัวละครรองๆ แบบนี้จะหาได้จากไหน? 

มหาเสนาบดีเป่าซู่ชำเลืองมองตอนแรก เขาคิดว่าคนอย่างซาฟง ถ้าไม่ส่งเข้าสนามรบเป็นหน่วยหน้ากล้าตายก็คงรู้สึกเสียใจต่อพวกเขาเองเป็นแน่ คนสติปัญญาแบบนี้หลอกง่าย ในเวลานี้เขายิ่งเพิ่มความเคารพเฮยโจวมากกว่าหมื่นปีที่แล้วเสียอีก  เทพของเขาปล่อยเทพหรดีซาฟงไว้ให้ฝึกฝนอย่างลับๆ  เขาไม่เคยเข้าใจเหตุผลก่อนหน้านี้ นั่นกลับกลายเป็นหมากพิเศษที่เกิดขึ้นหลังจากผ่านไปหมื่นปี!  สูงส่งจริงๆ เป็นแผนการที่สูงส่งของท่านเทพของเรา  จะสอนผู้คนก็ต้องมีการลงทุน

เย่ว์หยางมาพร้อมกับมหาเสนาบดีเป่าซู่

เมื่อมาถึงสนามรบ

ในทันใดนั้น

เขาเห็นซื่อเสิน!

ก่อนหน้านี้ เย่ว์หยางเคยนึกถึงภาพซื่อเสินเป็นหมื่นครั้ง เดาว่ายอดฝีมืออันดับหนึ่งของขุนเขาเหนือขุนเขาจะเป็นอย่างไร สูง เตี้ย อ้วน ผอม?

เมื่อเห็นตอนนี้ เขาพบเป้าหมาย  ความรู้สึกแรกของเย่ว์หยางคือไม่ใช่ว่าคนผู้นี้จะมีส่วนคล้ายภาพที่เขาจินตนาการ แต่ไม่เหมือนใคร! ทั้งสวรรค์และโลก  มีคนเดียวไม่มีใครเลียนแบบได้ และไม่มีใครแทนที่ได้

นี่คือซื่อเสิน!

ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งขุนเขาเหนือขุนเขา เทพบูรพาซื่อเสิน!

เสื้อผ้าอาภรณ์แตกต่างจากคนอื่นในขุนเขาเหนือขุนเขา เสื้อผ้าของซื่อเสินนั้น เหมือนกับมือกระบี่โบราณที่เคยเห็นก่อนเย่ว์หยางข้ามโลก เสื้อสีขาวเขียว ชุดยาวคาดเอวด้วยผ้าไหมสีแดงไม่มีเครื่องประดับตกแต่งผมเปียกสีดำเปียกน้ำ คิ้วชี้เฉียง ดวงตาที่ห้าวหาญเหมือนกับมีไฟฟ้า ดูหยิ่งแต่สง่างาม ถือว่าเป็นบุรุษรูปงาม  จับคู่กับวัตถุเรียบง่ายที่สะพายอยู่บนหลังของเขา กระบี่เทพวิถีกำศรวลกระบี่คู่มือ พลังเทพที่ไม่มีอารมณ์ ทั้งมือกระบี่และกระบี่วิเศษทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกสงบลงได้  เย่ว์หยางอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้ โชคดีไม่มีสาวๆ อยู่ใกล้ๆ

ความจริงแล้วซื่อเสินมีบุคลิกแบบใดกันแน่

ผมยาวของเขาชี้ขึ้นฟ้า

ริมฝีปากเย็นชาไม่ได้พูดอะไร

ใครกำลังสู้อยู่ที่นอกภูเขา

เจ้าไม่ได้ออกแบบโลงศพต่อหน้าซื่อเสินหรือ?  ทำไมเจ้าไม่ทำเล่า? ชี่เฉียว เจ้าทำงานยังไง?  ตอนนี้เจ้ายังจะรออะไรอีก?  มาเลยทุกคนมาร่วมกันจัดการเจ้าผู้นี้ ข้าอดทนกับเขามาหมื่นปีแล้ว ตอนนี้ข้าไม่ต้องการรออีกต่อไป!” เย่ว์หยางถือกงจักรระดับกึ่งเทพตะโกนว้าก พร้อมกับวิ่งเข้าหาซื่อเสิน  “ข้าเห็นมานานแล้ว ข้าไม่พอใจเจ้า ชื่อเสียงเจ้าไม่ดี ชื่อเสินแปลว่าสังหารเทพ มันไม่เข้ากับหน้าหล่อๆ อย่างเจ้า นอกจากนี้เจ้าทำให้สาวน้อยลุ่มหลงอยู่กับเจ้า ทำให้ข้าต้องใช้ชีวิตเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย เจ้ารู้ไหมว่ามันเป็นความผิดครั้งใหญ่ขนาดไหน?”

คำพูดที่เย่ว์หยางพูดออกมาครั้งนี้ทำให้ทุกคนที่ได้ยินหลั่งเหงื่อราวกับน้ำตก

โชคดีที่เขาถูกเรียกให้มาสู้ท้ายๆ ศึกแล้ว

มิฉะนั้นหลายๆ คนคงอ่อนแรงกันหมด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฮยโจวกรีดร้องอยู่ในใจ  ถ้าไม่ใช่เพราะเขาระวังมาก่อน และปล่อยให้ซาฟงรออยู่ข้างหลัง เท่าที่เขากังวลก็คือปากของเขาไม่ดี อาจทำให้ต้องหยุดแผนการได้... นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาอีกต่อไป ทั้งสองเป็นยอดฝีมือไร้ผู้ต่อต้านทำให้ผู้คนคลั่งไคล้และสับสนได้  เขาไม่เคยเห็นมาก่อนว่าในช่วงวิกฤติอย่างนี้ซาฟงจะเป็นแบบนี้ เขาตะโกนสั่งชี่เฉียวที่เป็นจีอู๋ลี่ปลอมตัวให้หันหน้าไปเผชิญกับซื่อเสินเตรียมใช้มีด

เป็นภาพที่จินตนาการไม่ออกจริงๆ

เฮยโจวออกหน้าเอง!

อย่างไรก็ตามเขาไม่สังสัยเลยว่าซาฟงกำลังถือโอกาสรายงานต่อซื่อเสิน ประการแรกคือซาฟงคงไม่ทำอย่างนี้แน่ ประการที่สองคือซาฟงจะทำเช่นนี้ เขาไม่สามารถทำอย่างอื่น  ประการที่สาม สำหรับเจ้าโง่ซาฟง จะไม่ได้อยู่ตะโกนใส่ใครในโลกนี้อีกต่อไป นี่ไม่ใช่เรื่องความลับ  ถ้าเขามีสติปัญญาดีใครจะเอาตัวมาทำเป็นกระสุนปืนใหญ่?

เย่ว์หยางโจมตีซื่อเสิน แต่ถูกตอบโต้หนึ่งดรรชนี

กระเด็นออกมาร้อยเมตร

เขาหันหลังกลับและวิ่งไปอยู่ข้างหน้าชี่เฉียวซึ่งเป็นจีอู๋ลี่ปลอมตัว และตวาดใส่จีอู๋ลี่  “เจ้าทำหน้าที่ลอบฆ่าซื่อเสินไม่ใช่หรือ ทำไมเมื่อครู่นี้เขาใช้แค่นิ้วเดียวก็เหวี่ยงออกมาไกลถึงเพียงนี้?  ทำไมเจ้าถึงไม่ลงมือ  อธิบายมาเดี๋ยวนี้!

“ข้าทำสำเร็จแล้ว และซื่อเสินก็ได้รับบาดเจ็บและความแข็งแกร่งลดลงอย่างน้อยสามในสิบ”  จีอู๋ลี่ที่ปลอมตัวเป็นชี่เฉียวดูเหมือนจะไม่เต็มใจจะคุยกับเย่ว์หยาง ราวกับกลัวจะติดเชื้อโง่  ทันทีที่เย่ว์หยางบินเข้ามาใกล้ เขาถอยห่างทันทีและบังคับให้เย่ว์หยางถอยกับไป  “การที่ซื่อเสินตีเจ้ากระเด็นด้วยนิ้วมือเดียว เป็นเพราะเจ้ามันอ่อนแอเกินไป  คำอธิบายนี้สมเหตุผลหรือยัง?”

“มีเหตุผล  เจ้าพูดมีเหตุผล!  เย่ว์หยางในร่างซาฟงเมื่อได้ยิน เขาหันไปกัดฟันพูด  “ข้าว่าเจ้าเป็นศัตรูคนหนึ่ง  เจ้าไม่ได้สังหารซื่อเสิน!

“น่ารำคาญ”  จีอู๋ลี่กระโดดออกไปเป็นกิโลเมตร

“น้องซาฟง ตอนนี้เราต้องสู้กับซื่อเสิน”  เฮยโจวรีบเข้ามาห้ามปรามอย่างรวดเร็ว แค่บอกว่าเขาสามารถทำได้ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องน่ากังวล

“ซื่อเสินต้องถูกฆ่าแน่นอน แต่เจ้าผู้นี้ยอมแพ้และหนีศัตรู  ข้าไม่ยอมเชื่อเขาแล้ว”  เย่ว์หยางดิ้นรน เฮยโจวยากจะควบคุม  แต่โชคดีที่ซื่อเสินมองดูอย่างเย็นชา ไม่ฉวยโอกาสลงมือ มิฉะนั้นเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี!

“เจ้าไม่ยอมเลิกรา เพราะเจ้าเห็นเขาเปลี่ยนเป็นลักษณะชี่เฉียวใช่ไหม?”  ซวงหานเข้าใจอารมณ์ของซาฟงได้ดีกว่าคนอื่น เขาจึงกล้าคาดเดาเช่นนั้น

“จะเป็นไปได้ยังไง แม้ว่าเขาจะมีใบหน้าที่ไร้สาระ แต่ข้าก็ยังใจจดจ่อกับเรื่องใหญ่!  ชี่เฉียวตายไปแล้ว  ข้าปล่อยวางความชังความแค้นไปแล้ว ฮ่าฮ่า ข้าจะเกลียดคนตายพลังอันดับแปดได้อย่างไร?  เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่ใช่คนแบบนั้น!  เย่ว์หยางปฏิเสธทันที  แต่สีหน้าของเขาสงสัย “เจ้าเดาออกได้อย่างไร”

“....”  หลังจากได้ยินแล้ว เฮยโจว ซวงหานและจ้าวซีหลั่งเหงื่อพรั่งพรู

“เฮ้อ...” จีอู๋ลี่ถอนหายใจและอธิบายอย่างอดทน  “แน่นอนว่าข้าสามารถเปลี่ยนไปเป็นลักษณะปัจจุบันได้  แต่ตอนนี้รูปลักของชี่เฉียวมีประโยชน์มากกว่า!

“มีประโยชน์หรือ?  ข้ออ้างมากกว่า!  ข้าคิดว่าเจ้าเปลี่ยนเป็นชี่เฉียวเป็นเพราะเขาหล่อมากใช่ไหม?  ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมไม่เปลี่ยนให้เหมือนข้าบ้างเล่า?  นอกจากจะเป็นการเพิ่มเกียรติให้ข้าแล้ว เจ้ายังสร้างความสับสนใจให้กับศัตรูได้เหมือนกระสุนนัดเดียวยิงนกได้สองตัว แต่เจ้าไม่ต้องปลอมให้เหมือนชี่เฉียวก็ได้ เจ้าคิดว่าไงบ้าง?  เจ้ากำลังแสดงอย่างเปลือยเปล่า อธิบายไปก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่าข้าซาฟงโกรธ  ถ้าเจ้าไม่ทำหน้าชี่เฉียวให้เป็นหัวหมู นั่นยากจะคลายความเกลียดชังของข้า!  เย่ว์หยางแสดงความอิจฉาริษยา และความเกลียดชังที่มากมายของเขา

“เขาไม่ใช่ชี่เฉียว  ก็แค่เปลี่ยนลักษณะ!” ซวงหานอดเยาะเย้ยไม่ได้  เจ้าจำศัตรูเจ้าไม่ได้หรือ?

“ไม่สนโว้ย, ข้าไม่สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ของชี่เฉียวได้ ข้าจะไม่พอใจ เวลาข้าเห็นฉีเชี่ยว ข้าอยากจะฆ่ามัน!  เย่ว์หยางคว้ากงจักร ซวงหานเริ่มโมโห เขาเหลือกตาอยากจะตบเจ้าโง่ผู้นี้ให้ลอยกระเด็นไปถึงสวรรค์เก้าชั้นฟ้ายิ่งนัก

“งี่เง่า” จีอู๋ลี่แค่นเสียงเย็นชา

ร่างของเขาไวกว่าสายฟ้าพันเท่า

กลายเป็นภาพเงาตามหลัง

ร่างจริงของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย...เดิมทีเขาต้องการดูการต่อสู้ แต่เทพหรดีน่ารำคาญเกินไป ดังนั้นเขาล่วงหน้ากลับไปวางแผน

“ชี่เฉียวหนีไปแล้ว ทำไมพวกเจ้าไม่ห้ามเขา?”  เย่ว์หยางวิ่งไปหาซวงหานและจ้าวซี

“อะแฮ่ม.. เขาเป็นตัวปลอม เขาเป็นคนของเราเอง!  จ้าวซีอดกระแอมไม่ได้ ถ้าเขาไม่อธิบายเขาคงรู้สึกคันคอไม่โล่งคอ

“ข้ารู้ว่าเขาเป็นชี่เฉียวตัวปลอม  แต่ไม่สามารถเปลี่ยนคืนร่างจริงได้อีกครั้งแล้วหรือ? ไม่มีอะไรน่าสงสัยจริงหรือ?  ข้าไม่เชื่อคนผู้นั้น บางทีเขาอาจเป็นคนของสือเซิ่น เขาบอกว่าสือเซิ่นได้รับบาดเจ็บ เจ้าก็เห็นร่างทั้งหมดของสือเซิ่นแล้ว  มีร่องรอยบาดเจ็บที่ไหน? ไม่มีมีบาดแผล ไม่มีเลือดไหล นี่น่าสงสัยเกินไปแล้ว!  เย่ว์หยางเล่นบทบาทของซาฟง

“ซื่อเสินบาดเจ็บแน่นอน และนั่นเป็นแผลลับ” เฮยโจวรู้สึกว่าพูดไม่คล่องคออึดอัด เขาอดอธิบายบ้างไม่ได้  ขณะเดียวกันเขารู้สึกว่ายากจะได้รับความร่วมมือจากเจ้าบัดซบนี่  โชคดีที่เขาใกล้ตาย มิฉะนั้นรู้ถึงไหนอายเขาถึงนั่น

“บาดเจ็บจริงๆ หรือ?  ก็ได้ เข้าใจแล้ว”  เย่ว์หยางเล่นบทซาฟงเมื่อได้ยินแล้วตาเป็นประกาย เต้นแร้งเต้นกากวัดแกว่งกงจักรของเขา  “นี่คืองานแรกของข้าซาฟง ไม่มีใครชิงดาบวิถีกำศรวลและยานพญาครุฑได้ ทั้งสองอย่างเป็นของข้า ฮ่าฮ่าฮ่า หัวของซื่อเสินเป็นของข้า ตราบเท่าที่ข้าฆ่าเจ้าได้ ข้าจะเป็นอันดับหนึ่งแห่งขุนเขาเหนือขุนเขา”

ซวงหานและจ้าวซีพากันกุมขมับ

แม้ว่าเขาจะมีความคิดเช่นนั้น แต่เขาควรพูดต่อหน้าเฮยโจวหรือ? นี่เป็นเรื่องที่เทพประจิมทำเอง  ใครจะชิงอันดับหนึ่งไปได้

แน่นอนพวกเขาเข้าใจว่าเป็นความอ่อนด้อยทางปัญญา  ซื่อเสินเป็นผู้ยิ่งใหญ่และรู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา ซาฟงผู้นี้มีบางอย่างซ่อนอยู่ในใจของเขา

แม้ว่าพวกเขาจะเผชิญหน้ากับซื่อเสิน แต่ทำไมถึงควบคุมกันไม่ได้เล็กน้อย?

เฮยโจวได้ยินเสียงเย่ว์หยางพูดดัง สีหน้าของเขาอดหงุดหงิดไม่ได้

มุมปากของเขา

ยังคงยิ้ม

อย่างไรก็ตาม กระสุนปืนใหญ่จะต้องถูกส่งไปตาย เขาคงทำตัวฉลาดเพื่อให้ไม่รู้สึกแย่ตอนตาย

 

7 ความคิดเห็น:

--- กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ
แสดงได้ดีเกินไปแล้ว55

Lazykuma กล่าวว่า...

แสบจัดตะโกนขนาดนี้ถ้าสื่อเสินยังไม่เอะใจเอ็งก็โง่เป็น...แล้ว

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

เนียนจริงๆ

CHANTANA กล่าวว่า...

555รางวัลต้องมาแล้ว

BJ กล่าวว่า...

แสดงได้กวนจริงๆ

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

ïиƒïиï†ч гє†гч กล่าวว่า...

รางวัลออสก้าไปเลยไอ้สาม 5555

แสดงความคิดเห็น