วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1185 เพราะเจ้าก็เป็นหนึ่งในสารอาหาร

 

ตอนที่  1185  เพราะเจ้าก็เป็นหนึ่งในสารอาหาร

“อย่านึกว่าเจ้ามีอาวุธเทพคนเดียว ประทีปราตรีของข้าไม่ได้เป็นรองวิถีกำศรวลของเจ้า?”  เฮยโจวไม่อาจต้านทานซื่อเสินได้ แต่เขายังมีความหยิ่งภูมิใจและวิเคราะห์อย่างใจเย็น  “กระจกแห่งความจริงของจ้าวซี ดาบวิเศษดื่มหิมะของเทียนโฉวและมุกประทีปราตรีของข้าของวิเศษระดับเทพทั้งสามรวมอยู่ในที่เดียวกัน พลังซื่อเสินเจ้าจะต่อต้านฟ้า และเจ้าต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย”

 

ตามคำพูดของเขา เทพทักษิณเทียนโฉวอัญเชิญคัมภีร์ทองเป็นคนแรก

และเริ่มใช้ทักษะแฝงเร้นทันที

สนามพลังปราณดาบทำงานทันที

พลังระเบิดออกมาสนับสนุนดาบเทพดื่มหิมะอย่างบ้าคลั่งทันทีและหลอมรวมกับอสูรพิทักษ์แปลกประหลาดและเปล่งรัศมีสมบัติเทพเป็นพันๆ สาย  หลังจากได้รับพลังเทพกระตุ้น เทียนโฉวมีพลังก้าวหน้าอย่างไม่มีสิ้นสุดเหมือนกับภูเขาขนาดใหญ่พอใกล้ถึงซื่อเสินจึงค่อยๆ หยุด

แม้ว่าจะไม่สูงเท่าซื่อเสินที่มองลงมา แต่ก็ค่อนข้างใกล้

เหมือนกับว่าเทียนโฉวมีความสูงเจ็ดฟุตกำลังเผชิญหน้ากับซื่อเสินที่มีความสูงเก้าฟุต ระดับความห่างมีไม่มากไม่ชัดเจนเหมือนกับยักษ์โนมส์ พลังก็ยังถือว่าอยู่ในระดับเดียวกัน

อีกด้านหนึ่งเทพอุดรจ้าวซีมีพลังแทบจะทัดเทียมกับเทียนโฉว

และมีความลึกลับมากกว่า

แม้ว่าจะเป็นคัมภีร์อัญเชิญระดับทองก็สร้างสนามพลังได้  เย่ว์หยางนักแสดงเหรียญทองที่ซ่อนตัวอยู่ในระยะไกลทั้งยังแสร้งทำเป็นตาย ยังไม่สามารถเห็นรูปร่างของอสูรพิทักษ์ของเขาได้ชัดเจน เขาแค่มีความรู้สึกว่าเหมือนหมอกไม่มีความชัดเจน  หากเทียนโฉวนับว่าเหมือนสว่าน  อย่างนั้นจ้าวซีเหมือนเข็มที่เก็บไว้ในกระเป๋า ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่จะแสดงให้เห็น  แต่เย่ว์หยางแน่ใจได้ว่าเทพอุดรจ้าวซีเมื่อปรากฏตัวลงมือจะทำให้มีคนได้รับบาดเจ็บหนักแน่นอน

แค่เทียนโฉวกับจ้าวซีก็ยังเป็นไปได้ที่จะเอาชนะซื่อเสิน

แต่เมื่อเพิ่มเฮยโจวอีกคน

อย่างนั้นความสมดุลจะย้ายไปทางค่ายตะวันตกอย่างช่วยไม่ได้

ท้องฟ้าในขณะที่เฮยโจวเรียกคัมภีร์ กลับกลายเป็นมืดมิด เป็นความมืดขนาดมองไม่เห็นนิ้วตนเองได้

จากนั้นคู่วัตถุสีทองม่วงพุ่งออกมาจากหลุมดำเปล่งแสงเจิดจ้า

เย่ว์หยางมองเห็นแล้วน้ำลายไหล  นั่นคือสมบัติเทพประเภทอัญมณี เพราะยังแกล้งตายอยู่ เย่ว์หยางไม่กล้าใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจสอบได้ จึงไม่กล้าตัดสินคุณภาพที่แท้จริงที่สุดในเวลานั้น แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ก็สามารถสรุปได้ว่า อัญมณีประทีปราตรีดีกว่ากระจกวิเศษและดาบดื่มหิมะ พลังไล่ๆ กับกระบี่วิถีกำศรวลในมือของซื่อเสิน

ถ้าเย่ว์หยางมองสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า จะเป็นว่าท้องฟ้าและพื้นโลกถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนตรงกลางมืดสว่างตัดกัน

ครึ่งสว่างเต็มไปด้วยปราณกระบี่

อีกครึ่งหนึ่งมืดเหมือนหมึกมองเห็นมุกบนดาบวิเศษและบนกระจกวิเศษ

ความมืดด้านนี้ได้รับอิทธิพลจากเฮยโจว เทียนโฉวและจ้าวซี ค่อยๆ ท่วมทับด้านสว่างที่เป็นพลังของซื่อเสินคนเดียว  แม้ว่าเฮยโจวและซื่อเสินไม่สามารถสร้างสัญลักษณ์ที่เท่ากันได้ พลังปัจจุบันนี้ไม่ต่างกันมาก

เหมือนกับว่าถ้าซื่อเสินสูงเก้าฟุต  อย่างนั้นเฮยโจวก็สูงกว่าแปดฟุต

ด้วยความช่วยเหลือของศัตรูที่มีความสูงเจ็ดฟุตสองคนคือเทียนโฉวและจ้าวซี ทำให้เฮยโจวได้เปรียบ

“ฮึ่ม!

เทพพายัพซวงหานในฐานะผู้ชมดู ถ้าในเวลานี้เขาเข้าไปช่วย อย่างนั้นซื่อเสินต้องแพ้แน่  แต่เขาไม่ทำเช่นนั้น ก่อนนั้นเฮยโจวมีทัศนคติต่อซาฟง ทำให้ทัศนคติของซวงหานเสียหายหนัก เขาคิดอยู่เสมอว่า เขาเข้ามาช่วยเหลือโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ตอบแทนเพื่อให้สงครามเทพไม่ยืดเยื้อและยุติในวันแรกๆ  ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้เฮยโจวได้เปรียบ  แม้จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เขาจะไม่ยื่นมือช่วยเฮยโจวอีกต่อไป หลังจากซาฟงถูกทอดทิ้งไม่ไยดี และพวกเขาสงสัยซวงหาน  ปล่อยให้ซื่อเสินโค่นล้มเฮยโจวก็คงไม่เลว

การช่วยเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถอยออกมาโดยไม่ต้องทำอะไรดีกว่า

ซวงหานตัดสินใจไปจากที่นี่

สงครามเทพจะเป็นยังไง

เขาไม่ยุ่งด้วย

ใช้ชีวิตอิสระอย่างชิงหวินดีกว่า

น่าเสียดายที่จ้าวซียังคงไม่เคลื่อนไหว ไม่เช่นนั้นซวงหานคงจากไปอย่างสบายใจ

“อา..โปรดรอก่อน”  จีอู๋ลี่เข้ามาขวางข้างหน้าซวงหาน เขายิ้มเต็มหน้า ยิ้มจริงใจของคนที่เหนือกว่า ใครก็ตามที่เห็นอดนึกไม่ได้ว่าคนผู้นี้น่าเชื่อถือ และมีความรู้สึกว่าตนด้อยกว่าไม่กล้าเงยหน้ามองเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้

“ถ้าเจ้าต้องการโน้มน้าวให้ข้าเปลี่ยนใจ อย่างนั้นเจ้าไม่ต้องพูด”  ซวงหานปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะคืนดีกัน เฮยโจวไม่ใช่ผู้นำที่ดีที่สุด และตอนนี้เขาจิตใจตายด้านเสียแล้ว

“ไม่เลย, ข้าไม่ได้ตั้งใจโน้มน้าวเจ้า ความเข้าใจผิดระหว่างเจ้ากับเฮยโจวนั้นข้าไม่สนใจ และข้าเองก็ไม่ยินดีจะไกล่เกลี่ยให้เจ้า”  จีอู๋ลี่ส่ายหน้าและโบกมือเพื่อไม่ให้ซวงหานเข้าใจเขาผิด  เขายิ้มอย่างจริงใจและเป็นมิตรขณะมองดูเทพพายัพซวงหานที่ดูท่าทางสงสัยงงงัน ในที่สุดจีอู๋ลี่เน้นคำพูดถามทีละคำ  “เทพพายัพซวงหานไม่ว่าเจ้าจะรู้สึกว่าข้าเป็นนักสู้ระดับกึ่งเทพหรือไม่  ข้าคิดว่าเจ้าไม่ต้องถามข้าแน่ใช่ไหม?”

“เฮอะ” ซวงหานโมโห แต่ใบหน้ายังคงยิ้มอยู่  “ข้าคิดว่าข้าต้องการจะจากไป และข้าตัดสินใจแล้วว่าต้องไป ข้าต้องให้เจ้าเห็นด้วยอีกหรือ?”

“ไม่เห็นด้วย”

จีอู๋ลี่ส่ายหน้าและยักไหล่เล็กน้อย “ถ้าเจ้ายอมคุกเข่าจับขาข้าและสาบานเป็นผู้รับใช้ข้า ข้าจะพิจารณาไว้ชีวิตเจ้า”

หน้าของซวงหานชะงักค้างทันที

เขาโกรธจัด

แต่ไม่ได้อาละวาดทันที

ในฐานะนักสู้ระดับเทพที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นหมื่นปี เขากลับถูกผู้เยาว์ที่เป็นนักสู้ระดับกึ่งเทพรุกรานแสดงความเย่อหยิ่งต่อหน้าเขา เขาไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อนในชีวิต เขาต้องให้นักสู้ระดับเทพกลายเป็นคนใช้ นี่รังแกตัวเขามากไปหรือเปล่า?

พยัคฆ์ลงจากภูเขา ยังถูกสุนัขรังแกด้วยหรือ?

แม้แต่เทียนโฉว

หรือเฮยโจวที่กล้าท้าทายซื่อเสินก็ยังไม่กล้าทำอย่างนี้

“เจ้าน่ะหรือ ทำไมล่ะ?”  ซวงหานอดแค่นเสียงมิได้

“ก็แค่ข้าคือจีอู๋ลี่มีโชคชะตาของผู้ถือครองคัมภีร์อัญเชิญระดับศักดิ์สิทธิ์ และมีชะตาผู้ผนวกทำลายขุนเขาเหนือขุนเขาทั้งหมดหรือทั่วทั้งมิติดินแดนฝึกปรือ และข้าจะเป็นผู้ถือครองคัมภีร์เทพแห่งมิติดินแดนฝึกปรือแห่งนี้ คัมภีร์เทพเล่มสุดท้ายถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องเป็นของข้า”  เหมือนกับว่าจีอู๋ลี่กำลังอธิบายเรื่องเล็กน้อยไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ไม่เย่อหยิ่งหรือตื่นตระหนก ยังคงแสดงออกอย่างสงบราวกับน้ำนิ่ง

“.....” เย่ว์หยางปล่อยให้จีอู๋ลี่พูดไปเรื่อย  ลูกพี่พูดไม่รู้จักระวังเลยหรือ?  คัมภีร์เทพก็ยังไม่ได้รับ คนระดับต่ำอย่างเจ้ารู้หรือเปล่าว่าคำว่า ถ่อมตัว สะกดยังไง? ถ้าเขาไม่สั่งสอนเดี๋ยวจะหาว่าตระหนี่เกินไป

เย่ว์หยางแกล้งตายอยู่ครึ่งค่อนวันแทบห้ามใจไม่อยู่ และอยากลุกขึ้นมาเถียง

โชคดีที่เขายังควบคุมตนเองได้ไม่เลว

เขากลับมารู้สึกถึงสภาพปัจจุบัน

ต่อให้ร่างกายถูกฟ้าผ่าเกรียมไหม้ เขาจะอดทน

ซวงหานตกตะลึงอยู่นาน เขาคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าจีอู๋ลี่จะยอมพูดข้อสงสัยนี้ออกมา

อย่างไรก็ตามในวินาทีต่อมาเขาสนองตอบ โซ่น้ำแข็งเหมือนกับแห ปกคลุมไปทั่วอากาศ หนาวเย็นแทบเป็นศูนย์องศาสมบูรณ์ และแช่แข็งจีอู๋ลี่ทันที

อ่อนแอเกินไป

ร่างน้ำแข็งของจีอู๋ลี่ถูกกระแทกแตกกระจาย

ตั้งแต่หัวจรดเท้าเขาไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด เขาไม่สนใจโซ่น้ำแข็งเย็นที่บินอยู่รอบตัว  เขายื่นมือขวาออกมาอย่างสงบช้าๆ สัมผัสคัมภีร์ที่งดงาม อ่อนโยนราวกับสัมผัสผิวคนรัก ทันทีที่คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ออกมาโล่สนามพลังป้องกันก็ทำงานทันทีพร้อมกัน ไม่ทราบว่าทักษะแฝงเร้นจีอู๋ลี่คืออะไร แต่โซ่น้ำแข็งทั้งหมดแปรสภาพเป็นเกล็ดหิมะที่อ่อนโยนโรยตัวลงช้าๆ โดยไม่ทำอันตราย

“เจตจำนงราชันย์” ซวงหานสีหน้าเปลี่ยน

“ของดีระดับสูงแบบนี้ อย่างเจ้าต้องอาศัยคนอื่นจึงจะได้มา เป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะเข้าใจ  ต่อให้เจ้ามีคัมภีร์อัญเชิญ เจ้าจะไม่มีทางเป็นเทพแท้ ไม่มีทางเป็นราชันย์  พวกเจ้าทั้งหมดเป็นแค่ขยะ ถ้าไม่ใช่เพราะเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกพวกเจ้าไม่มีทางได้คัมภีร์อัญเชิญตลอดชีวิต”

จีอู๋ลี่พลิกหน้าคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเขาอย่างสบายอารมณ์  ดูเหมือนเขาคิดว่าจะเรียกอสูรอัญเชิญหรืออสูรศึกตัวใดออกมาก็สามารถเอาชนะซวงหานได้สบายทำให้ลังเลเลือกไม่ถูก 

ซวงหานตัวสั่น

แต่เขารู้ว่าเจตจำนงราชันย์และคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของศัตรูนั้นน่ากลัวเพียงไหน

ซื่อเสินไม่มีคัมภีร์ระดับศักดิ์สิทธิ์แม้แต่น้อย แต่เขาแข็งแกร่งกว่าพวกเฮยโจวในขอบเขตของพลังเจตจำนง เขายึดตำแหน่งนักสู้อันดับหนึ่งขุนเขาเหนือขุนเขาได้อย่างมั่นคง

ตอนนี้จีอู๋ลี่ไม่เพียงแต่มีเจตจำนงราชันย์ที่สูงกว่าซื่อเสินเท่านั้น แต่ยังถือครองคัมภีร์อัญเชิญระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนได้แต่ฝัน

ในที่สุดแล้วสงครามจะเริ่มต้นอย่างไร?

ซวงหานไม่มีคำตอบ

เขาไม่เคยพบเจอศัตรูที่ถือคัมภีร์ระดับศักดิ์สิทธิ์

ต่อให้เป็นเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกที่ใกล้ความเป็นอมตะก็ยังไม่มีคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์...

“นายท่าน! หนอนแมลงตัวน้อยนี้ ข้าเห็นแล้วไม่พอใจยิ่งนัก เมื่อหมื่นปีที่แล้วเจ้าแมลงน้อยตัวนี้ยังเป็นเด็กขี้แยอยู่เลย ข้าสั่งสอนเขาไปแล้ว ทำให้เขาหวาดกลัวจนฉี่ราดกางเกง ถ้าไม่ใช่เพราะเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกสองเทพที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น ขุนเขาเหนือขุนเขาคงถูกข้าถล่มไปแล้ว ตอนนี้ข้าหยวนจี๋กลับมาแล้ว แต่เทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกไม่อยู่อีกต่อไป บุญคุณความแค้นไม่อาจตามชำระได้แล้ว  ยังดีที่ข้าหาเจ้ามดแมลงมาระบายความคับแค้นใจได้บ้าง”  มีเงาสีทองลอยม้วนคล้ายควันอยู่เหนือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์

“อะไร อะไรกัน? หยวนจี๋?  เจ้าถูกเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกผนึกไปแล้วไม่ใช่หรือ?”  ซวงหานมองดูเงาสีทองและรู้สึกหวาดกลัว

“มันคือผนึกก็จริง แต่หลายพันปีที่แล้วนายท่านได้ปล่อยตัวข้าออกมา  น่าสมเพชจริงๆ เมื่อข้าต้องการหลบหนีจากผนึกในปีนั้น ข้าต้องพบว่าเพื่อช่วยให้ข้ารอดชีวิต ข้าต้องหลอมรวมกับอสูรศึกของนายท่าน  อย่างไรก็ตามเจ้าสิ่งนี้สร้างชีวิตที่สมบูรณ์แบบให้กับข้า ด้วยร่างกายที่สมบูรณ์แบบไม่มีวันตายพร้อมกับความสามารถทักษะแฝงเร้นของเจ้านายข้า ฮ่าฮ่า  วันที่หยวนจี๋จะผนวกรวมขุนเขาเหนือขุนเขาอยู่ไม่ไกลแล้ว!  ข้าไม่เพียงแต่รวมขุนเขาเหนือขุนเขา หุบเขามนุษย์ หุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์ที่เป็นของข้าเท่านั้น  แม้แต่มิติดินแดนฝึกปรือทั้งหมดก็คือสมบัติในกระเป๋าข้า  เจ้าพวกโง่ แม้แต่ข้าเองก็เป็นทาสไม่มีคุณสมบัติ ฮ่าฮ่าฮ่า..”

เงาสีทองหัวเราะอย่างหยิ่งยโส

ซวงหานสีหน้าเปลี่ยน

เขาใช้โซ่น้ำแข็งสร้างเป็นกำแพงปกป้องร่างกาย จากนั้นเปิดมิติเตรียมพร้อมเทเลพอร์ตหนีไปจากที่นี่ทันที

เงาร่างสีทองไม่ได้สนใจมอง มันเหยียดนิ้วและยิงแสงศักดิ์สิทธิ์ฝ่าอากาศและทะลุโซ่น้ำแข็งอย่างง่ายดายผ่านแนวป้องกันของเทพพายัพซวงหนานราวกับไม่มีสิ่งใดป้องกัน

อกและหลังที่ตำแหน่งหัวใจของเขาเป็นทะลุขนาดใหญ่เท่าชาม

โปร่งใส

“เจ้าคิดว่าข้าคือหนอนที่น่าสมเพชเพิ่งจะหนีพ้นจากผนึกหวาดกลัวเมื่อได้ยินลมพัดยอดหญ้าหรือ?  ซวงหานเอ๋ยซวงหาน เจ้ากับจ้าวซีมีโอกาสที่ดีที่สุดในอดีต แต่เจ้าไม่ติดตามอย่างระมัดระวัง  ด้วยเหตุนี้ข้าจึงหนีไปได้ด้วยความช่วยเหลือของนายท่าน หลังจากพักฟื้นเป็นพันๆ ปี ข้าไม่เพียงฟื้นฟูพลังของข้าได้ แต่ยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าปีนั้น ปีที่เทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกยังแข็งแกร่งอยู่ ..... หากไม่มีเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือก แมลงตัวน้อยอย่างเจ้าต้องการแข่งขันท้าทายข้าหยวนจี๋ จ้าวสวรรค์ ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งฟ้าเหนือฟ้า?”  ร่างสีทองโบกมือและโยนมนุษย์ร่างโชกเลือดคนหนึ่ง

ซวงหานหรี่ตามองอย่างระวัง  “ชิงหวิน”

บุรุษผู้มีเลือดท่วมร่างถูกสูบพลังเทพออกไปบาดเจ็บปางตาย คือเทพอีสานชิงหวินผู้ชิงชังสงครามเทพมากที่สุดในขุนเขาเหนือขุนเขา

ชิงหวินผู้รักธรรมชาติรักความเป็นธรรมต่อทุกชีวิต... ในบรรดาเทพทั้งหมดเขาเทพอีสานชิงหวิน เป็นคนแรกที่ได้รับการยอมรับจากคัมภีร์อัญเชิญ ก่อนเทพบูรพาซื่อเสินด้วยซ้ำ

แม้แต่เฮยโจวก็ยังยอมรับว่าเทพอีสานชิงหวินคือสุภาพบุรุษคนหนึ่ง

เมื่อชิงหวินปฏิเสธเข้าร่วมสงคราม เฮยโจวไม่ได้บังคับแต่อย่างใด

ซื่อเสินก็ยอมปล่อยเขาจากไป

คาดไม่ถึงเทพผู้รักถนอมทุกชีวิตและรักความสงบกลับถูกจีอู๋ลี่และหยวนจี๋สูบพลังเทพจนแห้ง และโยนร่างใกล้ตายทิ้ง

ซวงหานรู้สึกว่าดวงตาของเขาแทบจะถลนออกจากเบ้า ความโกรธแค้นสุมอยู่ในอกแทบบ้า เขาไม่สนใจบาดแผลตนเองรีบวิ่งไปรับร่างใกล้ตายของเทพอีสานชิงหวิน  เขาอยากตะโกนออกมาแต่ไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมา ภาพข้างหน้ารู้สึกเบลอเลือนราง

แม้แต่ซื่อเสินและจ้าวซีที่กำลังจะเข่นฆ่าต่อสู้กันพากันตกตะลึง

ไม่อยากเชื่อภาพที่เห็น

ร่างเงาทองยกร่างซวงหานที่บาดเจ็บสาหัสขึ้นและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง  ด้วยทักษะแฝงเร้นกลืนกินของนายท่าน เจ้ามดแมลงน้อยจะช่วยเป็นอาหารบำรุงให้ข้ากลับคืนสภาพแข็งแกร่งสูงสุด พวกเจ้ารู้หรือไม่เหตุใดนายท่านถึงได้ยั่วยุให้เกิดสงครามเทพครั้งนี้?  เขาแค่ต้องการรวบพวกเจ้าไว้ในร่างแหเดียวกัน  พวกเจ้าคิดว่าคนที่ผ่านไปเป็นหมื่นปีแล้วยังเป็นระดับกึ่งเทพอยู่ นั่นเป็นคนด้อยความสามารถหรือไม่? โง่สมกับเป็นมดแมลงน้อยจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะทักษะแฝงเร้นดูดกลืนพลังของนายท่าน เทียบกับร่างกายหลัก พวกเจ้าคิดว่าจะบังอาจตีตนเทียบเท่าเจ้านายข้าได้หรือ?  พวกเจ้ายังจะมีชีวิตอยู่ได้จนถึงวันนี้หรือ? หลายพันปีที่แล้วนายท่านก็สามารถเอาชนะระดับเทพได้แล้ว เทียบเขากับพวกเจ้าเหล่ามดแมลง พวกเจ้าไม่มีค่าอะไร  พวกเจ้าก็แค่กบก้นบ่อเท่านั้น...”

“ไม่นะ, อู๋ลี่  ทำไมเจ้าถึงได้ตะโกนใส่หน้าข้าด้วยเล่า?”  เฮยโจวหน้าแข็งกระด้างทันที

“เพราะเจ้าก็เป็นหนึ่งในแผนบำรุงเลี้ยงของเขา”  เทียนโฉวยืนอยู่ข้างเฮยโจว และใช้ดาบเทพดื่มหิมะแทงใส่หัวใจเฮยโจวราวกับสายฟ้า

ไม่ถึงเสี้ยวพันวินาทีเฮยโจวก็ตอบโต้

เขาพร้อมจะตอบโต้กลับอยู่แล้ว

แต่เงาทองพุ่งมาอยู่ที่ด้านหลังเฮยโจวจับศีรษะเฮยโจวแล้วอัดไถลกับพื้นขุนเขาเหนือขุนเขาอย่างรุนแรง วินาทีต่อมาเฮยโจวได้ยินเสียงจีอู๋ลี่พูดอย่างสงบเยือกเย็น “พลังของท่านลุงข้าจะขอรับไว้ในไม่ช้านี้  ถ้าท่านลุงมีความปรารถนาสุดท้ายอันใด อู๋ลี่จะพยายามทำให้ท่านจนสำเร็จ”

 

11 ความคิดเห็น:

Akirabas กล่าวว่า...

คนทรยศที่แท้จริง

CHANTANA กล่าวว่า...

ยังไม่ออกมาอีกไอ้3 เดี้ยวเจอจอมมารบูลนะอิฯ

BJ กล่าวว่า...

รอตบทีเดียวสินะ

--- กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ครับ
หักหลัง​ในหลักหลัง คงไม่มีอีกนะ

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ไม่มีใครดีกว่าตนเองจริงๆ

โอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่า กล่าวว่า...

โอ้ว

Unknown กล่าวว่า...

ไม่ระวังหลังเลย ~ ! มีมกาเทพเกรียนรอดักตบหัวตบทรัพย์จากเอ็งอยู่นะเออ ~ !

oBABYVOXo กล่าวว่า...

ชั่วโครตๆจริงๆอีจู๋เนี่ย

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

ïиƒïиï†ч гє†гч กล่าวว่า...

เดี๋ยวเจอเฮียสามเร็วๆนี้

chay กล่าวว่า...

ฆ่ากันให้เหนื่อยก่อน พี่เอกค่อยออกมา

แสดงความคิดเห็น