ตอนที่ 1193 เข่นฆ่า!
หยวนจี๋อดีตยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งฟ้าเหนือฟ้า ในนามว่าราชันย์ฟ้าลุกขึ้นยืน
บังหน้าเจ้านายตนเองไว้
เขาคืออสูรพิทักษ์ที่จีอู๋ลี่ฝึกขึ้นมาเอง และเป็นสุดยอดในบรรดาอสูรศึกทั้งปวงที่เขามีอยู่ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือเขาไม่เพียงแต่มีประสบการณ์ในการต่อสู้หมื่นปีเท่านั้น แต่ยังเป็นอมตะโดยไม่ต้องกังวลถึงอุบัติเหตุใดๆ
อสูรลอยแสง อสูรสยองขวัญและจีอู๋ลี่ยืนเป็นแนวสามเหลี่ยมอยู่ด้านหลังหยวนจี๋
คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เปล่งรัศมี
อสูรอื่นถูกเรียกออกมา
อสูรฤาษีชอบซ่อนตัวอยู่ในหมอกควัน ในมือถือเคียวยมทูต ทันทีที่เขาปรากฏตัวคลื่นควันในตัวแผ่ปกคลุมสนามรบจนมืดมิดอย่างรวดเร็ว ลมในสนามรบไม่สามารถสลายควันดำนี้ซึ่งเป็นความสามารถพิเศษของอสูรฤาษีนี้ เย่ว์หยางแทงหอกกลืนมังกรและหอกนั้นจมลึกเข้าไปในควันหนาทึบอย่างรวดเร็วราวกับวัวดินปั้นที่โยนลงทะเล
ในสนามรบมีอยู่เพียงที่เดียวที่ไม่มีควันหนาทึบก็คือบริเวณรอบตัวเย่ว์หยางหนึ่งเมตร
ตราบใดที่ยังมีเพลิงอมฤต
ทุกอย่างจะถูกชำระ
ไม่มีสิ่งใดยกเว้น
ต่อให้ควันเหล่านี้ยิ่งหนาทึบเท่าใด ก็ไม่มีทางกลบเพลิงอมฤตของเย่ว์หยางได้
เย่ว์หยางมองผ่านจักษุญาณทิพย์สามารถเห็นจีอู๋ลี่ อสูรลอยแสงและอสูรสยองขวัญในท่ามกลางควันหนาทึบได้ สนามพลังชั่วคราวนี้ยังมีกฎสวรรค์พิเศษประจำสนามพลังที่ชาวขุนเขาเหนือขุนเขาเรียกว่า ‘เทพ’
เมื่อเทียบกับโบราณวัตถุที่ใช้ในการจัดการกับชี่เฉียว ทั้งสามชิ้นนั้นใหญ่มากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อยู่ในมือของจีอู๋ลี่มีขนาดใหญ่เท่ากำปั้น
ถูกครอบงำด้วยพลังเทพ เทพผู้สร้างสนามพลังและกฎสวรรค์ได้แข็งแกร่งจนยากจินตนาการ
ทันใดนั้น พื้นที่ของสนามรบทั้งหมด
เทียบกับดินแดนลับเทพสังหาร
สิ่งมีชีวิตทุกอย่างจะอ่อนแอลงในระดับที่แตกต่างกัน
เพื่อเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างเย่ว์หยาง จีอู๋ลี่ทุ่มเทคุณค่าทั้งหมดโดยไม่เสียดาย นอกเหนือจากวางสนามพลังเทพสังหารแล้ว เขายังได้อัญเชิญอสูรหลายตนด้วยกันเพื่อสร้างโอกาสและช่วยเหลือได้มากขึ้น สัตว์สองตัวแปลงร่างเป็นฉากภาพสอดคล้องกับพื้นดินพื้นทรายโดยทั่วไป นอกจากนี้ยังมีอสูรสายพฤกษาที่สามารถแบ่งร่างอวตารได้นับไม่ถ้วน กลายเป็นพืชพรางตัวรอซุ่มโจมตีในควันที่หนาทึบ อสูรตัวที่สี่เป็นอสูรล่องหนธาตุลมพรางตัวอยู่ในอากาศผสมผสานกับควันหนาของอสูรฤาษี สิ่งที่ดึงดูดเย่ว์หยางมากที่สุดก็คืออสูรตัวที่ห้า เป็นอสูรร้ายที่ทรงพลังอย่างยิ่ง รูปร่างของมันเหมือนถ้ำ มันไม่ได้ซุ่มโจมตีเหมือนกับอสูรตัวอื่น แต่เข้าสู่โลกสยองขวัญพรางตัวอยู่ในโลกบิดเบือนของอสูรสยองขวัญ
ถ้าเย่ว์หยางไม่ระวัง เข้าสู่โลกของอสูรสยองขวัญเพื่อช่วยซวงหาน เป็นไปได้ว่าจะถูกอสูรตัวนี้กลืนกินได้ในครั้งเดียว
ปากนั้นเป็นไปได้ว่าอาจเป็นช่องทางนำเข้าไปสู่มิติอื่นที่แตกต่าง
เพราะอสูรตัวนี้มีพลังแข็งแกร่ง
เย่ว์หยางอดสงสัยไม่ได้ว่า เขาไม่สามารถมองเห็นได้อย่างครบถ้วน
“เพิ่มพลังร้อยเท่า!” จีอู๋ลี่ทำทุกอย่าง และพบว่าเย่ว์หยางยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาคิดว่าเย่ว์หยางมีความสงสัยจึงยืนนิ่งอยู่ในที่เดิมโดยไม่เปลี่ยนความคิด เย่ว์หยางไม่ได้ห้าม ในที่สุดจีอู๋ลี่เรียกอสูรยักษ์ใหญ่เหมือนดวงอาทิตย์ออกมาเสริมกำลังอสูรและเพิ่มพลังกายให้กับหยวนจี๋
“กรรรรร!” หยวนจี๋คำรามใส่ท้องฟ้า ข้างหลังเขามีปีกสีทองคู่หนึ่งงอกขึ้นทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า
เวลาผ่านไป
พลังของเย่ว์หยางอ่อนลงในสนามพลังเทพสังหาร
หยวนจี๋ได้รับพลังสนับสนุนร้อยเท่า นอกจากนี้ยังมีอสูรรูปร่างกลุ่มแสงทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้น เทียบกับเย่ว์หยางตอนนี้เหนือกว่าอย่างไม่มีเหตุผลใดๆ เลย
“ลงโทษประหารชีวิต ได้เวลาต่อสู้เด็ดขาด ข้าจะใช้คมขวานโลหิตตัดศีรษะศัตรู” หยวนจี๋เรียกขวานเทพเจ้า เมื่อเขาถือขวานในมือเขามีความรู้สึกว่าสามารถทำลายโลกได้ทั้งโลก ร่างของหยวนจี๋ที่เป็นเพียงเงาทองเริ่มรวมตัวแน่นกลายเป็นร่างเลือดเนื้อ
เมื่อหยวนจีคืนสภาพเป็นร่างมนุษย์ เขาใช้ขวานอาญาอาวุธระดับเทพเป็นอาวุธประจำตัว
ขณะนี้เอง
เขามีชีวิตคงกระพัน
ไม่ต้องพูดถึงศีรษะ ต่อให้เป็นมิติเวลาของโลกและสวรรค์เขาก็ฟันเปิดได้
ตาย!
หยวนจี๋รู้สึกว่าพลังของเขาเพิ่มขึ้นจนถึงระดับสูงสุดเต็มไปด้วยความมั่นใจ เขาตรงเข้าหาศัตรูที่ยังยืนนิ่งกับที่และใช้ขวานไร้ต่อต้านก่อนทันที
ขณะที่ขวานอาญาระดับเทพกำลังสับลง คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเย่ว์หยางปรากฏลอยอยู่หน้าเขาพอดี และคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ไม่มีพลังใดๆ ในโลกสามารถทำลายได้ปิดกั้นพลังทำลายของขวานอาญาได้ทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย พริบตาที่เย่ว์หยางทำให้หยวนจี๋ตกตะลึง ดาบเทาเถี้ยในมือของเย่ว์หยางฟันสวนกลับด้วยท่าที่หนึ่ง ดาบผ่าปฐพีต่อหน้าหยวนจี๋
มาตั้งแต่เมื่อไหร่
หยวนจี๋ขวางขวานในมือต้านรับ เขาตวัดขวานหมุนตัวทางขวา และเปลี่ยนมือถือขวานมือซ้ายอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันดาบเทาเถี้ยสั่นสะเทือน ขวานอาญายังคงมีศักยภาพคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง
ขวานยังคงเงื้อขึ้นเหนือศีรษะ
เพียงแต่หยวนจี๋เปลี่ยนจากมือขวาไปถือมือซ้าย
เย่ว์หยางไม่ได้ใช้ทักษะพิเศษในการสู้กับขวาน เขามีอาวุธใช้มากมายไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธประเภทนี้! คทาเทพจักรพรรดิอวี้ถูกนำมาใช้ต้านรับขวาน ขณะที่อาวุธเทพทั้งสองปะทะกันแมงป่องดาวฟ้าเปลี่ยนร่างเป็นถุงมือสวมเข้ากับมือเย่ว์หยาง และปล่อยหมัดใส่หยวนจี๋ที่กำลังหมุนตัวเหวี่ยงขวานอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า ขวานอาญาได้แต่ตั้งรับ แต่ช้าเกินกว่าจะโจมตีรุกไล่ เขาต้องใช้ด้านหนาของขวานป้องกันตัว เย่ว์หยางไม่ยอมปล่อยให้หยวนจี๋ได้มีโอกาสพักหายใจ มือขวาของเขาถือดาบศึกทงเทียนร่างแปลงของอสูรทองน้อย เขาแทงใส่ระหว่างคิ้วของหยวนจี๋
หยวนจี๋ได้แต่ถอยอย่างไม่มีทางเลือก
เทาเถี้ยกลายร่างเป็นอสูรคอยกดข่มขวานเทพไม่ให้ใช้งานถลัด
แมงป่องดาวฟ้าบินออกมาโดยอัตโนมัติและตวัดหางต่อยมือซ้ายของหยวนจี๋ ขณะที่หยวนจี๋จับหางของแมงป่องดาวฟ้าด้วยมือซ้ายมือขวาเขาจับดาบอสูรทงเทียนประกายดาบจันทร์เสี้ยวก็ปรากฏข้างหน้า
เย่ว์หยางใช้มือทั้งสองข้างจับดาบ
ดาบจันทร์เสี้ยวฟันใส่หน้าผากหยวนจี๋ด้วยท่าที่สอง ฟ้าถล่มดินทลาย
ปีกสีทองที่อยู่ด้านหลังหยวนจี๋กางออกมาบังข้างหน้าก่อนจะถูกดาบฟัน
ขนสีทองหลายสิบขนกระจายเต็มในท้องฟ้า แมงป่องดาวฟ้าก็โดนเหวี่ยงขึ้นไปในท้องฟ้า จากนั้นหยวนจี๋ยิงพลังเทพใส่ดาบอสูรทงเทียน ดวงตาของเขาเย็นชากระหายเลือด เขาจับขวานเทพและเตะอสูรทงเทียนที่กำลังกัดด้ามขวานกระเด็นออกไป และตั้งใจใช้พลังขวานเทพโจมตีเย่ว์หยางที่ไม่มีอะไรปกป้อง
แต่ฉากภาพที่เขาเห็นข้างหน้าไม่ใช่เย่ว์หยางที่หวาดกลัวถอยหนีออกไป
แต่กลับเป็นกำลังเสริมสนับสนุนของเขา
พลังที่สนับสนุนที่อยู่ต่อหน้าของเด็กหนุ่มนี่แต่ละครั้ง จะทำให้เขาพลังเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า เมื่อหยวนจี๋เผชิญหน้ากับเย่ว์หยางเขามองเห็นเป็นภาพลวงตาภูผาสูงใหญ่... เมื่อพูดถึงความสามารถในการให้พลังสนับสนุน เงาปีศาจยักษ์ อสูรพิทักษ์อันดับหนึ่งของเย่ว์หยาง มีกี่ร่างกันแน่ มันสามารถรวมตัวจนเป็นร่างใหญ่โตได้หรือ? เพื่อฆ่าจีอู๋ลี่ให้ได้เย่ว์หยางวางแผนอยู่นานแล้ว เงาปีศาจต้องเพิ่มอย่างน้อยสิบร่างมีพลังร้อยเท่าเหนือกว่าความก้าวหน้าของจีอู๋ลี่ทุกทาง
เขาใช้สนามพลังสร้างโลกเป็นครั้งแรก หยวนจี๋เหมือนอยู่หน้าประตูเป็นตายทันที
ไม่รอให้เขาโจมตี
ขณะที่พลังต่อสู้ของเย่ว์หยางขึ้นถึงขีดสุด ปีศาจอสรพิษน้อยเสี่ยวเหวินหลีปรากฏตัวที่ด้านหลังหยวนจี๋ ตาคู่งามของเธอจ้องมองศัตรูอันตรายและใช้ทักษะพันธนาการทันที
“อะไรกัน?” หยวนจี๋ตะโกนอยู่ในใจ แต่เสียงไม่สามารถเปล่งออกมาได้ อย่าว่าแต่หลบหนีเลย
บางทีอาจเป็นเวลาไม่ถึงวินาที แต่ก็เพียงพอให้เย่ว์หยางระดมพลังโจมตีอย่างรุนแรงได้
ตราผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ปรากฏในมือของเขา
และประทับเหนือหน้าผากหยวนจี๋ทันที
เสียงกะโหลกแตกที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน และด้วยความเร็วเหนือเสียงเย่ว์หยางใช้อีกมือหนึ่งที่ถือมุกประทีปราตรีเสยกระแทกปลายคางหยวนจี๋ เลือดและฟันหักกระเด็นกระจายในอากาศ หยวนจี๋แทบจะหมดสติต้องหลบหนีจากความเจ็บปวด แต่ก่อนที่เขาจะทันตั้งสติได้ อาวุธเทพร่างมนุษย์ร่างแปลงของสองสาวพี่น้องมังกรในร่างดาบแทงเข้าที่หน้าอกของหยวนจี๋ ไม่เพียงแต่หัวใจเท่านั้น แม้แต่วิญญาณก็เจ็บปวดจากการแทงครั้งนี้
หยวนจี๋ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าผู้คุ้มกันของเจ้าเด็กนี่มีมากมาย
และแต่ละคนเล่นงานเขาได้ถึงตาย
เมื่อเขาดิ้นรนหนีจากทักษะพันธนาการ สำนึกเทพเขารู้สึกเลือนรางและพบว่ากะโหลกของเขาแตก ฟันหายไป และอกที่ตำแหน่งหัวใจมีรูขนาดใหญ่ อวัยวะภายในบอบช้ำอย่างหนัก อาการบาดเจ็บเหล่านี้ไม่สำคัญที่สุด หอกเพลิงที่สร้างด้วยเพลิงอมฤตแทงใส่ท้องเขาปักตรึงเขาไว้กับพื้น
เพลิงอมฤตเป็นไฟที่ชำระทุกอย่างในโลก
แม้แต่ร่างเทพก็ยังไม่เว้น
หยวนจี๋รีบใช้ขวานเทพตัดร่างตนเองขาดครึ่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว
“หนี!”
เขาหวังแต่เพียงว่าต้องรีบกลับไปอยู่ข้างเจ้านาย หลังจากบินกลับมาจากควันดำ กลับไปหาจีอู๋ลี่ที่กำลังตะลึง สายเกินกว่าจะพูดเตือน มีปราณกระบี่สามสายถูกยิงจากธนูเทพร่างมนุษย์ไล่ตามหลังเขาและปราณกระบี่ทั้งหมดยิงถูกร่างของเขา
ปราณกระบี่สามสามสายมีสีดำ สีขาวและสีแดง
กระบี่ดำกุยจ้าง
กระบี่ขาวซวงหัว
กระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียน
ในครั้งสุดท้ายกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนยิงเข้าที่หลังศีรษะ ความเจ็บและความกลัวบนใบหน้าของหยวนจี๋กลายเป็นความผ่อนคลาย
เขาฝืนยิ้มขมขื่นให้จีอู๋ลี่ “หยวนจี๋สู้มาได้ในระดับนี้เท่านั้น ศัตรูน่ากลัวรายนี้ด้วยพลังข้าและพลังเจ้าไม่อาจต้านทานได้ รีบหนีเร็ว!”
ปราณกระบี่ทั้งสามสายทำให้หยวนจี๋ไม่มีพลังสนับสนุนอีกต่อไป ร่างของเขาสลายสำนึกเทพกลายเป็นแสงทองกลับเข้าคัมภีร์อัญเชิญศักดิ์สิทธิ์
ในฐานะอสูรพิทักษ์ เขาเป็นอมตะ
แต่พลังเทพ
ร่างเทพที่ฟื้นฟูขึ้นมาด้วยความยากลำบากถูกปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ทั้งสามทำให้สูญสลาย สำนึกเทพหยวนจี๋ที่กลับเข้าไปในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เหลือไม่ถึงหนึ่งในสิบ เมื่อเผชิญกับผลลัพธ์มากเกินกว่าจินตนาการเช่นนี้จีอู๋ลี่ตะลึงทันที เขาไม่อยากเชื่อ เขาคิดว่าเขาจะรอข่าวดีว่าหยวนจี๋สามารถประสบความสำเร็จสังหารศัตรูได้อย่างรวดเร็ว ไม่คาดคิดเลยว่าอสูรพิทักษ์ที่ทรงพลังและเป็นหลักประกันสำคัญที่สุดของชีวิตเขา ราชันย์ฟ้ายอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งฟ้าเหนือฟ้าจะมาพ่ายแพ้ต่อหน้าเขาร่างเทพสลาย สำนึกเทพเหือดแห้ง
ต่อให้เรียกกลับมาใช้ เขาไม่รู้ว่าจะคืนค่าระดับพลังปัจจุบันได้แค่ไหน....
พลังโจมตีแบบไหนกันที่ทำให้หยวนจี๋ย่ำแย่หนักขนาดนั้น?
เป็นไปได้ยังไง?
ในโลกนี้นอกจากอาจารย์แล้ว ใครทำอย่างนี้ได้? ไม่ นี่เป็นไปไม่ได้!
ในมือของเย่ว์หยางกลั่นสร้างปราณกระบี่รัศมีสีส้มพุ่งออกมาจากควันหนาออกมาถึงหน้าจีอู๋ลี่ ทันทีที่หายนะแพร่กระจาย ยกเว้นศัตรูเจ้าเล่ห์มีแผนการอยู่ในใจแล้ว เขาคือศิษย์ของเจ้าตำหนักสูงสุดแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ เป็นอัจฉริยะไร้เทียมทานที่มีคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นเจ้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์ เป็นโอรสสวรรค์ผู้หยิ่งทระนง แต่ชีวิตของเขากลับตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกระบี่นี้
“ตัวเจ้าเป็นแค่จุดเริ่มต้น ในไม่ช้าอาจารย์ของเจ้า และตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดจะต้องถูกกำจัดด้วยปราณกระบี่ของข้า!” เย่ว์หยางยิงปราณกระบี่ส้มเฉิงหงกวงใส่จีอู๋ลี่อย่างไม่ลังเล
19 ความคิดเห็น:
ใจจ้า
จะตายใช่ไหม
บอสใหญ่คงเป็นอาจารย์มันสินะ
จะรอดมั้ยนะ
ขอบคุณน้า
ขอบคุณครับ
น่าจะตายยากอยู่นะ
ยังตะหงิดๆทำไมมันดูง่ายงี้!
น่าจะบาดเจ็บแต่หนีได้
หื่มมมมไม้มันไม่น่ามีแค่นี้บทปูมาอย่างนี้ต้องมีอะไรอีกแน่
นั้นไงละบทของซือเสิ้นหายไปเลย ไม่ใช้โผล่มาอีกทีมายิ้มตบมือแล้วกลายร่างเป็นจีอู่ลีแทนนะ
ค้างจัดๆเลยยย
เห้ยยยย ไวไปไหมอะ ทำไมมันดูง่ายจัง ทั้งที่บทของจี๋อูลี่ปูมานานมากกกกกก จะตายง่ายๆแบบนี้เนี่ยนะ?? ขอบคุณคนแปลและทีมทีมงานครับ รอติดตามตอนต่อไป+++
ขอบคุณครับ
ขอบคุณคับ
ปูมาเป็นร้อยตอนเจ้าจะตายใน 2 ตอนไม่ได้
ขอบคุณครับ
มันส์ ขอบคุณครับ
มันมีต้องมีเงื่อนงำแน่ๆ ปูมาหลายร้อย อกมาสองตามตอนตายมันไม่ใช่
น้าจะหนีได้นะ
แสดงความคิดเห็น