ตอนที่ 1222 ข้าคือเทพ!
“พูดคุยเรื่องฝันหรือ?” เสียงของจักรพรรดิเทียนหลัวเหมือนไม่พอใจแต่ชัดเจนราวกับสายน้ำในลำธาร “เล่าเรื่องให้ข้าฟังก่อนดีกว่า!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เล่าเรื่องหรือ ได้ ตอนนี้เป็นเวลาเหมาะจะเล่าเรื่อง!” ผู้ชื่อชุนหวีเฒ่าหน้าทารกหัวเราะและเหยียดแขนกล่าว “สามารถฟังเรื่องเล่าจากฝ่าบาทในอีกมุมมองหนึ่ง นับว่าโชคดี เราผู้เฒ่าเดินทางมาครั้งนี้คุ้มค่านัก!”
บัณฑิตวัยกลางคนประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาสงบใจได้ทันที
เขายังคงไพล่มือไว้ข้างหลัง
ยืนนิ่งเงียบ
เหมือนกับว่าตั้งใจฟังเรื่องราวจากจักรพรรดิเทียนหลัวหัวซิ่วรี่
จักรพรรดิดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นเสียงหัวเราะเสียดสีของชุนหวี ยังคงเฉยเมยเหมือนผิวน้ำทะเลสาบราบเรียบดุจกระจก “มีเด็กคนหนึ่งเล่าเรื่องราวนี้ให้ข้าฟัง กล่าวอีกนัยหนึ่งว่านักฝันที่ดีมักจะฝันและฝันว่าสักวันเขาจะทำให้เป็นจริงได้ อยู่มาวันหนึ่งเขาเมาแล้วนอนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสภาพมึนงง เทวทูตสองคนลงมาหาเขาเชื้อเชิญเขาให้มาเยี่ยมชมดินแดนแห่งหนึ่ง สิ่งที่เขาได้เห็นได้ยินปรากฏว่า ประเทศนี้เล็กและด้อยยิ่งกว่าที่เขาอยู่ เขามีความรู้สึกว่าเหนือกว่า ในระหว่างคัดเลือกเป็นเจ้าหน้าที่ในประเทศใหญ่นี้ คนผู้นี้ได้เข้าร่วมสมัครคัดเลือกด้วย และพบว่าไม่ยากเลย ในที่สุดเขาสามารถผ่านการทดสอบทั้งสามรอบ เป็นเลิศในระดับมัธยมปลาย ราชาที่นี่เห็นว่าคนผู้โดดเด่นเป็นพิเศษจึงพระราชทานองค์หญิงให้อภิเษกสมรสด้วยพระองค์เอง”
“ชีวิตที่น่าภูมิใจ ได้แต่งงานกับเจ้าหญิง คนผู้นี้มีความสุขเกินจินตนาการ แต่ข้าไม่รู้วัตถุประสงค์ของฝ่าบาทว่าเล่าเรื่องนี้ไปเพื่ออะไร?” ชุนหวีเหมือนกับไม่ได้ตั้งใจฟัง
“......” บุรุษวัยกลางคนขมวดคิ้วเช่นกัน
“เรื่องนี้ยังไม่จบ!” หัวซิ่วรี่ถอนหายใจเล็กน้อยจากนั้นพูดต่อ “คนผู้นี้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าครองแคว้น เขามีความขยัน รักในผู้คนสัตย์ซื่อถือมั่น ได้รับความเคารพนับถือจากปวงประชาราษฎร์ เขามีลูกชายหญิงหลายคน ไม่ขาดแคลนผู้รับช่วงต่อจากเขา ถ้าเรื่องราวมาถึงตรงนี้ ท่านทั้งสองคงฟังได้ไม่พอ มิทราบว่าสองท่านเต็มใจจะฟังต่อหรือไม่?”
“กล่าวได้ว่าเราผู้เฒ่ากำลังจะฟังตอนจบ” ชุนหวีหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “เราผู้เฒ่ารู้ว่ามีจุดเปลี่ยนในเรื่องนี้ แต่ไม่รู้ว่า ฝ่าบาทจะบิดเบือนไปตรงไหนกัน ฮ่าฮ่าฮ่า!”
บัณฑิตวัยกลางคนไม่พูดอะไร ดวงตาของเขาทอประกายปัญญา และดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจ
หัวซิ่วรี่ไม่ได้หวั่นไหวในคำพูดของชุนหวี เขายังคงเล่าเรื่องต่อไปเหมือนสายน้ำที่หยุดไม่ได้ “เมื่อคนผู้นี้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยไม่รู้จักเวลา ประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้เคียงได้ส่งกองทัพเข้าโจมตี ภายใต้สงครามครั้งที่หนึ่ง ไม่มีกำลังเพียงพอต่อต้าน ศัตรูแข็งแกร่ง ไม่มีใครต่อต้านเปรียบติด!”
ชุนหวีหัวเราะลั่น “ในกรณีเช่นนี้ทำไมไม่ส่งเจ้าแคว้นผู้มีพรสวรรค์นั้นไปนำทัพเล่า?”
หัวซิ่วรี่หัวเราะด้วยความภูมิใจจากนั้นพูดต่อ “เป็นที่น่าเสียดายที่เขาไม่เข้าใจศิลปะในการทำสงคราม แม้ว่าเขาจะกล้าหาญก็ตาม ในท้ายที่สุดเกิดการพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ ทหารบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก กองทัพถูกทำลาย” ชุนหวีได้ฟังก็หัวเราะทันที ส่วนบัณฑิตวัยกลางคนเลิกคิ้วราวกับว่าเขาคิดออกแล้วทำไมหัวซิ่วรี่ถึงพูดเช่นนั้น หัวซิ่วรี่หยุดเล็กน้อยและกล่าวต่อ “คนผู้นี้พ่ายแพ้ระหกระเหินออกจากบ้าน เขาต้องการให้ภรรยาของเขาขอร้องราชา ใครจะคิดกันเล่าว่าภรรยาของเขาเป็นโรคร้ายเสียชีวิต เขาได้แต่กลับไปเมืองหลวงยอมรับผิด พระราชากริ้วและปลดเขาออกจากตำแหน่งเป็นสามัญชน และเนรเทศเขาพร้อมกับบุตรธิดาที่เกิดแต่องค์หญิงออกไปจากแคว้นไม่ยอมให้ทำงานอีกตลอดไป”
ชุนหวีได้ยินแล้วรู้สึกจืดชืดไร้เรื่องราว
ในใจของเขาต้องการปฏิเสธอยู่สองสามคำ
แต่เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
บัณฑิตวัยกลางคนมองผิวเผินไม่พูดอะไร แต่การแสดงออกเหมือนกันคาดการณ์ไว้นานแล้ว
ขณะที่ทั้งสองคนอึดอัดพูดไม่ออก หัวซิ่วรี่พูดขึ้นอีกครั้ง “เรื่องนี้ยังไม่จบแบบนี้ คนผู้นั้นถูกส่งตัวกลับบ้านเกิดเดิม เขารู้สึกละอายใจต้องสะดุ้งตะโกนผวาตื่นจากฝัน เขาพบว่าเป็นเพียงความฝัน ยังดีที่โชคร้ายนั้นไม่ได้เกิดขึ้น เขาพยายามมองหาอย่างระมัดระวังก็พบรังมดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในทุ่งนั้น”
“แค่กๆๆๆๆ!” ชุนหวีฟังเรื่องราวจบไอจนหน้าแดงทันที
“การรู้แจ้งของฝ่าบาทเป็นการกระตุ้นการตื่นรู้ที่ดีจริงๆ โลกนี้อุดมสมบูรณ์และมั่งคั่งมีความสุข และความสุขนั้นก็เหมือนกับเมฆที่ล่องลอย จากนั้นก็อาจหายไปในพริบตาได้ แต่ละคนต่างต้องการบรรลุความสำเร็จยิ่งใหญ่ แต่ในความเป็นจริงไม่มีอะไรมากไปกว่ามดเมื่อเทียบเวลาที่ไม่มีที่สิ้นสุดและมิติพื้นที่ซึ่งไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อเทียบกับมหาเทพโบราณที่มีอำนาจทุกอย่าง การต่อสู้ของเราเป็นการต่อสู้ของมดที่ไร้สาระ แต่น่าเสียดายที่จะมีสักกี่คนในโลกมองได้ทะลุปรุโปร่งเหมือนฝ่าบาทเล่า?” บัณฑิตวัยกลางคนตอนแรกฟังดูแล้วประหลาดใจอึ้ง จากนั้นก็ปรบมือหัวเราะ
“เจ้าตำหนักใหญ่ตงฟาง ท่านเป็นผู้ฉลาดอันดับหนึ่งจากแดนสวรรค์ มีสติปัญญาเป็นเลิศทำไมถึงไม่เข้าใจ?” จักรพรรดิหัวซิ่วรี่ถอนหายใจเบาๆ และถามเสียงอ่อนโยน
“บางคนไม่มีความสนใจในรังมด แต่บางคนก็ชอบค้นคว้าวิจัยรังมด” บัณฑิตวัยกลางคนเหมือนจะบอกว่าเขาแตกต่างจากทุกคน
“มดไม่เคยกัด แล้วทำไมต้องรบกวนมัน?” หัวซิ่วรี่ถามอีกครั้ง
“แม้ว่ามันจะไม่ได้กัดผู้คน แต่ข้าพบว่านี่เป็นฝันดีจริงๆ บางทีคนผู้นั้นไม่อาจทนรับเจ้าหญิงเป็นภรรยา ไม่อาจได้มีลูกๆ ในฝันและไม่อาจได้ทุกอย่างเป็นของเขาก็ได้” บัณฑิตวัยกลางคนหัวเราะและกล่าว
“ทุกสิ่งทุกอย่างในความฝันนั้นดี แต่ในที่สุดก็เป็นแค่เพียงฝัน” หัวซิ่วรี่พูดยังไม่ทันจบ ชายชราหน้าทารกชุนหวีขัดขึ้นทันที “ฝ่าบาทพูดอย่างนี้ เราผู้ชราไม่เห็นด้วย นับแต่วันที่คิดฝัน ผู้คนก็ไล่ตามความฝัน ถ้าท่านสามารถทำความฝันให้สำเร็จได้ อย่างนั้นชีวิตก็จะมีความสุขที่สุดเป็นความรุ่งเรืองของชีวิต สำหรับความผิดหวังที่เกิดขึ้นนั่นเป็นเพราะความสามารถ หากผู้คนในเรื่องนี้มีพลังอำนาจควบคุมกองทัพทั้งสามพวกเขาจะเอาชนะได้อย่างไร? แม้ว่าความฝันจะกลับมาอีกครั้ง ถ้าคนในเรื่องมีความสามารถได้เรียนรู้อย่างแท้จริง มีสนามให้ลงมือตามความเป็นจริง! ความฝันที่ฝ่าบาทเพิ่งกล่าวถึงเมื่อครู่นี้เป็นเพียงความโศกเศร้าคร่ำครวญของผู้พ่ายแพ้บางคน ท่านรู้หรือไม่ว่าสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ล้วนสร้างขึ้นได้ ตราบใดที่ตั้งใจ ก็ทำฝันให้เป็นจริงได้ นี่คือข้อสรุปที่เราผู้ชรามีต่อการพูดถึงฝัน ฝ่าบาท! มิทราบว่าท่านจะคิดว่าอย่างไร?”
“ข้าคิดว่าไม่สำคัญ แล้วเจ้าตำหนักตงฟางเล่า ท่านคิดประการใด?”
“เงื่อนไขของสิ่งมีชีวิตในโลกนี้มีหลากหลาย บางคนก็คิดว่าฝัน บางคนก็คิดว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพยายามของมนุษย์ ข้าทำอะไรตรงนี้ไม่ได้” คำตอบของบัณฑิตวัยกลางคนไม่เปิดโอกาสแม้แต่จะให้น้ำรั่วหยดได้
“ในกรณีนี้ ถ้าเป็นความฝันในปัจจุบันนี้ จะเป็นรองจากสองท่านตรงไหน?” เสียงของจักรพรรดิเยือกเย็นได้ทันที และแฝงไปด้วยความรู้สึกที่เย็นชาเงียบสงบเหมือนหิมะและน้ำแข็งละลายทำให้เจ้าตำหนักตงฟางและชายชราหน้าทารกรู้สึกได้ถึงความเยือกเย็น
พวกเขารู้ดีว่าวังเทียนหลัว และมิติลวงตานี้
ไม่ง่ายที่จะเข้ามา
เกรงว่าแม้แต่สามจอมภพแดนสวรรค์ในอดีตที่รุกรานหอทงเทียน มีเพียงจักรพรรดิอวี้ที่รับมือตามลำพัง เมื่อยอดฝีมือทั้งสี่เข่นฆ่าประหัตประหารกัน แผ่นดินเป็นสีดำท้องฟ้ามืดมิด หอทงเทียนเหมือนปราสาทที่ไม่มีการปกป้อง นักสู้แดนสวรรค์ตะลึงและรอจนจักรพรรดิอวี้พ่ายแพ้ แต่ก่อนนั้นไม่มีใครกล้าย่างเท้าเข้าไปในวังเทียนหลัว ไม่มีใครกล้าเข้ามาในมิติลวงนี้
บัณฑิตวัยกลางคนคิดมานานหลายพันปี มองหามาหลายพันปี ในที่สุดก็พบคนที่ทำให้ความฝันเขาสำเร็จได้ ชุนหวี
นี่เป็นครั้งแรกที่เขากล้าเข้ามาในวังเทียนหลัว
แผ่นดินต้องห้าม
นี่เป็นสถานที่ต้องห้ามอย่างยิ่งยวด... บางทีแม้ว่านักรบหอทงเทียนเองก็คงลืมเลือนไปแล้ว แต่ในฐานะเจ้าตำหนักใหญ่ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อหอทงเทียนอย่างยิ่งยวดและเกลียดหอทงเทียนที่สุด บัณฑิตวัยกลางคนไม่มีวันลืมมิติลวงตาแห่งนี้
ในหอทงเทียน แดนนรก บันไดสวรรค์และทวีปมังกรทะยานตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง แดนนรกหลังจากนางพญาผู้พิชิตถูกผนึกก็ตกต่ำดำดิ่งถึงที่สุด ยังไม่มีใครโดดเด่นขึ้นมาได้ แม้ว่าทวีปมังกรทะยานจะมีอัจฉริยะมากมายตั้งแต่หมื่นปีที่ผ่านมา แต่มีเพียงผู้เดียวที่น่ากลัวที่สุดสามารถทำให้แดนสวรรค์กลัวได้ นั่นคือจักรพรรดิอวี้ ถ้าไม่ใช่เพราะต่อเมื่อมีจักรพรรดิอวี้อีกคนหนึ่ง คุณชายสามตระกูลเย่ว์ก้าวหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็วเหนือจินตนาการทั้งปวง ทวีปมังกรทะยานอาจตกต่ำดำดิ่งยิ่งกว่าแดนนรกเสียอีก
มีแต่บันไดสวรรค์เท่านั้น แม้ผ่านไปหมื่นปีถึงค่อยเริ่มตกต่ำบ้าง ผู้ปกครองยังคงมีอยู่ถึงทุกวันนี้
จักรพรรดิเทียนหลัวประทับอยู่ในวังเทียนหลัวไม่ได้หมายความว่าเขาจะอยู่กับความฝันตลอดทั้งปี
ในมุมมองของนักสู้ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์แดนสวรรค์ นี่คือผู้ที่อันตรายที่สุดในหอทงเทียน
ตราบใดที่คนผู้นี้ยังอยู่ที่นั่น คิดจะรุกรานหอทงเทียน นั่นเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ
บัณฑิตวัยกลางคนใช้เวลาหลายพันปีได้ชุนหวีผู้เชี่ยวชาญในการทำลายความฝันลวงตาเข้าสู่วังเทียนหลัวได้ ตอนนี้เผชิญการตอบโต้จากจักรพรรดิเทียนหลัว เขามั่นใจเต็มร้อยจริงๆ หรือว่าจะทำลายและเอาชนะได้? จุดนี้บัณฑิตวัยกลางคนไม่กล้ารับประกันแน่นอน!
ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับชุนหวี
เขา
จะเป็นผู้ทำลายความฝันได้
ตราบใดที่ชุนหวีสามารถทำลายความฝันได้ ตราบนั้นจะสามารถทำลายหอทงเทียนได้อีกครั้ง!
นอกจากจักรพรรดิเทียนหลัวนี้แล้ว บัณฑิตวัยกลางคนไม่กังวลเกี่ยวกับคุณชายสามตระกูลเย่ว์หรือจื้อจุนชาวมนุษย์ที่เป็นดาวรุ่งยอดฝีมือของหอทงเทียน ที่สำคัญอัจฉริยะยอดฝีมือรุ่นใหม่ที่โดดเด่นขึ้นมาเหล่านี้ยังอายุเยาว์โดดเด่นจนผู้เยาว์อื่นๆ ตามไม่ทัน แม้ว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์และจื้อจุนชาวมนุษย์จะมีชื่อเสียงเข้ามาถึงหูเขาบ้าง แต่ในความเห็นของบัณฑิตวัยกลางคนมองว่าเป็นอุบัติเหตุ เขาไม่เชื่อว่าจะมีใครโดดเด่นในรอบหลายพันปี มีแต่จักรพรรดิเทียนหลัวนี้เท่านั้น มีแต่ฝันของคนผู้นี้ที่ยังเป็นไปได้อยู่!
“ฝ่าบาท เกี่ยวกับคำถามของท่าน” ชุนหวีตื่นตัวภายในอย่างที่สุด แต่มองผิวเผินเขาหัวเราะอย่างสบายๆ “คำตอบของเราผู้เฒ่า ถ้านี่เป็นความฝัน อย่างนั้นเราผู้เฒ่าก็จะทำให้เป็นจริง! ถ้าเรื่องนี้เป็นความฝัน เราผู้เฒ่าก็จะทำลายความฝันและเปลี่ยนทุกอย่างในฝันของเขาให้กลายเป็นความจริง!”
“เจ้าไม่ใช่ข้า แต่ยังโอ้อวดอย่างไม่ละอายใจว่ากล้าเปลี่ยนความฝันข้าหรือ?” หัวซิ่วรี่แค่นเสียง
“ในความฝัน ข้าคือเทพเจ้า!” ชุนหวีเต็มไปด้วยท่าทีหยิ่งยโส เขาชูมือขึ้นสูง ทั้งคนและโลกแตกกระจัดกระจาย แสงรัศมีเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์สว่างไสวไปทุกอย่าง มีดังขึ้นให้ได้ยิน “ข้าคือเทพ เป็นเทพแห่งความฝัน! ในความฝัน! ข้าทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง!”
ชุนหวีโบกมือทั้งสองข้างในท้องฟ้า
เกิดกลุ่มเมฆมืดครึ้มนับไม่ถ้วนทันที
สายฟ้า อัสนีบาตสะท้านเลื่อนลั่น
ฝนเทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
ชุนหวีคว่ำมือทั้งสองข้างลงพื้น เมื่อฝนตกลงมายังพื้น หยดน้ำพลันเปลี่ยนเป็นเปลวไฟเผาไหม้ทุกอย่าง เมื่อเฒ่าหน้าทารกประคองมือเสมออกเปลวไฟทั้งหมดเปลี่ยนเป็นดอกไม้ทันที!
“ไม่ว่าจะเป็นใครในโลกความฝัน แต่ข้าเป็นพระเจ้า เป็นเจ้านาย ภายใต้เจตจำนงของข้า ทุกอย่างจะต้องอยู่ภายใต้นามข้า ไม่มีการยกเว้น ไม่มีการปลดเปลื้องใดๆ ได้ ข้าคือเทพแห่งฝัน เจตจำนงของข้าคือทุกสิ่ง ไม่ว่าใครก็ตามจะเชื่อฟังข้าหรือต่อต้านข้าโดยกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นผู้สร้างตามธรรมชาติหรือประดิษฐ์สิ่งของ ไม่ว่าจะเป็นของเป็นหรือของตาย ไม่ว่าจะเป็นความคิดที่ชอบธรรมหรือผิดเพี้ยนใดๆ ที่เป็นอิสระจากโลก ไม่ว่าจะมีสติหรือไม่รู้สึกตัวก็ตาม ล้วนแต่อยู่ในความฝันของข้า อยู่ภายใต้การจัดการควบคุมของข้า” เฒ่าหน้าทารกชุนหวีมีใบหน้าเป็นประกายผ่องใสเหมือนเทพเจ้า
“จงบาน....” เขาชี้ไปที่ดอกไม้ ดอกไม้ทั้งหมดก็บานสะพรั่ง
“จงเหี่ยวเฉา...”
พอเขาชี้นิ้วอีกครั้ง ดอกไม้ที่บานเต็มทั้งหมดก็เหี่ยวเฉาจนไม่เหลืออะไร
ชุนหวีมองขึ้นบนท้องฟ้าและดึงดูดดาวตกอุกกาบาตยักษ์ที่ทำลายโลกและสวรรค์ ขณะที่ดาวตกกำลังจะชนวังเทียนหลัว เขาเปลี่ยนมันให้เป็นกลีบดอกไม้ โปรยปรายร่วงหล่นสีสันราวกับโลหิต
ในที่สุดชุนหวีกำหมัดและพยักหน้าให้บัณฑิตวัยกลางคนอย่างมั่นใจ “ไม่ว่าเป็นใครเมื่ออยู่ในความฝันนี้ ข้าเป็นเทพเจ้าของความฝันนี้ ที่นี่ข้าควบคุมมิติเวลา ข้าสามารถสร้างและทำลายได้ สามารถทำทุกอย่างได้ ไม่ว่าจะเป็นฝันอะไร ข้าสามารถทำลายด้วยฝันของข้า และเปลี่ยนมันให้เป็นความจริง!”
บัณฑิตวัยกลางคนขบกรามเล็กน้อย
การพยายามอย่างหนักหลายพันปี การเตรียมตัวมาหลายพันปีได้รับผลตอบแทนในที่สุด
แม้ว่าเวลาจะยาวนานสักเล็กน้อย แต่มิใช่ว่ายอมรับกันไม่ได้
เป็นที่น่ายินดีล่วงหน้าที่หอทงเทียนจะต้องถูกทำลาย แต่ถ้าสามารถเตรียมการไปทีละขั้นๆ และผลักดันที่นี่ลงสู่ห้วงเหวที่มิอาจย้อนกลับ นั่นจะเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา
บัณฑิตวัยกลางคนมีความคลายใจกับความฝันทุกประเภท
ที่สำคัญชุนหวีมีทักษะแฝงเร้นในการทำลายฝันที่ดีที่สุด เขามีความสามารถในการควบคุมความฝันทุกชนิด เขาเตรียมตัวมาหลายพันปี รอจนชุนหวีมีพลังถึงระดับสุดยอดเพื่อเอาชนะความฝันในวันนี้
หากไม่มีการเตรียมการมาหลายพันปี เขาจะไม่คิดแน่นอนว่าชุนหวีจะสามารถปลดปล่อยพลานุภาพใดๆ เพื่อให้เข้ามาถึงวังเทียนหลัวได้ โชคดีที่ความอดทนหลายพันปีนี้ให้ผลตอบแทน
สิ่งเดียวที่บัณฑิตวัยกลางคนไม่สามารถเข้าใจได้ก็คือ
ทำไม?
ก่อนหน้านั้นจักรพรรดิเทียนหลัวถึงเล่าให้ฟังถึงความฝันของเขาอย่างสบายๆ?
“ฝ่าบาท ท่านคิดว่ายังไง?” บัณฑิตวัยกลางคนยังไม่พอใจ อันที่จริงเขาจะยังไม่พอใจก่อนที่อีกฝ่ายจะยอมรับความพ่ายแพ้อย่างบริบูรณ์
“ฝันได้ไม่เลวเลย เมื่อเทียบกับฝันที่เพิ่งเล่าให้ฟังนี้” หัวซิ่วรี่วิจารณ์ชุนหวีผู้ที่อ้างตัวเองว่าเป็นเทพแห่งความฝัน ทั้งคำพูดและการกระทำต่างๆ
“เจ้าว่ายังไงนะ?” ชุนหวีโกรธ
“คำพูดของเด็กน้อยจอมโวเจ้าบ่นเพ้อเจ้อเปลืองน้ำลาย ข้าจะพักแล้ว ดังนั้นเจ้ายังจะออกไปไม่ได้” หัวซิ่วรี่ตรัสเย็นชา “ข้าคิดว่าพูดชัดเจนพอแล้ว”
+++++++++++++++++++++++++++++++
12 ความคิดเห็น:
จะได้เห็นการเอาจริงของตัวละครลับแล้วว
เอ้าาาาา จักรพรรดิองค์นี้ลึกลับที่สุดแล้วในหอทงเทียน อย่าบอกนะว่าเป็นมหาเทพโบราณอีกองค์
หัวซิวรี่คือผู้ปกครองบรรดันสวรรค์แน่เลย น่าจะคนเผ่าเดียวกันกับแม่เจ้าสาม
จะยันได้นานมั้ยน้อ
แงๆๆๆๆๆกำลังมันๆเลยหมดโปรแล้ว
หมดโปรแล้วเสียใจ
ไม่มีวันละสองตอนแล้วหรอครับแอด
หมดแรงเลย😭😭😭😭😭😂😂😂
ขอบคุณแอดมากครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ เป็นนิยายที่สนุกและมีมุมให้คิดเยอะดีครับ :)
เอาแล้วๆ ใครฝันเก่งกว่ากัน
แสดงความคิดเห็น