ตอนที่ 1240 ความนิรันดร์ที่แท้จริง
โลกคัมภีร์
“นี่ต้องเป็นของปลอมอย่างแน่นอน!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสรุปในคราวเดียว “อย่าว่าแต่ใช้หัวคิดเลย แค่ใช้หัวแม่เท้าตรองดู เจ้าก็รู้ได้แล้วว่าเป็นของปลอม! หากเจ้าไม่เคยเห็นคัมภีร์เทพก็ว่าไปอย่าง แต่อย่างไรก็ตามที่หอทงเทียนก็มีคัมภีร์เทพอยู่ เจ้าก็เห็นว่าราชาเฮยอวี้ใช้ค้อนวิเศษหวดอยู่ทุกวัน เขาก็ยังไม่สามารถเข้าไปเอามาได้ ภายในคัมภีร์เทพก็มีม่านพลังป้องกัน และเจ้าดูว่าคัมภีร์เทพที่อยู่ในมือเจ้าเป็นยังไง? ข้าเคยเห็นคนโง่มามากแล้ว แต่ข้าไม่เคยเห็นคนโง่อย่างเจ้ามาก่อน!”
“คัมภีร์เทพก็ควรมีความเป็นเทพให้จับเค้าบ้าง นอกจากเจ้าของไม่ได้ถูกโจมตีจากภายนอก อย่างน้อยก็ควรมีโล่ทองหนึ่งชั้น แล้วคัมภีร์ในมือของเจ้าเป็นอย่างไร?” สาวงามโล่วฮัวรู้สึกไม่ต่างกัน
“จำได้ว่าดูเหมือนว่าคัมภีร์เทพจะต้องมีลักษณะพลังเทพให้เห็น” ราชันย์ปีศาจใต้คิดว่าคัมภีร์เงินนี้ไม่มีอะไร ดูน่าสงสัย
“พูดอย่างนี้แล้ว นับว่ามีข้อน่าสงสัยมากมายจริงๆ” เย่ว์หยางเกาหลังศีรษะทำท่าทางโง่งม
“เหตุผลหลักก็คือสามสาวเทวทูตวางความคิดที่ฉลาดไว้ ดังนั้นจึงมีเหตุผลมากว่าจะเกิดข้อผิดพลาดเล็กน้อยโดยพลั้งเผลอ!” นางเซียนหงส์ฟ้าเหมือนกับจะร่วมด้วยช่วยเผาเด็กหนุ่มจากโลกอื่น! ครั้งนี้ทุกคนรู้สึกตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ความสงสัยทั้งหมดได้รับการคลี่คลาย
“เฮ้..พูดอย่างนี้ไม่ยุติธรรมเลย!” เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาขายหน้าจึงรีบปรับตัวอย่างรวดเร็ว “ข้ายอมรับว่าหลังจากผ่านด่านได้อย่างยากลำบาก ข้ามีความภูมิใจอยู่เล็กน้อย และนี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หลังที่ได้ฝึกฝนกันยาวนาน ในที่สุดก็ผ่านด่านได้ แล้วจะบอกว่าข้าไม่มีความสุขเชียวหรือ? มีความสุขจะตื่นเต้นบ้างไม่ได้หรือ? ตื่นเต้นแล้วพวกเจ้าจะลืมมันได้ไหม? ข้ากล้าพูดได้ว่าข้าไม่ได้คิดเรื่องสาวงามแต่อย่างใด ส่วนใหญ่คัมภีร์เทพในฝันนี้ อย่ามองว่าต้องเหมือนหรือต่างจากคัมภีร์เทพอื่น แต่บางทีอาจจะเป็นกฎเทพดั้งเดิมจริงๆ และไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์เทพหรือไม่ก็ตาม การได้ผลเก็บเกี่ยวก็เป็นสิ่งที่ถูกที่สมควร เราพากเพียรพยายามอย่างหนักจนกระทั่งได้มา ก็ควรจะถนอมเอาไว้ให้ดี!”
“แต่ละหน้าแสดงถึงระดับการผ่านด่านดินแดนทดสอบฝีมืออย่างแท้จริง” อู๋เหินสนับสนุนสามีของนาง
“เสี่ยวซาน แม้ว่าจะน่าสงสัยเล็กน้อย แต่พี่ยังคงเชื่อเจ้า!” คนที่ให้ความเห็นดีที่สุดก็ยังเป็นเย่ว์หวี่
“นั่นยังไม่ถูกต้อง หนังสือที่บอกว่าเป็นคัมภีร์เทพนี้ มีเพียงเจ็ดหน้าเจ็ดด่าน ไม่มีด่านหุบเขาโลกธาตุ และด่านหุบเขาสวรรค์ รวมทั้งไม่มีด่านในตำนาน...” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตั้งข้อสังเกตใหม่ทันที
“เจ้าอธิบายได้ไหม ว่าเกิดอะไรขึ้น?” จุ้ยมาวอี้ยิ้มและเติมเชื้อไฟ
“อ่า...ข้าอธิบายไม่ได้เหมือนกัน เย่ว์หยางยังไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ความจริงนี่เป็นครั้งที่สองที่เขาพลิกเปิดดู เมื่อเขาเริ่มดูครั้งแรก เขาพลิกเปิดเพียงไม่กี่หน้า แต่เขาไม่ได้ตรวจดูอย่างระมัดระวัง
“อย่างนั้นเจ้าต้องมีคำอธิบาย เจ้าเอาสิ่งที่เรียกว่าคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพกลับมาแล้ว ทำไมถึงต้องพาสาวงามสามคนกลับมาบ้านด้วย?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเพิ่งพูดความคิดของนางและความสงสัยใหญ่ที่สุดของนางเกี่ยวกับคัมภีร์เทพในตอนนี้ เพราะมีเด็กหญิงน้อยผู้น่ารักสามคนถูกหลอกให้มาชมปลาทองที่บ้าน แน่นอนว่าหลังจากออกจากโลกไร้ที่สิ้นสุดแล้ว พวกนางไม่ใช่เด็กหญิงน้อยผู้น่ารักอีกต่อไป (ฉากก่อนหน้านี้สามสาวเทวทูตอยู่ในร่างเด็กหญิง) พวกนางคือหญิงงามสามคน!
คนหนึ่งเป็นหญิงสาวหน้ากลมแก้มเป็นพวงยิ้มหวาน ต่อให้เป็นคนที่หงุดหงิดน่าโมโหที่สุดเชื่อได้ว่านางยังคงอารมณ์ไม่แสดงอารมณ์ที่รู้สึกเกลียดแต่อย่างใด
อีกคนหนึ่งเป็นสาวห้าวมีจิตใจกล้าหาญ อีกคนหนึ่งดูมีสติปัญญา ราวกับว่ามองเห็นความสับสนของโลกทั้งหมดได้ออก
แน่นอนว่าหญิงงามที่เคลื่อนไหวอย่างงดงามอ่อนช้อยที่สุดคือสตรีงามคนกลางที่ปกติจะถือคัมภีร์ไว้เสมอ ความงามที่ละเอียดอ่อนของนางทำให้คนอื่นรู้สึกด้อยกว่าอย่างเต็มที่ หญิงงามคนกลางไม่เพียงแต่รูปร่างหน้าตางามเท่านั้น แต่ที่สำคัญคือนางสามารถแสดงภูมิปัญญาและจิตวิญญาณจากภายในถ่ายทอดออกมาภายนอกปรากฏออกมาเป็นรัศมีปัญญาที่งดงามบริสุทธิ์ที่สุดในโลก ความงามทั้งหมดรวมอยู่ในตัวนาง
นางไม่ได้ยิ้ม แต่ทุกคนสัมผัสถึงความอ่อนโยนในหัวใจนางได้
และเป็นพลังทางปัญญาที่ไม่มีใครมี ไม่มีใครต้านได้โดยธรรมชาติ
ไม่ใช่จากความเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่จากประสบการณ์สะสม ไม่ว่ารูปร่าง หน้าตา ลักษณะดูเป็นสิ่งที่คงอยู่ตามธรรมชาติไม่มีใดเหมือน
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่สามารถโกรธทั้งสามนางได้ แต่นางจะไม่ยอมปล่อยให้เย่ว์หยางย่ามใจได้ง่ายๆ
เย่ว์หยางกุมศีรษะอย่างระมัดระวัง และอธิบายอย่างชัดเจน “ความจริงพวกนางสามคนคือเด็กหญิงผู้น่ารักในตอนนั้น ข้าเห็นว่าพวกหนูๆ ในตอนนั้นไร้บ้าน น่าสงสารก็อดช่วยพวกนางมิได้และพาพวกนางกลับมาด้วย”
เมื่อได้เห็นเด็กหญิงผู้น่ารัก หมาป่าหนุ่มจากโลกอื่นจอมเจ้าเล่ห์ย่อมต้องการรวบรวมไว้ด้วยเป็นธรรมดา
หูแมวและอุปกรณ์เสริมรสนิยมลามกอื่นๆ เตรียมไว้พร้อม
เมื่อจะฝึกฝนผู้คนต่างๆ อย่าว่าแต่เด็กหญิงตัวน้อยๆ เลย ต่อให้เป็นลูกแมวลูกสุนัขที่น่ารักสาวๆ ผู้มีจิตใจเมตตามีหรือจะไม่เก็บมาเลี้ยงดู? ว่ากันตามตรง สาวน้อยผู้ยอดเยี่ยมเหล่านี้หากไม่รับเข้าบ้าน นั่นเป็นเรื่องไร้เหตุผล เย่ว์หยางไม่ต้องการตำหนิด่าตนเองภายหลัง ดังนั้นเขาจึงต้องทำแม้จะโดนองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!
“ทำไมข้ามองไม่เห็นว่าพวกนางเหมือนกับเด็กหญิงน้อยๆ เล่า?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองดูสัดส่วนโค้งเว้าของเทวทูตสาวทั้งสาม บางจุดบางที่ดูโดดเด่นเกินวัย
“ทันทีที่พวกนางออกจากโลกไร้ที่สิ้นสุด พวกนางก็เติบโตทันที ข้าไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน” เย่ว์หยางเองก็ไม่เข้าใจเหตุผลตรงนี้
“เจ้าคิดว่าคำอธิบายเช่นนี้จะโน้มน้าวให้เราเชื่อหรือ?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโกรธกว่าเดิม
“เขาพูดจริง” เทวทูตสาวผู้ฉลาดรับรอง
“นี่คือร่างกายที่เราแสดงออกในร่างมนุษย์ จะแตกต่างจากในโลกไร้ที่สิ้นสุดอยู่บ้าง” เทวทูตสาวหน้ากลมผู้น่ารักมักจะเข้าข้างเย่ว์หยางอยู่เสมอ
“แม้ถ้าไม่เป็นเช่นนี้ เจ้าจะไม่ให้คัมภีร์เทพเขาหรือ? เจ้ามาที่นี่กับเขาทำไม? ภารกิจของพวกเจ้าเสร็จสิ้นแล้ว พวกเจ้าควรกลับไปที่ดินแดนสวรรค์บนหรือโลกอื่นไม่ใช่หรือ?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่เข้าใจ แม้ว่าพวกนางจะเป็นเด็กหญิงจากโลกไร้ที่สิ้นสุดก็ตาม แต่เมื่ออยู่ภายนอกโลก พวกนางเป็นผู้ใหญ่ และมาที่นี่จะไม่เป็นอันตรายหรือ? ในโลกคัมภีร์นี้ ยกเว้นเย่ว์หยางที่เป็นบุรุษคนเดียว ที่เหลือนอกนั้นเป็นสตรีล้วนๆ!
“มีลุงคนหนึ่งบอกว่าจะพาเราไปชมดูปลาทอง...” เทวทูตสาวผู้กล้าหาญที่มักไม่ค่อยเกรงใจเย่ว์หยางเปิดความในใจของนาง
“พรวดดดดด” จุ้ยมาวอี้กำลังดื่มน้ำถึงกับสำลักน้ำทันที
อู๋เหินถึงกับพูดไม่ออก
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรี่เข้าหาเย่ว์หยางโดยไม่มีเวลาชักดาบเทพพยัคฆราช นางชูกำปั้นเตรียมทุบจอมลามกที่หลอกเด็กสาวมาดูปลาทอง เป็นธรรมดาที่เย่ว์หยางจะไม่ยอมนิ่งเฉย เขารีบเปิดประตูแล้วเผ่นหนีทันที แม่เสือสาวน่ากลัวมาก เผ่นก่อนดีกว่า ลูกผู้ชายยืดได้หดได้ ตอนนี้เขาควรจะหนีไปซ่อนตัวเสียก่อน จากนั้นค่อยกลับมาเจรจากันใหม่
เทวทูตสาวเจ้าปัญญาที่ยืนอยู่คนกลาง นางยิ้มเล็กน้อย “ข้าขอแนะนำตัวอีกครั้ง ข้าชื่อ หย่งเหิง (ผู้อมตะ) น้องสาวคนซ้ายมือชื่อว่า ช่วงจ้าว (ผู้สร้าง) ส่วนน้องสาวคนขวามือมีชื่อว่า หุ่ยเมี่ย (ผู้ทำลาย) เราสามคนมาจากหน่วยงานเดียวกัน แต่ในร่างมนุษย์นั้นเราเป็นบุคคลที่แยกจากกัน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เหตุผลแท้จริงที่เรามาที่นี่เพื่อต้องการช่วยให้บุรุษในดวงใจของเจ้าได้เป็นเจ้าของคัมภีร์เทพ บางทีพวกเจ้าอาจมีข้อสงสัยว่าทำไมทั้งที่เขาผ่านการทดสอบได้สำเร็จแล้ว แต่คัมภีร์เทพยังไม่ยอมรับเขา? บางทีพวกเจ้าบางคนก็คงคาดเดาได้แล้ว และบางคนก็สงสัยเช่นกัน แต่ข้ายังไม่แน่ใจ ถูกแล้ว เหตุผลที่คัมภีร์เทพไม่ยอมรับเขาเป็นเจ้าของ เป็นเพราะเขามีคัมภีร์เทพอยู่ก่อนแล้ว!”
พวกอู๋เหินมองหน้ากันเอง
ข่าวนี้
พวกนางสงสัยและพูดคุยกันเป็นส่วนตัว แต่พวกนางไม่แน่ใจ
ที่สำคัญก่อนเย่ว์หยางจะมานั้น เป็นเวลาหลายหมื่นปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นแดนสวรรค์ หรือหอทงเทียนไม่เคยมีใครที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ คนเดียวมีคัมภีร์เทพถึงสองเล่ม ทุกคนรู้ว่าคัมภีร์อัญเชิญของเย่ว์หยางเลื่อนระดับเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ และในบางช่วงเวลาพิเศษพวกนางสัมผัสได้ถึงอีกคัมภีร์หนึ่ง บางครั้งก็รู้จากเสี่ยวเหวินหลี และตั่วตั่วจึงรู้ว่ามีคัมภีร์อัญเชิญพิเศษอีกเล่มหนึ่ง!
ไม่เคยมีใครเป็นเจ้าของคัมภีร์ถึงสองเล่ม
นอกจากเย่ว์หยาง
ตอนนี้เขามีคัมภีร์เล่มที่สาม และคัมภีร์อัญเชิญนี้ก็เป็นคัมภีร์อัญเชิญระดับเทพ
ตรงจุดนี้ทุกคนคิดถึงความเป็นไปได้หลายอย่าง ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในตอนนี้ เขาต้องเผชิญหน้ากับความจริง แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นคำสาปหรือพรจากสวรรค์กันแน่ หัวใจของทุกคนอึดอัด และพวกนางก็รู้ว่าสามสาวนี้ก็ตึงเครียดเหมือนกัน พวกนางคือผู้พิทักษ์คัมภีร์เทพ!
เด็กสาวหุ่ยเมี่ยที่เป็นตัวแทนของผู้ทำลายพูดอย่างจริงจัง “เราไม่คาดว่าจะมีสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ผู้นั้นจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอนและจะไม่ได้รับการยอมรับ ปัญหาก็คือทุกอย่างเกินความคาดหมาย แต่มันกลายเป็นความจริงแล้ว เราต้องทำตามกฎสวรรค์และมอบคัมภีร์เทพให้กับเขา”
เย่ว์หวี่บิดมือไปมาอย่างกระวนกระวาย “แล้วเขาจะตกอยู่ในอันตรายไหม?”
“เราไม่รู้ ดังนั้นเราจึงต้องการอยู่และเฝ้าดู” หญิงสาวหย่งเหิงที่เป็นตัวแทนของความนิรันดร์พยักหน้าให้เย่ว์หวี่เล็กน้อย พยายามปลอบใจเท่าที่ทำได้ นางรู้ว่าพลังงานและสติปัญญาทั้งสองนั้นมีทั้งจำกัด และมีทั้งไม่สิ้นสุด ตามทฤษฎีแล้วเจตจำนงและประกายเทพสามารถใช้ได้แค่สร้างโลก บางทีเขาอาจเป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษ บางทีเขาอาจถูกสร้างมาเกินมาตรฐานปัจจุบัน สามารถพัฒนาตัวเองโดยอัตโนมัติอีกครั้งและสร้างโลกใหม่ในที่สุด บางทีเขาอาจจะยังไม่เติบโตเต็มที่ยังไม่มั่นคง จำเป็นต้องพัฒนารากฐานในการเลื่อนระดับ”
“ถ้าเป็นอย่างนี้ อย่างนั้นเรายินดีต้อนรับและขอให้พวกเจ้าอยู่ต่อไป” อู๋เหินตัดสินใจเป็นตัวแทนรับรอง “เขาเป็นอย่างที่พวกเจ้าพูด เราไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ และเราไม่ยินดีจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงการเติบโตของเขา เราได้แต่ติดตามหรือพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยเหลือ ในกระบวนการนี้เรายินดีต้อนรับพวกเจ้าเต็มที่ ข้าหวังว่าพวกเจ้าสามารถเป็นเทพพิทักษ์เขาในฐานะเจ้าของคัมภีร์คนใหม่ได้”
“เทพพิทักษ์ เบื้องหลังเขายังมีเทพพิทักษ์ที่สูงส่งยิ่งกว่า!” หย่งเหิงยิ้มเล็กน้อย “บางทีเราอาจเหมือนพวกเจ้า มีบางอย่างที่ไม่รู้”
“อยู่ที่นี่มีชีวิตชีวิตดีจริง ข้ามีความสุข” ช่วงจ้าวหญิงสาวหน้ากลมผู้น่ารักเผยความในใจ
“ข้าต้องการที่เงียบสงบ แต่เจ้านั่นเอะอะหนวกหู” หุ่ยเมี่ย (ทำลาย) ก็ยินดีจะอยู่ แต่ปากนางไม่ยอมรับเย่ว์หยางโดยง่าย
เมื่อเย่ว์หวี่จงใจพาพวกนางเข้าไปพัก โล่วฮัวจะถามทันที
แต่นางเริ่มลังเล
อย่างไรก็ตามในที่สุดนางไม่อาจห้ามใจได้ นางถามต่อ “ดินแดนมิติฝึกฝน ไม่มีด่านที่แปดหุบเขาโลกธาตุ และด่านที่เก้าหุบเขาสวรรค์หรือ?”
เทวทูตสาวเจ้าปัญญาตัวแทนความนิรันดร์ยิ้ม “ที่เจ้าสงสัยนั้นใช่ว่าไม่มีเหตุผล หอคอยเหนือหอคอยของหุบเขามนุษย์อยู่ตรงข้ามกับที่ผนึกไว้ หอคอยเหนือหอคอยที่แท้จริง การดำรงคงอยู่ของฟ้าเหนือฟ้า ขุนเขาเหนือขุนเขา หอคอยเหนือหอคอยนั่นคือการทดสอบอื่นที่ขยายออกมาจากด่านที่เจ็ด คนที่ไปหุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์คือบุคคลที่ถึงขีดจำกัดแล้วจริงๆ และหุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์ไม่ได้เป็นของดินแดนมิติทดสอบอีกต่อไป และที่เหล่านั้นจะไม่ถูกผูกมัดโดยกฎสวรรค์แห่งดินแดนมิติฝึกฝนอีกต่อไป พวกเจ้าจะเห็นได้ว่าคนจำนวนมากยังคงยุ่งเหยิงหัวหมุนไม่เข้าใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผู้ท้าทายผ่านด่านที่ไปยังหุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์ ความจริงแล้วเป็นผู้แพ้ที่ถูกกำจัดออกไปโดยดินแดนมิติฝึกฝน มีแต่คนที่เข้าสู่โลกไร้ที่สิ้นสุดเท่านั้นที่จะรู้ว่าการทดสอบคืออะไร การทดสอบของด่านที่แปดก็คือ ‘ไม่มี’ จากการสร้าง หรือทำลาย กลายเป็นความนิรันดร์ ไม่มีอยู่ในการฝึกฝน ขณะที่ด่านที่เก้าคือฝึกเรื่อง ‘มี’ ความนิรันดร์ การสร้าง การทำลายด้วยตนเอง และความนิรันดร์นั้น จะกลายเป็นความนิรันดร์ของตนเอง นั่นคือการผ่านด่านที่เก้า”
“ด่านที่เก้านั้น ก่อนที่เย่ว์หยางจะมา ไม่มีใครเคยสร้างความนิรันดร์เองได้และกลายเป็นความนิรันดร์ของตนเอง” ใบหน้าของเทวทูตสาวห้าวอ่อนหวานทันที “แม้แต่นางพญาผู้พิชิตที่พวกเจ้าชื่นชมนักหนาก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนเป็นความนิรันดร์ด้วยตนเองได้ มิฉะนั้นนางจะไม่ถูกผนึกมานานหลายปี นี่เป็นงานสร้างที่ยากจริงๆ”
“สำหรับด่านที่สิบนั้น สำหรับเราเข้าใจโดยผิวเผินว่าคือความนิรันดร์ แต่จริงๆ แล้วยังไม่ทราบเช่นกัน”
หุ่ยเมี่ยผู้มีบุคลิกห้าวหาญย้อนรอยความทรงจำในอดีตของนาง “บางทีก่อนที่เราได้รับแต่งตั้ง บางทีนายท่านผู้สร้างทุกอย่างคงรู้จุดสิ้นสุด รู้ทุกอย่างในวันนี้และรู้ถึงการดำรงคงอยู่อย่างพิเศษ ดังนั้นมหาเทพคงจะสร้างด่านที่สิบเพื่อให้เขามีวิธีผ่านด่านเข้าไปสำรวจได้ บางทีเราอาจจะเดาผิด แต่เรารู้ว่าตราบเท่าที่วันหนึ่งที่เขาทำให้คัมภีร์เทพยอมรับเขาได้ ด่านทดสอบและกฎสวรรค์ที่เทพผนึกไว้ คงจะได้สำแดงพลังแท้จริงออกมา...”
หย่งเหิงสตรีชุดขาวเจ้าปัญญาพยักหน้าเล็กน้อยเช่นกัน “สำหรับด่านทดสอบเจ็ดด่านแรก ถือเป็นการทดสอบที่เพียงพอแล้ว ด่านที่แปดและด่านที่เก้า เป็นด่านที่คัมภีร์เทพอาจเลือกเอง ส่วนด่านที่สิบจะเป็นมรดกตกทอดที่แท้จริง และเขาคงได้รับความนิรันดร์อย่างแท้จริงได้”
++++++++++++++
* ด่านที่แปด = ทำลาย
* ด่านที่เก้า = สร้าง
* ด่านที่สิบ = นิรันดร์
8 ความคิดเห็น:
5555เมียหลวงไม่อยู่ก็ยังโดนแม่เสือสาวไล่กัดอยู่ดี555
ชวนได้ด้วยเว้ย 555++
เทพพิทักษ์ คำภีร์เทพสินะ พระเอกเรามีสองเล่มด้วยกัน คำถีร์เทพเล่มแรกนี่เป็นใครกันน้าที่เป็นเทพพิทักษ์
สามสาวนี่มาด้วย
แถมแฉเรื่องคัมภีร์เทพอื่นอีก เทพพิทักษ์อย่างเทพธิดากระบี่ฟ้าอีกต่างหาก
มีแต่เทพทั้งนั้น
เทพธิดากระบี่ฟ้านางอยู่ก่อนหยางจะมีคัมภีเทพอีกนะเพราะงั้นเทพพิทักษ์จริงน่าจะเป็นสองพี่น้องหงเพลิงมากกว่านะคับ
มีสาวในคอลเลคชั่ยเพิ่มเฉย 5555
ได้เมียครบเดือนยังนิ
แสดงความคิดเห็น