วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1243 ไม่ใช่เจ้า เจ้าไม่สามารถบังคับได้!

ตอนที่  1243  ไม่ใช่เจ้า  เจ้าไม่สามารถบังคับได้!

เดิมทีเย่ว์หยางต้องการกลับไปยังวังเทียนหลัวเพื่อพบกับแม่สี่

รู้กันดีว่านางคือผู้ที่เขากังวลห่วงใยที่สุด

นางและน้องสาวตัวน้อย

 

ขณะที่ผู้นำเผ่าพันธุ์ต่างๆ ทั่วหอทงเทียนต่างเทเลพอร์ตเข้ามาและเตรียมเผชิญหน้ากับกองทัพรุกรานของแดนสวรรค์ด้วยปณิธานมุ่งมั่นไม่ธรรมดา จากนั้นมีข้อมูลส่งผ่านคัมภีร์อัญเชิญแม้จะอยู่ห่างไกลเป็นพันๆ ไมล์ และแทรกซึมอยู่ในทะเลสำนึกของเย่ว์หยาง  หลังจากเย่ว์หยางสัมผัสถึง ตอนแรกเขาตกใจ จากนั้นรู้ตัวทันทีว่าเป็นข้อความจากมือมืดที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์  จุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่เห็นสีหน้าเขาเปลี่ยนจึงรีบถามอย่างรวดเร็ว

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยืนอยู่ข้างตัวเขา

นางกับเขาส่งกระแสจิตถึงกันได้  แม้ว่าจะไม่ชัดเจนเต็มร้อย แต่ก็พอเข้าใจได้บ้างบางส่วน

ไม่เพียงแต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเท่านั้นที่มีทักษะหกรับรู้  แม้แต่เจ้าเมืองโล่วฮัวและนางเซียนหงส์ฟ้า ก็ยังรู้สึกถึงลางหายนะได้

“ข้ามีความรู้สึกที่มิอาจบรรยายได้ มีบางอย่างเกิดขึ้นและข้าต้องไปจัดการเรื่องนี้ที่นั่น   พวกเจ้าไปที่ทวีปกวงหมิงก่อนโดยมิต้องรอข้า  ช่วงเวลาที่ข้ายังไม่กลับมา เรื่องในสนามรบข้าขอมอบให้อู๋เสีย  ถ้าอู๋เสียไม่ว่างก็มอบให้เชี่ยนเชี่ยนและเทียนฟาสองคน...”  เย่ว์หยางรู้สึกได้ถึงสัญชาตญาณต่อสู้ของพวกนางได้ และปล่อยพวกนางออกมาจากโลกคัมภีร์ด้วยท่าทีจริงจัง รวมทั้งหญิงงามอู๋เหินและเย่ว์หวี่ที่ไม่ค่อยมีส่วนร่วมในการต่อสู้

ในที่สุดเย่ว์หยางเหลือไว้แต่เพียงเสี่ยวเหวินหลีคนเดียว

แม้แต่ดาบอสูรเทาเถี้ยและแมงป่องดาวฟ้า พวกมันทุกตัวได้รับคำสั่งให้ติดตามองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน

อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เย่ว์หยางใช้ไพ่ในมือเกือบทั้งหมดของเขาเป็นครั้งแรก  เขาทุ่มเทพลังต่อสู้ของเขาไปจนหมด ทุกคนจะเข้าร่วมในการศึกครั้งนี้

“เจ้าจะเริ่มต่อสู้ตัดสินเด็ดขาดตั้งแต่แรกเชียวหรือ?”  ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ตกใจเมื่อเห็นความเคลื่อนไหวของเย่ว์หยาง

“เข้าใจแล้ว”  จุนอู๋โหย่วสมแล้วที่เป็นจักรพรรดิ เขารู้ได้อย่างรวดเร็วและสามารถตัดสินใจได้   ภายใต้ความรู้สึกที่อ่อนโยน เขามองดูธิดาสุดที่รัก เขาต้องการจะลูบศีรษะนาง  แต่ในวินาทีต่อมาเขาได้สละทิ้งความรักและมือที่ยื่นออกมาหมายจะลูบศีรษะนางกลายเป็นกำมือแน่น ท่าทีของเขาภาคภูมิสง่างามต่างจากความเป็นสุภาพบุรุษ เหมือนกับพยัคฆ์ร้ายนักรบ

เขาจับมือขวาของธิดาที่ถือดาบเทพพยัคฆราช องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยกดาบแตะที่ข้อมือของเขา

รวมกับผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ที่กล่าวอำลาหลานชายเบาๆ พร้อมทั้งเดินเคียงข้างไปที่จุดเทเลพอร์ตของหอทงเทียนชั้นล่างพร้อมกัน

ไม่ว่าเขาจะเป็นจักรพรรดิชาวโลกหรือนักรบผู้ปกป้องบ้านเกิด  เขาตระหนักว่าคือการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่มีเวลาพักหายใจ  การโจมตีของศัตรูไม่ใช่ว่ามีเพียงไม่กี่เดือน  ที่สำคัญกองทัพศัตรูจะตามมากดดัน  ดังนั้นต้องสู้ให้เด็ดขาดตั้งแต่แรก

ในขณะนี้ เขาคิดว่าหอทงเทียนมีเวลาพักพอแล้ว

แต่เย่ว์หยางกระทำหมดทุกอย่าง

เขาจึงเข้าใจได้ทันที

ศัตรูที่แท้จริง ในขณะที่เย่ว์หยางกลับมาหอทงเทียน จะเริ่มการโจมตีทั้งหมด และเป็นการต่อสู้ที่เด็ดขาด...  เป้าหมายศัตรูก็คือเด็กน้อยข้างหน้าเขา และศัตรูได้คำนวณทุกอย่างไว้แล้ว รวมทั้งการกลับมาของเขา

พวกเขาไม่ต้องคิดเรื่องนั้น ตราบใดที่เย่ว์หยางน้อยพ่ายแพ้  อย่างนั้นหอทงเทียนจะตกต่ำดำดิ่งมากยิ่งกว่ายุคจักรพรรดิอวี้

อาจจะถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง โดยไม่มีผู้ใดรอดชีวิตอยู่ได้

ดังนั้นขณะนี้จุนอู๋โหย่วตื่นตัวว่าเขาไม่ใช่จักรพรรดิของมนุษย์อีกต่อไป  แต่เป็นนักรบที่ปกป้องดินแดนมาตุภูมิ เป็นบิดาผู้ปกป้องธิดาสุดที่รัก

“พี่ไห่!  จำได้ไหมครั้งแรกที่เราเข้าสู่สนามรบ?”  จุนอู๋โหย่วพบว่าดวงอาทิตย์อุทัย ฉายแสงอยู่เต็มท้องฟ้า

“วันนี้อากาศดีเหมือนกับวันนั้น!  ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่มองดูท้องฟ้าและยิ้มทันที

เขาเริ่มหัวเราะเบาๆ

แต่เขาเริ่มหัวเราะดังขึ้นทุกขณะ เสียงหัวเราะที่ห้าวหาญดังขึ้นไปถึงชั้นฟ้า

ภายใต้ดวงอาทิตย์อุทัย จุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่อาบแดดยามเช้าและหัวเราะกึกก้องฟ้าอยู่เป็นเวลานาน

เย่ว์หยางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกอดกันและกล่าวคำอำลากัน แม้แต่เด็กสาวเป่าเอ๋อก็ไม่เว้น ที่ทำให้เขาเสียดายก็คือเสวี่ยอู๋เสียบอกว่าจะไปโลกมหัศจรรย์ของปิงหยินเพื่อตามหาอี้หนานและปิงเอ๋อ และนางคงตามมาสมทบไม่ทัน... เขาไม่กังวลเรื่องอี้หนานและปิงเอ๋อ  พวกนางจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับสาวกิเลนปิงหยิน  แต่เสวี่ยอู๋เสียไม่อยู่ก่อนเริ่มสงคราม ไม่ได้รับไออุ่นจากอ้อมกอดนาง ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกเสียดายเล็กน้อย

เขารู้ว่านางจะไม่พลาดการต่อสู้ครั้งนี้อีก  แต่เขาไม่รู้ว่านางจะกลับมาเมื่อใด

ปล่อยวางสิ่งที่รบกวนใจไปก่อน

เย่ว์หยางตรงเข้าไปหาองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน พวกเขายิ้มเฉิดฉายราวกับจะปลอบประโลมให้ทุกคนคลายกังวล  “บางทีหลังจากข้าคลี่คลายปัญหานี่สักพัก  เจ้ารอข้า  ข้าจะไม่ให้เจ้าผิดหวังแน่”

“ข้าเชื่อเจ้า  ข้าจะรอเจ้า!  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจูบเย่ว์หยางไม่บ่อยนัก แต่ครั้งนี้นางเป็นฝ่ายเริ่มเอง

แม้แต่เย่ว์หวี่ก็ยังอดอ้าแขนกอดนางมิได้

หลิวเย่หลบอยู่ด้านหลังอย่างเขินอาย

จนกระทั่งองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต้องนำทุกคนจากไป นางเทเลพอร์ตกลับมาและกระโดดกอดอาจารย์อย่างกล้าหาญ แต่ยังไม่ทันทีเย่ว์หยางจะกอดนางตอบนางกลับหายตัววับกลับไปเข้ากลุ่มราวกับกลัวว่าเย่ว์หยางจะกัดนาง

เป่าเอ๋อที่มักสร้างปัญหา แต่ก็เป็นตัวนำโชค เหลียวหลังกลับโบกมือให้เขาบ่อยๆ  “ไม่ต้องกลัวนะ  ถ้าเจ้าสู้ไม่ได้ ข้าจะช่วยเจ้า  คราวนี้ข้าจะทำงานอย่างดี  คอยดูให้ดี!

“.......”  เย่ว์หยางพูดไม่ออก  เจ้าเป็นสาวน้อย  อย่าก่อเรื่องให้คนอื่นสับสนดีกว่า เจ้าไม่จำเป็นต้องช่วยคนอื่น  มีแต่คนอื่นจะต้องช่วยเจ้า!

ถ้าไม่ใช่เพราะรู้สึกมีลางสังหรณ์อยู่ในหัวใจ

เย่ว์หยางไม่ต้องการให้ทุกคนออกจากโลกคัมภีร์ออกไปสู้จริงๆ

อย่างไรก็ตามในความคิดของเขา สัญชาตญาณของการสู้ในสนามรบคือ ไม่ปล่อยให้ทุกคนอยู่ใกล้  เพื่อความปลอดภัยของพวกนาง  เย่ว์หยางตัดสินใจเชื่อในตัวเองอีกครั้ง และเสี่ยงส่งอู๋เหินและเย่ว์หวี่ลงสนามรบ ไม่ได้ปกป้องพวกนางเหมือนแต่ก่อน   เป็นไปได้ไหมว่าในการต่อสู้ครั้งนี้แม้แต่โลกคัมภีร์ก็ไม่ปลอดภัยต่อไปอีกแล้ว?

ถ้าเขามีเวลา เขาต้องการกลับไปถามแม่สี่หรือฝ่าบาทจริงๆ

บางทีพวกเขาอาจให้คำตอบที่ดีกว่า

นอกจากนี้ยังมีจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรี หลังจากฝึกฝนอยู่ที่บันไดสวรรค์ เขาสงสัยว่าพวกนางจะได้รับข้อมูลการบุกรุกของศัตรูที่แข็งแกร่งนี้หรือไม่?

ก่อนหน้านี้คัมภีร์อัญเชิญของหอทงเทียนไม่มีความสามารถในการสื่อสารกันและกัน ใครเป็นผู้ให้วิธีการนี้  อย่างไรก็ตามผู้เฒ่าหนานกงยังส่งข้อมูลระยะไกลถึงแดนสวรรค์ที่แยกห่างกันได้

เย่ว์หยางสูดหายใจลึก

ศัตรูแข็งแกร่งอยู่ข้างหน้า

ยิ่งกว่านี้ นี่เป็นศัตรูที่น่ากลัวผู้รวมเอาทุกสิ่งทุกอย่างไว้  เขาเกรงว่าแม้แต่การกลับมาของเขา ก็อยู่ในการคำนวณของคนผู้นี้ด้วย

เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้ เย่ว์หยางรู้สึกอึดอัดเป็นครั้งแรกในชีวิตของเขา  ท่านอาจไม่กลัวศัตรูที่ทรงพลังแม้ว่าจะเป็นศัตรูฝีมือสูงส่งก็ตาม  ตราบใดที่ท่านพยายามพากเพียรอย่างหนัก ชัยชนะจะตกเป็นของท่าน  อย่างไรก็ตามในการเผชิญหน้ากับคนฉลาดและเหมือนกับปีศาจแบบนี้  เขาคำนวณศัตรูได้อย่างแข็งแกร่งแม่นยำ และควบคุมสถานการณ์โดยรวม  หากเขาต้องการเอาชนะคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวคนนี้  มีแต่ต้องใจจดใจจ่อจริงๆ!

“พลังปณิธานราชันย์ ไม่หวั่นไหวดุจเพชร”  เย่ว์หยางกำจัดความคิดและอารมณ์ที่ทำให้ไขว้เขวในจิตใจของตนเองอยู่ในสภาพจดจ่อสูงสุด

ความคิดเดียว

เย่ว์หยางทะลวงผ่านช่องว่างมิติเวลาได้อย่างง่ายดาย

เช่นเดียวกับการเดินทางที่ก้าวเดินอยู่บนท้องถนนผ่านภูเขา แม่น้ำหลายสาย ในการเดินทางหลายพันไมล์ เขาเดินทางเหมือนคนธรรมดาที่สง่างามเรื่อยๆ สบายๆ ดุจเดินชมสวนหลังบ้าน เขาเดินไปตามทิศทางที่มีกระแสยั่วยุจากระยะไกลเป็นพันลี้  ในชั่วพริบตาเดียวก็ปรากฏกายใต้เงื้อมเขาที่ดูแปลกตา

ในแนวเขามีน้ำตกอยู่ด้านหนึ่งมองดูราวกับสายรุ้ง

น้ำตกทิ้งตัวลงมาในระยะสูง 3000 ฟุต แต่ก็ยังดูเงียบสงบ

ที่ด้านหนึ่งมีต้นสนใหญ่พอๆ กับมังกรใหญ่  แผ่ขยายกิ่งก้านสองกิ่งมองดูเหมือนเจ้าบ้านต้อนรับอาคันตุกะจากแดนไกล

บรรยากาศผ่อนคลาย

กระดานหมากรุกหิน

ชิ้นหมากรุกจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่บนกระดานหินดึกดำบรรพ์มีรอยตะไคร่น้ำขึ้น

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว ก่อให้เกิดภาพลักษณ์กลับกันกับแสงแดดยามรุ่งอรุณที่สาดแสงสีทอง

มีนิ้วคู่หนึ่งดูราวกับหยกคีบจับหมากเบาๆ  บัณฑิตวัยกลางคนยิ้มวางหมากเหมือนพบพานสหาย และยิ้มอย่างเป็นกันเองให้กับคุณชายสามตระกูลเย่ว์  “เจ้ามาแล้ว  เชิญนั่ง!  มาไวกว่าที่ข้าคิดเสียอีก..”

เพียงประโยคนี้ เย่ว์หยางรู้สึกใจหายวูบทันที

ถ้าเขาไม่เปลี่ยนจากอาคันตุกะเป็นเจ้าภาพ อย่างนั้นคนที่อยู่ต่อหน้าจะกลายเป็นเจ้าของหอทงเทียนใช่ไหม?

“หอทงเทียนเป็นของข้า แม้ว่าจะถ้าจะต้อนรับ ก็สมควรเป็นข้า!  เย่ว์หยางพูดถึงทัศนคติเขาอย่างหนักแน่น

“อย่างนั้นหรือ?  เป็นบุรุษหนุ่มที่มั่นใจเสียจริง!  อย่างไรก็ตามหอทงเทียนไม่ใช่ของเจ้า เข้าใจไหม? อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่!  บัณฑิตวัยกลางคนไม่โกรธแม้แต่น้อย เขายิ้มเล็กน้อย

“ตอนนี้ไม่ใช่ อย่างนั้นอนาคตก็จะเป็นของข้า  ข้าคือเจ้าของมัน!  ในเมื่อข้าเป็นจ้าว ต่อให้เป็นเจ้าของในอนาคต ข้าก็ต้องมีอำนาจครอบครองมีอำนาจตัดสินใจทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนาคตของมัน!  เย่ว์หยางจ้องมองบัณฑิตวัยกลางคน และเน้นทีละคำ  “ข้า คือ เจ้าของ หอทงเทียน ไม่ใช่เจ้า!  ที่นี่ไม่ได้เป็นของเจ้า ทั้งในอดีต ปัจจุบันหรืออนาคต!

“ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ ก็ต้องจบกระดานนี้เสียก่อนจึงจะชัดเจน”  บัณฑิตวัยกลางคนหัวเราะ  “บางทีหลังจากเล่นจบกระดานนี้แล้ว อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตก็ได้ จริงไหม?”

“ไม่ว่าต้องเล่นกี่กระดาน อนาคตจะไม่เปลี่ยน!  เย่ว์หยางมั่นใจเต็มร้อย

“เจ้ารู้ได้อย่างไร  ถ้าเจ้ายังไม่ลอง?”  บัณฑิตวัยกลางคนวางหมากในมือเหนือกระดานหิน ตัวหมากนั้นทำให้พื้นที่กลับสู่ความวุ่นวาย

“เพราะโชคชะตา”  เย่ว์หยางนั่งลงทันทีและนั่งอยู่หน้าก้อนหิน  เขาจับหมากรุกโรยรอบๆ ตัวหมากที่บัณฑิตวัยกลางคนเพิ่งวางและพบว่า มีหมากล้อมไว้อย่างแน่นอน  ภายใต้การจ้องมองของบัณฑิตวัยกลางคนเย่ว์หยางหยิบหมากขึ้นและโยนอย่างไม่เป็นทางการพร้อมกับแค่นเสียงดุเดือด “มันเป็นของข้า  ข้าสามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม  ข้าไม่ได้ขออะไรที่ไม่ใช่ของข้า!

“พ่อหนุ่ม!  เจ้าไม่เชื่อหรือว่าการทำงานอย่างหนักสามารถต่อต้านฟ้าได้  เจ้าเชื่อในเรื่องโชคชะตามากน้อยแค่ไหน?”  บัณฑิตวัยกลางคนเหมือนกับคุยกับสหายเก่าที่คั่นด้วยโต๊ะหินและหยิบชิ้นหมากรุกขึ้นมาวางบนพื้นหินตามที่ต้องการ

“ข้าไม่เชื่อว่าข้าไม่มีอะไรเกี่ยวกับท่าน  แต่ที่นี่ขอเตือนบางคนว่าการฝืนบังคับเกินไป บางครั้งก็ไร้ประโยชน์!

เย่ว์หยางทำได้อย่างรวดเร็ว

เขาหยิบชิ้นหมากและวางต่อข้างหมากที่บัณฑิตวัยกลางคนวางอยู่แล้วทันที

เป็นตำแหน่งที่บัณฑิตวัยกลางคนวาง ได้ยินเย่ว์หยางพูดว่า ฝืนเกินไปก็ไร้ประโยชน์  สีหน้าของบุรุษวัยกลางคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย และการเคลื่อนไหวของเขาช้าลงเล็กน้อย ดังนั้นเย่ว์หยางวางหมากแรก เขากลับไปดูหมากที่เย่ว์หยางวางไว้อย่างประณีตราวกับว่าขุมทรัพย์ที่เขาทุ่มเทมาทั้งชีวิต แต่ไม่มีความหวังจะได้

 

 

6 ความคิดเห็น:

Pcha กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

oBABYVOXo กล่าวว่า...

ตึงมือแน่นอน

Lazykuma กล่าวว่า...

บอสเจอบอสแล้วเว้ยยย

Unknown กล่าวว่า...

Thank u

zen zen กล่าวว่า...

เขาคือคนที่ถีบไอ่3ทะลุมิตมารึป่าว

chay กล่าวว่า...

ถ้าใช่นี่ สุดๆอะ

แสดงความคิดเห็น