วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1248 ต้นดอกหนาม ไม่ใช่อสูรอ่อนแอ

 

ตอนที่  1248  ต้นดอกหนาม ไม่ใช่อสูรอ่อนแอ

เย่ว์หยางหยิบหมากขึ้นมาตัวหนึ่ง

 

เขาต้องการวางหมากลงบนกระดาน แต่เขาแปลกใจที่พบว่ามือของเขาไม่สามารถวางหมากในเกมที่ต้องการความช่วยเหลือที่สุดได้

นี่มันเรื่องอะไรกัน?  ทำไมเจตจำนงราชันย์ของเขาจึงไม่สามารถทำลายทักษะแฝงเร้นหมากรุกนี้ได้?  สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่เพียงแค่นี้  แต่เป็นเจตจำนงราชันย์ของเขาเอง ไม่สามารถเข้าร่วมในเกมหมากรุกนี้ได้... เป็นไปได้ยังไงที่ตงฟางกบฏหอทงเทียนผู้นี้จะเข้าถึงระดับเทพได้แล้ว และเข้าใจหมากรุกได้อย่างไม่รู้จบ?

“ฮ่าฮ่าฮ่า!  บัณฑิตวัยกลางคนหัวเราะลั่น เขาส่ายหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าขณะมองหน้าเย่ว์หยาง  “เข้าใจหรือยัง เด็กน้อย?  ถ้าไม่ได้รับความยินยอมจากข้า เจ้าไม่มีคุณสมบัติได้เล่นหมากรุก เจ้าไม่มีคุณสมบัติจะเดินเกมที่ดีที่สุด  เจ้าจะเล่นได้แต่หมากที่น่าสมเพชเท่านั้น”

หลังจากเยาะเย้ยแล้ว เขาโบกมือตามธรรมดา

และกล่าวว่าเขายินยอม เย่ว์หยางจึงเล่นได้ตอนนี้

อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางยังเล่นไม่ได้ตามใจปรารถนา เพราะแม้พลังกฎสวรรค์จะคลายตัวลงมาก แต่ยังมีกฎสวรรค์ที่ไม่ชัดเจนมากมาย

เขาต้องการวางหมาก แต่ก็ยังไม่สามารถวางหมากลงบนกระดานได้

บัณฑิตวัยกลางคนหัวเราะอีกครั้ง  “เด็กน้อย, ข้าจะสอนให้เจ้าแบบไม่คิดสตางค์  ในการเล่นหมากรุก เจ้าจะต้องมีตัวหมาก นั่นคือเจ้าต้องมีต้นทุนที่จะเล่นกับข้า หากเจ้าไม่มีต้นทุนหรือหมากที่สำคัญแล้วเจ้าจะเล่นกับข้าได้อย่างไร?  ในทำนองเดียวกันถ้าเจ้าไม่มีหมากอยู่กับตัวเจ้า  เจ้าจะเอาหมากออกมาจากอากาศได้อย่างไร? ฟังให้ดี จากนี้ไปทุกขั้นตอนในการวางหมากในมือเจ้า ไม่ควรจะพูดถึงญาติสนิทมิตรสหาย  เพราะไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องใช้ชีวิตของพวกเขาเป็นหมากเพื่อเล่นกับข้า นั่นแหละจะทำให้เจ้ามีสิทธิ์เล่นกับข้าได้!

ต้องใช้ชีวิตคนในครอบครัวและสหายเป็นเดิมพันหรือ?  ต้องใช้ทุกอย่างที่ข้ามีจึงจะสามารถเปลี่ยนเป็นตัวหมากในมือได้กระนั้นหรือ?

ถ้าเขาบุ่มบ่ามไม่ระมัดระวัง  อย่างนั้นผลที่ตามมา....

ขณะที่เย่ว์หยางยังลังเลไม่ตัดสินใจ ฉากภาพที่ส่งเข้ามามีการเปลี่ยนแปลงใหม่

เมื่อขุนพลเทพไท่หยางเผชิญหน้ากับเย่คงและเสวี่ยทันหลาง  เขาแค่เหยียดนิ้วสบายๆ ผสานพลังสร้างดวงอาทิตย์สีทอง

กลุ่มพลังงานสีทองฉายลงบนพื้นและจมหายเข้าไปในดิน

พวกเสวี่ยทันหลางบุกเข้าสู้ แต่ทว่า

หมัดนั้นช้าเกินกว่าจะต่อยใส่หน้าขุนพลเทพไท่หยาง

ใต้เท้าของพวกเขาเกิดแรงระเบิดใหญ่ที่น่ากลัว ดินหินระเบิดหายไปและท้องฟ้าห่างออกไป เกิดระเบิดมิติขึ้น รอยแยกมิติบิดตัวแยกกว้างเหมือนปากอสูรยักษ์กลืนกินทุกอย่างรอบตัว  เสวี่ยทันหลางตอบสนองอย่างรวดเร็วเขาสวนหมัดโต้ตอบขุนพลเทพไท่หยาง ป้องกันอยู่หน้ารอยแยกมิติ ส่วนที่เท้ามีพลังลมหมุนวนปั่นพี่น้องตระกูลหลี่และองค์ชายเทียนหลัวที่ลอยอยู่ให้วนอยู่ในวังวนลมหมุน

พี่น้องตระกูลหลี่และองค์ชายเทียนหลัวหลบหนีได้อย่างราบรื่น  แต่เสวี่ยทันหลางตกอยู่ในศูนย์กลางแรงระเบิด

รอยแยกบิดเบี้ยวของมิติเวลาที่เหมือนสัตว์ประหลาดกลืนเขาทันที

เสวี่ยทันหลางไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย

เหมือนกับคนธรรมดาที่ติดอยู่ในบ่อทรายดูด ค่อยๆ ถูกดูดลงไปจนจมทั้งตัว

หลุมดำมิติไม่ได้รับผลกระทบจากพลังด้านนอก ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างหนักเพียงไหน สุดท้ายก็ช่วยไม่ได้... ขณะที่เสวี่ยทันหลางกำลังจะติดอยู่ในมิติว่างไร้ที่สิ้นสุดไปตลอดกาล  เจ้าอ้วนไห่ที่สมควรตายเอาศีรษะกระแทกใส่อย่างบ้าคลั่งและใช้มือง้างรอยแยกที่ปิดลงอย่างต่อเนื่องด้วยพลังทั้งหมดที่เขามีในขณะนั้น  นั่นเป็นความเคลื่อนไหวที่โง่งมอย่างมิต้องสงสัย  อย่างไรก็ตามเจ้าอ้วนไห่รู้ว่าถ้าปล่อยไปอย่างนี้เสวี่ยทันหลางจะต้องตกลงไปสู่มิติว่างเปล่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

“ไสหัวไป!  เสวี่ยทันหลางบุรุษน้ำแข็งพูดไม่ออกกับการกระทำที่โง่เขลาของเจ้าอ้วนไห่  แม้ว่าเขาจะซาบซึ้ง แต่เขารู้ว่านี่เป็นการกระทำที่โง่ที่สุดและไม่พึงทำ  เขาหวังจะได้รับการช่วย แต่ไม่ต้องการให้สหายช่วยแน่นอน  เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจะทำให้เจ้าอ้วนไห่ซ้ำรอยติดตามเขาไปแน่นอน

“หุบปาก  ข้าคุณชายคือรุ่นพี่ของเจ้า!  เจ้าอ้วนไห่มีเลือดเต็มใบหน้า  หน้าของเขาบิดเบี้ยว ดวงตาแข็งกร้าว ปากมีเลือดเต็มขณะตะโกนลั่น  “ในฐานะรุ่นพี่ ข้าต้องปกป้องพวกเจ้ารุ่นน้อง...”

เสวี่ยทันหลางไม่เคยยอมรับเจ้าอ้วนไห่เป็นรุ่นพี่เขา และเขาไม่คิดว่าเจ้ามีคุณสมบัติใดพอจะเป็นรุ่นพี่ได้

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาไม่มีข้อโต้แย้ง

แม้ว่าเจ้าอ้วนไห่ไม่สมควรเป็นรุ่นพี่ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าในบางครั้ง เขาก็ทำสิ่งที่รุ่นพี่สมควรทำเช่นกัน!  ตัวอย่างเช่นการช่วยเหลือแบบไม่ประมาณกำลังตนเองในคราวนี้ ความสามารถเล็กน้อยแต่น่าซาบซึ้งใจ เสวี่ยทันหลางรู้สึกจากใจจริง ทั้งที่เขาเป็นคนเย็นชา แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าดวงตาร้อนผ่าวได้อย่างไร?

เมื่อเห็นว่าเจ้าอ้วนไห่ต่อสู้อย่างดุเดือดราวกับจ้าวปีศาจภูเขา เสวี่ยทันหลางที่มีพลังน้ำแข็งมากมายกลับมีพลังฮึดขึ้นอีกครั้ง

คุณชายหลี่พุ่งหอกสั้นซ้ำ

ด้วยอาวุธสมบัติระดับกึ่งเทพนามว่าหนามมังกร นั่นคืออาวุธที่ไม่มีอะไรหยุดได้

เจ้าอ้วนไห่ไม่สามารถหลบได้  เขาไม่เห็นการลงมือลอบทำร้ายของคุณชายหลี่หมิง และเขามัวแต่ทุ่มเทพลังช่วยเสวี่ยทันหลาง... มีเงาร่างผอมสูงเหมือนเหล็กแว่บมาปรากฏที่ด้านหลังเจ้าอ้วนไห่

หอกสั้นพุ่งด้วยกำลังแรงทะลุมือของเงาร่างนั้น และค่อยๆ แทงเข้าไปทีละนิดๆ ไม่สามารถหยุดยั้งได้ ขณะที่เลือดทะลักออกมาหอกแทงลึกไปที่อกของร่างเงาและทะลุหลัง  ปลายหอกสั้นหยุดทันทีเมื่อสัมผัสหลังเจ้าอ้วนไห่ เพราะมือของร่างเงานั้นยึดหอกสั้นเอาไว้แน่น

เป็นเย่คง

บุรุษผู้นี้ลงมือมากกว่าพูด  เขาเป็นสหายร่วมกลุ่มที่เชื่อถือได้ตลอดเวลา เขาใช้ร่างกายผอมบางของเขาบังป้องกันการโจมตีอย่างรุนแรงของคุณชายหลี่หมิง

หญิงสาวเท้าเปล่าแปลงร่างเป็นนางนวลสายลมพุ่งไปหาเย่คงและเจ้าอ้วนไห่ราวกับสายฟ้า และพลิกร่างแปลงกายใช้มือบอบบางคว้าเสวี่ยทันหลางที่ยังอยู่ในมิติว่างไร้ที่สิ้นสุด ในท่ามพลังไฟฟ้าท่วมตัวนางจับเสวี่ยทันหลางที่เต็มไปด้วยน้ำแข็ง ไม่ให้หล่นไปในมิติว่างไร้ที่สิ้นสุด

คุณชายหลี่หมิงแค่นเสียง

ในมือมีประกายแสงสีทอง

ธนูทองหลายสิบหลายร้อยระดมยิงใส่เย่คง เจ้าอ้วนไห่ เสวี่ยทันหลางและนางนวลสายลมดุจสายฝน

คราวนี้ไม่จำเป็นที่เย่คงจะใช้ตัวกันลูกศรอีก มีเงาร่างสองสายเข้ามาขวางข้างหน้าพวกเขาไว้แล้ว...ธนูทองปักเข้าร่างของสองคนนอกจากศีรษะและหน้าที่พวกเขาเอามือบังไว้  ร่างกายของพวกเขาถูกธนูปักเหมือนกับมนุษย์เม่น

แน่นอนว่าสองคนนั้นคือพี่น้องตระกูลหลี่ที่กลับมาช่วยสหาย

ไม่เพียงแต่พี่น้องตระกูลหลี่เท่านั้น องค์ชายเทียนหลัวยิงโซ่ออกมาสองสายจากระยะไกลพันรอบเอวนกนางนวลสายลมเส้นหนึ่ง และพันรอบขาของเย่คงอีกเส้นหนึ่ง  เย่คงหมุนตัวเตะก้นเจ้าอ้วนไห่จากนั้นกางแขนเหนี่ยวคอสองพี่จ้องตระกูลหลี่และถูกองค์ชายเทียนหลัวดึงกลับมาหลบรัศมีการโจมตีของคุณชายหลี่หมิงได้

นางนวลสายลมใช้ขาเรียวบางคว้าผมของเสวี่ยทันหลาง

นางไม่มีเวลาพอจะเล็งเลือกส่วนไหนได้

จากนั้นใช้กรงเล็บเกี่ยวเข้าไปในปากของเจ้าอ้วนไห่ จากส้นเท้าสีชมพูกลายเป็นกรงเล็บนกจับที่ลิ้นและฟันเจ้าอ้วนไห่หนีไปพร้อมกับคนเจ้าปัญหาผู้นี้... ด้านหลังของเขารอยแยกมิติเวลาพังทลายทันที และก้นเจ้าอ้วนไห่ถูกรอยแยกมิติตัดหายไปชิ้นเล็กๆ

หากช้าไปเพียงหนึ่งในสิบวินาที คาดว่าร่างกายท่อนล่างของเจ้าอ้วนไห่ทั้งหมดจะหายไปในมิติช่องว่าง

“เร็วเข้า!  สหายของเจ้าจะไม่อาจทนอีกต่อไปได้  แม้ว่าไท่หยางจะไม่ได้มีพลังอยู่ในยอดสิบขุนพลเทพจากสิบแปดคน แต่สหายของเจ้าอ่อนแอจริงๆ ต่อให้ใช้ลูกเล่นก็ยังไม่อาจต้านทานได้!  บัณฑิตวัยกลางคนมองเย่ว์หยางอย่างอารมณ์ดีพร้อมยิ้มอย่างเป็นกันเอง  “คุณชายสามตระกูลเย่ว์  อย่าบอกข้านะว่าเจ้าไม่สามารถแก้หมากที่ยากนิดหน่อยนี้ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นข้าคงผิดหวังมากจริงๆ และต้องจัดการเจ้าในฐานะศัตรูของชีวิตคนหนึ่ง!

“พูดมากจริงๆ ข้าเพิ่งบอกเจ้าไปแล้วว่าเกมหมากรุกนี้ ข้าจะเล่นกับเจ้าจนจบ!  เย่ว์หยางตบหมากลงพื้นกระดานอย่างโมโห

คราวนี้เขา

ไม่ได้วางหมากที่จำเป็นต้องช่วยเหลือที่สุดในสถานการณ์หมากรุกเลย  ไม่ใกล้เคียงด้วยซ้ำ

เย่ว์หยางวางหมากได้อิสระโดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ และไม่มีอิทธิพลใดๆ หมากถูกเขาส่งมาด้วยใจ แต่เขาวางหมากในพื้นที่ว่างเหมือนไม่ได้ตั้งใจ แม้แต่บัณฑิตวัยกลางคนก็ไม่สามารถคาดเดาได้  หากกระดานนี้ไม่นับสถานการณ์อื่น หมากเดินตอนนี้เท่านั้นที่ง่ายเป็นอิสระ เหมือนกับนางฟ้าที่บินอยู่รอบนอกเกินกว่าที่บัณฑิตวัยกลางคนจะคาดหมาย

บัณฑิตวัยกลางคนไม่คาดฝันเลยว่าเย่ว์หยางจะใช้หมากนี้เดินได้

เขาไม่อาจค้นเจอได้อย่างสิ้นเชิง

ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?

หมากเดินต่อไปนี้น่าจะเป็นอันตรายต่อสถานการณ์โดยรวม การเดินหมากคราวนี้ไม่เพียงแต่ไม่เป็นตาเดินที่จำเป็นที่สุดเพื่อให้การช่วยเหลือก่อน  แต่กลับวางไว้ในจุดที่ไม่สำคัญได้

“หืม?”  บัณฑิตวัยกลางคนไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งชั่วขณะหนึ่ง  แต่เขายังไม่แน่ใจเรื่องนี้ เย่ว์หยางจงใจเดินหมากที่รบกวนความคิดของเขา  เขาตั้งใจทำอะไรกันแน่ในการเดินหมากตานี้?  จะมีผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวมอย่างไร?  เย่ว์หยางเด็กคนนี้ไม่ใช่คนโง่เขลาที่กล้าบ้าบิ่น  หมากรุกนี่เป็นเรื่องเกี่ยวพันกับความเป็นความตายอย่างแน่นอน เกี่ยวข้องกับความอยู่รอดของหอทงเทียน  ไม่ว่าเด็กคนนี้จะถูกความรู้สึกส่วนตัวครอบงำมากแค่ไหนก็ตาม เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเดินหมากอย่างสะเพร่า   ตาเดินนี้ต้องมีความหมายลึกซึ้งต่อเขาแน่นอน  บัณฑิตวัยกลางคนไตร่ตรองสอบสวนอยู่เป็นเวลานาน

ฉากภาพโปร่งใสในเวลานี้มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

ในพื้นที่มิติกว้างใหญ่คนที่เผชิญหน้ากับขุนพลเทพไท่หยางที่ทรงพลังและคุณชายหลี่หมิงก็คือเย่คง เจ้าอ้วนไห่และเสวี่ยทันหลาง พวกเขายืนเคียงข้างกันไม่มีพลังสำหรับต่อต้านและปกป้องตนเองให้พ้นจากอันตราย!

ในฐานะครูของพวกเขา อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าที่ได้ค้นการเทเลพอร์ตผ่านมิติ ตอนนี้เขาทำอะไรอยู่บ้าง?

ตั้งแต่เข้ามาอาจารย์จิ้งจอกเฒ่ามองดูเย่ว์หยางที่กำลังเล่นหมากรุกอยู่กับบัณฑิตวัยกลางคนในท้องฟ้า

เขาถือไม้เท้าลุกขึ้นยืน

แม้ว่าเสวี่ยทันหลางจะตกอยู่ในอันตราย  แต่พวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจและตั้งใจมองดูเย่ว์หยาง... จนกระทั่งเย่ว์หยางปรับจิตใจได้หยิบตัวหมากชิ้นหนึ่งตบลงบนกระดานหมากรุก  อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าโล่งใจและทุกคนผ่อนคลาย  เขาเรียกคัมภีร์อัญเชิญระดับทองออกมาช้าๆ และเอาสปอร์พืชออกมาจากในมิติคัมภีร์อัญเชิญ และปลูกลงบนพื้นข้างหน้าอย่างระมัดระวัง

ขุนเทพไท่หยางและคุณชายหลี่หมิงทั้งสองมองดูทั้งคู่ พวกเขาไม่เข้าใจว่าตาแก่ที่บาดเจ็บเหลือแต่ลมหายใจรวยรินต้องการจะทำอะไร?

สปอร์ถูกโปรยลงพื้น

ในไม่ช้า

มันงอกยาวขึ้นอย่างรวดเร็ว

กลายเป็นต้นดอกหนามเล็กที่บอบบางเหมือนต้นไม้อ่อนธรรมดา

หากไม่ได้รับการปกป้องจากโล่ม่านพลังของคัมภีร์อัญเชิญระดับทอง คาดว่าคุณชายหลี่หมิงคงแกล้งจามเพื่อถอนรากถอนโคนต้นดอกหนามง่ายๆ

“ฮ่าฮ่าฮ่า  เจ้าสับสนไปแล้วหรือเปล่า?  นี่เจ้ากำลังจะเอาต้นดอกหนามมาใช้ต่อสู้หรือ?  พระเจ้า! ฮ่าฮ่าฮ่า  ต้นดอกหนามที่บอบบางนี้มีแต่บ้านนอกอย่างหอทงเทียนเท่านั้นถึงจะมีแต่ของอ่อนแออย่างนี้  เกรงว่าต้นดอกหนามที่น่าสงสารนี้อาจไม่รอดวันนี้ไปได้  แค่วินาทีเดียวยังจะรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้?  จะใช้ต้นดอกหนามโจมตีข้ากับขุนพลเทพไท่หยางหรือ?  ข้าได้รับการบอกเล่ามาว่าเจ้าเป็นชายชราที่มีพรสวรรค์กว้างขวางเหมือนทะเล   จิ้งจอกเฒ่า ชื่อนี้ใช่ไหม?  สมแล้วที่เป็นจิ้งจอกเฒ่าจริงๆ ข้าเกือบถูกหลอกเสียแล้ว แค่เล็กน้อยเท่านั้น....”  คุณชายหลี่หมิงเห็นแล้วหัวเราะจนน้ำตาไหล

“น่าเบื่อจริงๆ  เราขุนพลเทพเสียเวลาชีวิตกับพวกเจ้ามากเกินไปแล้ว!  ขุนพลเทพไท่หยางพูดไม่ออก  เขาตัดสินใจลงมือต่อ  นักรบหอทงเทียนพวกนี้สติปัญญามีปัญหากันทั้งนั้น ต้องกำจัดให้หมดสิ้นตลอดไป ต้องทำลายให้หมดไม่เหลือแม้แต่วิญญาณ

“ต้นดอกหนาม?”  ต่างจากพวกเขาบัณฑิตวัยกลางคนที่อยู่หน้าเย่ว์หยางขมวดคิ้ว

“ข้าจะพูดอะไรน่ะหรือ?  อสูรศึกทุกชนิดล้วนแต่มีทักษะความสามารถ ไม่เคยมีอสูรขยะ มีแต่พวกเจ้าของโง่เขลาที่หยิ่งยโสสำคัญตัวเองว่าสูงส่งเกินไป!  ต้นดอกหนามไม่ใช่อสูรอ่อนแอ  และไม่มีทางเป็นเช่นนั้น  ถ้าเจ้ารู้ว่าความสามารถพิเศษของสปอร์ดอกหนามนี้มีความสามารถเช่นใด พวกเจ้าคงจะไม่พูดเช่นนี้”  อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าพูดอย่างจริงจัง  แต่น่าเสียดายที่คุณชายหลี่หมิงและขุนพลเทพไท่หลางไม่ได้รู้สึกขอบคุณเขา

“ข้าละกลัวแทบตาย!” คุณชายหลี่หมิงได้ยินแล้วหัวเราะลั่น  “ต้นดอกหนามน่ะหรือเป็นอสูรศึกที่น่ากลัว?  โอยข้ากลัวตายจริงๆ!  โอว.. อสูรศึกน่ากลัวนี้ปรากฏแล้วในสนามรบ  แล้วข้าจะเป็นอย่างไรกันนี่?  สงสัยว่าต้องคุกเข่าร้องขอความเมตตากระมัง? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!

“เจ้าแก่!  เจ้าเตรียมตัวตายได้แล้ว!  ขุนพลเทพไท่หลางตัดสินใจไม่ยอมเปลืองน้ำลายอีกต่อไป

เขาเหยียดมือสีทองออก

เตรียมลงมือต่อไป

เตรียมบดขยี้จิ้งจอกเฒ่า เย่คงและพวกๆ ที่อยู่ข้างหน้าเขาให้สลายเป็นผุยผง

อย่างไรก็ตามวินาทีต่อมาก่อนที่เขาจะยิงพลังสังหาร ดอกหนามที่อ่อนแอลอยกระจายอยู่ในท้องฟ้า และท้องฟ้ามีกลีบดอกไม้โปรยปรายร่วงหล่นพร้อมกลิ่นหอมกระจายเหมือนกับหิมะร่วงปกคลุมไปทั้งพื้นที่  ดอกไม้นับไม่ถ้วนงอกจากพื้นและบานทันทีด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า

ร้อยบุปผาบานสะพรั่ง!

ตอนนี้พื้นดินที่พังทลายกลายเป็นทุ่งดอกไม้บานพรึ่บพร้อมกัน

บัณฑิตวัยกลางคนที่อยู่ตรงข้าเย่ว์หยางมองเห็น สีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที

คุณชายหลี่หมิงและขุนพลเทพไท่หยางมองดูด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ  เกิดอะไรขึ้น?  ตอนนี้พวกเขารู้สึกสับสน!

 

9 ความคิดเห็น:

CHANTANA กล่าวว่า...

ตั้วฯปะนะ

Lazykuma กล่าวว่า...

ตั๋วๆแดรกพวกแมรงให้หมดหยิ่งงดีนัก

oBABYVOXo กล่าวว่า...

มาแล้ว เอามันเลย หยิ่งกันจัง

Unknown กล่าวว่า...

ตั้วๆๆ แดรกมันเลย

DexterAndDdy กล่าวว่า...

ปุ๋ยๆๆๆๆ

พาราเซตามอล กล่าวว่า...

เปลี่ยนฟิลล์เป็นธาตุพืช

Pcha กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

โอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่า กล่าวว่า...

การ์ดฟิลทำงานผลพิเศษ อันเชิญม่อนเตอร์ธาตุพืชแบบพิเศษออกมาตั้งโจมตี

Unknown กล่าวว่า...

รอพี่เย่หยางออกโรงรอๆ

แสดงความคิดเห็น