วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1254 จักรพรรดิอสูรคือใคร?

 

ตอนที่ 1254  จักรพรรดิอสูรคือใคร?

สำหรับการเดินหมากที่สองของเย่ว์หยางทำให้บัณฑิตวัยกลางคนขมวดคิ้วลึก

เขาไม่เข้าใจ

ทำไมตาเดินต่อไปถึงเป็นเช่นนี้?

 

เย่ว์หยางไม่ใส่ใจอะไรเลย นี่เป็นเหตุผลที่มีมาตามธรรมชาติ ไม่ว่าคนภายนอกจะตั้งคำถามอย่างไรก็ตาม ตราบเท่าที่เขารู้สึกถูกต้อง

“หมากตาที่สองของเจ้าเลือกสู้กับจักรพรรดิอสูรหรือ?”  บัณฑิตวัยกลางคนไม่เข้าใจอย่างแท้จริง  นอกจากจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อแล้ว  เย่ว์ไตตันเลือกเดินตาที่สองกับจักรพรรดิอสูร ไม่ใช่จักรพรรดิทองแห่งเผ่ากาทองสามขาแห่งหุบเขาสุริยันต์  ไม่ใช่เลือกหัวหน้าผู้อาวุโสราชันย์ไร้ใจแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้  และไม่ใช่ห้าจอมภพแดนสวรรค์ที่ใช้วิชาลับลอบเข้ามา...  ตาเดินคราวนี้ไม่ได้รับการท้าทายอย่างแข็งขัน  ไม่ใช่ว่าการโจมตีครั้งแรกจะอ่อนแอที่สุด  แต่เขากลับเลือกเล่นกับจักรพรรดิอสูร เขาคิดไม่ออกจริงๆ

“มีปัญหาอะไรไหม?”  เย่ว์หยางถามแปลกๆ

“ดูเหมือนว่าที่แข็งแกร่งที่สุดจะเป็นเจ้าตำหนักสูงสุดไม่ใช่หรือ?  เจ้าปล่อยเขาไว้ตามลำพังได้อย่างไร?”  บัณฑิตวัยกลางคนเตือน

“เจ้าตำหนักสูงสุด ไม่ใช่ตัวหมากของเจ้า!  เย่ว์หยางปฏิเสธ เนื่องจากเจ้าตำหนักสูงสุดไม่ใช่หมากของตงฟาง  ไม่สำคัญว่าตงฟางจะจัดหมากอย่างไร แต่นี่มันคือเรื่องของเขา!

“เจ้าตำหนักสูงสุดไม่ฟังคำสั่งข้าก็จริง แต่ข้าได้โน้มน้าวราชันย์ไร้ใจให้เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย”  บัณฑิตวัยกลางคนมองดูเย่ว์หยางเพื่อดูว่าเขาจะอธิบายได้อย่างไรว่าเขาจะไม่เผชิญกับระดับหัวหน้าของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์  เย่ว์หยางแบมือยักไหล่และพูดทั้งยิ้ม  “ทันทีที่ข้าได้ยินชื่อคนผู้นี้ ข้ารู้ความคิดและพฤติกรรมของคนประเภทนี้ เป็นที่รู้กันดีว่าคนอย่างราชันย์ไร้ใจนี้มักเกียจคร้านแต่เขาฉลาด  เขามักจะอยู่หลังฉากเจ้า แล้วจะยอมออกมาก่อนได้อย่างไร  เขาต้องออกมาเป็นคนท้ายๆ เพื่อต่อรองข้า  ทำไมข้าต้องควบคุมเขาตอนนี้ด้วย?”

บัณฑิตวัยกลางคนตกใจ

จากนั้นก็หัวเราะ

เขาปรบมือชมเชย  “คุณชายสามตระกูลเย่ว์สมกับเป็นอัจฉริยะไม่มีใครเทียบได้จริงๆ เป็นเหตุผลสนับสนุนที่กล้าหาญ แต่ก็น่าชื่นชมด้วยเช่นกัน!  ถ้าราชันย์ไร้ใจไม่เคลื่อนไหวต่อสู้ในศึกแรก แล้วจักพรรดิทองแห่งเผ่ากาทองสามขาเล่า?  เผ่าของเขาได้รับการยอมรับอย่างสูงจากตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ในอดีตพวกเขาถูกขับออกจากเผ่าบูรพาอมตะต้องเร่ร่อนสร้างศัตรูทุกแห่งหน ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ยอมรับพวกเขาอย่างจริงจังและให้พวกเขาตั้งถิ่นฐานในแดนสวรรค์ได้   นี่ยังไม่ต้องพูดถึงจักรพรรดิทองมีมิตรภาพกับข้าอย่างลึกซึ้งไม่ธรรมดา  ตอนนี้ข้าเชิญชวนให้เขามาช่วยข้า  เขาไม่ได้รับรู้ชื่นชมมิตรภาพของเจ้ากับองค์ชายแปดอูไห่เลย  เจ้าไม่คิดว่าเขาน่าสนใจหรอกหรือ?”

เย่ว์หยางส่ายหน้าเบาๆ  “แน่นอนว่าข้าไม่เพิกเฉยทำตาบอดหูหนวกเรื่องนี้  ข้ากำลังส่งน้องสาวข้าไปปราบเขา!

บัณฑิตวัยกลางคนถึงกับหัวเราะลั่น  “บางทีเจ้าอาจคิดว่ามันใช้ได้ผล แต่น่าเสียดาย ข้าต้องบอกเจ้าไว้ก่อน แค่กิเลนเด็กที่เจ้าส่งไป ไม่มีทางโน้มน้าวจักรพรรดิทองได้

เย่ว์หยางยืนยันต่อ  “ถ้านางไม่สามารถโน้มน้าวได้  ข้ายังมีน้องอีกสองคน  พวกนางทำได้!

“ไม่!  บัณฑิตวัยกลางคนส่ายหัวโบกมือ  “ต่อให้เจ้าเพิ่มสองสาวมังกรเทพธิดาศึก (ราชันย์ปีศาจใต้) หรือแม้แต่จะเพิ่มสาวมังกรไร้เขาที่เป็นเหมือนอาวุธลับของเจ้า ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำร้ายจักรพรรดิทอง!  จักรพรรดิทองไม่กล้าทำร้ายเผ่าอมตะ  แต่เขาจะไม่รับคำสั่งจากพวกเขาอย่างไม่เป็นธรรม ตราบใดที่เขาไม่ได้ฆ่าคนเผ่าบูรพาอมตะ แม้ว่าหอทงเทียนจะถูกทำลายลงทั้งหมด ก็ไม่มีความสัมพันธ์ใดเกี่ยวข้องกับพวกเขา  เรื่องนี้ข้าคิดไว้เป็นอย่างดีแล้ว!

“ถ้าเจ้าไม่ลอง แล้วเจ้าจะรู้ผลลัพธ์ที่แท้จริงได้อย่างไร?  นอกจากนี้ยังไม่มีอันตรายใดๆ ในการลอง!  เย่ว์หยางยืนยันอย่างเรียบเฉย

“อย่างนั้นก็แล้วแต่เจ้า”  บัณฑิตวัยกลางคนพยักหน้าจริงจังไม่คัดค้านต่อไป

“ไม่มีปัญหา เราจะผนึกเกมไว้ก่อน วันนี้เหนื่อยมากพอแล้ว เราค่อยมาเล่นต่อกันวันพรุ่งนี้!  เย่ว์หยางดูเหมือนไม่ทราบว่านี่เป็นการต่อสู้เสี่ยงเป็นตาย  แต่เหมือนกับการเล่นหมากรุกระดับมืออาชีพ

“ถ้าเจ้าต้องการ ไม่เป็นไรหรอกนะถ้าเจ้าจะพักสักสามวัน”  บัณฑิตวัยกลางคนเห็นด้วย เพื่อชัยชนะเด็ดขาด ทุกอย่างไม่สำคัญ

“ถ้าอย่างนั้นก็วันนี้แหละ!  เย่ว์หยางวางหมากลงบนโต๊ะ

“ขอให้ข้าได้เตือนเจ้าไว้ก่อนว่า พลังของห้าจอมภพนั้นไม่อ่อนด้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อห้าจอมภพสู้ด้วยกัน โปรดอย่าลืมพวกเขาสามารถเป็นตัวหมากได้ พวกเขาไม่มีความเสียใจ เมื่อเป็นหมากที่ถูกกินนั่นคือข้อสรุปสำคัญ   ถึงเวลานั้นแม้เสียใจก็สายเกินไป!  บัณฑิตวัยกลางคนเตือนเย่ว์หยาง

“ถ้าเจ้าไม่ไม่บอก ข้าเกือบลืมไป  ใครบางคนจากห้าจอมภพไม่ต้องการให้ข้ากังวล”  เย่ว์หยางหยิบเข็มทิศสามพิภพออกมาและเทเลพอร์ตจากไปทันที

บัณฑิตวัยกลางคนไตร่ตรอง

หลังจากไตร่ตรองอยู่ชั่วขณะ เขาค่อยๆ เอื้อมมือหยิบหมากที่เป็นตัวแทนของมังกรปีศาจที่เย่ว์หยางเพิ่งใช้ตอนนี้

ในตอนแรกเขาตกใจและประหลาดใจมาก แต่ในที่สุดคิ้วของเขาคลายตัวและเขายิ้มออก  กลับกลายว่าเป็นของปลอม ไม่มีมังกรปีศาจเข้าร่วมในการต่อสู้ ไม่เช่นนั้นหมากชิ้นนี้จะไม่มีทางหยิบขึ้นมาได้เลย!  เจ้าเด็กนี่ใช้อสูรศึกมาหลอกข้า  เขาสามารถซ่อนทักษะแฝงเร้นหมากรุกของข้าได้หรือ?  เหลือเชื่อจริงๆ!  อย่างไรก็ตามการโกงหมากรุกไม่มีประโยชน์ หากเจ้าเด็กนั่นหลอกลวงหมากตานี้ ก็ต้องสร้างขึ้นเพื่อหลอกลวงต่อเป็นสิบตา  เขากล้าพอจะเมินหลีกเลี่ยงเจ้าตำหนักสูงสุดและราชันย์ไร้ใจ  แต่คาดว่าเจ้าหลบจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อไม่พ้นแน่? เจ้าคิดว่าราชันย์ไร้ใจแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จะยอมออกมาสู้เพราะการบุกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์?   เจ้าวางแผนสวยหรู แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่รู้ว่าราชันย์ไร้ใจเป็นใคร เขาทำอะไรไว้ให้กับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ความคิดที่รอบคอบของเจ้าจะมีหลายชั้นนับไม่ถ้วนได้อย่างไร...   ห้าสุดยอดฝีมือที่เจ้าตั้งใจจะใช้นางพญาผู้พิชิตเข้าสู้  มิน่าเล่าเจ้าถึงอยากจัดการจักรพรรดิทองและราชันย์ไร้ใจ  เจ้ายังคงมีความคิดอย่างนี้!  แผนหลายชั้นของเจ้าล้มเหลวแน่นอน  แต่ข้าชอบแบบนี้ เพียงแต่โลกและสวรรค์แบบนี้ก็คือเกมหมากรุก ชัยชนะ ชีวิตทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา

บัณฑิตวัยกลางคนรำพึง

มีการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในภาพ หน้าของเขาผ่องใสรู้สึกพอใจและมีความสุข เหมือนกับยอดศิลปินมองดูผลงานชิ้นโบว์แดงของตน

“นี่เป็นสิ่งจำเป็นต้องจัดการต่อไป ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าเด็กเจ้าเล่ห์พลิกสถานการณ์การต่อสู้ได้”  บัณฑิตวัยกลางคนสงบจิตใจได้ทันที  เขาดึงตัวหมากที่เป็นตัวแทนของมังกรปีศาจกลับมาอีกครั้ง และมองดูหมากอย่างระมัดระวัง จากนั้นค่อยๆ วางหมากในตำแหน่งที่ถูกต้องเบาๆ  หลังจากเห็นว่ารูปแบบหมากสมบูรณ์แบบแล้ว เขากลายเป็นแสงสีทองหายไปในความว่างเปล่า

ขณะเดียวกัน

เย่ว์หยางกลับไปที่ประตูวังเทียนหลัว

เมื่อเขาเทเลพอร์ตกลับมาทหารองครักษ์ที่เฝ้าประตูวังลอบถอนหายใจ

นี่เป็นเพราะมีศัตรูที่แข็งแกร่งมากมาถึง ด้วยพลังของพวกเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกันความปลอดภัยของฝ่าบาทได้  ตอนนี้เย่ว์หยางกลับมาแล้ว ที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาคือแขกห้าคนที่ไม่ได้รับเชิญ  แม้ว่าจะไม่รู้ว่ามีระดับพลังเพียงไหน แต่แม้กระทั่งองครักษ์ประจำตำหนักที่อ่อนแอที่สุดก็ยังเข้าใจว่าทั้งห้าคนนี้เป็นนักสู้จากแดนสวรรค์แน่นอนสามารถทำลายโลกได้เพียงแค่ยกมือขึ้นเท่านั้น  ที่อยู่ข้างหน้าเขาเป็นนายทหารที่จิตใจแข็งแกร่งดุจเหล็ก เขาไม่อาจยืดตัวตรงได้ ได้แต่ก้มหน้า งอตัวคุกเข่าเหมือนกับถูกขุนเขาใหญ่ห้าลูกกดทับ  ทุกครั้งที่ร่างกายสั่นสะท้านก็แทบค้ำยันร่างไม่อยู่ จนกระทั่งเย่ว์หยางกลับมาถึง เขาจึงล้มลงกับพื้น

เย่ว์หยางมองดูจากด้านซ้ายอสรพิษเก้าหัว หนอนเก้าหัว วิหคเก้าหัว ปีศาจเก้าหัวและอสูรเก้าหัว

เขาใช้จักษุญาณทิพย์มองดู ก็สามารถมองเห็นว่าร่างหลักที่แท้จริงของเผ่าภูตบูรพาเหล่านี้  แต่เขาไม่สามารถพบเจอว่าใครคือจักรพรรดิอสูร!  ในเผ่าเก้าหัวทั้งห้าคนนี้ หรือว่าอสรพิษเก้าหัวจะเป็นจักรพรรดิอสูร?  ตามสถานะวิหคเก้าหัวอยู่ตรงกลางดูเหมือนจะสมเหตุผลมากกว่า!  ถ้ามองดูจากสภาพร่างกายมีแนวโน้มว่าอาจเป็นปีศาจเก้าหัวก็ได้ และอาจจะเป็นอสูรเก้าหัวก็เป็นไปได้มาก

เผ่าอสูรเก้าหัวทั้งห้าคนนี้ มองอย่างผิวเผินไม่เพียงแต่คุ้นเคย  แต่ร่างก็ยังคุ้นเคย แม้แต่พลังก็แทบจะเหมือนกัน

อสรพิษเก้าหัวดูคล้ายกับหนอนเก้าหัวมาก  วิหคเก้าหัวมีปีก ปีศาจเก้าหัวก็มีเช่นกัน  และปีศาจเก้าหัวมีร่างกายคล้ายกับเต่าดำ  แต่อสูรเก้าหัวก็ยังคงเหมือนกัน ใครเป็นจักรพรรดิอสูรที่แท้จริงกันแน่

ถ้าจักรพรรดิอสูรที่แท้จริงอยู่ในกลุ่มทั้งห้าคนนี้ อย่างนั้นเย่ว์หยางคงต้องระวังให้มากขึ้น

เพราะถ้าด้วยพลังจักษุญาณทิพย์ในปัจจุบันของเย่ว์หยางยังไม่สามารถมองเห็นพลังของจักรพรรดิอสูรได้  อย่างนั้นตาเดินครั้งต่อไปคงเล่นได้ยาก!  อย่างน้อยพลังของจักรพรรดิอสูรก็เหนือกว่าที่เย่ว์หยางคาดไว้มาก!  ที่ขุนเขาเหนือขุนเขา บุรุษลึกลับนับว่าแข็งแกร่งมากพออยู่แล้ว  และเทพปีศาจเว่ยกวงก็เล่นงานเย่ว์หยางจนแทบหายใจไม่ทัน แต่พลังของพวกเขาก็ยังอยู่ในการคาดการของเย่ว์หยาง

ถ้าพลังของจักรพรรดิอสูรเหนือกว่าบุรุษลึกลับหรือเทพปีศาจเว่ยกวงมาก อย่างนั้นศึกนี้ก็ยากจะทนทานได้!

“พวกเจ้า ใครคือจักรพรรดิอสูร?”  เย่ว์หยางมองแล้วมองอีกก็แทบจะมองไม่เห็น

“แล้วเจ้าคิดว่าใครเล่า”  อสรพิษเก้าหัวที่ยืนอยู่ทางด้านซ้ายยิ้มและมองเย่ว์หยาง  “เจ้าเป็นเด็กที่น่าสนใจ  ดังนั้นถ้าเจ้ายินดีจะแบ่งสมบัติแดนล่มสลายแห่งทวยเทพให้เราครึ่งหนึ่ง อย่างนั้นเราจะเป็นมิตรที่ดีต่อกัน!

“ฝันไปเถอะ!  เย่ว์หยางปฏิเสธ

“แดนล่มสลายแห่งทวยเทพไม่ใช่ของเจ้า  ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าเจ้ามีความสัมพันธ์เล็กน้อยกับเรา  ทำไมเราต้องมามัวเสียเวลาคุยเรื่องไร้สาระกับเจ้า  ฆ่าเจ้าในท่าเดียวก็สิ้นเรื่อง”  เสียงของหนอนเก้าหัวแทบจะคล้ายกันกับอสรพิษเก้าหัว  แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่สามารถจำแนกความต่างกัน  แต่เย่ว์หยางมั่นใจว่าหนอนเก้าหัวนี้ ไม่ได้มีเสียงเหมือนกับอสรพิษเก้าหัว

“ฆ่าข้าในท่าเดียว?”  เย่ว์หยางหัวเราะ  เขาชูนิ้วทั้งห้า  “มาลองดูก็ได้!

“ฆ่าเจ้าไปคงไม่ใช่เรื่องดีแน่  คาดว่าจะมีมือคอยช่วยอยู่ที่นี่  จะมีคนรอปิดผนึกเรา เราไม่สามารถกินเพื่อให้เกิดการสูญเสียนั้นได้  คนเก่าแก่ของเผ่าภูตบูรพานั้นไม่มีใครอยู่หนุนหลังเรา ผนึกนั้นยังเป็นขนาดเบา แต่ก็น่ารำคาญจริงๆ  เป็นไปได้ว่าอาจจะฆ่าเราได้  เราไม่ยอมถูกหลอก”  เสียงของวิหคเก้าหัวแหลมและดุ  “แต่ตราบเท่าที่เจ้าไม่ถูกฆ่า เอาแค่ให้เจ้าคลานหาฟันตัวเองก็คงไม่เป็นปัญหา  แนวทางพื้นฐานอย่างนี้เรายังควบคุมได้”

“วันนี้พวกเจ้าจะทุบตีข้าให้ถึงกับคลานหาฟันตัวเอง  บางทีพรุ่งนี้ข้าอาจนำคนไปที่หน้าประตูบ้านฆ่าคนในเผ่าของเจ้า  เจ้าคือเผ่าเก้าหัว เจ้าแน่ใจนะว่าจะสู้กับข้าได้?”  เย่ว์หยางแค่นเสียงเยือกเย็น

“การใช้แดนล่มสลายแห่งทวยเทพเพื่อล่อลวงเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ เสียงของปีศาจเก้าหัวนั้นชัดเจนที่สุด และเขาดูใจดีที่สุด

“หลายอย่างไม่ใช่ของๆ เจ้า พวกเจ้าก็ไม่ควรมาเอา”  เย่ว์หยางถอนหายใจ

“เราไม่รับ แค่รอให้เจ้าไปเอาสมบัติ จากนั้นค่อยแบ่งกับเราครึ่งหนึ่ง  เราไม่โลภมากของแค่ครึ่งหนึ่ง!  อสูรเก้าหัวบอกว่ายังพอมีทางหนึ่ง เช่นวิธีจับเย่ว์หยางซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุด  เหตุผลที่พวกเขาล่วงหน้ามายังวังเทียนหลัวก็คือเร่งรีบตัดหน้าจักรพรรดิทองและราชันย์ไร้ใจจับตัวเย่ว์หยางก่อน และจากนั้นหาทางเอาสมบัติของแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ  พวกเขาเป็นเผ่าภูตบูรพาระดับสูง มีกฎมากมายในแดนบูรพา พวกเขามีความชัดเจนที่สุด คือถ้าต้องการฆ่าเย่ว์หยางโดยไม่มีเหตุผลแม้แต่น้อยแล้วชิงสมบัติ ผลก็คือไม่ได้อะไร  แต่ถ้าพวกเขาเอาชนะเย่ว์หยางเจ้าเด็กนี่ได้ก็ไม่น่าเป็นปัญหาใหญ่อะไร ผู้เดียวที่ต้องระวังก็คือจักรพรรดิทองและราชันย์ไร้ใจ

“เจ้าคิดว่าข้าจะยอมร่วมมือโดยไม่มีการสู้ใช่ไหม?”  เย่ว์หยางแค่นเสียง

“แน่นอนว่าไม่”  อสรพิษห้าหัวส่ายหน้า และมองเย่ว์หยางจริงจัง  “แต่เรามีเวลามากพอ เราจะทรมานเจ้าช้าๆ จนโค่นเจ้าลง  เดิมทีเผ่าเก้าหัวต้องการเพียงหนึ่งเดียว  แต่เราทั้งห้ามารับสมบัติจากแดนล่มสลายแห่งทวยเทพไม่คิดว่าจะล้มเหลว”

“อย่างนั้นมาพนันกัน  ถ้าเจ้าชนะ ข้าไม่มีอะไรจะพูด  แต่ถ้าข้าชนะ อย่างนั้นพวกเจ้าต้องออกไปจากหอทงเทียนทันทีและอย่ากลับมาที่นี่อีก  หอทงเทียนที่นี่คือถิ่นของข้า!  เย่ว์หยางค่อยๆ กลั่นสร้างกระบี่ดำกุยจ้าง กระบี่ขาวซวงหัวและกระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนต่อหน้าทั้งห้าและเดิมพันสู้กับศัตรูถึงหนึ่งต่อห้า

*** *** ***

 

5 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

คิดว่าไม่น่าจะได้สู้กัน ต่อหน้าจักรพรรดิเทียนหลัวแน่เลย

oBABYVOXo กล่าวว่า...

ไหวไหม มีแต่คนเก่งไปทั้งนั้น

Pcha กล่าวว่า...

สู้เค้า

แอบอ่าน กล่าวว่า...

เดี่ยวตื่นมาตบเรียงตัวแน่เลยเสียงดังหน้าวัง

Unknown กล่าวว่า...

จักรพรรดิ์อสูรจำนางพญาดอกหนามไม่ได้เหรอเดี๋ยวเป็นปุ๋ยแบบเพื่อนเก่าหรอก

แสดงความคิดเห็น