วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1263 ข้าเลือกควบคุมชะตาตนเอง

 

ตอนที่  1263  ข้าเลือกควบคุมชะตาตนเอง

มิติหมากรุก

โต๊ะหินข้างหน้า

 

บัณฑิตวัยกลางคนถือตัวหมากสีขาวอยู่หน้ากระดานหมากรุกมองดูอยู่เป็นเวลานั้น  ลึกลงไปในดวงตาของเขาแฝงไปด้วยแววโกรธเลือนลาง

เขาสะบัดแขนเสื้อเบาๆ และฉากภาพต่างๆ หลายสิบฉากในพื้นที่ก่อนหน้านี้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่  เมื่อเขาเห็นนางโคเถื่อนวิ่งไล่ตามขุนพลเทพเทียนหม่าเข้าไปในทางผ่านโบราณและพิชิตขุนพลเทพเทียนหม่าผู้เป็นหนึ่งในสิบแปดขุนพลเทพของเขา  บัณฑิตวัยกลางคนอดพึมพำอย่างช่วยไม่ได้  “เป็นเจ้าจริงๆ จักรพรรดิทอง!  เจ้าทำได้ลงคอ!

อสูรพิทักษ์ของเย่ว์ไตตันยังมีชีวิตอยู่

อย่างนั้นนางโคเถื่อนอสูรพิทักษ์ของคุณชายสามไม่ได้ตาย

กล่าวคือจักรพรรดิทองไม่ได้ฆ่าเย่ว์หยาง เย่ว์ไตตันนี้เลย ได้แต่หลอกตาด้วยรัศมีสว่างเจิดจ้า!

 “บัดซบ..”  บัณฑิตวัยกลางคนไม่ใช่คนที่โกรธใครง่ายๆ  แต่บัดนี้เขาอดใจไม่ไหวที่จะหยิบชิ้นหมากสำคัญที่เป็นตัวแทนของจักรพรรดิทองบนกระดานและบีบแหลกกระจาย!

ถ้าเป็นแค่เพียงเพื่อป้องกัน จักรพรรดิทองคงไม่อาจหักใจฆ่าเย่ว์ไตตัน เขาใช้แสงสุริยันต์อัดเย่ว์หยางไปไว้ในมิติที่ไม่รู้จัก และทำให้คุณชายสามตระกูลเย่ว์ไม่มีทางได้กลับมายังหอทงเทียนได้อีก  นั่นแทบจะไม่ตรงกับบรรทัดฐานขั้นต่ำสุดในใจของเขา

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ดูเหมือนไม่ได้เกิดขึ้น

จักรพรรดิทองใช้รังสีสุริยันต์ควรจะใช้ส่งเย่ว์ไตตันไปไว้ในที่ซึ่งหาตัวไม่พบ นอกจากปกป้องเขาแล้ว เขายังมีความตั้งใจส่งเสริมให้ความรู้นักสู้ระดับเทพผ่านสำนึกเทพ

คำที่เขาพูดขณะลงมือ ฟังผิดปกติมาก

สหายเก่าคนนี้เป็นหนี้บุญคุณยิ่งใหญ่ของเขา ยอมเพิกเฉยมิตรภาพที่มีมานานเป็นพันปี  ไม่คำนึงถึงการทำงานหนักของเขาที่พยายามวางแผนรบมาเป็นพันปี  กลับช่วยให้เจ้าเด็กหนุ่มผู้โชคดีรู้แจ้งระดับเทพอย่างน่าอิจฉา  ยอมมองผ่านสถานการณ์เสี่ยงของเขาใช้พลังเทพส่งเด็กหนุ่มไปไว้ในสถานที่ปลอดภัยต่อการพัฒนาก้าวหน้า.. สหายเก่าทำกันอย่างนี้ได้ยังไง?

ถ้ารู้เร็วกว่านี้ เขาคงไม่เรียกจักรพรรดิทองมาจากแดนสวรรค์ดีกว่า

ความรู้สึกโปรดปรานนี้

มาผิดเวลาจริงๆ!

ตอนนี้หลังจากสูญเสียหมากสำคัญที่เป็นตัวแทนของจักรพรรดิทองบนกระดาน ช่องว่างที่ถูกทิ้งไว้ทำให้เกิดข้อบกพร่องนับไม่ถ้วนที่ไม่อาจคาดเดาได้ และเป็นอันตรายที่มิอาจแก้ไขได้  โชคดีที่สถานการณ์โดยรวมของหมากรุกฝ่ายสีขาวของเขายังมีข้อได้เปรียบแน่นอน  แม้ว่าตัวหมากที่เป็นตัวแทนของจักรพรรดิทองหายไป

 “อย่านึกว่าไม่มีเจ้าแล้วข้าจะล้มเหลว!

 “จักรพรรดิทอง เจ้าสำคัญน้อยกว่าที่เจ้าคิด! หากเจ้าต้องการเล่น นั่นเป็นไปไม่ได้เลย!” บัณฑิตวัยกลางคนวางหมากอีกตัวหนึ่งไว้บนกระดาน ท่าทีของเขาสงบลง  “ภายใต้แผนของข้า ไม่มีใครพลิกสถานการณ์ได้  ในการเดินหมากข้ามักเป็นผู้ไร้เทียมทานเสมอ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต”

ในขณะเดียวกันนั้น

เย่ว์หยางลืมตาขึ้นและพบว่าตัวของเขาเองกำลังนอนอยู่บนบันไดหิน

พลังกฎสวรรค์โบราณทำให้เขารู้สึกตัวหนักอึ้ง และเขาไม่สามารถขยับร่างกายได้ง่าย  ราวกับว่าแค่กระดิกนิ้วหรือกระพริบตาต้องใช้พลังงานแทบทั้งตัว

นี่ที่ไหน?

ทำไมเขาไม่เคยเห็นภาพที่นี่มาก่อน?

นอกจากนี้ นี่คล้ายกับโลกพฤกษาบันไดสวรรค์ได้อย่างไร?

เขารู้สึกปวดหัว และความทรงจำที่มีคือเขาถูกจักรพรรดิทอง แห่งเผ่ากาทองสามขา หุบเขาสุริยันต์ต่อยกระเด็น  จักรพรรดิทองตั้งใจมาที่นี่?  นอกจากนี้เขาคิดว่าเขาถูกโยนลงไปในรอยแยกมิติเวลา สถานที่ๆ เขาจะไม่พบทางกลับไปที่หอทงเทียน คิดไม่ถึงว่าเขายังไม่ได้จากไป  โลกพฤกษา  นี่คือโลกพฤกษาในบันไดสวรรค์แน่นอน  แต่ต้องขึ้นมาอีกกี่ขั้นถึงจะมาที่ขั้นนี้ได้ และที่นี่มีพลังกล้าแข็งหนักหน่วงแบบนี้ได้อย่างไร?  มันแข็งแกร่งพอๆ กับตัวเขาเอง และเกินความแข็งแกร่งของระดับเทพแท้  แต่เขายังไม่ได้เลื่อนเป็นระดับเทพทางการ ดังนั้นเขาจึงหายใจลำบาก นี่เป็นระดับเหนือขั้นที่ห้าแสนไม่ใช่หรือ?

 “นี่คือขั้นที่หนึ่งล้าน!

เสียงหนึ่งดังหนึ่งอย่างน่าประหลาดใจ แทบจะทำให้เย่ว์หยางลุกพรวดพราดเมื่อได้ยิน

เย่ว์หยางพยายามดิ้นอย่างแรงหันกลับไปข้างหลังและเงาหลังของคนที่เหมือนคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยยืนอยู่กับที่เงียบๆ

ความคุ้นเคยก็คือหลังของผู้นี้เขาไม่มีทางลืมได้  ส่วนที่ไม่คุ้นเคยจากการมองด้านหลังเท่าที่จำได้ก่อนหน้านี้ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่น่าเชื่อ และเขาคาดไม่ถึงจึงมีความรู้สึกขัดแย้งอยู่ภายในเป็นภาพลวงตาที่ทั้งคุ้นเคยและทั้งไม่คุ้นเคย

นั่นคือจื้อจุน!

นางคือจื้อจุนสตรีที่ทุกคนนับถือ

นางไม่ได้หันมามองเหมือนเมื่อก่อน  นอกจากการปรากฏตัวครั้งแรกในค่ายซางอู่ นางมักหันหลังให้เขาเสมอ  อาจเป็นเพราะศักดิ์ศรีของนางเอง นางไม่ยินดีจะปรากฏตัวในฐานะผู้สอน ไม่เต็มใจจะพบเขาผู้ไม่สามารถเอาชนะตนเองได้

นางสามารถดูแคลนสิ่งมีชีวิตทั้งหมดได้

แต่นางไม่ต้องการเห็นเขาอยู่ในกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่มีระดับต่ำกว่าเหล่านั้น

ไม่มีใครอยากให้เย่ว์หยางเติบโตก้าวหน้ารวดเร็วเหมือนนาง

เพียงแต่เมื่อเขาเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นราชันย์ผู้ครองโลกคนใหม่ ทำหน้าที่ผู้ปกป้องหอทงเทียนแทนนางได้  นางจึงรู้สึกโล่งใจ

 “ข้าบอกแล้วว่าจะไปรอเจ้าที่บันไดขั้นที่ล้าน”  จื้อจุนพูดเช่นนี้ เย่ว์หยางค่อยจำได้  ใช่แล้ว นางพูดอย่างนี้ หลังจากทำได้สำเร็จแล้ว เขาจะมีโอกาส

 “อะแฮ่ม, ข้าสับสนจริงๆ  ข้าไม่รู้ว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้น” เย่ว์หยางลูบหลังศีรษะและยิ้มเขินอาย

 “เจ้านี่โง่ไปได้  ข้านำเจ้าขึ้นมา  เจ้าปล่อยให้จักรพรรดิทองต่อยเจ้ากระเด็นเข้าไปในรอยแยกมิติเวลาของบันไดสวรรค์  ข้าใช้ความพยายามมากมายจึงดึงเจ้ากลับมาได้  เจ้าคิดว่าจักรพรรดิทองใจดีนักหรือถึงได้ส่งเจ้ามาที่นี่?  นอกจากนี้ เขาไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้น!  ไม่มีใครสามารถผ่านเข้ามกฎสวรรค์แห่งบันไดสวรรค์ได้   ข้าดึงเจ้ามาได้เพราะ... นี่คือความลับ เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ความจริง”  จื้อจุนพูดว่าเป็นความลับ จากนั้นเย่ว์หยางไม่สงสัยต่อไป นางลังเลจะพูด  เป็นเรื่องยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์สำหรับการรับรู้ความจริงจากปากของนาง

 “เหรอ? อย่างไรก็ตาม ข้าก็ยังมาถึงเป้าบันไดสวรรค์ขั้นที่ล้าน!  เย่ว์หยางจับจุดสำคัญได้เมื่อมาถึงขั้นที่ล้าน เขาสามารถไล่ตามนางได้ ไม่ว่านางจะไปทางไหน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเล่นบทโกง

 “ไม่สำคัญ เจ้าต้องกลับไปอีกครั้ง”  จื้อจุนรู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่ไม่จริงใจ

 “อ๊า..ไม่เหรอ?”  เย่ว์หยางงง

กลับไปปีนใหม่หรือ

ต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใด?

อย่าว่าแต่ไต่จนถึงขั้นที่ล้าน  แม้ว่าจะทำได้ก็ไม่รู้ต้องใช้เวลานานเท่าใด อาจไม่จำเป็นต้องชนะปณิธานของบรรพบุรุษยุคโบราณที่นี่  อุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้วกลับไม่นับ ช่างน่าสมเพชเหลือ

เย่ว์หยางกำลังมองหาข้ออ้าง อย่างเช่นแดนสวรรค์รุกรานเลยไม่ว่างปีนบันได

แน่นอนว่านี่ไม่อาจนับว่าเป็นเหตุผลที่ดี

ตอนนี้เขาไม่มีความพยายามจะปีนอีกครั้ง

นอกจากนี้ไม่ว่าเขาจะอ้างว่าฝึกฝนหรือไม่ ก็ไม่มีเหตุใดที่จะบอกว่าไม่ควร

ขณะที่เย่ว์หยางไม่รู้ว่าจะโน้มน้าวใจอย่างไร ทันใดนั้นจื้อจุนโบกมือให้เขาเบาๆ  “ยังไม่ต้องพูดเรื่องนี้ตอนนี้ก่อน  ตอนนี้มาคิดหาวิธีจัดการกับวิกฤตหอทงเทียนก่อน!  ตงฟางคนทรยศได้วางแผนมาหลายพันปีแล้วและเกือบจะหมื่นปีไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเอาชนะเขา  เขาคงจะมีคนหนุนหลังที่เรายังไม่รู้  เราต้องมีพลังแข็งแกร่งมากกว่านี้ มิฉะนั้นเราจะไม่สามารถสู้เขาได้!  นอกจากนี้แม้ว่าเราจะเอาชนะตงฟางได้ แต่เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ที่ยังซ่อนตัวอยู่  เขาจะต้องออกมาลงมือทันที.... เจ้ายังไม่เติบโตเต็มที่ และเราจะอ่อนแอที่สุดหลังจากสงคราม นั่นจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดให้เขาโจมตี”

 “ข้ารู้ว่าศึกครั้งสู้ได้ยากมาก”  เย่ว์หยางพยักหน้า แต่เขาไม่ท้อ  “ต้องกัดฟันสู้ฝ่าฟันความลำบากด้วยกัน ข้ากล้าพูดว่าในอดีตเราไม่มีภัยคุกคามเพียงพอ  พวกเขายังไม่ได้โจมตีเราล่วงหน้ามากนัก  ตราบใดที่เราใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบของเรา  ตราบนั้นชัยชนะสุดท้ายจะเป็นของเรา!

 “เจ้ามีผู้พิทักษ์จากเผ่าอมตะคอยปกป้อง ข้ารู้เรื่องนี้แน่นอน”  จื้อจุนลังเลเล็กน้อย จากนั้นปฏิเสธเสียงนุ่ม “ชัยชนะสุดท้ายจะตกเป็นของเจ้า นี่เป็นเรื่องจริงแน่นอน แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นของหอทงเทียน”

 “อะไรนะ?” เย่ว์หยางตกใจหลังจากได้ยิน

 “ตาทิพย์ของข้าไม่สามารถเห็นอนาคตนี้ได้ชัดเจน  แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะชนะในท้ายที่สุด  อย่างไรก็ตามราคาที่ต้องจ่ายไปในระหว่างนั้นข้าไม่สามารถเห็นได้....  บางทีอาจมีคนตายหลายคน บางทีคนเหล่านั้นอาจมีข้า อาจมีจักรพรรดินีราตรี หรืออาจเป็นสาวน้อยรอบๆ ตัวเจ้า... ฟังข้าให้ดีเย่ว์หยาง  ถ้าเจ้าแข็งแกร่งไม่พอ เจ้าจะไม่สามารถเข้าใจพลังโชคชะตาได้  เมื่อเจ้าไม่สามารถเชี่ยวชาญพลังโชคชะตา  อย่างนั้นเจ้าจะปล่อยให้โชคชะตาครอบงำ เจ้าจะต้องดิ้นรนต่อสู้ภายใต้พลังเทพของคนอื่น เมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าจะรับรองความปลอดภัยของคนที่เจ้ารักได้อย่างไร?”

 “ไม่ ไม่ ข้าจะไม่ยอมให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น!” เย่ว์หยางกลัวจนหลั่งเหงื่อเยียบเย็น เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลย  แม้แต่คนที่อยู่รอบตัวเขาก็ตกอยู่ในการต่อสู้ครั้งนี้ ผลเช่นนั้นเขายอมรับไม่ได้แน่นอน

 “ดังนั้นเจ้าไม่เพียงแต่ต้องมีอำนาจควบคุมชะตาของเจ้าเอง  แต่ต้องมีพลังในการควบคุมชะตาของคนอื่นด้วย  ไม่เพียงแค่เจ้าและคนที่เจ้ารักเท่านั้น ยังรวมถึงบริวารเจ้า คนที่ยืนหยัดเคียงข้างเจ้า คนที่หนุนหลังเจ้าญาติสนิทมิตรสหายของเจ้าอีกเป็นพัน  ชะตาของคนเหล่านี้อยู่ในมือของเจ้า  พวกเขาจะปลอดภัย เจ้าเข้าใจความหมายของข้าไหม?  เจ้าเข้าใจหน้าที่ของตนเองหรือไม่ เจ้าเข้าใจความหมายที่แท้จริงและกระบวนการชีวิตที่เป็นไปหรือไม่?  ถ้าเจ้าเข้าใจแล้ว  อย่างนั้นเจ้าต้องเข้าใจจุดอื่นด้วย นั่นคือเจ้ามีพลังจะปกป้องและควบคุมชะตากรรมของผู้อีกมากมายแค่ไหน”

คำพูดของจื้อจุนำให้เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อเยียบเย็น  เขารู้ว่าเขามีพลังที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ

แต่ต้องบอกตามตรง เขาไม่รู้จริงๆ ว่าเขาทรงพลังมากมายขนาดไหน

จนกระทั่งบัดนี้ เวลาที่เขาอยู่ในสภาพคลั่งควบคุมตนเองไม่ได้ พลังของเขาจะน่ากลัวมากกว่าปกติ!

   สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทุกวันนี้ ตัวของเขาเองเลื่อนระดับพลังจนมาถึงระดับนี้ ยังอยู่ห่างไกลขีดจำกัดของพลัง ห่างจากกการเข้าถึงพลังทั้งหมดที่เขาควรจะเชี่ยวชาญ..

มีศักยภาพเพื่อความไม่มีที่สิ้นสุด  แต่กลับไม่มีวิธีแสดงออกมา

แต่เขาต้องมาคอยดูคนทรยศหอทงเทียนอย่างเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางและเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ข่มเหงญาติสนิทมิตรของตนเองโดยไม่สามารถช่วยได้หรือ?

ไม่ ไม่ เรื่องนี้เขาไม่ต้องการเห็นอย่างแน่นอน

นี่ไม่ใช่เกม จะไม่มีทางฟื้นคืนชีพได้   หากเขาต้องการให้คนที่เขารักอยู่กับเขาได้ตลอดเวลา  เขาต้องทำให้คนเหล่านั้นอยู่รอด  เขาต้องใช้พลังอำนาจที่เขายังไม่เชี่ยวชาญนั้นให้ได้เพื่อโค่นล้มศัตรูและโจมตีผู้รุกราน ปกป้องชีวิตคนในบ้านเกิดตนเอง ดูแลคนในครอบครัวและคนรักของตนเอง

เย่ว์หยางกำหมัดแน่น สูดหายใจลึก พยายามสงบอารมณ์ตนเองกลับไปสู่สภาวะว่างเปล่า จากนั้นมองหน้าจื้อจุนโดยตรง  “โปรดสอนข้า  ข้าควรจะทำอย่างไร”

 “นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการบอกเจ้า  วันหนึ่งมีมารดาวัยสาวเก่งกาจไร้เทียมทาน นางมาพบข้าและบอกความจริงเกี่ยวกับอนาคตบางประการที่ทำให้ข้างงงวยในเวลานั้น จนกระทั่งวันหนึ่ง วันที่ข้าไต่ระดับไปถึงบันไดขั้นที่ล้าน  ข้าจึงได้ทราบความหมายทั้งหมดที่นางทิ้งไว้ที่นี่  ในที่สุดข้าจึงได้รู้ความลับทั้งหมดที่อยู่ต่อหน้าต่อตาข้าและข้ารู้ว่าข้าควรจะทำอย่างไร....  ในบันไดขั้นที่ล้านนี้ ข้าจะสอนทุกอย่างที่มารดาสาวผู้นั้นบอกข้าไว้ให้กับบุตรของนางโดยข้าจะไม่สงวนเอาไว้  นอกจากนี้ข้าจะช่วยเหลือบุตรของนางตามคำขอของมารดาสาวผู้นั้น จนกว่าเขาจะเป็นบุคคลแรกในประวัติศาสตร์ของหอทงเทียนที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์อย่างไม่เคยมีมาก่อน นักสู้เทพจอมราชันย์!

จื้อจุนหันหน้ากลับมาหาเขา  “นั่นคือเจ้า” นางยิ้มให้เขาจนเขารู้สึกสั่นสะท้านในวิญญาณ

ตาทิพย์ของนางสามารถมองลึกเข้าไปในหัวใจของเขาและผสานเข้ากับจิตวิญญาณของเขาโดยไม่ต้องพูดอะไร และเย่ว์หยางสามารถรับความคิดและจิตสำนึกของนางได้เต็มที่  “พลังแห่งโชคชะตานั้นเตรียมไว้ให้เจ้า  เจ้าพร้อมจะรับผิดชอบพลังแห่งโชคชะตาที่เจ้าควรจะมีหรือยัง?”

เย่ว์หยางเดินผ่านเข้าไปโดยไม่มีการเหนี่ยวรั้งหรืออิทธิพลใดๆ ส่งผลต่อเขาอีกต่อไป เขาสำรวมใจโอบกอดสุดยอดนักสู้แห่งหอทงเทียน ผู้ที่ชาวโลกเรียกว่าจื้อจุน  “ข้าเลือกเป็นเจ้านายแห่งโชคชะตา กำหนดชะตาของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นของข้าเอง หรือของท่านหรือจักรพรรดินีราตรี ฝ่าบาท ข้าจะไม่ปล่อยให้อู๋เสียและเชี่ยนและคนอื่นต้องตายไปต่อหน้าข้า พวกนางคือคนของข้าตลอดไป!

9 ความคิดเห็น:

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Pcha กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

CHANTANA กล่าวว่า...

แม่่อย่างโหด😱😱😱😱😱

Nasee กล่าวว่า...

สุดจัด

Lazykuma กล่าวว่า...

สรุปจือจุนคือ จักรพรรตดิ์ ดทียนหลัวหรอ!!!?ถึงเรียกฝ่าบาท

zen zen กล่าวว่า...

อ่านใหม่อีกรอบสิ

CHANTANA กล่าวว่า...

คนละคนคับ

causou กล่าวว่า...

มีแอบกอด จื้อจุน ฮ่าๆๆ ตีเนียน

Unknown กล่าวว่า...

ฟินจุง 555555

แสดงความคิดเห็น