วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1265 แปลงร่าง!

 

ตอนที่  1265  แปลงร่าง!

เมื่อได้ยินเสียงนี้ขุนพลเทพเทียนเฉิงสีหน้าเปลี่ยนทันที

เจ้าอ้วนไห่ และเย่คงและคนอื่นๆ

ตะลึงเป็นไก่ตาแตก

 

นี่คือตงฟางหรือ?  คนทรยศหอทงเทียนเมื่อหมื่นปีก่อน? คนเลวอย่างนี้กลายเป็นนักสู้ระดับเทพได้หรือ?

นอกจากนี้ยังมีทักษะแฝงเร้นที่ผิดธรรมดา  นี่ไม่มีเหตุผลชัดๆ คนแข็งแกร่งทรงพลังไม่ธรรมดานี้ ไม่ยอมปกป้องดินแดนมาตุภูมิ  เขากลับยินยอมทรยศด้วยตัวเองและนำคนต่างถิ่น กลับมาบุกดินแดนมาตุภูมิของตนเอง  เจ้าผู้นี้เป็นโรคจิตหรือเปล่า?

ขุนพลเทพเทียนเฉิงคุกเข่าทันที

เขาหลั่งเหงื่อเยียบเย็น และในดวงตามีแววหวาดกลัวไม่มีที่สิ้นสุด

เขากำลังสั่น

วิญญาณของเขา

ใกล้พังทลาย

ด้วยทัศนคติที่เคร่งครัดและเคารพ เขาคุกเข่ากล่าวพร้อมกับหมอบศีรษะแนบพื้น

 “เทียนเฉิง!  ข้าให้โอกาสเจ้าเพราะความพยายามของเจ้า!  เจ้าต้องจำไว้ว่าในโลกนี้มีคนมากมายที่มีพลังอำนาจ และผู้คนมากมายที่ต้องการโอกาส หากมีคนไม่เต็มใจจะเป็นตัวหมากของข้าและต้องการกระโดดออกจากกระดานหมากรุก  เขาจะถูกทำให้เป็นหมากที่ถูกทิ้ง  ยิ่งไปกว่านั้นในโลกนี้ ไม่มีปัญหาการขาดแคลนตัวหมากที่มีคุณสมบัติเหมาะสม  ทุกๆ วินาทีมีตัวหมากมากมาย พวกเขาพร้อมอาสารับใช้ผู้บัญชาการตัวหมากไม่รู้จักสิ้นสุด นี่คือโอกาสสุดท้ายที่ข้ามอบให้เจ้า และยังเป็นคำแนะนำสุดท้ายสำหรับเจ้า ถ้าเจ้าไม่มีความสามารถในการเล่นหมากรุก เจ้าก็ต้องมีส่วนร่วมเป็นประจำ  ในฐานะที่เป็นตัวหมาก  ตัวหมากไม่มีความคิดใดๆ หากตัวหมากรุกมีความคิดนั่นไม่ใช่เรื่องดี ถ้าตัวหมากมีความคิดของมันเอง ก็หมายความว่ามันอยู่ไม่ห่างจากการเป็นหมากที่ถูกทิ้ง”  เสียงที่ดังมาจากท้องฟ้านั้นดังเบามาก แต่ส่งผลกระทบต่อจิตใจขุนพลเทพเทียนเฉิงรุนแรง  เขากลัวจนไม่กล้าเคลื่อนไหวได้แต่คุกเข่าในท่าที่เคารพที่สุด และทำให้ใจของขุนพลเทพสงบลง นั่นคือไฟแห่งการทำลายล้าง

เสียงที่ดังมาจากท้องฟ้านั้นไม่ได้จำกัดอยู่ที่ขุนพลเทพเทียนเฉิงเท่านั้น

ทันทีที่พูดจบ เสียงก็หายไปไม่เหลือร่องรอย

เหมือนกับว่าไม่เคยปรากฏมาก่อน

อย่างไรก็ตาม หน้าของขุนพลเทพเทียนเฉิงเปลี่ยนไป  ทัศนคติของเขาเปลี่ยนไป เขากลายเป็นคนบ้าคลั่งและกระหายเลือดทันที

เขายืนขึ้นช้าๆ และมองตาเจ้าอ้วนไห่และเย่คงและคนอื่นๆ  ดวงตาของเขากลายเป็นสัตว์ร้ายกระหายเลือด  “ข้าเทียนเฉิง มีคุณสมบัติได้เป็นหมากตัวหนึ่ง ศัตรูทั้งหมดที่ขวางอยู่หน้าข้า ต้องตาย!

 “เจ้าบ้าไปแล้ว!  เจ้าอ้วนไห่ร้องลั่น

 “ใช่, ข้าบ้าไปแล้ว เจ้าผลักดันให้ข้าบ้าคลั่ง!  เดิมทีข้ามีคุณสมบัติเป็นหมากตัวหนึ่ง  ข้าไม่มีความคิด  แต่เจ้าทำให้ข้ามีความคิด  สำหรับคนที่เป็นหุ่นเชิดมานานนับพันปี นี่เป็นเรื่องอันตรายมาก มันเกือบทำลายชีวิตและตระกูลของข้าได้ทั้งหมด!  ตอนนี้ข้าต้องการบอกพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย  และบอกพวกเจ้าเป็นคำสุดท้าย  พวกเจ้าเหลือเวลาเพียงสิบนาทีสุดท้าย!

ขุนพลเทพเทียนเฉิงพูดจบ  มือของเขาสั่น

ขุนศึกแดนสวรรค์ที่อยู่บนพื้น ทุกคนเปล่งแสงสีแดงประหลาด

เหมือนกับว่ากำลังคายความร้อน

งดงามเหมือนดอกไม้

สีหน้าของนักรบแดนสวรรค์เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงสีหน้าที่ยินดีสนุกสนานเพลิดเพลิน  แต่หน้าของพวกเขาแข็งเหมือนรูปปั้น

แม้ว่านักรบหญิงแห่งเผ่าซัคคิวบัสจะทำร้ายพวกเขาล้มลง แต่สีหน้าของพวกเขาที่ล้มลงบนพื้นไม่มีอาการรู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย  เหมือนมีความรู้สึกตื่นเต้นยินดีไม่รู้จักจบสิ้น

สีหน้าของพวกเขามีความสุขมิอาจบรรยายได้

เทียบกับบุรุษและสตรีพวกเขามีความรู้สึกคลั่งไคล้มากยิ่งกว่า

ถ้ากองทัพผสมจากแดนสวรรค์  เจ้าอ้วนไห่และพวกพ้องคิดว่าคงเป็นนักรบซัคคิวบัสใช้ความสามารถในการตรึงวิญญาณ  แต่นักรบแดนสวรรค์ทั้งหมดเป็นแบบนี้ ฉากภาพนั้นแตกต่างจริงๆ ฉากภาพเห็นแล้วอดหนาวยะเยือกไม่ได้  ไม่ถึงสามวินาที นักรบซัคคิวบัสทั้งหมดก็มีปฏิกิริยา  แม้ว่าพวกทหารที่มีตาแดงก็ดูน่าหวาดกลัว...  “ถอย นี่เป็นการเสียสละ!  นางพญาซัคคิวบัสสั่งคนในเผ่าให้ถอยทันที

 “รีบหนีไปจากที่นี่ ไปที่หอทงเทียนชั้นที่สี่ จะมีคนออกมาพบเจ้า”  องค์ชายเทียนหลัวไม่สนใจเปิดเผยสถานการณ์ทางทหาร  อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถปกปิดเรื่องนี้ได้เป็นเวลานาน ดังนั้นเขาแจ้งให้ทุกคนทราบเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด  โดยเฉพาะอย่างยิ่งตงฟางมีทักษะแฝงเร้นทำทุกอย่างบนโลกให้เป็นหมากรุก เป็นไปไม่ได้ที่ส่งเผ่าพันธุ์ซัคคิวบัสย้ายไป  อย่างไรก็ตามเมื่อตั่วตั่วนำแผนนี้ให้สุ่ยตงหลิวดำเนินการ ก็ไม่มีความคิดจะซ่อนจากหูตาทหารแดนสวรรค์อยู่แล้ว

 “ไม่มีใครไปไหนได้ทั้งนั้น  พวกเจ้าต้องตายกันทั้งหมด”  ขุนพลเทพเทียนเฉิงชูมือสูง  แสงสีแดงเชื่อมกับมือของเขา พลังชีวิตนับไม่ถ้วนเข้ามารวมอยู่ในฝ่ามือเหนือศีรษะของเขา

ทหารแดนสวรรค์เกือบหมื่นคนเหมือนกับดอกไม้บาน

ในพริบตาเดียว

ในที่สุดพลังชีวิตของทหารแดนสวรรค์ทุกคนถูกดึงดูดไปรวมอยู่ที่ฝ่ามือของขุนพลเทพเทียนเฉิง  ร่างทหารแดนสวรรค์กลายเป็นซากแห้งล้มลงกับพื้นศีรษะแขนขากระจัดกระจาย

ขุนพลเทพเทียนเฉิงดูดเอาพลังชีวิตของคนหมื่นคน แทนที่จะโลภกลืนกินเหมือนกับนักสู้แดนสวรรค์คนอื่นๆ  เขากลับบิดพลิกส่งบอลพลังชีวิตสีแดงและซัดไปที่ร่างเจ้าอ้วนไห่ เย่คง เสวี่ยทันหลาง องค์ชายเทียนหลัวและพี่น้องตระกูลหลี่

เจ้าอ้วนไห่และพวกโดดออกจากระยะการโจมตี

แต่กลุ่มบอลพลังงานสีแดงเหมือนเชื้อเกาะกระดูก ไม่สามารถกระแทกกระจายให้หายไปได้

กลุ่มพลังงานปีศาจที่รวดเร็วนี้ไล่ติดตามพวกเขา ทันทีที่ชนร่างเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นๆ ก่อให้เกิดผลร้ายต่อร่างกายลับๆ ทันที

มลพิษนี้ไม่มีผลต่อร่างกายของเจ้าอ้วนไห่กับพวก  แต่พรของป่าโบราณและหนามป่าโบราณที่ตั่วตั่วมอบให้เริ่มจางหายไปอย่างรวดเร็วเหมือนสายน้ำ  ขุนพลเทพเทียนเฉิงกำจัดพรของเทพธิดาบุปผาตั่วตั่วได้สำเร็จด้วยการสังเวยชีวิตนี้  เพียงแต่คุณค่าที่ต้องจ่ายออกไปก็คือชีวิตของทหารแดนสวรรค์เกือบหมื่นคน

 “เจ้าบ้าคลั่งไปแล้ว!  เจ้าอ้วนไห่ถอนหายใจเบาๆ  เขาเดาผลของการกระทำของฝ่ายตรงข้ามได้

 “ตอนนี้ ข้าคือหมากที่ไม่มีความคิด เพื่อชัยชนะ ข้าทำได้ทุกอย่างที่ข้าต้องการ และเพิกเฉยต่อทุกสิ่งได้  นี่คือสิ่งที่ข้าจำเป็นต้องทำ!  ลึกลงไปในสายตาของขุนพลเทพเทียนเฉิงมีแววเจ็บปวดลึก

แต่ในไม่ช้า

กลับถูกแทนที่ด้วยความป่าเถื่อนกระหายเลือด  “ตาย!  พวกเจ้าสูญเสียพลังพรของเทพไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะต้านรับข้าได้ถึงสามนาที!

นอกจากชั้นเจ็ดหอทงเทียนแล้ว ยังมีเกาะอัคคี

เผ่าทะเล สถานที่ซึ่งเย่ว์หยางกับไห่หลานพบกันครั้งแรก ความทรงจำในชีวิตที่ทรงค่ามากที่สุดของจักรพรรดินีสมุทรคนใหม่

ในสถานที่นี้ นางไม่เพียงแต่ได้พบกับบุรุษที่สำคัญที่สุดในชีวิต แต่เป็นเพราะเขาทำให้นางโชคดีได้รับการยอมรับจากบิดานางจักรพรรดิสมุทร ได้รับมรดกจากจักรพรรดิสมุทร  นางคือธิดานอกสมรสผู้โดดเดี่ยวเดียวดายแห่งเผ่าทะเล แต่ได้กลายเป็นจักรพรรดินีสมุทร!  ตั้งแต่วันที่นางพบกับเขาชีวิตของนางเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นางได้เริ่มต้นเส้นทางแห่งจักรพรรดินีสมุทรซึ่งตัวนางเองมิกล้าคิดฝัน... เกาะอัคคี นางรู้ว่าเป็นสถานที่โชคดีของนาง

ที่นี่ครั้งหนึ่งในชีวิตของเขา เขาได้รับอุทกแม่ธรณีหมื่นปีช่วยเร่งอัตราความก้าวหน้าพัฒนาฝีมือของเขาเป็นไปอย่างก้าวกระโดด

จนกระทั่งเขาเข้าสู่ดินแดนมิติฝึกฝีมือ

เสร็จสิ้นการฝึกฝนออกมาแล้ว

ศักยภาพของอุทกแม่พระธรณีหมื่นปีที่ผนึกอยู่ในร่างกายของเขาก็ยังไม่ถูกดึงดูดออกมาใช้เต็มที่

สมาชิกครอบครัวและสหายที่ไม่ยอมรับที่นี่ หรือสมบัติและผลประโยชน์ลับที่มีอยู่ที่นี่ นางจำสถานการณ์ที่มีความรักอยู่กับเขาที่นี่ นางไม่ลืมทะเลครามเกาะเพลิงแห่งนี้...  ที่นี่เทียบได้กับหมู่เกาะฝนดาวตกแห่งหอทงเทียน เทียบได้กับวังสมุทรที่งดงาม

นางชอบที่นี่

เกาะอัคคี

เกาะเล็กๆ เต็มไปด้วยความทรงจำในชีวิตของนาง  บ้านน้อยที่อบอุ่น นางยิ้มทุกครั้งที่คิดถึง

อย่างไรก็ตามเมื่อไห่หลานพาสหายของนางรีบเร่งไปถึงเกาะที่ครั้งหนึ่งเคยสวยงาม และเปลี่ยนโชคชะตานางให้กลายเป็นโชคดีและเป็นการเดินทางที่มีความสุข นางพบว่ามันกลายเป็นเกาะที่มีไฟลุกไหม้  ภาพอาคารที่ปรากฏให้เห็นถูกเปลวไฟเผาไหม้รุนแรง  และเรือที่ลอยลำอยู่เป็นหมื่นถูกไฟเผาไหม้ลามเลีย ควันม้วนตัวหนาทึบเหมือนปากปีศาจกลืนกินท้องฟ้าเหนือทะเล ทะเลสีฟ้าบริสุทธิ์บัดนี้กลายเป็นสีแดงเพลิง 

นั่นคือภาพที่ปรากฏต่อสายตาไห่หลานในตอนนี้

 “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดการรอคอยของข้าก็จบลง  สิ่งมีชีวิตในหอทงเทียนนี่ มันเป็นยังไงกัน?  เป็นกลุ่มพวกไม่มีสมองใช่ไหม?  เพราะอาคารที่ถูกทำลาย และบางอย่างที่ตายแล้วถึงกับต้องเสี่ยงชีวิตเข้ามา  ในโลกนี้มีอะไรสำคัญยิ่งกว่าชีวิตพวกมันบ้างไหม?  ช่างมันเถอะ! ข้าไม่ต้องการสำรวจพื้นฐานเรื่องแบบนี้อย่างลึกซึ้งมากนัก มีคำพูดกล่าวว่าอย่าพยายามเข้าใจความคิดของคนโง่ เพราะนั่นเป็นแค่เพียงปริศนา!  ขุนพลเทพที่ซ่อนตัวอยู่ในเปลวไฟควันไฟมองเห็นสามสาว ไห่หลาน ไป่ลู่และสาวยักษ์ลี่เยี่ยนบินเข้ามาใกล้  เขากระโดดออกมาจากเปลวไฟด้วยความยินดีทันที

 “.....”  ไห่หลานไม่ได้มองเขา แต่น้ำตาไหลมองดูเกาะที่ถูกไฟแผดเผา

 “ข้าชื่อเทียนถง  ถ้าพวกเจ้าไม่อยากสู้ อย่างนั้นเราขุนพลเทพจะลงโทษพวกเจ้าแค่เพียงเล็กน้อย  แต่ถ้าเจ้าไม่เชื่อฟังแต่โดยดี  ข้าไม่รังเกียจที่จะบอกพวกเจ้าว่าทัณฑ์สวรรค์คืออะไร!  ขุนพลเทพผู้อ้างตัวว่าชื่อเทียนถงประกาศตัวเองด้วยท่าทีสบายๆ ราวกับเป็นบิดาหรือญาติผู้ใหญ่ของจักรพรรดินี

 “เลวจริงๆ ข้าจะเลาะเอากระดูกเจ้าออกมา!  หัวหน้าลี่เยี่ยนไม่ได้พูดในฐานะหัวหน้ามานานแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนนางโกรธจริงๆ

 “โอว, ขึ้นอยู่กับเจ้าคนเดียวหรือไง?”  ขุนพลเทพพบว่าสาวน้อยผู้นี้หนึ่งในฝาแฝดที่อยู่ด้านหลังจักรพรรดินีสมุทร มีรูปร่างเป็นสาวน้อยอ่อนแอและอ่อนโยน  ญาติผู้ใหญ่ในตระกูลไม่ได้สอนไว้หรือไงว่าความกลัวคืออะไร?

 “แปลงร่าง!  หัวหน้าลี่เยี่ยนสวมเกราะรบพญาเต่าดำที่เย่ว์หยางสร้างให้เป็นพิเศษ นางคืนสภาพสาวยักษ์ทันที

ในมือของนางถือเสาเจ็ดดาวจักรพรรดิอวี้ที่เย่ว์หยางเตรียมไว้ให้ทุกคนได้ฝึก

และหวดเสาเจ็ดดาวลงที่ศีรษะ

ขุนพลเทพเทียนถงมัวแต่ยืนตะลึงไม่มีเวลาสนองตอบ แต่ไม่ทันยับยั้งเสาที่ฟาดใส่ศีรษะจนจมลงไปในพื้น

5 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ไม่พูดเยอะเจ็บคอ ! ป๊าบบ

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

CHANTANA กล่าวว่า...

ตายตั้งแต่คฺ่ยยังไม่จบ5555

zen zen กล่าวว่า...

แปลงร่าง เคนชิน

Pcha กล่าวว่า...

สู้ๆ

แสดงความคิดเห็น