ตอนที่ 1270 ระเบียงเวลา
ในระเบียงเวลา
แม้แต่เสวี่ยอู๋เสียผู้เปิดเข้ามาก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้
ผู้เยี่ยมชมจากแดนสวรรค์บนอย่างหัวซาน อู่หวิน เหลยหมิงทุกคนคิดว่าเป็นทางเดินที่คล้ายกับทางเดินโบราณซึ่งบันทึกเกียรติประวัติของนักรบบรรพบุรุษผู้ทรงเกียรติแห่งหอทงเทียน ใครจะรู้หลังจากเข้ามาแล้วกลับไม่ได้เป็นดังคาด
เป็นเหมือนมิติว่างเปล่า ไม่มีพื้น ไม่มีท้องฟ้า ไม่ผนังใดๆ ทั้งสิ้น
ไม่มีขอบเขตขีดคั่น
ไม่มีใครรู้ว่าระเบียงเวลานี้ยาวนานเพียงไหน
พวกเขาไม่รู้ว่าคงอยู่นานเพียงไหน บางทีอาจไม่มีความหมาย หรืออาจคงอยู่นิรันดร
ตลอดพื้นที่ๆ ผ่านมานั้นตามระเบียงเวลา เต็มไปด้วยกฎสวรรค์
ไม่ได้มีการห้ามไม่ให้คนก้าวเท้า ไม่กักพลังของผู้เข้าเยี่ยมชม ตรงกันข้ามทุกคนรวมทั้งอาคันตุกะจากแดนสวรรค์หลายคนได้รับการกระตุ้นพลังและร่างที่ซ่อนไว้ แสดงให้เห็นร่างและพลังของพวกเขาโดยไม่เต็มใจ รูปร่างหน้าตาและร่างหลักที่ซ่อนเร้นของพวกเขาจะปรากฏขึ้นโดยอัตโนมัติ
ร่างของจางไห่เหมือนรูปสลัก
แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนร่างกลับเป็นมนุษย์ทันที
แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่เขาเข้ามา
ทุกคนสามารถเห็นร่างหัวหน้าได้ชัด ว่าหัวหน้าเขาผู้นี้เคยเข้ามาในหอทงเทียนเมื่อหมื่นปีก่อนมีรูปลักษณ์เหมือนรูปสลัก
ไม่เพียงเท่านั้น พลังของจางไห่ยังแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม ลำแสงสีทองมีความสูงมากกว่า 60 เมตรแผ่รัศมีจางๆ จากเหนือศีรษะแล้วพุ่งตรงขึ้นไปบนฟ้า แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในระดับนักสู้ของเขา
ทั้งหัวซานและอู่หวินคิดว่าพละกำลังของพวกเขาอยู่ในระดับใกล้กับหัวหน้าจางไห่นี้ แต่ความจริงก็คือพลังพวกเขาไม่ได้ใกล้เคียงกับจางไห่ ความแข็งแกร่งของจากไห่ลึกล้ำมาก หากไม่เข้าสู่ระเบียงเวลาทุกคนก็ยังไม่สามารถรูถึงพลังและขอบเขตการฝึกฝนที่แท้จริงของเขาได้ สำหรับเหตุผลที่จางไห่ต้องการเก็บซ่อนความแข็งแกร่งของเขา เพราะเขายังลังเลที่จะแสดงต่อหน้าสหายของเขา บางทีเขาอาจมีเหตุผลพิเศษของตนเอง หัวซานและอู่หวินไม่มีเวลาดูและตรวจสอบสิ่งเหล่านี้ในขณะนี้ ความต้องการที่แท้จริงของพวกเขาในตอนนี้ก็คือมือสังหารที่ลอบฆ่าเสวี่ยอู๋เสีย เป็นนักฆ่าระดับเทพที่มีขอบเขตพลังแค่ไหน
ลำแสงทองเหนือศีรษะสูงเพียงสามสิบเมตร
ต่ำกว่าหัวซานที่มีความสูงสามสิบสองเมตร และอู่หวินที่มีความสูงสามสิบสามเมตร
และภาพที่แสดงออกนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจตกตะลึงเหลือเชื่อ
นักฆ่าระดับเทพที่ต้องการฆ่าอู๋เสียที่ติดตามด้านหลังทุกคนโดยที่ทุกคนไม่พบ ไม่ใช่ระดับเดียวกับหัวซานและอู่หวิน แต่ระดับความสูงของรัศมีทองยังไม่ดีเท่า
เกิดอะไรขึ้น?
ถ้าเขาไม่เห็นด้วยตาตนเอง มองดูภาพนางรับมือนักฆ่าระดับเทพได้ พวกเขาคงจะคิดว่านางใช้อุบายหลอกล่อ
เนื่องเพราะความจริงไม่ใช่เรื่องที่นางมีความสามารถในการซ่อนพลังและสถานะที่แท้จริงของนางภายใต้กฎสวรรค์แห่งระเบียงเวลานี้หรือไม่ ? นี่คือเรื่องที่ทุกคนตกใจและรู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ... นี่คือระเบียงเวลาที่สร้างขึ้นตามกฎสวรรค์โบราณ นางจะได้รับการยกเว้นได้อย่างไร? สาวน้อยอู๋เสียมีพลังถึงระดับเทพราชันย์ในตำนานหรือ? ทั้งยังมีเจตจำนงอมตะที่ไม่มีที่สิ้นสุดหรือ?
“ในระเบียงเวลานี้ ทุกๆ ย่างก้าวจะแสดงถึงช่วงเวลา 100 ปี” ใบหน้าน้อยๆ ของเสวี่ยอู๋เสียยิ้มเล็กน้อย ไม่แน่ใจ หรือปฏิเสธความสงสัยของผู้อื่น แต่ให้ความรู้สึกลึกลับ
“หนึ่งก้าวเท่ากับ 100 ปี?” หัวซานพบว่าเวลานี้ทุกคนเข้ามานานแล้ว แต่ยังไม่มีใครก้าวเท้าเลย
ไม่ใช่ไม่ต้องการ
แต่ทำไม่ได้
ในสถานที่นี้ไม่มีสวรรค์ โลก ไม่มีมิติ ไม่มีเวลา
ต่อให้เป็นนักสู้ระดับเทพเหล่านี้ พวกเขาไม่อาจเคลื่อนไหวตามใจตนเองได้ ไม่มีใครเคลื่อนไปทางใดได้ แม้แต่ก้าวเดียว
เสวี่ยอู๋เสียยิ้มอีกครั้ง และชี้นิ้วไปข้างหน้า “บางทีทุกท่านคงพบแล้ว ข้างหน้ามีดาวดวงหนึ่ง นั่นคือจุดสิ้นสุดของศตวรรษที่เราก้าวไป ในที่นั้นเราจะนำเสนอยอดฝีมือในรอบร้อยปี แน่นอนว่าเป็นนักสู้ระดับเทพเท่านั้นที่ได้รับการนำเสนอในที่นี้”
ด้วยการนำทางด้วยสำนึกเทพของเสวี่ยอู๋เสีย ในที่สุดทุกคนก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวได้สำเร็จ
ก้าวนี้
แสดงช่วงเวลาร้อยปี
ทุกคนตกอยู่ในภวังค์และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าฉากภาพข้างหน้าพวกเขาเปลี่ยนไปและร่างพวกเขามาอยู่ในที่ว่างเปล่าใหม่
ตอนนี้พวกหัวซานได้รับความรู้อย่างสมบูรณ์ มิน่าเล่าที่พวกเขาต้องมาที่วิหารนำทางที่สร้างขึ้นโดยเทพธิดาปัญญาโบราณ และไม่น่าแปลกใจเลยว่าพวกเขาต้องการคำแนะนำจากผู้สืบทอด ถ้าไม่มีสาวน้อยอู๋เสียคอยแนะนำต่อให้เปิดเข้าไปถึงใจกลางแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ ต่อให้เข้าไปตามระเบียงเวลาจะมีประโยชน์อะไร? ใครบ้างจะหาทางเดินหน้าในความว่างเปล่าไม่มีที่สิ้นสุด? ใครบ้างจะสามารถสำรวจขุมทรัพย์ในระเบียงเวลาเป็นร้อยปีนี้ เมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของกฎสวรรค์โบราณ แผนการล่าขุมทรัพย์ของทุกคนนั้นไร้สาระเกินไป... แดนล่มสลายแห่งทวยเทพนั้นเป็นสถานที่ใครก็สามารถเปิดประตูและปล่อยให้ทุกคนเข้าและออก แต่จะไม่มีทางที่จะได้รับประโยชน์จากนั้น ดังนั้นเด็กสาวอู๋เสียนี้ไม่ต้องกังวลเลยว่าแม้จะเปิดประตูแห่งปัญญาแล้ว นางไม่กลัวตงฟางและเทียนอี้เห็น
แสงดาวที่เห็นแต่เดิมกลายเป็นเนบิวลาขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ดาวทองที่อยู่สูงจนต้องแหงนหน้ามอง
เปล่งประกายเจิดจ้า
รอจนสำนึกเทพของทุกคนตรวจเจอ
แสงดาราจักรที่สว่างเจิดจ้าเริ่มขยายตัวออกไปหลายล้านเท่าทันที กระจายไปทั่วพื้นที่ครอบคลุมทุกคน
จุดดาวทองสองดวงที่ใกล้หัวซานและอู่หวินที่สุดนั่นเล็กมาก เพียงแวบแรกที่เห็นเหมือนจมอยู่ในดวงดาวนับไม่ถ้วน แต่ไม่มีใครสามารถมองข้ามการดำรงคงอยู่ของมันได้
เพราะพวกมันขยายเติบโตอย่างรวดเร็วในเวลานี้
ศักยภาพของมันยิ่งใหญ่
ทำให้ทุกคนงงงวยจนพูดไม่ออก
ด้วยความอยากรู้หัวซานและเพียงใช้สำนึกเทพตรวจสอบอย่างระมัดระวังและรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าดาวประกายพฤกษ์ทั้งสองดวงในท่ามกลางแสงศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เป็นดรุณีสองคน ในหมู่พวกนางมีอสูรศึกนับไม่ถ้วน เช่นเพกาซัส ผีเสื้อ กระจกวิญญาณเป็นต้น ที่รายล้อมสิ่งมีชีวิตที่งดงาม แต่ที่ไม่ห่างจากด้านหน้าเสวี่ยอู๋เสีย ดูเหมือนจะเป็นเด็กหญิงอายุน้อยกว่าเสวี่ยอู๋เสีย
อีกร่างหนึ่งเป็นดรุณีวัยรุ่นอายุราว 14 ไม่เกิน 15 ปี
ใบหน้าดรุณีเต็มไปด้วยความไร้เดียงสาไม่คาดคิด
นี่ควรจะเป็นนักสู้ระดับเทพอีกคนหนึ่ง
ยิ่งกว่านั้นยังเป็นนักสู้ระดับเทพที่เติบโตด้วยระดับความเร็วสูง
ที่อยู่ด้านหลังนางเป็นมนุษย์พฤกษายักษ์สองตนคอยอารักขาดรุณีน้อย ตามข่าวกรองนางก็คือเย่ว์ปิงน้องสาวของเย่ว์ไตตัน แต่ทำให้พวกหัวซานอยากจะบ้าอย่างคาดคิดไม่ถึงก็คือ นี่คือคนที่นักรบแดนสวรรค์แทบไม่ให้ความสนใจ แต่สาวน้อยนี้ก็คือนักสู้ระดับเทพอีกคนหนึ่งผู้เติบด้วยความเร็วเหลือเชื่อ... บนศีรษะของเย่ว์ปิงมีรัศมีทองฉายไม่ถึงสิบเมตร แต่ระดับพลังปัจจุบันนี้ต้องถือว่าก้าวหน้าเร็วเหลือเชื่อ ทุกสิบวินาทีรัศมีจะขยายหนึ่งมิลลิเมตร
หัวซานและอู่หวินหลั่งน้ำตาทันที
อยากร้องไห้จนตายยิ่งนัก
พวกเขารู้ว่ากว่ารัศมีที่แสดงระดับความก้าวหน้าเหนือศีรษะจะขยายออกมาสักหนึ่งมิลลิเมตร ไม่ใช่สิบวินาที แต่เป็นสิบปี หรือแม้แต่ร้อยปี!
เป็นไปได้อย่างไรที่รัศมีความก้าวหน้าจะเพิ่มพูนขึ้นทุกวินาที? และลำแสงเหนือศีรษะของสาวน้อยเย่ว์ปิงแสดงถึงศักยภาพของนางจะต้องสูงอย่างน้อยสามร้อยเมตร สูงมากจนทำให้ผู้คนกระอักเลือดได้ สูงจนทำให้ทุกคนอยากตายที่นี่
เมื่อมองแสงรัศมีของตัวเองหัวซานพบว่ารัศมีเลือนรางบนศีรษะของเขาสูงไม่ถึงห้าเมตร
ของอู่หวินแย่ที่สุดเพียงสามเมตร
ที่ดีที่สุดคือหยวนเหย่
เงาร่างทองมีรัศมีสูงมากกว่า 40 เมตร แม้ว่านางจะสูงเพียง 25 เมตรห่างจากร่างรัศมีทอง แต่ในอนาคตนางจะเหนือทุกคน และกลายเป็นหัวหน้าของพวกเขาจางไห่สูงถึงหกสิบเมตร
คนที่สองมีศักยภาพยิ่งใหญ่อายุน้อยสุดซึ่งมักจะถูกรังแก แต่ก็ยังมีแสงศักยภาพสูงยี่สิบเมตร
ตอนนี้เขาดีกว่าหัวซานและอู่หวิน ลำแสงศักยภาพสูงยี่สิบเมตรและเป็นผู้อ่อนแอที่สุดในกลุ่มสหาย
แต่การฝึกฝนยังไม่จบ
ถ้าไม่มีอุบัติเหตุ พวกเขาจะเหนือกว่าหัวซานและอู่หวินได้อย่างไม่มีข้อสงสัย
นอกจากนี้ เหลยหมิงและสหายมีระดับศักยภาพที่แตกต่างกัน คนหนึ่งดีกว่าหัวซานและอู่หวิน ผลเช่นนี้ทำให้พวกเขารู้สึกอิจฉา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งอู่หวินซึ่งระดับพลังตอนนี้อยู่ในอันดับสามของกลุ่มที่ทรงพลัง
ตามศักยภาพสูงสุด
ศักยภาพของเขาจะถูกทุกคนแซงและกลายเป็นคนสุดท้าย
“แม้ว่าจะมีศักยภาพ แต่ไม่อาจฝึกฝนจนถึงที่สุดได้” ศักยภาพของหัวหน้าจางไห่ฝึกฝนจนถึงที่สุดแล้ว เขามิอาจก้าวหน้าไปกว่านี้ได้
“ความกระทบกระเทือนใจครั้งนี้ ข้ายังทนได้!” อู่หวินมองดูผิวเผินไม่เป็นไร แต่รอยยิ้มของเขาน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้
“โชคดีที่ข้าไม่ใช่บ๊วย” หัวซานลอบเช็ดเหงื่อตนเอง การแสดงออกของพลังกฎสวรรค์ข้างหน้านี้ยอดเยี่ยมจนพูดไม่ออก ไม่เป็นไรถ้าจะบอกว่าความแข็งแกร่งของพวกเขายังไม่สูง ไม่เพียงพอ แต่นี่สามารถมองเห็นศักยภาพการฝึกฝนในอนาคต นั่นคือผลสุดท้ายที่แท้จริง
หัวซานและพวกดูเหมือนกับจะสนใจสำนึกเทพของสาวน้อยอีกคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าชื่ออะไร แต่ดูเหมือนจะค่อนข้างคล้ายกับสาวน้อยอู๋เสีย
เมื่อเห็นศักยภาพที่นางมี
เพียงแวบแรกที่เห็น
พวกเขาอยากกระอักเลือดอีกครั้ง
เพราะสาวน้อยผู้งดงามนี้มีภูตน้อย แฟรี่ เพกาซัสบิน ผีเสื้อปีศาจและกระจกวิญญาณ ลำแสงศักยภาพของนางดูเหมือนต่ำกว่าเย่ว์ปิงน้องสาวของเย่ว์ไตตันเล็กน้อย แต่ก็สูงราวๆ สามร้อยเมตร ถือว่าน่ากลัว
เป็นความสูงที่เห็นแล้วหมดหวัง
ผู้ผิดหวังยิ่งใหญ่อย่างหัวซานยากจะยอมรับความจริงนี้ อัจฉริยะของหอทงเทียนทำไมผิดธรรมดาอย่างนี้?
เย่ว์ไตตันทำให้คนอื่นรู้สึกด้อยมากพอแล้ว ตอนนี้ยังมีสาวน้อยอีกสองสามคน และคนแทบรอฆ่าตัวตายไม่ไหว แล้วอย่างนี้จะให้นักสู้เทพของแดนสวรรค์บนมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร? มิน่าเล่าตงฟางและเทียนอี้จึงเหมือนกับคนบ้าต้องการทำลายหอทงเทียน ตอนนี้ทุกคนเข้าใจในที่สุดแล้วว่า ตงฟางและเทียนอี้ต้องการทำลายหอทงเทียนเพราะความกลัว!
ไม่ว่าจะเป็นทั้งตงฟางและเทียนอี้
พวกเขากลัวว่านักรบหอทงเทียนจะแข็งแกร่งเหนือตน เพราะระดับความเร็วในการเติบโตของนักรบหอทงเทียนผิดธรรมดา ไร้เหตุผลสิ้นเชิง
“ลองดูนักรบระดับเทพคนอื่นๆ ในหอทงเทียนกัน!” อู่หวินยิ้มแห้งๆ แม้แต่ตัวของเขาก็รู้สึกอายหัวเราะอย่างเก้อเขิน
“ข้าหวังว่าจะเป็นเทพนักรบระดับปกติ!” แทบทุกคนภาวนาให้เป็นเช่นนั้น เมื่อหันไปทางอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบ พลังกดดันทางจิตใจมากมายมหาศาล แต่โชคดีที่มีมากมายหลายคน ถ้ามีเพียงคนเดียวถ้าไม่ประหลาดใจตรงจุดนี้ก็คงเป็นเรื่องแปลก แทบจะเข้าใจได้โดยปริยายทุกคนไม่ต้องเลือกดูดาวทองตัวแทนของเย่ว์ไตตันและสาวน้อยอู๋เสียเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นลม
“ทำไมดาวประกายพรึกถึงมีเก้าดวง? ไม่หอทงเทียนไม่ได้บอกหรือว่ามีนักสู้ระดับเทพเพียงห้าคนในรอบร้อยปี?” หยวนเหย่และคนอื่นพบปัญหาหลังจากดูสองสามครั้ง ตรงนี้มีดาวทองเก้าดวง ยังมีด้านนอกที่พัฒนาขึ้นกลายเป็นดาวทองของเทพ
“มีมากไปหรือเปล่า?” เสวี่ยอู๋เสียประหลาดใจเช่นกัน นี่เกินกว่าที่คาดไว้เดิม!
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
16 ความคิดเห็น:
ระดับเทพที่เหลือมีใครบ้าง
ขอบคุณครับ รออ่านทุกวันเลย
รออ่านยุคับ
ขอบคุณครับ
ลงแดง2
ฮาเร็มเฮียระดับเทพทุกคน ยังไม่รวมเดอะแก็งค์อีก
อีก 4 มาจากไหนล่ะนั่น
นี้แค่อึ้หนานกับเย่ปิงเองนะ555
ลุ้นนมากกก
พระเอกเราจะขนาดไหน
ใครหนอ
จักรพรรดิ จักพรรดินี เทียนฟา มารฟ้า อู๋เสีย เยว์ปิง พี่เทียนฟา ดอกมงกุฏทอง มังกรไรเขา ใช่ไหมหรือเป็นจักรพรรดิอสูรกับตงฟาง
แก้งมารสำริทฟ้าหรทอป่าวกับพวกจักรพรรดิที่เงียบหายไปเลยอ่ะ
ขอบคุณครับ
สนุก
ใครเป็นเทพเพิ่มน้อ
แสดงความคิดเห็น