ตอนที่ 1274 จื้อจุน
ในโลกความทรงจำ เมื่อเวลาผ่านไป
เย่ว์หยางเห็นเด็กหญิงผู้นั้นค่อยๆ เติบโต น้องสาวของนางที่เป็นทารกหญิงขี้เซาเปลี่ยนเป็นเด็กหญิงที่กระตือรือร้นร่าเริง และนางสนิทกับพี่สาว และมักติดตามพี่สาวอย่างใกล้ชิดเสมอ คอยอยู่ข้างหลังพี่สาว วิ่งตามรอยเท้าพี่สาวหัวเราะร่าเริงได้ตลอดทาง.... อย่างไรก็ตาม ในที่สุดมารดาผู้งดงามน่ารักไม่ได้กำเนิดน้องชายให้พวกนางต่อไป
คืนหนึ่งในยามราตรีที่มีฝนดาวตกมารดาผู้มีใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้มเสมอ ได้พรากจากไปตลอดกาล
“ทำไมกัน?” ต่างจากน้องสาวที่ร่ำไห้ต้องการมารดา ผู้เป็นพี่สาวแข็งแกร่ง นางเพียงแต่ถามป้าผู้นำข่าวร้ายกลับมาแจ้งอย่างงงงวย “ทำไมกัน? นั่นไม่ใช่งานที่เราต้องทำเลย ไม่ใช่เป็นความรับผิดชอบที่เราต้องแบกรับ ทำไมท่านแม่ถึงต้องทำเพียงคนเดียว? ท่านแม่บอกว่าจะหาน้องชายให้เราไม่ใช่หรือ? นางบอกว่าเมื่อมีน้องชายเพิ่ม ต่อไปเราจะฟื้นฟูบันไดสวรรค์และบ้านเกิดของเราได้ ทำไมท่านแม่ถึงไม่รักษาคำพูด? ทำไม? ทำไมนางต้องทำเช่นนี้? ข้าไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจจริงๆ!”
“......” ป้าผู้มีนิ้วสีซีด มักจะสอนและตอบคำถามนาง แต่นางไม่ตอบได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
เราจนกระทั่งอีกคืนหนึ่งมีอุกกาบาตลากยาวผ่านท้องฟ้า
ป้าผู้เป็นที่รัก
ไม่กลับมาอีกเลย
ท่านป้าคนที่นำข่าวกลับมาแจ้งมอบแหวนมรกตศักดิ์สิทธิ์ ท่านป้าที่เป็นอาจารย์นางสวมค่อยๆ ยื่นส่งให้นางด้วยมือที่สั่นเทา ลูบศีรษะนางอย่างนุ่มนวลและจากไปอย่างเงียบงัน
นางยืนอยู่ที่พฤกษาชีวิตกำแหวนมรกตศักดิ์สิทธิ์แน่น และขบริมฝีปากล่าง
ต้องเข้มแข็งไว้ ต้องไม่ร้องไห้
นางกัดริมฝีปากล่างจนเลือดไหลซึม
และหยดลงที่อกขาวของนาง ราวกับดอกคำฝอย
ทำไม?
นางอยากเข้าใจเสมอ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
เห็นได้ชัดเจนว่าไม่ใช่ภารกิจหน้าจะต้องทำสงคราม ทำไมต้องสู้กันอย่างหนักด้วย? สำหรับพวกคนต่างถิ่น คนทรยศ หรือคนไม่เกี่ยวอะไร คนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกัน ไม่รู้ว่าทำไมจะต้องมาต่อสู้กันอย่างดุเดือด?
ปีศาจบางส่วนหนีออกมาจากผนึก และหลายคนเพื่อผลประโยชน์ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยขับไล่ แต่กลับมองเห็นว่าเป็นผู้ยอดเยี่ยมให้ความนับถือ
ด้วยความทะเยอทะยาน พวกเขาทำตัวเหมือนคบหากับเสือ
ทำไมต้องไปช่วยคนเช่นนี้ด้วย? ทำไมท่านจึงต้องทุ่มเทต่อสู้ ทำไมต้องใช้ชีวิตตนเองผนึกปีศาจ? คนที่ติดตามปีศาจล้วนแต่เลวทุกคน ชีวิตพวกนั้นเหมือนมดแมลง ทำไมต้องไปสนใจพวกเขาด้วย
เพื่อให้ได้คำตอบ
นางพาน้องสาวไปยังสถานที่หลับและพบกับผู้นิทราในตำนานผู้หลับใหลเพื่อปกป้องโลก
“ความตั้งใจของเจ้าข้ารู้ดีแล้ว” เสียงของผู้นิทรานุ่มนวลเหมือนมารดา “ทุกคนมีคำตอบที่แตกต่างกัน บางทีคำตอบข้าอาจไม่ตรงกับใจเจ้าต้องการ”
“เราแค่ต้องการรู้ว่าทำไมท่านแม่ถึงจากเราไป!” น้องสาวน้อยก็โศกเศร้ากับการจากไปของมารดา
“ปีศาจหลบหนีออกมาจากผนึกโบราณได้ ไม่มีใครจะผนึกเขาได้ ดังนั้นไม่เพียงเจ้าเท่านั้น คนต่างเผ่าพันธุ์ก็จะพินาศในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ในช่วงเวลานี้ต้องมีใครสักคนยืนหยัดขึ้น” ผู้นิทราอธิบายเช่นนี้
“แล้วทำไมต้องเป็นท่านแม่? หอทงเทียนมีนักสู้มากมาย ทำไมมีแค่ท่านแม่ของเขาต้องไปผนึก? ทำไมไม่มีคนอื่น? นักสู้ผู้แข็งแกร่งบางคนไม่เพียงแต่ไม่สู้กับปีศาจ แต่ยังร่วมมือกับปีศาจโจมตีเรา คนแบบนั้นทำไมเราจึงต้องช่วยพวกเขา? ปล่อยให้พวกเขาพินาศไปกับปีศาจไม่ดีหรือ?” น้องสาวรู้สึกเศร้าและโกรธ เมื่อนางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นปีนั้น
“เป็นเช่นนั้นจริง แต่ความเสียสละของเราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกหลงผิดเหล่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราทำเพื่อปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของเรา คนของเรา และคนที่เรารัก ตัวอย่างเช่นแม่ของเจ้า นางยืนหยัดทำเช่นนี้และเสียสละเช่นนี้ไม่ใช่ว่านางไม่รักพวกเจ้า ตรงกันข้ามนางรักพวกเจ้ามากเหลือเกิน นางกลัวว่าสักวันเจ้าจะกลายเป็นปีศาจเพราะพลังที่แข็งแกร่ง ดังนั้นนางตัดสินใจทำตัวให้เป็นตัวอย่างให้พวกเจ้าดู เพื่อที่เจ้าจะได้ไม่ต้องตกอยู่ในอำนาจของปีศาจในอนาคต นี่คือความเจ็บปวดที่แท้จริงของนาง! สักวันเมื่อเจ้าโตขึ้นและมีลูก เจ้าจะเข้าใจความหมายของการเสียสละนี้” คำพูดของผู้นิทราไม่สามารถคลี่คลายความข้องใจของผู้เป็นน้องสาวได้ นางฟังด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง
“ท่านป้าของข้า! นางเป็นเหมือนกันด้วยหรือเปล่า?” เสียงนางแผ่วเบา ทำไมที่ผ่านมาถึงไม่อธิบายให้ตัวนางฟังอย่างชัดเจน?
“นางคืออาจารย์ของเจ้า ตอนนี้เจ้าเข้าใจไม่ชัดเจน แต่หลังจากเจ้าจะเข้าใจว่าชีวิตอมตะนั้นไม่ได้ยืนยาว แต่อยู่ที่ความเข้าใจ การเกิดไม่ใช่จุดเริ่มต้น การตายไม่ใช่จุดจบ ต่อให้ตายความมุ่งมั่นของพวกนางและการสืบทอดของพวกนางจะต้องเติบโตอย่างต่อเนื่องระหว่างปกป้องของพวกนาง เพียงแต่วิธีการแตกต่าง ในที่สุดสิ่งอาจารย์สอนให้เจ้าจะเป็นภูมิปัญญาหลุดพ้นจากความกลัวและความเจ็บปวด เป็นความรู้แจ้งซึ่งสามารถนำพาโลกไปสู่ความนิรันดร หากวันหนึ่งเจ้าเข้าใจ แสดงว่าในเวลานั้นเจ้าเติบโตแล้วจริงๆ” ผู้นิทรากล่าวคำบางอย่างที่ทำให้นางยังสับสนในเวลานั้น
“ข้าไม่เข้าใจ” นางไม่เข้าใจ จึงไม่อาจยอมรับได้
“ไม่ว่าจะเป็นท่านแม่และท่านป้า ทุกคนตายหมด และพวกเขาจากเราไปตลอดกาล ท่านแม่จากเราไป และอีกคนก็จากเราไป ท่านบอกว่าจะอยู่กับเราตลอดไป แต่นางไม่ทำตามคำพูด ท่านแม่โกหกเรา!” น้องสาวร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ
“นางก็ต้องการจะอยู่กับพวกเจ้า แต่แม้แต่เทพเจ้า ก็มีวันตาย อย่าว่าแต่...” ผู้นิทราถอนหายใจเบาๆ
“เพราะพลังอ่อนแอเกินไป?” ทันใดนั้นมีความรู้แจ้งผุดขึ้นมาในใจของนาง
“ใช่ หรืออาจไม่ใช่” ผู้นิทราอธิบายอย่างคลุมเครือ
“ไม่มีน้องชาย ต่อไปเราจะทำอะไร?” นางยกข้อสงสัยอีกข้อ
“ต้นไม้ใหญ่เผชิญลมและฝน ต้นอ่อนบนพื้นจะงอกงามด้วยความเร็วสูงภายใต้สุริยาทอแสง สักวันต้นอ่อนจะเติบโตเป็นไม้ใหญ่สูงตระหง่านอีกต้น บางทีอาจจะเติบใหญ่อีกต่อไปและยิ่งใหญ่กว่า ใครจะรู้! สำหรับน้องชายเจ้า แม้จะไม่มีในวันนี้ ขอเพียงพวกเจ้าไม่ยอมแพ้ สักวันหนึ่งสายเลือดเผ่าจันทราของเราจะไม่สูญสิ้น ไม่เพียงแต่เราเผ่าจันทราต้องทำงานกันอย่างหนัก แต่พวกเผ่าหมื่นภมรบุปผาก็ทำงานอย่างหนักมาเป็นเวลาพันๆ ปีแล้ว บันไดสวรรค์คือรากฐานของหอทงเทียนเป็นสะพานสำหรับให้ก้าวไปสู่โลกที่สูงกว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะพินาศไปตลอดกาล...” ผู้นิทราไม่รู้ช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟู รู้แต่ว่ายังต้องเพียรพยายามอย่างหนักต่อไป
“เราจะต้องทำอย่างไร?” ในที่สุดนางถามขึ้น
“ทำในสิ่งที่เจ้าต้องทำ ชีวิตของเจ้าอยู่ในมือของเจ้าแล้ว ไม่ว่าจะยอดเยี่ยมสมบูรณ์พูนสุขเพียงไหน ภายใต้สติปัญญาและปณิธานที่สมบูรณ์ เจ้าไม่ต้องคิดเรื่องของคนอื่น จงทำในสิ่งที่เจ้าต้องทำ ตราบใดที่เจ้ายังระลึกถึงมารดาเจ้าไว้ในใจเสมอรวมทั้งผู้อาวุโสหลายคนที่เสียสละห่วงใยเจ้าเพื่อให้เจ้าได้มีความรู้และถ่ายทอดให้พวกเจ้า” ผู้นิทราไม่ได้บอกเส้นทางวิธีเฉพาะ แต่ให้นางตัดสินใจในหัวใจตนเอง
ในทำนองเดียวกันน้องสาวก็มีการตัดสินใจเป็นของตนเอง
ในระหว่างทางกลับ
น้องสาวผู้เชื่อฟังอยู่เสมอ จู่ๆ ก็กล่าวอำลานางทำให้นางรู้สึกประหลาดใจมาก
ผู้เป็นน้องสาวจากไป นางบอกว่านางไม่ชอบชีวิตอย่างนี้มานานแล้ว นางต้องการความเป็นอิสระ แม้ว่าทุกอย่างที่พี่สาวนางให้จะเป็นส่วนที่ดีที่สุด และวิธีฝึกฝนพี่สาวนางก็จัดให้อย่างเหมาะสมที่สุด แต่นางไม่ชอบแม้แต่น้อย... ในเมื่อผู้นิทราบอกว่าทุกคนสามารถทำสิ่งที่อยากทำมากที่สุด นางเลือกทำสิ่งที่ตนเองชอบ
จากนั้นอนาคตของนาง
จะโบยบินอย่างเสรี
น้องสาวมักจะกลัวพี่สาว ไม่ว่าจะเป็นความเข้มแข็งและกำลังใจ หรือนิสัยและแนวคิดตั้งแต่สมัยยังเด็ก นางไม่อาจสู้กับพี่สาวนางได้ พี่สาวนางเกิดมาพร้อมกับทักษะแฝงเร้นที่สูงส่ง ทักษะแฝงเร้นเช่นนี้เหนือกว่ามารดาและอาจารย์ป้าของนาง... ถึงอย่างนั้นน้องสาวนางพูดออกมาอย่างกล้าหาญเป็นครั้งแรกในชีวิตนาง
นางหมดแรง
นางก้มหน้าแต่ความปรารถนาที่อยู่เหนือเสียงจะหนักแน่นเป็นพิเศษ
ผู้เป็นน้องก็มีความเห็นคล้ายกัน แต่นางกลัวพี่สาวและไม่เคยแสดงความเห็นออกมา
“เหรอ? ในที่สุดเจ้าก็จะไปใช่ไหม?” นางเศร้ามาก เพราะนางรู้สึกว่านางดูแลน้องสาวเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามการทุ่มเทดูแลน้องสาวของนางกลับไม่ได้รับการยอมรับ น้องสาวนางคิดว่าเหมือนเป็นทาส การกล่าวอำลาคราวนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับนางจริงๆ อย่างน้อยทำลายความมั่นใจที่นางสร้างขึ้นหลังจากมารดาและป้าจากไป
“ข้าขอโทษ!” น้องสาวนางหลั่งน้ำตาและกรีดร้องออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ “คนที่น่ารังเกียจที่สุดก็คือพี่นั่นแหละ ต่อให้ท่านเอาสิ่งที่ดีที่สุดให้ข้า ให้สมบัติที่ดีที่สุดแก่ข้า แต่ตัวข้ารู้ดี แม้ว่าข้าจะได้รับมากขึ้นเรื่อยๆ ข้ามิอาจตามพี่ข้าได้ทัน ข้าเกลียดเรื่องนี้ ทำไมข้าถึงไม่เก่งเหมือนพี่บ้าง? ทำไมข้าไม่อาจเทียบกับพี่ได้ทั้งที่ข้าพยายามมากมายขนาดนี้? ข้าไม่ต้องการความเห็นอกเห็นใจ ไม่จำเป็นที่พี่จะต้องมาดูแลข้า ให้สิ่งที่ดีที่สุดกับข้า แต่ข้าไม่ขอบคุณพี่ ข้าเกลียดแม่กับป้ามากที่สุด พวกท่านมองข้าด้วยสายตาที่ต่างไปจากที่มองพี่ ทำไมกัน? ทำไมพวกท่านถึงไม่สนใจข้า? ข้าก็ฝึกฝนอย่างหนักทำไมถึงไม่ห่วงข้า? ข้าไม่ต้องการให้พวกท่านกังวลห่วงใยข้า ข้าสามารถฝึกฝนได้ดี ข้าทำได้ดีเสมอและจะไม่ตกไปในเส้นทางของปีศาจทำไมพวกท่านถึงต้องเป็นห่วงด้วย? แม้ว่าพวกท่านจะไม่ได้พูดอะไร แต่ข้ารู้ว่าพวกท่านกลัวข้ามาก! ทำไมต้องเข้ามาเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตของข้าด้วย ข้าไม่ใช่หมากรุกของทุกคน ข้าพิสูจน์ตัวเองได้... ข้าสามารถทำให้ดีได้ด้วยตัวเอง!”
เมื่อนางได้ยินคำพูดของน้องสาว
หัวใจของนาง
สั่นสะท้านด้วยความตกใจ
นางไม่เคยคิดเลยว่าน้องสาวนางจะมีความคิดอย่างนี้ นางไม่เคยคิดเลยว่าน้องสาวของนางจะมีแรงกดดันในใจ
บางทีอิสรภาพก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด... ในเมื่อเป็นเช่นนั้น นางต้องการทำสิ่งที่นางต้องการทำ ทุกคนมีชีวิตเป็นของตนเองทั้งชีวิตของนางเองและชีวิตของน้องสาวนางถูกกำหนดโดยเจตจำนงของตนเอง
ในขณะที่น้องสาวร้องไห้ นางเข้มแข็งมากขึ้นและสูดหายใจลึก
ฟื้นฟูสติและเหตุผลกลับคืนมา
นางหันหน้าและจากไป
ช่วงแรกที่นางปล่อยให้น้องสาวอยู่ในโลกภายนอก นางไม่กังวลใจมากนัก
นางกลับมาโดดเดี่ยวเดียวดายภายใต้แสงจันทร์สาดส่อง แต่พลังของนาง รอยเท้านางยังคงมั่นคง นางลูบแหวนมรกตศักดิ์สิทธิ์และสร้อยหยกขาวที่ห้อยอยู่ที่คอ นี่คือของวิเศษประจำตัวที่ป้าและมารดาให้นาง นางรู้สึกได้ถึงพลังไร้ขีดจำกัด เหมือนกับมีป้าและแม่คุ้มครองนางอยู่
“ตอนนี้แม้ว่าข้าจะโดดเดี่ยวเดียวดาย ไม่มีน้องสาว ไม่มีน้องชาย ข้าก็อยู่ได้!”
นางกำหมัดเบาๆ มองดูท้องฟ้ากระจ่างยามราตรี
ภายใต้เนตรทิพย์ของนาง
ดวงตาของนางกระจ่างใสยิ่งกว่าแสงดาวสว่างในท้องฟ้า “ท่านแม่ ท่านป้า ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง ถึงไม่มีน้องชาย ข้าจะเป็นคนแรกในโลก และข้าจะทำให้ดีที่สุด!”
11 ความคิดเห็น:
- ถือว่าเป็นตอนเฉลยที่มาของจื้อจุนกับเทียนฟา เกิดจากการอธิษฐานขอจากพฤกษาชีวิต
- ทั้งคู่มาจากเผ่าจันทรา โลกบันไดสวรรค์ ความจริงยังมีหลายเผ่าพันธุ์เ่ช่น เผ่าราตรี (เย่), เผ่าภมรหมื่นบุปผา
- บันไดสวรรค์ เป็นหนึ่งใน 3 โลกหอทงเทียน (มนุษย์, บันไดสวรรค์, ปีศาจแดนนรก
- อาจมีเฉลยชาติกำเนิดเย่ว์หยางเร็วๆ นี้
เศร้าจัง😢😢😢😢😢😢
ขอบคุณครับ
ปมเริ่มคลายใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้วหรอ?
ขอบคุณครับ
ขอบคุนคับ
ขอบคุณคะ
ขอบคุณครับ
thank you
ขอบคุณครับ
ขอบคุณงับ น่าสงสารจรืมๆ
แสดงความคิดเห็น