ตอนที่ 1286 แสงดาวสว่างไสว
“บึ้ม!”
กลุ่มแสงดาวในท้องฟ้ายิงด้วยพลังเทพเป็นครั้งร้อยลงที่พื้นโลกอย่างรุนแรง
ประกายแสงดาวนับไม่ถ้วนสาดแสงไปทั่วทั้งฟ้าและดิน และกวาดไปทั่วที่ผู้ชมดูเหตุการณ์ แตกต่างจาก 99 ครั้งก่อนนั้นเล็กน้อย ประกายแสงดาวไม่ได้แทงทะลุลงไปในพื้น ไม่ได้พุ่งบินเหมือนอย่างที่เคยเป็น รอบๆ กายเปล่งรัศมีเป็นวงราวกับโล่ทองคำขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ร่างของบุรุษผู้มั่นคงดุจภูเขาแต่ตัวเบาดุจขนนกกำลังลอยตัวลงมา จ้าวภูผามีร่างทองขนาดยี่สิบเมตร ความสูงของยักษ์ทองนี้ทำให้ร่างทองของถูว่านกลายเป็นเหมือนมดไปในทันที
ผลกระทบและแรงกดดันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมองร่างของเขา เหตุผลก็คือร่างที่น่ากลัวของเขาสูงเพียงยี่สิบเมตร
เขาไม่ใช่ยักษ์ ปีศาจ มังกรฟ้าหรือไตตัน ทั้งไม่ได้มีสายเลือดเกี่ยวกับยักษ์หรือพวกนี้
ความจริงเขาเป็นมนุษย์ของแดนสวรรค์
ถึงอย่างนั้นมีสายเลือดโนม(เผ่าคนแคระ)หนึ่งในสี่
ตามข่าวลับในแดนสวรรค์ยายของจ้าวภูผาเป็นโนมทาสชั้นต่ำ เพราะเหตุนั้นมารดาของจ้าวภูผาจึงตัวเตี้ยกว่ามนุษย์ธรรมดา และบุตรของนางสิบคนยกเว้นจ้าวภูผา ไม่มีใครสูงเกินสองเมตร
เหตุผลที่ทำให้จ้าวภูผาสูงถึงยี่สิบเมตรเป็นเพราะทักษะแฝงเร้นของเขา
ทักษะแฝงเร้นเด็ดเดี่ยว นักรบที่มีทักษะแฝงเร้นเด็ดเดี่ยวเป็นนักสู้ที่มีความอึดอดทนไม่เคยล้มในสนามรบ ทักษะแฝงเร้นนี้ทำให้เจ้าของทักษะมีร่างที่น่าภาคภูมิใจที่สุดในโลก ต่อให้ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก แต่เขาจะไม่อ่อนแออ่อนแรง ทุกครั้งที่เขาฟื้นจากสภาพอาการต่อสู้อาบเลือด ร่างของเขาจะแข็งแรงเพิ่มเป็นสองเท่าด้วยทักษะแฝงเร้นเด็ดเดี่ยวนี้
นี่คือทักษะแฝงเร้นมั่นคงเด็ดเดี่ยว
ควบคู่กับการพากเพียรอย่างหนักหมื่นปี ในที่สุดจึงมีความสำเร็จเป็นจ้าวภูผาในทุกวันนี้
“......” ถูกดูดเข้าไปในหลุมแรงดึงดูดดวงดาวที่แทบจะเลือนรางและกระพริบหายไป นั่นเป็นการลงมือครั้งที่ร้อยของจักรพรรดินีราตรี
จักรพรรดินีราตรีมีทักษะความสามารถที่โดดเด่น แต่น่าเสียดายที่นางเพิ่งเป็นนักสู้ระดับเทพได้เพียงสองเดือนก็ต้องมาพบเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งทรงพลังอย่างจ้าวภูผา
ไม่ว่าจะเป็นความสามารถด้านใดๆ ก็ตามจ้าวภูผาไม่ด้อยกว่านาง
มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังห่างชั้นกันอยู่
จ้าวภูผามีประสบการณ์หมื่นปี และมีประสบการณ์ต่อสู้กับเทพอื่นมาหลายพันปี
เขาใช้เวลาหนึ่งพันปีทำความคุ้นเคยกับพลังเทพและใช้เวลาอีกหลายพันปีในการฝึกฝนทักษะการต่อสู้ของเขา พลังเทพและการต่อสู้โดยใช้อสูรเสริมพลัง โดยไม่คำนึงถึงพลังโจมตีหรือพลังป้องกัน เขามาถึงจุดสูงสุดที่คนจะเข้าถึงได้ คนอย่างจ้าวภูผาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จักรพรรดินีราตรีนักสู้ระดับเทพน้องใหม่จะเอาชนะผ่านไปได้ง่ายๆ เลย
“เป็นไปไม่ได้ เมื่อเทียบกับองค์หญิงประกายดาวบรรพบุรุษของเจ้า พลังของเจ้ายังห่างไกลยิ่งนัก!” จ้าวภูผามองดูหลุมลึกยักษ์ร้อยเมตรด้วยความรู้สึกเย็นชา
แม้ว่าเขาเอาชนะจักรพรรดินีราตรีได้
แต่ไม่มีความเย่อหยิ่งจองหอง
สีหน้าของเขาเป็นไปตามธรรมชาติมากกว่า
ไม่ว่าจะเป็นจ้าวภูผาหรือ ราชันย์ไร้พ่ายและราชันย์ไร้ใจล้วนตามสังเกตอย่างสงบในระยะไกล ทั้งสองไม่คิดว่าจักรพรรดินีราตรีจะเอาชนะหรือตีโต้ได้ เทพใหม่ก็เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป จะท้าทายจ้าวภูผาผู้ไม่เคยล้มเหลวยอมแพ้หรือ? ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขารู้ว่าสิงโตต่อให้สู้กับกระต่าย มันจะทุ่มเทพลังเต็มที่
“สิบสองนักษัตร...” ที่หลุมลึกมีคลื่นเสียงที่น่ากลัว ดินทรายแยก ตามด้วยมีดวงดาวผุดขึ้นทีละดวง จากช้าไปหาเร็ว ตอนแรกมีเล็กน้อย... แต่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นราวกับฝนดาวตกพุ่งขึ้นไปรวมตัวกันหนาแน่นในท้องฟ้า
ดวงดาวเหล่านี้ไม่เป็นระเบียบ
ภายใต้การนำของพลังเทพ เริ่มมีการจัดหมู่โดยอัตโนมัติ
จากนั้นค่อยชะลอความเร็วลงก่อตัวเป็นรูปวิหารสิบสองนักษัตรในท้องฟ้า กลุ่มดาวแกะ ดาวกระทิง ดาวคนคู่ ดาวปูยักษ์ ดาวราชสีห์ ดาวเทพสตรี ฯลฯ ควบรวมกันทีละกลุ่มดาว ทุกครั้งที่เกิดขึ้นจะมีกลุ่มดาวที่แสงจางลงจนถึงจุดหนึ่ง จักรพรรดินีราตรีที่เดิมถูกยิงกระแทกอย่างแรงบาดเจ็บจนเกือบจะเห็นร่างที่งดงามของนางตอนนี้ซ่อนอยู่ในทางช้างเผือกภายใต้กลุ่มดาวสิบสองนักษัตรที่ช่วยเสริมพลัง นางเลื่อนระดับพลังเทพอีกครั้งและเตรียมท้าทายจ้าวภูผานักสู้ระดับเทพผู้มีทักษะแฝงเร้นเด็ดเดี่ยว
“เผ่าราตรียะเยือกแห่งบันไดสวรรค์ของเจ้าใช้พลังดวงดาวได้ดี สำหรับเผ่าพันธุ์ที่ใช้พลังดวงดาวได้บางเผ่าพันธุ์ย่อมสร้างความปวดหัวได้เสมอ อย่างไรก็ตามพลังดวงดาวนั้นใช้ไม่ได้ผลเต็มที่กับข้า ข้าไม่ใช่นักสู้ที่เดินอยู่ภายใต้ดวงอาทิตย์แผดเผา ข้าเกิดมาเป็นดาวข่มของนักสู้ชาวบันไดสวรรค์โดยเฉพาะ! ไม่ว่าจะเป็นเผ่าราตรียะเยือก, เผ่าประกายจันทรา, เผ่าร้อยบุปผาหรือเผ่าภมรอื่นๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเป็นเทพใหม่อย่างเจ้า เจ้ายังไม่มีพลังดวงดาวมากพอ เจ้ายังไม่คู่ควรเป็นคู่ต่อสู้ข้า!” จ้าวภูผาพูดขณะยกแขนขวาข้างหนึ่งทำหน้าที่รักษาสภาวะกลางวันไว้
ภายในฝ่ามือของเขา
มีพลังเทพผุดออกมาอย่างรวดเร็ว
พลังเทพรวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดกลายเป็นดวงอาทิตย์ทองมีเส้นผ่าศูนย์กลางร้อยเมตร
ภายใต้รัศมีของดวงอาทิตย์ทองนี้ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางร้อยเมตร สัญญาณจักรราศีของกลุ่มดวงดาวที่ควบแน่นตอนนี้อ่อนกำลังลงอย่างมาก แม้แต่ทางช้างเผือกที่รายล้อมรอบร่างของจักรพรรดินีราตรีก็จางหายไปมาก เงาร่างที่งดงามของนางปรากฏ
“ข้าคงไม่ปฏิเสธหรอกว่าถ้าเจ้ามีเวลาสักพันปีหรือหลายร้อยปีเจ้าอาจก้าวหน้าไปสู่ระดับที่ยากรับมือได้ ทักษะแฝงเร้นของเผ่าพันธุ์บันไดสวรรค์ของเจ้า ศักยภาพในการรับมือคนอื่น นั่นเป็นข้อได้เปรียบที่ไม่เหมือนใคร เผ่าพันธุ์อื่นไม่สามารถทำได้ โชคไม่ดีที่ไม่มีใครให้โอกาสเจ้าได้เติบโต ต่อให้ข้าไม่ทำก็จะมีคนอื่นมาฆ่าเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะเก่งแค่ไหนก็ตาม แต่เจ้าถูกลิขิตแล้วว่าเจ้าจะไม่มีทางเติบโตก้าวหน้ามากไปกว่านี้ แน่นอนว่าองค์หญิงประกายดาวก็เป็นเช่นนี้ และเจ้าก็เป็นเช่นนี้ ในวันนี้เป็นวันแห่งชะตากรรมของเจ้า เจ้าจะไม่มีทางหลบหนีไปได้ เจ้าไม่อาจโทษข้าหรือคนอื่นๆ ได้ ถ้าเจ้าต้องการจะตำหนิก็ต้องตำหนิที่เจ้ามีศักยภาพแต่ไม่ซ่อนตัวให้นาน หากเจ้าเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาสามัญที่ไม่ต่างจากมด เราคงไม่ชายตามองเจ้า แต่เจ้าไม่ใช่ เจ้าเป็นผู้ที่เทพก็ยังอิจฉา ไม่ว่าจะเป็นแดนสวรรค์ หรือแดนสวรรค์บน ไม่อนุญาตให้มีเทพใดๆ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรารุ่งเรืองขึ้นมา ในอดีตของหอทงเทียนรบกวนใจพวกเรามาก การตกต่ำพินาศของหอทงเทียนเป็นผลที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ความหวังทั้งมวลของบันไดสวรรค์ต้องสูญสิ้น แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้!” จ้าวภูผาชูบอลพลังงานแสงอาทิตย์สีทองเหนือหัวมองลงมาที่จักรพรรดินีราตรีในหลุมลึก
“ตระกูลในบันไดสวรรค์ไม่เคยสูญสิ้น เราเผ่าราตรียะเยือก, เผ่าประกายจันทรา เผ่าร้อยบุปผาและเผ่าภมรจะไม่มีทางสูญสิ้นแน่นอน” เสียงไพเราะของจักรพรรดินีราตรีดังชัดแจน
“เจ้าต้องการพูดถึงเย่ว์ไตตันใช่ไหม? เจ้าผูกชะตากรรมของทุกคนในเผ่าพันธุ์ไว้กับเขาทำให้เขาเป็นเด็กน่าทึ่งสามารถต่อต้านเจตนารมณ์สวรรค์ได้ นี่นับเป็นวิธีที่ฉลาดจริงๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เจ้าอาจไม่เคยคิดถึง เย่ว์ไตตันแบกชะตากรรมของเผ่าพันธุ์พวกเจ้าทั้งหมดและชะตากรรมของหอทงเทียนทั้งหมด เด็กหนุ่มคนนี้สามารถรับภาระได้หรือไม่? เขายังเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งไม่ใช่นักสู้ชั้นเทพ แต่ถูกบีบให้แบกภาระที่หนักหน่วงราวกับขุนเขาไว้บนบ่า เขาสามารถรับภาระได้จริงๆ หรือ? จักรพรรดิอวี้ในอดีตยังไม่ลำบากเท่าเขาเลย จักรพรรดิอวี้ผู้แบกหอทงเทียนไว้บนบ่ายังประสบชะตากรรมพังทลาย นางพญาผู้พิชิตพยายามอย่างหนักในการกวาดล้างแดนสวรรค์ก็ยังล้มเหลวพ่ายแพ้เช่นกัน เจ้าเพิกเฉยต่อเรื่องเหล่านี้ และยังกดดันสร้างภาระให้เขาต้องแบกบันไดสวรรค์ไว้บนหลังของเย่ว์ไตตัน การควบคุมทวีปมังกรทะยาน ฟื้นฟูหอทงเทียนและต่อสู้กับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์และอื่นๆ เป็นงานที่ตึงเครียดลำบากมากเพียงไหน ภาระเหล่านี้กดดันให้ผู้คนพังทลายได้และเย่ว์ไตตันต้องเข้ารับหน้าที่นี้ เจ้าคิดว่าเขาจะสามารถทำได้สำเร็จหรือ?” ใบหน้าที่ดุดันของจ้าวภูผาไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกกดดันหรือขัดขวางต่อการเติบโตของเย่ว์หยาง ในขณะนี้เขายอมรับว่าเขาไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับผลการต่อสู้ครั้งนี้
“เขาจะทำได้สำเร็จ เขาคือความหวังของเรา!” จักรพรรดินีราตรีไม่เข้าใจ แต่นอกจากยอมรับเย่ว์หยางแล้ว นางไม่มีทางเลือกที่สอง
นอกจากนี้ลึกๆ แล้ว นางมั่นใจว่าเย่ว์หยางจะทำได้สำเร็จ
มิฉะนั้นนางคงไม่ต่อสู้เสียสละชีวิตตนเองถ่วงเวลาเพื่อให้เย่ว์หยางได้รู้แจ้งและก้าวหน้าก่อนออกศึก
จ้าวภูผาไม่ถกเถียงมากนัก เขาเพียงแต่กดบอลพลังงานแสงอาทิตย์สีทองที่ถืออยู่เหนือหัวช้าๆ และเตรียมใช้ไม้ตายนี้เพื่อทำลายเข่นฆ่าเย่อวี่ นักสู้ระดับเทพคนใหม่แห่งบันไดสวรรค์ที่อยู่ข้างหน้า
นี่เหมือนกับเขาในปีนั้น
ใช้กลยุทธ์ต่อสู้แบบเดียวกันนี้ด้วยบอลแสงเดียวกันนี้เพื่อทำลายองค์หญิงประกายดาวผู้งดงาม แม้แต่การเข่นฆ่าครั้งนั้นเขาไม่เคยลืมความทุกข์ทรมานที่องค์หญิงประกายดาวได้รับในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมานั้น ถึงแม้ว่าการฆ่าองค์หญิงประกายดาวเป็นการลงมือที่น่าเศร้า แต่จ้าวภูผาต้องการกดขี่ไม่ให้หอทงเทียนฟื้นฟูต่อต้านนักสู้แดนสวรรค์บนได้อีกครั้ง เขาคงต้องทำใจเสียใจกับการลงมือในครั้งนี้อีกครั้งหนึ่ง
ตั้งแต่ฆ่าองค์หญิงประกายดาวไปแล้ว ทำไมเขาต้องมาเข่นฆ่าผู้เยาว์รุ่นหลังของนางอีก?
สำหรับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครที่ไม่ถูกฆ่าในโลกนี้
มีความหวังอย่างนั้นหรือ?
บางครั้งความหวังก็ไม่มีอะไร เป็นแค่ภาพลวงตาที่อ่อนแอสิ้นหวัง!
“ลาก่อน, ด้วยคุณสมบัติของเจ้าอาจใช้เวลาสักสองถึงสามร้อยปีในการเติบโตเต็มที่ แต่น่าเสียดายที่เจ้าไม่มีโอกาสนั้น ถ้าชาติหน้ามีเจ้าอย่ากลับมาเกิดในบันไดสวรรค์อีกเลย อย่ากลับมาเกิดในหอทงเทียนที่ถูกลิขิตว่าต้องพังทลาย จงมาเกิดที่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ที่ซึ่งเราถูกลิขิตไว้ นั่นคือสวรรค์ที่แท้จริง!” จ้าวภูผาพูดจบภายใต้มือทั้งสองนั้นเขาบีบอัดดวงอาทิตย์สีทองที่กลายเป็นพลังแห่งเทพไม่มีที่สิ้นสุดและกระแทกใส่ศีรษะของจักรพรรดินีราตรีที่ยืนยันสู้จนถึงที่สุดและไม่ยอมแพ้
กลุ่มดาวสิบสองนักษัตรถูกพลังเทพแสงอาทิตย์บดบังแตกกระจัดกระจายหายไป
ทางช้างเผือกพอสูญเสียพลังดวงดาวสนับสนุนทำให้แสงหายไปทันที
ดารารายหายไป
ท้องฟ้าแจ่มใส่เผยให้เห็นร่างที่โดดเดี่ยวและทำอะไรไม่ถูกในท่ามกลางแรงกดดันของดวงอาทิตย์สีทอง.. ภายใต้ท้องฟ้าที่แจ่มใสของพลังเทพเช่นนี้ร่างจักรพรรดินีราตรีที่ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนได้รับผลกระทบอย่างมาก ร่างที่งดงามแทบจะพ้นจากแสงดาวปรากฏตัวให้เห็น!!!
11 ความคิดเห็น:
โอ้ยยยย ค้างงงงงงงง พี่เย่จะมาช่วยทันไหมเนี่ย
ไม่อย่าตายนะจักรพรรดินีราตรี
ขอบคุณครับ คุณชายสามมาด่วน
ขอบคุณครับ
ไอ้เย่ เพื่อนของจารย์เมียแย่แล้วเห้ย
ค้างมาก
อดทนอีกนิด เดี๋ยวพี่เย่ว์ก็มา
มันฯ
ขอบคุณคับ
ขอบคุณครับ
สามเว้ยมาด่วน หนึ่งในฮาเร็มลำบาก
แสดงความคิดเห็น