วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1287 ดาวยังคงทอแสง

 

ตอนที่  1287  ดาวยังคงทอแสง

ภายใต้เจตจำนงราชันย์ทุกอย่างดูเหมือนมด

เช่นเดียวกับนักสู้ระดับเทพ

คล้ายกับพลังกฎสวรรค์

 

อย่างไรก็ตามจักรพรรดินีราตรีเพิ่งย่างเข้าสู่ขอบเขตระดับเทพ แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากจ้าวภูผาซึ่งใช้เวลาทำความเข้าใจพลังตนเองนานเกือบหมื่นปี

พลังกฎสวรรค์ที่จักรพรรดินีราตรีเข้าใจถูกข่มจนใช้งานไม่ได้ เหมือนถูกจับกดจมทะเลลึกเป็นหมื่นเมตร เป็นไปไม่ได้ที่จะพลิกสถานการณ์กลับมา

จ้าวภูผาควบแน่นบอลแสงอาทิตย์สีทองเตรียมใช้บดขยี้ทุกอย่างในโลก

จักรพรรดินีราตรีไม่สามารถต้านทานพลังโจมตีระดับนี้ได้

นางดูพลังเทพของตนเอง เห็นพลังเทพของศัตรูค่อยๆ กดดันบดขยี้ทีละนิดๆ ... ดวงดาวไม่มีอีกต่อไป ท้องฟ้าและแผ่นพื้นดินไม่มีให้เห็น มีอยู่เพียงสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในโลก นั่นคือรังสีดวงอาทิตย์ที่สามารถแผดเผาทุกอย่างในโลก  แม้แต่มิติก็แตกกลายเป็นพายุสุริยะขนาดใหญ่โหมกระแทกและหมุนด้วยความเร็วสูง ในขณะที่พายุขยายตัวออกไป มันกลืนทุกสิ่งทุกอย่างไปด้วยอย่างรวดเร็วพร้อมกัน   แต่ก่อนหน้านั้นแสงจากดวงอาทิตย์ที่ควบแน่นได้แทรกซึมทำลายทุกอย่างเหมือนมีดาบคมจำนวนมหาศาล

แรงระเบิดกวาดกระแทกทุกอย่างกลายเป็นผุยผง

ไม่มีเมฆรูปดอกเห็ดลอยฟุ้งหลังจากการระเบิดครั้งใหญ่

ไม่มีการปะทะต่อต้าน ไม่มีร่องรอยการหลบหนีจากใจกลางจุดระเบิด  ทุกสิ่งทุกอย่างถูกพลังเทพกวาดล้างหายไป ไม่มีอะไรเหลือให้เห็น

 “ทุกอย่างจบแล้ว”  ร่างที่เหมือนเทพของบุรุษผู้สง่างามสูงยี่สิบเมตรของจ้าวภูผาผู้มีทักษะแฝงเร้นมุ่งมั่นอดทนยืนอยู่ในท่ามกลางมิติที่แตกทำลาย มั่นคงเหมือนภูเขา

 “น่าเบื่อ” มีเสียงที่ดูเหมือนดังมาจากห้วงลึกบาดาล จากสำนึกเทพที่แปลกประหลาด

 “เทียบกับองค์หญิงประกายดาวที่ต้านทานอย่างเต็มกำลัง นักรบระดับเทพคนใหม่ของบันไดสวรรค์นี้มีพลังแตกต่างกันมากแน่นอน  ถ้ามีเวลาสักสองสามร้อยปีปล่อยให้นางได้เติบโตก้าวหน้าไปอีก อย่างนั้นในที่สุดผลการต่อสู้ก็คงแตกต่าง”  เทพจ้าวภูผาไม่ได้ยินดีที่ชนะคนอื่น ตรงกันข้าม หน้าของเขาเคร่งขรึมเหมือนคนที่คิดหนัก

เขาเอาชนะจักรพรรดินีราตรีได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่ได้ดูแคลนศัตรู

แต่กลับยอมรับศักยภาพของศัตรู

ถ้าไม่ใช่เพราะเวลาจำกัด

เทพที่เพิ่งยกระดับขึ้นมาใหม่อาจเปล่งประกายได้เป็นล้านเท่า  แต่น่าเสียดายที่ในตอนต้นนางก็ถูกจ้าวภูผาบีบบังคับเอาชนะได้   ทักษะพรสวรรค์ พลังเทพ ระยะเวลาฝึกฝน ประสบการณ์ต่อสู้ ฯลฯ  ยังไม่ทันได้มี  การฆ่านักสู้ชั้นเทพมือใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องที่ควรสบายใจ และมือใหม่ที่ถูกฆ่า ยังไม่ทันได้แสดงฝีมือเต็มที่ ศักยภาพของนางไม่ทันได้เปิดเผยเต็มที่ พลังยังคงถูกซ่อนไว้ครึ่งหนึ่ง ทำให้ผู้ชนะอย่างจ้าวภูผารู้สึกหวั่นเกรงในใจ

 “น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถฆ่าผู้นิทราในมิติกระจกได้ มิฉะนั้นการต่อต้านของหอทงเทียนจะมีไม่มากจนต้องกังวล” เสียงดังขึ้นขณะที่จ้าวบาดาลมาถึงพร้อมกับพูดประโยคใหม่

 “เจ้าผู้พลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการฆ่าไปแล้ว โอกาสที่พลาดไปแล้ว จะไม่มีวันมาถึงตอนนี้ ทุกคนได้รับบทสรุปมาก่อนแล้ว  ถ้าเจ้าสามารถบังคับนางให้ออกมาจากมิติกระจกเหมือนอย่างที่เพิ่งทำไปนี้ นั่นจะเป็นเรื่องที่คุ้มค่ามาก  จ้าวภูผาส่ายหัว  เขารู้สึกว่าเขามีสองแนวคิดที่สมบูรณ์กว่า การฆ่าเทพมือใหม่จากบันไดสวรรค์ และการฆ่าคนที่มีพลังกฎสวรรค์สมบูรณ์มีพลังระดับสูงและมีปณิธานเทพราชันย์ของระดับเทพ เป็นอะไรที่แตกต่างกันมาก

 “แน่นอนว่าถ้าไม่มีเทียนอี้คอยจับตามองในความมืด บางทีคนผู้นั้นอาจตื่นจากฝันก็ได้  เป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดคนผู้นั้นตามลำพัง”  แม้แต่เสียงของคนเผ่าบาดาลก็ยังเห็นด้วยกับความจริงข้อนี้

 “ปล่อยให้คนผู้นั้นพินาศไปพร้อมกับหอทงเทียนช้าๆ!  จ้าวภูผาถอนหายใจยาว

 “การล่มสลายของหอทงเทียนเป็นข้อสรุปที่กำหนดไว้นานแล้ว ไม่ว่าใครมาก็ไม่สามารถกอบกู้สถานการณ์ได้ รวมทั้งอัจฉริยะปาฏิหาริย์ที่ชื่อเย่ว์ไตตันก็ไม่ยกเว้น”  จ้าวภูผารู้สึกว่าสถานการณ์รวมได้ถูกกำหนดไว้แล้ว

 “เย่ว์ไตตัน, ข้าต้องการพบบุรุษหนุ่มผู้นี้จริงๆ!  ในความเป็นจริงจ้าวภูผาให้ความสนใจเย่ว์หยางเพียงเล็กน้อย  ทั้งหมดเท่าที่กังวลก็คือประสบการณ์การเติบโตของเย่ว์หยาง  บุรุษหนุ่มผู้นี้มีความสามารถที่ไม่ธรรมดาและมีศักยภาพมากกว่าจักรพรรดิอวี้ในยุคก่อนอย่างเหลือเชื่อ  ทวีปมังกรทะยานไม่ได้ไร้อัจฉริยะ แต่ไม่ว่าใครก็ตามเมื่อเทียบกับเย่ว์ไตตันผู้นี้ ล้วนถูกบดบังรัศมีทั้งสิ้น

 “ในช่วงวิกฤตที่หนักหนานี้ เย่ว์ไตตันหายไปตัวไป...”  เสียงของจ้าวบาดาลดังขึ้นด้วยความสงสัยว่าอาจมีอุบายฉ้อโกง

 “ต่อให้ออกมาก็ตาม ก็ยังเป็นเพียงเทพมือใหม่ ยังไม่มีอะไรน่ากลัว  ข้ากังวลถึงนางพญาผู้พิชิตที่หนุนหลังเขาอยู่  ถ้าเฟ่ยเหวินหลีฟื้นฟูพลัง ต้องมีการต่อสู้ที่ดุเดือดเป็นแน่  ถ้าเจ้าพบกับนางพญาผู้พิชิตนี้ถ้าไม่พ่ายแพ้ก็ถูกกำจัดไปเลย”  จ้าวภูผารู้สึกว่าปัญหาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือนางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่เคยปรากฏหรือออกมานอกผนึก  ถ้านางพญาผู้พิชิตแดนสวรรค์นี้เอาชนะผนึกและปลดปล่อยตนเองเป็นอิสระจะทำให้เกิดมรสุมโลหิตปกคลุมทั้งท้องฟ้าและดวงอาทิตย์ 

 “ไม่สำคัญข้าคือราชันย์ไร้พ่าย  ตราบเท่าที่ได้หัวเราะเป็นคนสุดท้ายเป็นพอ” จ้าวบาดาลสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

 “ราชันย์ไร้ใจ รออยู่นานแล้ว ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูเหมือนว่าสตรีนักรบบันไดสวรรค์ชื่อเย่อวี่ถูกทำลายไปแล้ว เราจะไปป้ายต่อไปได้หรือยัง?”  จ้าวภูผาถามราชันย์ไร้ใจซึ่งเอาแต่นิ่งไม่พูดอะไร

แม้ว่าราชันย์ไร้ใจจะไม่ค่อยพูดแต่เขาก็เป็นเจ้านาย

การตัดสินใจใดๆ

จำเป็นต้องให้ราชันย์ไร้ใจพยักหน้าเสียก่อน  มิฉะนั้นต่อให้นักสู้ระดับเทพอย่างจ้าวภูผาและราชันย์ไร้พ่ายต้องการทำอย่างอื่น ย่อมเป็นไปไม่ได้

ราชันย์ไร้ใจยังคงไม่พูด ยังคงนิ่งอยู่ในท่ามกลางรัศมีทอง

เงียบ

บางครั้งก็หมายถึงการยอมรับ

แต่บางครั้งก็ตรงกันข้าม หมายถึงปฏิเสธ

ในเมื่อเจ้านายคนนี้ยังไม่พูด จ้าวภูผาและราชันย์ไร้ใจก็ต้องรอต่อไป ช่องมิติที่แตกเพราะกฎสวรรค์ค่อยๆ ปิดตัวลง  แต่เขาเชื่อว่าในเวลาอีกสิบวันยังไม่สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้อย่างสมบูรณ์  พลังโจมตีของจ้าวภูผาสร้างแรงทำลายล้างในอากาศมากเกินไป

มิติที่แตกกระจายเริ่มกลับมารวมกันก่อกำเนิดจากชิ้นเล็กๆ

ในชายขอบพื้นที่ยังไม่ปิดตัวลง มีประกายไฟฟ้านับไม่ถ้วนเริ่มรวมกลุ่มพร้อมๆ กันกระพริบถี่หนาแน่น มีพลังดูดกลืนแปลกประหลาดนับไม่ถ้วนกลืนกินพลังงานและซ่อมแซมพื้นที่อย่างบ้าคลั่ง

แม้ว่าภาพที่น่ากลัวอย่างยิ่งนี้กำลังเกิดขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน แต่สำหรับจ้าวภูผาและราชันย์ไร้พ่าย ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าไม่มีอะไรพิเศษ ทำไมราชันย์ไร้ใจจึงยืนกรานที่จะอยู่ตรงนี้ต่อและไม่ไปเป้าหมายต่อไป  เขามีเป้าหมายอะไร?  เขาคิดว่านักรบหญิงบันไดสวรรค์ชื่อเย่อวี่เทพมือใหม่ยังสามารถฟื้นคืนชีพได้ภายใต้ท้องฟ้าสดใสและเทพเจ้าได้หรือ?

ไม่ต้องคำนึงถึงการมีอยู่ของท้องฟ้าที่กระจ่างหรือดวงอาทิตย์ที่แผดเผา  พวกเขาสามารถข่มทักษะแฝงเร้นของนักรบหญิงจากเผ่ารัตติกาลจากบันไดสวรรค์ได้

ไม่มีราตรีจะไปเอาแสงดาวมาจากที่ใด?

ตราบเท่าที่ยังมีดวงอาทิตย์ แสงดาวจะโผล่ออกมาจากฟ้าได้อย่างไร?

สตรีเผ่ารัตติกาลชื่อเย่อวี่ตายแล้ว และจ้าวภูผามั่นใจในเรื่องนี้ เพราะพลังสังหารของเขาเหนือกว่านักรบเทพใหม่ผู้นี้ถึงสิบเท่าได้ใช้สังหารสตรีเผ่ารัตติกาลไปแล้ว  ต่อให้นางมีพรสวรรค์และศักยภาพสูง แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะรับพลังโจมตีระดับนี้ได้

ภายใต้พลังเทพที่ทรงพลัง อย่าว่าแต่ดวงดาวเลย ต่อให้เป็นโลกและสวรรค์ก็แตกสลายได้มิติระเบิดกระจายเป็นล้านๆ เสี่ยง

โลกทั้งหมดยังพินาศได้

แล้วร่างมนุษย์จะรอดอยู่ได้อย่างไร?

เขาไม่รู้ว่าต้องรอนานเพียงไหน แต่เขารอเหตุเปลี่ยนแปลงสุดท้ายอย่างใจเย็น

ประกายดาวเล็กๆ เหมือนเป็นการรู้แจ้งผุดขึ้นเหมือนท้องฟ้ายามรุ่งสางเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ดวงตาของจ้าวภูผาเบิกค้างมองดูภาพที่น่าเหลือเชื่อปรากฏอยู่ต่อหน้าของเขา  ถ้าเขาไม่เห็นกับตาตนเองเขาคงไม่เชื่อว่านี่เป็นเรื่องจริง  ดาวที่กระจัดกระจายสองหรือสามดวงทั้งที่สว่างและมืดเริ่มฉายประกายในท้องฟ้าอย่างเงียบๆ มากขึ้นทุกที และเริ่มหนาแน่นจนรอยแตกมิติมิอาจปิดลงได้ ท้องฟ้ามีกลุ่มดาวกลับมาเป็นกลุ่มดาวหมีใหญ่และกลุ่มดาววัว....  ถ้ามองดูกลุ่มดาวดีๆ นอกจากกลุ่มดาวสิบสองนักษัตรแล้วยังมีกลุ่มดาวอื่นผุดขึ้นมาแปดสิบแปดกลุ่ม

ส่วนที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือเหมือนกับมีพู่กันวิเศษคอยสะบัดแปรง

กำหนดจังหวะที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

และจากนั้น

ความสำเร็จที่จิตรกรได้แต่ทอดถอนใจหวังจะมีวาสนาติดปีกโบยบินแหวกว่ายร่าเริงอยู่ในทางช้างเผือก ทว่าทำไม่ได้

ในท้องฟ้าที่มีดวงดาวดารดาษ เหมือนกับหยดน้ำตาหญิงงามปรากฏวูบแล้วหายไป จากนั้นก็ปรากฏเป็นสีเงินสุกใส ในช่องว่างมิติปรากฏกลุ่มดาวหางจางๆ

ม่านตาสีทองทั้งสองของจ้าวภูผาขยายออกเป็นสิบเท่า

เพราะเขาพบว่านักรบหญิงบันไดสวรรค์ที่เขายืนยันว่าทำลายและตายไปแล้วมายืนอยู่ต่อหน้าเขาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ว่าจะเป็นพลังเทพ เจตจำนงล้วนแต่เหนือกว่าเมื่อก่อน ควบคุมพลังกฎสวรรค์ได้สมบูรณ์ขึ้น  จากเดิมที่ควบคุมได้อย่างจำกัด นางค่อยๆ ทำให้เกิดความสมดุลมากขึ้นเทียบเท่ากับนักรบระดับเทพที่ฝึกมาเป็นหมื่นปี มีศักยภาพในการต่อสู้สูงขึ้น

 “ทำไมกัน?”  จ้าวภูผาอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้ ด้วยสติปัญญาและประสบการณ์ของเขา เขาไม่เข้าใจสิ่งมีชีวิตที่น่าเหลือเชื่อนี้

 “แสงตะวันไม่อาจทำลายดวงดาวได้ ดวงอาทิตย์ยามกลางวันไม่สามารถกำจัดท้องฟ้ายามราตรี ทิวา-ราตรีหมุนเวียนสลับผลัดเปลี่ยนเป็นอาจิณไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคงอยู่ตลอดกาลและไม่มีทางจะกลืนอีกฝ่ายหนึ่ง”  ราชันย์ไร้ใจที่เงียบมานานเอ่ยปากพูดขึ้นในที่สุด เสียงของเขาเป็นเหมือนเสียงสะท้อนก้องในหุบเขานิรันดร เหมือนห้วงทะเลลึกอันเงียบสงบจู่ๆ กลับมีภูเขาไฟระเบิดสั่นสะท้านหัวใจมนุษย์ได้โดยตรง อย่างไรก็ตามคำพูดของเขาศักดิ์สิทธิ์และเป็นสัจธรรม เป็นความจริงที่ถูกต้องโดยไม่มีข้อสงสัย ต่อให้เป็นศัตรูก็ยังอดดื่มด่ำฟังสำเนียงที่สะท้อนก้องในวิญญาณของเขาไม่ได้

 “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง”  จ้าวภูผาเข้าใจได้ในที่สุด

 “เมื่ออาทิตย์อัสดงค์ชีวิตยามราตรีก็เริ่มขึ้น  ไม่ว่าโลกจะรุ่งเรืองเพียงใด ก็จะมีช่วงแห่งความรุ่งเรืองและเสื่อมถอย  เมื่อตะวันสีทองลับฟ้า โคมไฟเปล่งแสงดวงดาวเปล่งประกายยามราตรีเต็มท้องฟ้า นั่นคือยามค่ำคืนที่งดงามพิสุทธิ์บริสุทธิ์ที่สุด  ถ้ามีภาษาเงียบ ใจที่ผุดผ่องย่อมมองเห็นธรรมชาติซึ่งก็คือการเคลื่อนไหวของสวรรค์... สาวน้อยแห่งเผ่ารัตติกาล ทักษะแฝงเร้นของเจ้ามองเห็นชีวิตได้ทั้งหมด ข้าเกรงว่าองค์หญิงประกายดาวผู้มีพรสวรรค์งดงามผุดผ่องก็ยังด้อยกว่าเจ้าสามส่วน  ผู้สืบทอดของชาวบันไดสวรรค์ที่โดดเด่นยอดเยี่ยมมีมากจริงๆ”  ราชันย์ไร้ใจพูดจนจ้าวภูผาตกใจสะดุ้ง

ต้องทราบก่อนว่าราชันย์ไร้ใจไม่เอ่ยปากมาอย่างน้อยพันปีแล้ว

เขาไม่เคยเห็นคนที่ได้รับการยกย่องจากปากของราชันย์ไร้ใจมาก่อน!

มีแต่เพียงสตรีคนนี้ที่อยู่เบื้องหน้าเขา

นักรบสตรีเผ่ารัตติกาลแห่งบันไดสวรรค์นามว่าเย่อวี่ได้รับการชื่นชมจากราชันย์ไร้ใจ  ถ้าราชันย์ไร้ใจพูด อย่างนั้นทักษะแฝงเร้นของเย่อวี่ต้องไม่ใช่แค่ทักษะฟ้าพิศวงกระมัง?

สามารถทำลายฟ้าพิศวงได้หรือไม่?

เคลื่อนย้ายตำแหน่งดวงดาวในท้องฟ้าอย่างลึกลับ

จากมุมมองนี้ภายใต้พลังเทพสูงส่งและพลังแสงสุริยะอันแรงกล้ายังยากที่จะหยุดแสงดาว... ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางยังเป็นนักสู้มือใหม่ที่เพิ่งย่างเข้าสู่ขอบเขตชั้นเทพ  แต่กล้าท้าทายศัตรูที่มีพลังสุดแข็งแกร่ง เผชิญอันตรายกับการถูกฆ่า  แม้ดูเหมือนว่านางจะตาย แต่ก็ยังกลับมาได้!

11 ความคิดเห็น:

blakaros กล่าวว่า...

พูดให้ถึงที่สุด ดวงอาทิตย์ก็เป็นดวงดาวดวงนึงนะ

oBABYVOXo กล่าวว่า...

นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว

Unknown กล่าวว่า...

เย่อหวี่ ผมก็คิดว่าพี่สาวเย่ยหยาาง เย่อหวี่- เย่หวี่ ขอบคุณค้าบ

Failz กล่าวว่า...

ขอบคุณ​คับ

Popcorn กล่าวว่า...

แวะไปเติมทรูมาจ้า!!!!!!!!ไม่ตายแน่นอน

oldmonkey กล่าวว่า...

หนุก

SorathornBest กล่าวว่า...

ค้างเหมือนเดิม

Pcha กล่าวว่า...

Thank

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ดวงอาทิตย์ก็แค่ดวงฤกษ์เล็กๆ ในกลุ่มดาว

ïиƒïиï†ч гє†гч กล่าวว่า...

ลุ้นจริงๆ

แสดงความคิดเห็น