วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1288 กระจกและพิษ

 

ตอนที่  1288  กระจกและพิษ

“เนื่องจากกลางวันที่สว่างไสว และท้องฟ้าสว่างโล่งไม่สามารถกำจัดราตรีได้ อย่างนั้นก็เปลี่ยนให้ราตรีทำลายตนเอง”

 

สำหรับการกลับมาได้ของจักรพรรดินีราตรีและการชื่นชมของราชันย์ไร้ใจ ราชันย์ไร้พ่ายที่ไม่ปรากฏตัวต่อโลกภายนอกเริ่มให้ความสนใจคำพูดและการกระทำของเขาอย่างกระตือรือร้น  “ไม่จริง  เจ้าไม่สามารถถูกกำจัดได้นั่นเป็นเรื่องไม่ดี ถ้าอยู่ภายใต้ผนึกของข้าเล่าจะเป็นอย่างไร?  เมล็ดพันธุ์ที่โดดเด่นศักยภาพสูงจะต้องถูกผนึกตลอดไป ปล่อยให้นางเพลิดเพลินมีความสุขกับความเดียวดายตลอดไป ให้นางถูกจองจำพร้อมกับกระบวนการเติบโตของชีวิตอื่นๆ ทั้งหมดของนาง  ดูซิว่านางยังจะภูมิใจได้ต่อไปหรือไม่?”

จ้าวภูผาได้ยินเข้าก็แค่นเสียงเย็นชา  “ผนึกของเจ้าถือว่าดีจริง  แต่ครั้งนี้เจ้าไม่เกี่ยว นี่คือการต่อสู้ของข้า!

ราชันย์ไร้พ่ายหลังจากถูกปฏิเสธ

เขาลังเลอยู่นาน

เสียงของเขาเหมือนดังมาจากแดนไกล “อย่างนั้นให้เวลาเจ้าครึ่งวัน ไม่เลย ความจริงแล้วเจ้าเสียเวลามากเกินไป”

“อย่างมากก็สองชั่วโมง หรืออาจชั่วโมงเดียวก็ผนึกได้สมบูรณ์แล้ว”  จ้าวภูผายังคงมองดูจักรพรรดินีราตรีที่กำลังควบกลั่นพลังอยู่ต่อหน้า เขาประเมินในใจ  การผนึกเทียบไม่ได้กับการกำจัด ไม่ใช่ว่าทุกท่าทางทุกท่วงท่าจะแก้ไขกันได้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งผนึกที่สมบูรณ์ที่สุดจำเป็นต้องใช้เวลา  ยิ่งไปกว่านั้นจักรพรรดินีราตรีกลับมาได้อย่างน่าทึ่ง ในใจของจ้าวภูผาประเมินพลังของนางว่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต้องบอกว่าสิบนาทีเพื่อคลี่คลายปัญหา แต่ความไม่ต่อเนื่องกันทำให้ขยายไปเป็นชั่วโมง

“ข้าจะรอดู”  ราชันย์ไร้พ่ายไม่ได้มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับเวลาที่ต้องเพิ่มขึ้น

ร่างบุรุษสูงยี่สิบเมตรระเบิดพลังเทพพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า

เผาผลาญได้เหมือนไฟ

สายฟ้าน้ำไม่ถ้วนอยู่รอบตัวเขาเหมือนกับงูทองเต้นระบำอย่างบ้าคลั่ง

สนามพลังที่ปกคลุมด้วยพลังเทพนั้นใช้เจตจำนงที่ไม่เหมือนใครของจ้าวภูผาก่อตัวเป็นสนามพลังนอกโลกที่ไม่มีใดเหมือน

ภายใต้เจตจำนงของจ้าวภูผา ทุกสิ่งทุกอย่างภายในสนามพลังจะถูกควบคุมโดยเจตจำนงของเขา  แม้ว่าศัตรูที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาจะเป็นนักสู้ระดับเทพก็ต้องยอมจำนนต่อพลังกฎสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่กว่า แข็งแกร่งกว่าและสูงส่งกว่า... กลุ่มดาวรวมถึงพื้นที่มิติที่ยังไม่มีเวลาได้ปิดตัวถูกห่อหุ้มด้วยพลังและกฎสวรรค์บีบอัดอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเกิดรวมตัวกันอย่างไม่สิ้นสุด

ดวงดาวแต่เดิมที่แพร่กระจายไปทั่วทั้งท้องฟ้านับไม่ถ้วนเริ่มบิดเบี้ยวไล่ไปหาศูนย์กลางกลุ่มดาว

พลังบิดที่รุนแรงมหาศาล

บีบอัดกลุ่มดาว

จากนั้นกลุ่มดาวมีขนาดเล็กลงทีละน้อยด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่าจนมีขนาดเล็กลง

ภายในกลุ่มดาว

จักรพรรดินีราตรีต่อต้านด้วยพลังเจตจำนงของตนเอง

นี่คือการต่อสู้อีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่ต้องใช้หมัด แต่น่ากลัวยิ่งกว่าและเจ็บปวดมากกว่าการต่อสู้ที่ดุเดือดที่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อแขนขาดขาขาด  สำหรับผู้แพ้นั้นไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะกลับมาได้อีก จะต้องพ่ายแพ้ในที่สุด และผลเพียงประการเดียวคือจะถูกผนึกอย่างถาวรไม่สามารถถอนออกมาได้จนกว่าจะถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

พลังโจมตีที่รุนแรงที่สุดในผนึกนี้ไม่ใช่การสูญเสียอิสรภาพ แต่เป็นการอยู่รอด

คนผู้นี้จะต้องถูกความเดียวดายสิ้นหวังเคี่ยวกรำทรมานไปตลอดชีวิต

จากร่างของจ้าวภูผาเป็นศูนย์กลางพื้นที่ภายในหมื่นเมตรถูกบีบอัดทีละนิด แกนกลางเป็นกระจุกดาวที่จักรพรรดินีราตรียังคงใช้ต้านทาน และขอบด้านนอกเป็นรูปทรงกลมสีดำทั้งหมดที่เกิดจากพื้นที่มิติที่มีแรงอัดหนาแน่นสูงของมิติแตกพังทลาย

ตราบเท่าที่พลังเทพขยายเพิ่ม จะทำลายกลืนกินพลังต้านทานของจักรพรรดินีราตรีและพลังทั้งหมดของนาง จากนั้นนางจะถูกผนึกอย่างสมบูรณ์

ในเวลานั้นจะเป็นจุดสิ้นสุดการต่อสู้

เมื่อเห็นว่าผนึกเป็นไปอย่างราบรื่นมาก จ้าวภูผาเริ่มยินดีในหัวใจ คู่ต่อสู้ที่อยู่เบื้องหน้าของเขาเป็นอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดามีพรสวรรค์และศักยภาพที่น่าทึ่ง  เพียงแต่น่าเสียดายที่พรสวรรค์ที่โดดเด่นเช่นนี้ไม่ได้มาจากแดนสวรรค์บน แต่มาจากหอทงเทียนจากเผ่ารัตติกาลบันไดสวรรค์

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้วจ้าวภูผาเพิ่มพลังที่ซ่อนอยู่อีกสิบเท่า

มิติทั้งหมดระเบิดออกโดยพลังเทพที่คล้ายกับดวงอาทิตย์

กลุ่มดาวถูกบีบอัดจนกลายเป็นกระจุกดาว

ขนาดเล็กลงทุกที

เหลืออยู่เพียงจุดดำเล็กเลือนราง

ขณะที่แสงกำลังจะกลืนกินทุกสิ่งในโลก ทันใดนั้นผีเสื้อที่ส่องแสงระยิบระยับบินออกไปโดยไม่สนใจพลังอันน่าเกรงขามของพลังเทพดวงอาทิตย์ ปีกของมันกระพือเบาๆ รวมกับประกายแสงดาว

พลังกฎสวรรค์ เจตจำนงและพลังเทพของจ้าวภูผากวาดพลังพายุที่น่ากลัว

ภายในพายุพลังเทพมีมือนับไม่ถ้วนที่ถูกเปลี่ยนโดยพลังเจตจำนง

สานตัวเป็นตาข่าย

ต้องการจะจับผีเสื้อดวงดาวนี้ไม่ให้มีอิสระ

เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ไม่ว่าพายุพลังเทพจะแผดเสียงคำรามแค่ไหน มือแปรเปลี่ยนก็ไม่สามารถไล่จับหรือสัมผัสผีเสื้อดวงดาวนี้ได้ ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง มีอยู่แต่ในจินตนาการและความฝันเท่านั้น เมื่อผีเสื้อดวงดาวบินผ่านพายุพลังเทพเบาๆ ผ่านช่องว่างในมือเทพแทรกซึมเข้าไปในพื้นที่สนามพลังงานดวงอาทิตย์เหมือนกับแยกออกมาจากผนึกและปรากฏต่อหน้ากลายร่างเป็นจักรพรรดินีราตรี ผู้ที่จ้าวภูผาต้องการฆ่า

จักรพรรดินีราตรีคืนสภาพจากดาวผีเสื้อกลายเป็นร่างเงาเลือนรางที่งดงาม

ประกายดาวรอบตัวยังคงส่องประกายและไม่ได้รับความเสียหายมากนักเนื่องจากพลังผนึกเทพเมื่อครู่นี้

แม้ว่าพลังของนางไม่สามารถไม่อาจเทียบเคียงกับศัตรูอย่างจ้าวภูผาได้  แต่ในแง่ของเจตจำนงความเป็นอิสระ นางยังเป็นสุดยอดนักสู้ผู้มีความเข้าใจด้านนี้และมีเจตจำนงนิรันดรไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าท้องฟ้ายามค่ำคืนและดวงดาวจะถูกผนึกด้วยพลังแห่งสวรรค์ ผีเสื้อดาวตัวน้อยก็ยังกลับมาจากมิติที่แตกเป็นเสี่ยงได้ แม้ว่าพลังแสงอาทิตย์ของจ้าวภูผาจะแกร่งกร้าว และพายุสุริยะที่สร้างขึ้นมานั้นจะหนาแน่นเพียงใด และตาข่ายหัตถ์เทพที่หนาแน่นก็ไม่สามารถป้องกันเจตจำนงสูงสุดของนางได้

“ข้าเป็นคนเผ่ารัตติกาล แต่ไม่ได้จำกัดแค่รัตติกาลเท่านั้น ที่สำคัญบันไดสวรรค์ยังมีเผ่าร้อยบุปผา เผ่าภมร และเผ่าประกายจันทรา ทั้งหมดไม่ใช่ว่ามีสัญชาตญาณตามเผ่าพันธุ์ของข้าไม่ใช่หรือ?”  จักรพรรดินีราตรีส่งเสียงแค่น

“ถ้าเป็นกรณีนี้ อย่างนั้นข้าจะทุบจะฟันเจ้าให้เต็มไปด้วยบาดแผลจนผิวหนังของเจ้ามิอาจปิดกระดูกได้!  จ้าวภูผาตัดสินใจใช้ไม้ตายสุดท้าย

ในเมื่อไม่สามารถฆ่าได้ ไม่สามารถผนึกได้

อย่างนั้นก็ทำให้ศัตรูบาดเจ็บสาหัสไปเลย

ต้องใช้เวลาอย่างน้อยร้อยปีในการฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ บางคนอาจต้องใช้เวลาเป็นพันปี

ตราบเท่าที่สตรีเผ่ารัตติกาลนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและทำให้นางต้องถอนตัวออกจากการต่อสู้ครั้งนี้ จากนั้นค่อยหาทางผนึกก็ได้ เพราะหอทงเทียนมีนักสู้ระดับเทพมีไม่มากนัก และเมื่อนักรบสำคัญบาดเจ็บไปคนหนึ่ง กำลังรบก็ลดลงถึงครึ่งหนึ่ง

ตอนนี้จ้าวภูผาปรับเปลี่ยนความคิดของเขาในที่สุด

เขาจะไม่คิดว่านักสู้ระดับเทพมือใหม่ที่อยู่ข้างหน้าเขาเป็นสตรีอีกต่อไป  แม้ว่าเขาจะไม่ทราบว่านางรู้แจ้งได้อย่างไร แต่ข้อเท็จจริงพิสูจน์แล้วว่าสติปัญญาของนางแทบสมบูรณ์แบบ การทำลาย ฆ่าและการผนึกไม่ใช่ตัวเลือกแรกอีกต่อไป

“ขอน้อมสนองจนถึงที่สุด”  จักรพรรดินีราตรีรู้ดีว่านี่เป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก

การที่นางใช้พลังนางเองต่อสู้กับจ้าวภูผามีทรงพลังมากนับว่ายากแล้ว

ที่ยากยิ่งกว่าที่ด้านหลังของจ้าวภูผายังมีราชันย์ไร้พ่ายและราชันย์ไร้ใจที่แข็งแกร่งมากกว่า

เพื่อให้เย่ว์หยางมีเวลาฝึกฝนอย่างเพียงพอ เพื่อฟื้นฟูพลังให้กับเผ่าพันธุ์ที่รอคอยมานานนับพันปี สำหรับการรุ่งเรืองขึ้นมาของหอทงเทียน อนาคตของหอทงเทียนจะต้องไม่พินาศอีกต่อไป นางต้องยืนหยัดต่อไป แม้จะต้องสู้ตามลำพังก็ตาม

ร่างเล็กของจักรพรรดินีราตรีเล็กกว่าร่างของจ้าวภูผาที่สูงมากกว่ายี่สิบเมตร แต่นางมีเจตจำนงราชันย์

นางจะต่อต้านแรงกดดันจากจ้าวภูผา

และจะไม่ยอมถอนถอย

เป็นครั้งที่สามที่เกิดจุดดาวบนท้องฟ้า กลุ่มดาวกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าก่อตัวยาวเป็นสายทางช้างเผือกส่องประกายสดใส

“ดูซิว่าดาวของเจ้าจะยอดเยี่ยมแค่ไหน!  เขาหายใจลึกชูกำปั้นและพลังเทพที่ไม่มีสิ้นสุดควบแน่น แม้ว่าจะเป็นดวงดาวเขาก็จะทุบด้วยหมัดของเขาตรงๆ ต่อหน้าเขาไม่มีศัตรูคนใดรอดชีวิตได้ นี่คือเจตจำนงของเขาที่จะสู้

กระจก

ไม่รู้ว่าในที่ไกลออกไปมีเสียงสดใสดุจระฆังเงินดังขึ้น

คำพูดที่เปล่งออกมานุ่มนวลราวกับพรายน้ำที่ผุดขึ้นจากน้ำ ราวกับสกุณาเริงร่าโดดเกาะกิ่งไม้ยามฤดูใบไม้ผลิส่งเสียงเจื้อยแจ้วร้องเรียกพวกพ้อง

กระจกวิเศษที่ยอดเยี่ยมถูกควบสร้างด้วยพลังจิตเทพที่บริสุทธิ์ปรากฏอยู่ข้างหน้าของจักรพรรดินีราตรีและหมุนปั่นราวกับกังหันกระดาษในมือของเด็กหญิงที่วิ่งหัวเราะร่าในกลางแดดตลอดทาง กระจกหมุนเป็นวงมีผิวกระจกแปลกประหลาดสะท้อนให้เห็นสีหน้าที่โกรธเกรี้ยวและตกตะลึงของจ้าวภูผา

จ้าวภูผาส่งเสียงคำรามปล่อยหมัดของเขาออกไปราวกับเสียงฟ้าร้อง

หมัดเขากระแทกเข้ากับกระจกเงาอย่างรุนแรง

กระจกนั้นปกป้องจักรพรรดินีราตรี

และไม่เคลื่อนขยับแม้แต่น้อย

ในทางตรงกันข้ามหมัดที่หนักหน่วงทลายแผ่นดินของจ้าวภูผากลับสะท้อนเขาจนถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างเหลือเชื่อ...  ขณะที่จ้าวภูผาก้าวถอยหลังมีเถาหนามพลังเทพที่ไม่รู้เกิดขึ้นเมื่อใดเติบโตขึ้นมาเองราวกับหนวดปลาหมึกโบกสะบัดหนามนับนับไม่ถ้วน  เข็มหนามที่น่ากลัวปักแทงเข้าไปในร่างเทพของจ้าวภูผาหลายพันเล่ม

หนามนั้นเจออุปสรรคที่ยากลำบากเล็กน้อย เมื่อมันปักตรึงแล้ว ผิวของจ้าวภูผามีการต่อต้าน

แต่ต่อให้เป็นสายฟ้าฟาด จ้าวภูผาก็สามารถเพิกเฉยต่อความเจ็บปวดรุนแรงได้

ร่างเทพสูงยี่สิบเมตรซวนเซ

แทบจะทรุดตัวลงอยู่หลายครั้ง

ปรากฏว่าร่างที่สีทองแต่เดิมหมองลงอย่างรวดเร็ว พิษเขียวเข้มไม่ทราบชนิด ประกอบกับหนามจากพลังเตะที่แรงเพียงพอและหนามแหลมที่พุ่งเข้ามาในร่างของเขา ผ่านร่างของเขาทำให้ผิวและผมของเขาเปลี่ยนสีและรู้สึกอ่อนแอลงทันที.... ริมฝีปากของเขาเขียวและความเจ็บปวดทำให้เขาร้องโหยหวนด้วยเสียงที่แหบแห้ง ราวกับผู้ป่วยติดเตียงมานานนับสิบปี

สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือดวงตาสีทองของจ้าวภูผาที่ยังมีสติและกระจ่างใส

“บัดซบ นี่มันพิษอะไร? เป็นไปได้อย่างไรที่มันปนเปื้อนและทำร้ายเลือดของข้าได้โดยตรง!  จ้าวภูผากระชากเถาหนามออกด้วยความโกรธ เขาต้องการใช้เท้าเหยียบย่ำ แต่พบว่าเถาหนามพลังเทพด้านล่างกำลังกางเขี้ยวเล็บรอเขา เขาตื่นตัวและถอยหลังอย่างรวดเร็วอีกครั้งจากนั้นใช้ไฟพลังเทพทำลายกลุ่มหนาม

สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดก็คือกลุ่มหนามที่ไหม้ไฟจะกลืนกินพลังไฟเทพที่มีเจตจำนงของเขาลงไปด้วย

ความเร็วในการดูดซับช้า แต่มองเห็นได้ด้วยตา

ไม่ว่าพลังเทพจะมากแค่ไหน เป็นไปไม่ได้ที่จะเผาเจ้าหนามบัดซบนี่

มันไม่กลัวไฟ

หรือมันสามารถใช้ไฟเทพเป็นอาหาร การโจมตีระเบิดมันทำให้มันเติบโตทวีคูณ

จ้าวภูผาฉีกแผลที่หน้าอกรีดเอาพิษนิรนามที่เข้ามาในร่างออกจากบาดแผลบนหน้าอกของร่างเขา  ร่างเทพที่กลายเป็นสีเขียวเข้มหมองเริ่มเปล่งประกายทันที ความอ่อนแอถูกขับหายไป

ต้องการให้จ้าวภูผาที่ไม่เคยล้มกับพื้นต้องทรุดตัวในสนามรบน่ะหรือ?

แค่กระจกกับกลุ่มหนามพิษ สำหรับจ้าวภูผาที่มีประสบการณ์รบมากมาย แค่นี้ถือว่าฝีมือเด็กๆ

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ นี่เป็นนักรบระดับเทพอีกคนหนึ่งหรือ? นอกจากผู้นิทราผู้เฝ้าอยู่ที่ปากทางแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว และเย่อวี่แห่งเผ่ารัตติกาลที่อยู่ข้างหน้า หอทงเทียนยังมีนักรบระดับเทพอื่นอีกหรือ?

ไม่มีทาง!

เย่ว์ไตตันผู้มีพรสวรรค์แปลกประหลาดผิดธรรมดาที่สุดในหอทงเทียน ยังไม่มีทางเลื่อนเป็นนักรบระดับเทพได้เลยไม่ใช่หรือ?

พลังเทพของกระจกวิเศษและเถาหนามพิษทั้งสอง ไม่น่าจะใช่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่ว่านางจะออกมาจากผนึกแล้วหรือไม่  แต่นางไม่ได้ถนัดใช้กระจกและพลังพิษ นางไม่มีสิ่งนี้  เป็นไปไม่ได้ที่นางจะมีความแข็งแกร่งเพียงเล็กน้อย  หรือว่ายังมีนักสู้ระดับเทพใหม่เพิ่มขึ้นนอกจากสตรีเผ่ารัตติกาลชื่อเย่อวี่?

คำถามนี้ไม่เพียงแต่จ้าวภูผาเท่านั้นที่สงสัย  แต่ยังรวมถึงจักรพรรดินีราตรีที่ได้รับการปกป้องจากกระจกวิเศษก็ยังรู้สึกเหลือเชื่อ

“โอว เป็นเจ้านั่นเอง  เจ้าเลื่อนเป็นระดับเทพเมื่อใดกัน?”

จักรพรรดินีราตรีไม่เคยรู้สึกตกใจอย่างนี้มาก่อนในชีวิต

นางเกือบคิดแล้วว่านางคงถูกศัตรูใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกลวง  “ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม? เป็นพวกเจ้าจริงๆ หรือ?”

9 ความคิดเห็น:

Popcorn กล่าวว่า...

โหๆๆๆมีทีมชาวดาวนาเม็กมาช่วยอีกแล้ว

oBABYVOXo กล่าวว่า...

มาแล้วสาวๆ จะต้านได้นานรึป่าว

Akirabas กล่าวว่า...

มากันแล้ว

Pcha กล่าวว่า...

Thank

Badly กล่าวว่า...

อี้หนาน เย่วปิง ตบมันเลย 555

CHANTANA กล่าวว่า...

มาครบทีมแล้วตบมัน

CHANTANA กล่าวว่า...

3วันคับ

Failz กล่าวว่า...

ขอบคุณ​คับ

ïиƒïиï†ч гє†гч กล่าวว่า...

โดนแดรกแน่นวล

แสดงความคิดเห็น