วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1290 เรียกร้องและทางเลือก

 

ตอนที่  1290  เรียกร้องและทางเลือก

โลกพฤกษา บันไดสวรรค์ขั้นที่หนึ่งล้าน

 

เทพธิดาประกายจันทรากางแขนกางฝ่ามือ นางจดจ่อกับทุกสิ่ง กำจัดความคิดที่กวนใจทำให้เสียสมาธิออกไปได้อย่างสมบูรณ์และฝึกพลังเทพราชันย์ด้วยตนเอง รัศมีจันทราสาดส่องสว่างไสวปกคลุมไปทั่วโลกผสมผสานทุกอย่างเข้าด้วยกันรวมทั้งจื้อจุนและเย่ว์หยาง

นางใช้พลังเทพแสงจันทราที่สว่างไสวควบคุมอย่างนุ่มนวลราวกับสายไหมหรือม่านหมอก

แม้ว่าพลังเทพนี้ไม่มีทางที่จะทำร้ายจื้อจุนและเย่ว์หยางทั้งสองคนนี้  แต่นางก็ยังทำอย่างอ่อนโยนกว่าสายลมโชยและแสงจันทร์

ในขณะนั้นจิตใจของทั้งสองกำลังดื่มด่ำสะท้อนความเข้าใจในภายใน ไม่มีการรบกวนใดๆ แม้แต่การกระแอมไอหรือเสียงฝีเท้าที่แผ่วเบาที่สุด  นอกจากนี้ยังช่วยให้ทั้งสองสามารถหลบหลีกจากโลกหยาบและผสานจิตวิญญาณ สร้างความเข้าใจร่วมกันโดยปริยาย

ด้วยการสะท้อนความคิดและสติปัญญาทั้งหมดนี้ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญผ่านการศึกษาที่ครอบคลุมมากที่สุด  จื้อจุนเข้าใจอย่างชัดแจ้งถึงการฝึกฝนของเย่ว์หยางอย่างสมบูรณ์ เย่ว์หยางค่อยๆ อ่านความรู้ของจื้อจุนได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

ไม่มีอะไรที่เป็นความลับอีกต่อไป

ในขณะนี้ทั้งสองใกล้ชิดสนิทกันเหมือนกับแฝดที่อยู่ในครรภ์มารดาเดียวกัน

หัวใจทั้งสองดวงเต้นพร้อมกันและหัวใจสองดวงที่มีความแตกต่างกันกลับหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างไม่รู้จบในรูปแบบของการผสมผสานที่แปลกประหลาดเหมือนมีตัวตนอยู่ในกันและกัน ทั้งสองเข้าใจในขอบเขตที่แตกต่างกัน สองภูมิปัญญาที่แตกต่างกันพัฒนาการในดินแดนขอบเขตที่แตกต่างกัน ต่างขยายภูมิปัญญาออกไปในสาขาต่างๆ  วิญญาณทั้งสองดวงที่เกิดมาแตกต่างกัน มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ต่างยอมรับกันและกันเรื่อยไปจนกระทั่งพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์และไม่มีการแบ่งแยกอีกต่อไป

หน้าผากทั้งสองจรดกันบางครั้งก็จูบกันโดยไม่รู้ตัว

ไม่มีการจูบปากตวัดลิ้น

ไม่มีการหยอกเย้าเกี้ยวจีบแสดงความเจ้าชู้

ไม่มีการรุกล้ำเกินเลย ปล่อยแค่จิตสำนึกและให้ธรรมชาติกำหนดการสัมผัสอย่างใกล้ชิดและสื่อสารมากขึ้นเท่าที่ทำได้

ในโลกวิญญาณที่รวมจื้อจุนและเย่ว์หยางเข้าด้วยกัน  ทั้งสองเหมือนคู่รักที่โอบกอดเป็นหนึ่งไม่มีเสื้อผ้าปกปิดกาย วิญญาณสีทองบริสุทธิ์ไม่มีใดเทียบทั้งสองได้รับการเชื่อมต่ออย่างสมบูรณ์ผ่านริมฝีปากมือร่างพร้อมกับใจดวงเดียวที่ไม่มีความแตกต่างอีกต่อไป ในการฝึกฝนที่ผ่านมาเสวี่ยอู๋เสีย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและสาวนางอื่นที่รักเย่ว์หยางอย่างลึกซึ้ง  เพื่อบรรลุถึงขอบเขตวัตถุประสงค์พลังคู่รักอย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนอย่างราชันย์ปีศาจใต้ ไห่หลาน ไป่ลู่ พวกนางแม้ว่าจะกลายเป็นภรรยาเย่ว์หยางมีสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยา แต่ผลที่ได้รับยังด้อยกว่าเล็กน้อยไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จของการฝึกพลังคู่รักได้อย่างสมบูรณ์แบบ  ถ้านอกจากเสวี่ยอู๋เสีย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและสาวงามโล่วฮัว แต่เป็นบางคนที่ไม่จำเป็นต้องมีสัมพันธ์แบบคู่รักสามีภรรยาแต่พลังวิญญาณสามารถบรรลุถึงขั้นนั้นได้ก็คงมีแต่เย่ว์ปิงและเย่ว์หวี่

เพราะเย่ว์ปิงอนุญาตให้พี่ชายของนางชำระร่างและวิญญาณของนางนับครั้งไม่ถ้วน ด้วยความเชื่อศรัทธาในพี่ชายอย่างไม่มีที่สุดไม่เคยคิดลังเลในการฝึกฝน รวมทั้งจิตใจนางไม่คิดเรื่องอื่นจมอยู่ในสภาวะฝึกฝนเท่านั้น

ขณะที่เย่ว์หวี่นางเองรู้ว่าการฝึกนี้เป็นเช่นไร

อย่างไรก็ตาม เพื่อช่วยให้น้องชายนางเติบโตขึ้นในสถานการณ์ที่น่าอึดอัด  นางละทิ้งความอายและแนวคิดโลกๆ และทำทุกอย่างเพื่อให้น้องชายนางสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ตอนนี้จื้อจุนไม่เคยฝึกพลังคู่รักกับเย่ว์หยางมาก่อน เมื่อนางรุกล้ำเข้าไปในโลกวิญญาณครั้งแรก นางปล่อยตัวตนอย่างไม่มีเหนี่ยวรั้งสมบูรณ์แบบเพื่อการฝึกฝนพลังคู่รักผ่านจิตวิญญาณจริงๆ อย่างยอดเยี่ยม

เพื่อให้เย่ว์หยางเป็นเจ้านายผู้ควบคุมพลังโชคชะตาในเวลาอันสั้น นางยังคงใช้สำนึกเป็นแนวทางในการส่งข้อมูลความรู้ที่ลึกซึ้งทั้งหมดในชีวิตให้เขา

ในกระบวนการนี้มีทั้งสุขและทุกข์ ดีใจและเสียใจในชีวิต และจิตใต้สำนึกส่วนตัวทุกอย่างนั้นมีการแบ่งปันกับเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จื้อจุนรู้ผลอย่างสมบูรณ์แบบ

แต่ถ้าเกี่ยงงอนจะยิ่งมีความลังเลมากขึ้น... เกี่ยวกับอนาคตหลังจากที่ทั้งสองคนฝึกพลังคู่รักแล้ว จะมีการพัฒนาต่อในที่สุด นางไม่มีเวลาพอจะคิด หรือบางทีนางไม่คิดถึงเลยแม้แต่น้อย

เขาอ่านนางทีละนิดผ่านกระบวนการฝึกฝน และนางก็เรียนรู้เรื่องของเขาในกระบวนการนี้มากขึ้นเช่นกัน รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขามากขึ้น ยกเว้นมีผู้พิทักษ์บางคนที่นางไม่สามารถสัมผัสถึงได้ ทุกชีวิตต่างๆ รวมทั้งความรักความชังปรากฏแก่สายตานางราวกับตนเองมีส่วนร่วม

ปัง!

โลกของคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ขยายออกไปเป็นพันเท่าทันทีโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เย่ว์หยาง

หลังจากถึงจุดสิ้นสุดของขอบฟ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุด ก็เป็นขีดจำกัด สุดระยะที่ที่ปัญญาของเย่ว์หยางนี้ไม่สามารถเข้าใจได้สมบูรณ์ ความรู้ทั้งหมดหมดกลับมารวมตัวอยู่ที่เย่ว์หยางด้วยความเร็ว ก่อตัวเป็นวงแหวนแสงชั้นๆ

เย่ว์หยางกับจื้อจุน

จมดิ่งอยู่ในโลกการฝึกฝนพลังคู่รัก

เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นได้แต่สังเกตดูและรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ

มีพลังเทพสายหนึ่งที่ไม่มีใครสามารถมองเห็นแต่ยังอยู่  มันปรากฏขึ้นทันที พลังที่แปลกประหลาดมหาศาลอยู่เหนือโลก แม้จะมีมากไม่ถึงครึ่ง อาจทำให้โลกพังทลายได้ทันที ถ้าในเวลาไม่กี่นาทีโลกไม่สามารถทนได้ก็อาจได้รับผลสะท้อนกลับทันที

พลังแห่งโชคชะตาที่วางอยู่บนโลกนี้ เย่ว์หยางและจื้อจุนคาดไม่ถึงมาก่อน กระบวนการนี้เป็นไปอย่างเงียบๆ เท่านั้นไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะหยุดหรือควบคุม

เมื่อการจัดวางสมบูรณ์ โลกและชะตาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งถูกแบกรับก็ถึงจุดสมบูรณ์แบบมากที่สุด

ทำให้ดวงจิตวิญญาณทั้งสองตกตะลึงเป็นระยะๆ

ต้องเป็นทักษะแบบใดจึงจะรองรับความสำเร็จนี้ได้?

ต้องเป็นความสามารถชนิดที่เย่ว์หยางตัดพลังยักษ์ชะตาส่วนหนึ่งของเขาและวางไว้บนโลกนี้เพื่อให้เทพควบคุมได้หรือไม่

อะไรกันแน่

ด้วยพลังเทพและปัญญานี้น่ะหรือ?

ไม่มีเวลาถามคำถามค้างคาในใจ สายเกินกว่าจะเข้าใจความลึกลับมากขึ้น ที่ทำให้ทั้งสองตกใจมากที่สุดคือความอดทนของโลก

หากพลังของยักษ์ชะตาที่เย่ว์หยางต้องการควบคุมในที่สุดนั่นคือที่ความสูงพันเมตร แค่นั้นก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนกระแสการต่อสู้และพลิกสถานการณ์ได้ จากนั้นอสูรโลกที่เคยเป็นนักกินมาตั้งแต่กำเนิด ไม่เคยมีการแสดงออกที่น่าทึ่งอัศจรรย์อะไรมาก่อน  แต่ในเวลานี้เย่ว์หยางคาดไม่ถึงว่าด้วยพลังแห่งยักษ์ชะตาที่สูง 300 เมตร!

300 เมตร!

พลังของยักษ์ชะตาหนึ่งพันเมตรสามารถเพิกเฉยต่อผู้รุกรานหอทงเทียนอย่างตงฟางและนักรบแดนสวรรค์คนอื่นๆ พลิกสถานการณ์การสู้รบทั้งหมด  โลกที่เป็นนักอสูรนักกินมีขนาดสามร้อยเมตร  ยิ่งกว่านั้นมันไม่มีสติปัญญา ไม่ใช่อสูรระดับเทพแต่กลับแบกรับพลังยักษ์ชะตาที่ขนาด 300 เมตรนับเป็นปาฏิหาริย์ที่เหลือเชื่อ

ตำแหน่งข้างๆ ต่อมาก็คือเงาปีศาจที่อยู่กับเย่ว์หยางมาตลอดตั้งแต่เริ่มทำสัญญากับคัมภีร์

เงาปีศาจรองรับพลังยักษ์ชะตาที่ขนาด 250 เมตรเพื่อเย่ว์หยาง

อสูรของเขาตัวแรก

อสูรพิทักษ์ตัวแรกของเขา

อสูรพิทักษ์อย่างอาหมัน อาหงและเงาปีศาจยักษ์ที่ช่วยเพิ่มพลังในการต่อสู้ให้เย่ว์หยาง เงาปีศาจถือกำเนิดตั้งแต่เย่ว์หยางทำสัญญากับคัมภีร์ครั้งแรก และกลายเป็นอสูรพิทักษ์ตนแรก ความสามารถในการรองรับพลังชะตาขนาดคือสองร้อยห้าสิบเมตร แต่โลกหรืออสูรโลกตอนนี้แบกรับได้ 300 เมตรนับว่าน่ากลัวมาก

แน่นอนว่าถ้าไม่มีการเปลี่ยนในภายหลัง หัวใจของทั้งสองคงไม่ถึงกับตกใจอย่างหนัก

“ข้าก็พร้อมเช่นกัน ให้ข้าได้มีส่วนร่วมด้วยเถอะ!  เราแบ่งปันพลังแห่งยักษ์ชะตาพันเมตร จะต้องมีความสำเร็จอย่างแน่นอน” เทพธิดาประกายจันทราควบพลังไว้นานแล้ว ตามคำแนะนำลึกลับที่ส่งผ่านมาจากอสูรโลก

นางต้องการช่วยแบกรับพลังยักษ์ชะตาให้เย่ว์หยาง

นั่นคือ 100 เมตร

ตราบเท่าที่พลังของยักษ์ชะตากระจายออกไป ทุกคนจะต้องมาร่วมแบกรับคนละเล็กน้อยเพื่อเย่ว์หยาง ไม่อย่างนั้นจะแบกรับพลังยักษ์ขนาดเป็นกิโลเมตรเป็นไปไม่ได้เลย

ตอนนี้อสูรโลกทนรับได้ที่พลัง 300 เมตร เงาปีศาจทนรับได้ 250 เมตร และยังมีเสี่ยวเหวินหลีที่เพิ่งออกมาและกำลังรวบรวมกำลังทั้งหมดเตรียมพร้อมรับแรงกดดันของยักษ์ชะตา... พลังยักษ์ชะตาที่ความสูงพันเมตรถูกทุกคนแบ่งกันแบกรับภาระแทนเย่ว์หยาง ในช่วงเวลาสั้นๆ เขาจะต้องเข้าใจการควบคุมพลังให้ได้ภายในสามวัน

จื้อจุนและเย่ว์หยางไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ และวิญญาณของทั้งสองยังผสานกันเชื่อมโยงในขอบเขตการฝึกพลังคู่รัก

แต่โดยผ่านการพูดคุยทางจิต ทั้งเย่ว์หยางและจื้อจุนสามารถเห็นได้

ในเวลานี้

มือวิเศษที่ไม่รู้จักและมองไม่เห็น

วางลงบนศีรษะของเทพธิดาประกายจันทรา เป็นพลังของยักษ์ชะตาขนาดร้อยเมตร..  สิ่งที่น่าตกใจที่ทำให้เย่ว์หยางและจื้อจุนตกใจที่สุดคือเทพธิดาประกายจันทราซึ่งรับภาระแบกรับพลังยักษ์ชะตาร้อยเมตรกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เจ็บปวดจนนางไม่สามารถยืดเอวได้ พลังเทพที่ปกป้องร่างเทพนางพังทลาย ไม่สามารถจะอยู่ในบันไดสวรรค์ขั้นที่ล้าน พลังเทพส่งเสียงลั่นกึกก้องจนร่างนางแทบจะร่วงตกไปอยู่ใต้โลกพฤกษา

พลังยักษ์ร้อยเมตรที่เทพธิดาประกายจันทรานึกว่าด้วยเจตจำนงราชันย์จะใช้แบกรับได้ แต่นางกลับทำไม่ได้

ภายแรงกดดันมหาศาล

แทบจะทำให้นางตายในทันที

พลังที่น่าสะพรึงกลัวนี้แทบทำให้จิตใจของจื้อจุนและเย่ว์หยางแทบระเบิด พลังของยักษ์ชะตานั้นผิดธรรมดาจริงๆ หรือ? เทพธิดาประกายจันทราเป็นนักรบระดับเทพแล้วไม่สามารถรองรับพลังร้อยเมตรได้ ขณะที่เงาปีศาจรับได้ถึง 250 เมตร อสูรโลกรับได้ 300 เมตร มีความผิดปกติตรงไหน?

ดังนั้นมือน้อยๆ ที่ละเอียดอ่อนของเสี่ยวเหวินหลีจึงรองรับพลังยักษ์ชะตาความสูง 380 เมตร แม้แต่เย่ว์หยางก็ไม่สามารถสงบใจได้

เขากับจื้อจุนตื่นจากการฝึกผสานพลังคู่รักพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

มองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นข้างหน้าอย่างงงงวย

ปรากฏว่าปีศาจอสรพิษน้อยผู้นี้ไม่ธรรมดาที่สุด

หลังจากที่ทั้งสองคนตอบสนองพร้อมกัน พวกเขาพบสิ่งที่น่าตกใจ พลังความสูงที่ต้องแบกรับในปัจจุบันนั้นเกินหนึ่งกิโลเมตรคือ อสูรโลก 300 เมตร เงาปีศาจ 250 เทพธิดาประกายจันทรา 100 และสุดท้ายเสี่ยวเหวินหลี 380 รวมความสู้ 1030 เมตรไม่ใช่หรือ? เมื่อถึงระดับหนึ่งกิโลเมตรเย่ว์หยางน่าจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับการควบคุมและทำความเข้าใจกับสิ่งที่ดึงดูดความเข้าใจและการเปลี่ยนแปลงตนเอง ทำไมถึงไม่มีการตอบสนอง?

ถ้าการแบกรับภาระไร้ประโยชน์มือลึกลับที่มองไม่เห็นจะไม่ทำเช่นนี้ แต่หากมีประโยชน์ทำไมถึงไม่มีประสิทธิภาพเล่า?

เย่ว์หยางและจื้อจุนมองหน้ากันเอง

พวกเขาคิดถึงความเป็นไปได้ที่น่ากลัว...ปัง!

เทพธิดาประกายจันทราตกลงไปที่ขั้นที่ห้าแสน ขั้นที่แสน ขั้นที่หมื่น และขั้นที่พันก็ยังไม่สามารถยืนได้ จนกระทั่งร่วงลงไปถึงขั้นเริ่มต้น นางจึงสามารถแบกรับพลังยักษ์ชะตา 100 เมตรได้

จื้อจุนที่สื่อสารจิตกับเทพธิดาประกายจันทราไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้

ขณะที่นางกับเย่ว์หยางไม่รู้จะตอบสนองอย่างไร ทันใดนั้นในหูของพวกเขาได้ยินเสียงไพเราะราวกับเสียงสวรรค์ดังขึ้นอย่างนุ่มนวล  “พวกเจ้าได้ยินหรือไม่? จงฟังอาเซียนพูดให้ดีๆ ทุกคำที่นางพูด พวกเจ้าต้องฟังอย่างระมัดระวัง จากนั้นจงทำตามคำขอของนาง!

“ซานเอ๋อ, จื้อจุนหมิงซิน ตอนนี้พวกเจ้าอาจจะรู้แล้ว เฉพาะพลังยักษ์ชะตาสูงหนึ่งกิโลเมตร เป็นไปไม่ได้ที่จะควบคุมพลังระดับเทพนิรันดรที่มีพลังอนันต์นี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะเจ้ามีคัมภีร์อัญเชิญมากกว่าหนึ่งเล่ม เจ้ามีคัมภีร์เทพที่เป็นมิติดินแดนฝึกฝน  แม้จะเป็นคัมภีร์ที่ใช้เพื่อบรรลุพลังเทพราชันย์  แต่จำเป็นต้องสร้างโลกนิรันดรก่อน มิฉะนั้นทันทีที่เลื่อนไปเป็นระดับเทพ เจ้าจะติดอยู่ที่ระดับเทพปัจจุบันแค่นั้นไม่มีโอกาสก้าวหน้าต่อไป  ท่านพี่เคยทิ้งคำเตือนบอกข้าไว้ หากซานเอ๋อต้องการความช่วยเหลือจากข้า ให้ข้าบอกความจริงได้...  ตอนนี้สิ่งที่ข้าต้องการบอกก็คือสิ่งที่ต้องดำเนินการ ไม่เพียงแต่พลังเทพยักษ์ชะตาสูงพันเมตรเท่านั้น  นี่เป็นเพียงความพยายามในปัจจุบันของซานเอ๋อเจ้า แท้จริงนั่นเป็นการวางรากฐานให้เจ้าบรรลุในอนาคต ต้องสนองตอบต่อการเกิดโลกนิรันดร์ของคัมภีร์ทั้งสอง  หากมีมากกว่านั้น นั่นคือศักยภาพในการเติบโตระดับเทพในอนาคต!  แม่สี่ส่งเสียงไปยังโลกในจิตใจของเย่ว์หยางและจื้อจุน

“โอวพระเจ้า!” เย่ว์หยางแทบเป็นลม เขาไม่ได้เป็นเจ้าของคัมภีร์อัญเชิญสองเล่ม แต่เป็นสามเล่ม และหนึ่งในนั้นเป็นคัมภีร์เทพที่เขายังไม่สามารถเข้าไปได้  เทพเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าจะต้องใช้พลังเทพชะตาสร้างโลกนิรันดรในนั้น

อย่างนั้นก็จบ

สิ่งที่เย่ว์หยางคิดตอนนี้ไม่ใช่วิธีเอาชนะตงฟางอีกต่อไป

การรองรับพลังของยักษ์ชะตาที่มากกว่าหนึ่งกิโลเมตร ตราบเท่าที่เขาตั้งใจดึงดูดพลัง เขาจะสามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์   การพลิกสถานการณ์ต่อสู้ได้ผลสรุปแล้ว แต่ถ้าเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นในอนาคตอย่างมากก็มีพลังเท่ายักษ์ชะตา ไม่ต้องพูดถึงศักยภาพของนักสู้ระดับเทพในอนาคต เขาจะพลาดเจตจำนงเทพราชันย์ไปด้วย

ความสำเร็จในการเป็นเทพจอมราชันย์เดิมทีก็ยากมากอยู่แล้ว

มิน่าเล่าเป็นเวลาพันๆ ปีถึงไม่มีใครสำเร็จระดับเทพจอมราชันย์  ไม่แปลกใจที่เหล่าเทพแท้ที่ขึ้นมาเป็นนักสู้ระดับเทพ จะติดอยู่ในพลังระดับเดิมเสมอ ความก้าวหน้าของพี่สาวแม่สี่ผู้สร้างโลกนิรันดรได้  นางมีความสามารถมากสามารถรองรับพลังมหาศาลได้ แม้แต่พลังเทพก็ตาม

พร้อมกับได้รับฟังคำจากแม่สี่ เย่ว์หยางเอาคัมภีร์เทพที่เป็นมิติดินแดนฝึกฝนไม่สามารถอัญเชิญออกมา

จิตวิญญาณของมันถูกส่งกลับมาที่เย่ว์หยางและจื้อจุน และโลกนิรันดร์แห่งการฝึกฝนที่เย่ว์หยางสร้างด้วยเจตจำนงของเขาไว้ในนั้น  ยักษ์ชะตาในนั้นมีความสูงสามพันเมตร แรงปะทะกลับนี้ ทำให้เย่ว์หยางมึนงงแทบตาย

จากนั้นคัมภีร์แรกในชีวิตที่เขาทำสัญญาเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีประโยชน์มากที่สุด ในชีวิตของเขาและการต่อสู้สม่ำเสมอของเขาอย่างน้อยมีพลังยักษ์ชะตาสูงห้ากิโลเมตร  เย่ว์หยางพูดไม่ออก เขาจะหาคนที่ใช้พลังยักษ์ชะตาสูงแปดพันเมตรได้อย่างไร?  ต้องรู้ว่าเทพธิดาประกายจันทราทั้งที่เป็นนักสู้ระดับเทพ ยังไม่สามารถรองรับพลังได้ถึงร้อยเมตร ถ้าไม่ใช่เพราะเงาปีศาจ อสูรโลกและเสี่ยวเหวินหลี หนึ่งกิโลเมตรก็เหลือทนแล้ว

จื้อจุนต้องการปลอบโยนเย่ว์หยาง แต่เมื่อคัมภีร์เทพลึกลับออกมา นางไม่รู้จะปลอบโยนเย่ว์หยางอย่างไร เมื่อต้องใช้พลังชะตาสูงถึงหมื่นเมตร

นี่คือจำนวนตัวเลขที่น่าสิ้นหวัง

เย่ว์หยางฝึกฝนพยายามอย่างหนักในดินแดนมิติฝึกฝนได้มายังเห็นความคงอยู่ เมื่อเทียบกับคัมภีร์เทพที่ลึกลับและคาดเดาไม่ได้เหมือนการดำรงคงอยู่ของเมฆหมอก  มีแต่เพียงเล่มของมัน มันอยู่เหนือคำภีร์เทพในดินแดนฝึกฝีมือและคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่เขาทำสัญญา และเรื่องที่ทำให้เย่ว์หยางโมโหที่สุดก็คือคัมภีร์เทพทำสัญญากับเขาแต่เขาไม่สามารถใช้มันได้ แล้วเขาจะควบคุมพลังชะตาได้อย่างไร?  มีเหตุผลรองรับเรื่องนี้หรือไม่?  ในโลกก่อนหน้านั้นเวลาต้องการอาหาร อย่างน้อยช่วงเวลาสำคัญก็ยังสามารถแก้ปัญหาได้..  กฎเทพดั้งเดิมกลับไม่สามารถเรียกอัญเชิญได้

ครั้งนี้จบกัน

ตอนนี้เย่ว์หยางรู้สึกสมองพองโตเป็นสามเท่า เขาควรทำอะไรต่อไปดี?

จื้อจุนมึนงงเล็กน้อย แต่นางพยายามเต็มที่เพื่อปลอบโยนเขา  “ไม่มีความยากลำบากใดในโลกที่เอาชนะไม่ได้ เราจะพยายามอย่างหนักและเผชิญหน้ากับมัน และเราจะต้องทำได้สำเร็จ!

“การฝึกฝน การสร้างประสบการณ์และความเลื่อนระดับความก้าวหน้า ดูเหมือนว่าจะเป็นงานหนักของคนผู้หนึ่ง  แต่ความจริงแล้วในเบื้องหลังไม่เคยเป็นหน้าที่ของใครโดยเฉพาะ  พี่สาวของข้าได้เตรียมการเอาไว้แล้ว แม้ว่าข้าจะไม่สามารถช่วยซานเอ๋อเจ้าให้เติบโตมาก่อน และในการทดสอบระดับนี้ ข้ากับซวงเอ๋อก็จะร่วมกันช่วยเจ้า  ทั้งนี้ข้าฮัวเซียนขอเรียกร้องส่งข่าวถึงญาติสนิทมิตรสหายที่น้องทุกคน ทั้งบรรพบุรุษและผู้ใต้บังคับบัญชาของชนเผ่าทั้งหลายที่ได้ยินเสียงข้า  หากพวกท่านเต็มใจ โปรดช่วยยืนหยัดแบกรับพลังเทพชะตาในอนาคตของซานเอ๋อ ซึ่งนั่นก็คือความรุ่งโรจน์ในอนาคตของทุกคน ตราบใดที่มีความลุกขึ้นยืนหยัด ตราบนั้นอุปสรรคความทุกข์ยากลำบากมากมายก็จะผ่านพ้นไปได้ นั่นคือความรุ่งโรจน์ในอนาคตของลูกสามและของทุกๆ ท่าน  หากทุกท่านได้ยินและมีความยินดีโปรดยืนขึ้นและปฏิบัติตามวิธีการลับที่ข้าฮัวเซียนจะกล่าวต่อไป  และด้วยความตั้งใจและความอดทนของทุกคน ขอให้ทุกท่านร่วมแบกพลังชะตาแม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยก็ตาม  ฮัวเซียนขอขอบคุณทุกท่านล่วงหน้าไว้ในที่นี้”  เมื่อเสียงของแม่สี่ดังขึ้นในคราวนี้ ไม่เพียงแต่ก้องอยู่ในใจของเย่ว์หยางและจื้อจุนเท่านั้น  แต่ยังรวมไปถึงญาติสนิทมิตรสหายกลุ่มชาติพันธุ์ที่รู้จักเย่ว์หยางและสนับสนุนเขา ไม่ว่าจะอยู่ในการรบหรือทำสมาธิก็ตาม หรือหลับอยู่ก็ตาม พวกเขาล้วนได้ยินเสียงของเเม่สี่ชัดเจน

คำขอของแม่สี่นี้ถูกชักนำด้วยพลังของจักรพรรดิหัวซิ่วรี่ (เย่เมิ่ง)

เย่ว์หยางรู้สึกปลาบปลื้มซาบซึ้งแทบหลั่งน้ำตา เขากำหมัดแน่นหลับตา พยายามสำรวมใจไม่ปล่อยอารมณ์ฟุ้งซ่านไปกับความปลาบปลื้มเกินไปจนสมาธิแตกซ่าน...  จักรพรรดินีราตรี องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน สาวงามโล่วฮัว จุ้ยมาวอี้และรวมทั้งตั่วตั่ว เจี้ยงอิง อิคคา เว่ยหลายและฮุยไท่หลางที่กำลังไล่กินทหารแดนสวรรค์อย่างเมามัน   เจ้าอ้วนไห่ เย่คง เสวี่ยทันหลาง องค์ชายเทียนหลัว พี่น้องตระกูลหลี่ที่นอนหมดแรงอยู่กับพื้น แม้กระทั่งสาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ย ทอเรนเลโอ เอลฟ์ลีน  ตวมทั้งอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า จุนอู๋โหย่ว ผู้เท่าเย่ว์ไห่ รวมทั้งเหล่าทหารที่อยู่ในสนามรบก็ได้รับรู้ มารสัมฤทธิ์ฟ้าที่กำลังใช้กระบี่เทพวิถีกำศรวล จักรพรรดิมังกร จักรพรรดิใต้พิภพ เหล่าสหายศึกอีกนับไม่ถ้วนในขณะนั้นต่างยื่นมือแบกรับพลังเทพชะตามคำแนะนำของแม่สี่

ตอนนี้ดูเหมือนทางเลือกของพวกเขา

จะสนับสนุนดีไหม?  หรือดูเย่ว์หยางล้มเหลวในการผ่านด่าน?

เพื่อเย่ว์หยางแล้ว จะแบกรับพลังเทพชะตาเพื่อความสำเร็จในอนาคตของเขา นี่ก็เป็นทางเลือกของชีวิตไม่ใช่หรือ?

15 ความคิดเห็น:

หวังปี้เจ้า กล่าวว่า...

บอลเกงกิ ขอบคุณค้าบ

Mairio กล่าวว่า...

หลังแห่งการร่วมแรงร่วมใจไปดิ

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Deils(of)darK กล่าวว่า...

หลังจากฟิวชั่นแล้วก็สะสมพลังบอลเกงกิ

Popcorn กล่าวว่า...

😁😁😁😁เตรียมปล่อยพลังล่ะ. สงสัยพี่เขาเติมมาเยอะ

Unknown กล่าวว่า...

หมากรุกฟ้าดินรึ... จะสู้ชะตากรรม!!

DexterAndDdy กล่าวว่า...

ส่วนกลับของบอลเกงกิ
บอลเกงกิขอพลังทุกคน
พลังชะตา ช่วยกันถือพลังคนเดียวถือไมไหวช่วยกันถือไว้

Krisda กล่าวว่า...

ขบคุณครับ คุณชายสามสู้ๆ

oBABYVOXo กล่าวว่า...

คนละนิดคนละหน่อย

Unknown กล่าวว่า...

I'm stanning here.^_^

Pcha กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

CHANTANA กล่าวว่า...

สฺดยอดไอ้3

Failz กล่าวว่า...

ขอบคุณ​คับ

ïиƒïиï†ч гє†гч กล่าวว่า...

ฟิวชั่นหมู่สินะ

อ่าห้า กล่าวว่า...

คิดเหมือนกัน5555

แสดงความคิดเห็น