วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1294 ไม่ใช่มีพรสวรรค์ที่สุด แค่มีพรสวรรค์มากกว่า

 

ตอนที่  1294  ไม่ใช่มีพรสวรรค์ที่สุด แค่มีพรสวรรค์มากกว่า

ระเบียงเวลา

 

“ข้าต้องขอโทษจริงๆ ข้าอยากจะพาอาคันตุกะผู้มีเกียรติชมระเบียงเวลาและไปที่แดนล่มสลายแห่งทวยเทพ แต่สถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนไป อู๋เสียจำเป็นต้องกลับหอทงเทียนเพื่อต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับสมาชิกครอบครัว จึงยังไม่อาจสนทนากับทุกท่านได้ชั่วคราว”  เสวี่ยอู๋เสียคารวะด้วยมารยาทที่งดงาม โดยไม่รอให้กลุ่มร่างเงาโต้ตอบ นางย่างเท้าออกจากระเบียงเวลาร้อยปีลอยตัวและเปลี่ยนเป็นดาวหางหายในในมิติว่างเปล่า

เสวี่ยอู๋เสียไม่เพียงแต่ได้ยินเสียงเรียกทางใจของแม่สี่เท่านั้นแต่ยังติดต่อกับจักรพรรดิหัวซิ่วรี่ทางใจได้

ตอนนี้ถึงเวลาที่นางต้องกลับไปที่บันไดสวรรค์เพื่อช่วยเย่ว์หยางอย่างเป็นทางการ

แน่นอน

นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของแผนตอบโต้กลับ!

การแยกจากไปของเสวี่ยอู๋เสียทำให้กลุ่มเงาร่างตกใจและสงสัย ก่อนที่พวกเขาจะสนองตอบได้ทัน นางก็หายไปแล้ว ถึงกระนั้นก็ตามด้วยการให้เกียรติต่อผู้แข็งแกร่ง ภายใต้การนำของจางไห่ พวกเขาคารวะตอบในเส้นทางที่เสวี่ยอู๋เสียจากไป

แม้ว่าจะไม่เห็นพลังที่แท้จริงของนาง แต่เห็นภาพลักษณ์ของนางที่สามารถยืนหยัดต่อหน้านักสู้ระดับเทพจากแดนสวรรค์บนได้เสมอภาคกัน

นับว่าคู่ควรให้พวกเขาคารวะตอบ

นักสู้จากหอทงเทียนชื่ออู๋เสียที่มองเห็นแว่บแรกมีพลังระดับสามสิบเมตร ความจริงนางเป็นยอดฝีมือระดับเทพที่สามารถฆ่าร่างเงาได้ทั้งหมด

เพียงแต่ไม่ทราบว่านางใช้วิธีใดซ่อนพลังความแข็งแกร่งไว้ลึกตบตาคนภายนอกได้

เขาคิดว่านางมีร่างเทพสูงสามสิบเมตร .... กลุ่มร่างเงาสื่อสารกันลับและได้บทสรุปว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าได้ในทันทีโดยไม่มีฝีมือระดับมือสังหารเทพ  ดังนั้นอีกผลลัพธ์หนึ่งก็คือเด็กสาวที่ชื่ออู๋เสีย เกรงว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงนั้น ยังแข็งแกร่งมากกว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเงา  ไม่อย่างนั้นนางคงไม่กล้ามาคนเดียว และทำข้อตกลงกับทุกคนให้ดำรงความเป็นกลาง

บางทีสาวน้อยเสวี่ยอู๋เสียนี้เพิ่งจะเลื่อนเป็นนักสู้ระดับเทพ นางไม่สามารถแสดงพลังเทพได้ถึงครึ่ง

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ได้หมายความว่ากลุ่มร่างเงาทั่วไปจะเสียมารยาทต่อนางได้

ไม่ว่าจะเป็นแดนสวรรค์

หรือชาวแดนสวรรค์บน

ให้เกียรติผู้แข็งแกร่ง นี่คือสัจธรรมที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

“ตอนนี้จะเอายังไงดี? จะดูต่อ? หรือจะเดินหน้า?” เงาร่างเขียวหยวนเหย่ถามขึ้น

“เดินหน้าต่อ?  ไม่ไม่ไม่, ดูกันก่อน ในรอบเวลาร้อยปี หอทงเทียนเหลือนักสู้ระดับเทพเท่าใด?  นี่มันมากเกินไปแล้ว ในเวลาเพียงร้อยปีหอทงเทียนให้กำเนิดนักสู้ระดับเทพ  ขณะที่แดนสวรรค์บนในรอบหมื่นปีนี้แทบจะไม่มี  หากเราไม่เข้าใจเรื่องนี้การเดินทางของเราก็ไร้ประโยชน์เช่นกัน” ร่างเงาดำอู่หวินสะดุดใจศักยภาพของเด็กสาวสองคนภายใต้การแนะนำของเสวี่ยอู๋เสีย ในที่สุดก็รู้ได้ว่านักสู้ระดับเทพสองคน คนหนึ่งเป็นญาติของนางชื่ออี้หนาน และอีกคนหนึ่งคือน้องสาวของเย่ว์ไตตันชื่อเย่ว์ปิง

เด็กสาวทั้งสองชื่ออี้หนานและเย่ว์ปิงแสดงให้เห็นว่า แม้จะมีลำแสงเทพไม่สูงมากนัก แต่ก็มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ในหนึ่งวินาทีความก้าวหน้าของนางเท่ากับคนอื่นฝึกร้อยปี  พวกเขาผ่านโลกมามากยังไม่เคยได้ยินว่ามีสิ่งมีชิวตที่มีพลังเพิ่มขึ้นเร็วขนาดเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ยิ่งไปกว่านั้นเฉพาะร่างเทพทองของพวกนางมีศักยภาพสูงถึง 300 เมตร

ตรงนี้เองทำให้อูหวินซึ่งมีศักยภาพสามเมตรรู้สึกอับอายมาก!  แม้แต่หยวนเหย่ที่มีศักยภาพดีที่สุดก็ยังสูงเพียง 40 เมตร ต้องบอกว่าเป็นความกระทบกระเทือนใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต

ดูเหมือนว่าจะมีเพียงเท่านี้!

“เราจะไม่สู้กับพวกหอทงเทียน การวางตัวเป็นกลางทำให้เราได้เข้ามาในระเบียงเวลาภายในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพนี้ เราไม่ต้องรีบ เราจะอยู่ที่นี่และดูให้ชัดเจน”  เงาร่างเพลิงหัวซานเห็นด้วย

แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เพียงอูหวินที่ได้รับแรงกระตุ้น

แม้ว่าจะเป็นนักสู้ระดับเทพ แต่ศักยภาพในอนาคตมีเพียงห้าเมตรทำให้เขารู้สึกหดหู่

ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ต่อหน้าทุกคนเขาอยากกอดอูหวินร้องไห้ด้วยกัน..ในกลุ่มของเงาร่างนั้นทั้งตัวเขาและอูหวินนับว่าไม่อ่อนแอ ในช่วงเวลาสั้นๆ อาจมีคนที่มีศักยภาพมากกว่า ส่วนจางไห่หัวหน้าในกลุ่มและแข็งแกร่งที่สุดรู้ตัวดีว่าศักยภาพในอนาคตคงไม่เพิ่มไปอีกแล้ว!

“อย่างนั้นเราจะดูเทพอื่นๆกัน!  เงาร่างเขียวฟ้าจางไห่ตัดสินใจสุดท้าย

ขณะนั้นเงากลุ่มสำนึกเทพของเงาร่างสำรวจประกายดาวทองที่สง่างามสองดวง

พลังแสงเจิดจ้าพิเศษกำลังจะมาถึง

กวาดฉายไปทั่วพื้นที่บริเวณ

จางไห่และพวกตกตะลึงกับภาพข้างหน้า

นี่คือคัมภีร์อัญเชิญระดับเทพสองเล่ม

พูดให้ถูกมันคือคัมภีร์เทพของเงาปีศาจ นอกจากนี้ยังมีวิธีเอาตัวรอดได้

เป็นไปได้ยังไงที่ปรากฏภาพนักสู้ระดับเทพมีคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพสองเล่ม? ใครเป็นเจ้าของคัมภีร์ชั้นเทพสองเล่ม? และเขามีเงาปีศาจได้อย่างไร? ควรจะมีนักสู้ระดับเทพสองคนอยู่ตรงนี้ไม่ใช่หรือ?

คิดแล้วหาคำอธิบายไม่ได้และงงงวยมากขึ้นเป็นร้อยเท่า... หอทงเทียนมีเรื่องแปลกประหลาดขนาดนี้เชียวหรือ?

ตั้งแต่มาถึงที่นี่ก็เห็นแต่เรื่องไม่ปกติอยู่แล้ว เย่ว์ไตตันไม่ใช่อัจฉริยะธรรมดาเหลือเชื่อมาก แม้แต่ภรรยาและน้องสาวของเขาก็เป็นอัจฉริยะเช่นกัน ทำให้เห็นอิจฉาแทบบ้า  ดูเหมือนว่าที่นี่มีแต่คนไม่ธรรมดา เจ้ายิ่งมองมากเท่าใดก็ยิ่งค้นพบว่าผู้คนในหอทงเทียนแห่งนี้แปลกและลึกลับไปหมด

ภาพคัมภีร์เทพสองเล่มที่นี่เป็นตัวแทนของนักสู้ระดับเทพผู้แข็งแกร่ง

พวกเขาไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน

อย่างน้อย

ก็ไม่มีในแดนสวรรค์บน

“นักสู้ระดับเทพทั้งสองคนนี้ต้องมีอยู่จริง แต่เพราะเหตุผลบางอย่างกลับเลือกที่จะแสดงออกแต่เงาปีศาจเท่านั้น” ร่างเงาสีม่วงเหลยหมิงพยายามวิเคราะห์

“เทพทั้งสองนี้สามารถเปลี่ยนกฎในระเบียงเวลานี้ได้หรือไม่? มิฉะนั้นทำไมถึงแสดงภาพออกมาเป็นเช่นนี้? ไม่ยุติธรรมดเลย” หัวซานปฏิเสธที่จะยอมรับ

“ทำไมจะแสดงภาพอย่างนี้ไม่ได้เล่า? นั่นคือความจริง!  เหลยหมิงแค่นเสียง

“อาจเป็นพลังของนักสู้ระดับเทพทั้งสองเกินกว่าที่เราจะสำรวจตรวจตราได้ เราจึงมองไม่เห็นภาพที่แท้จริง  นี่ยังเป็นไปได้มากกว่า!  เงาสีฟ้าเขียวจากไห่พูดอย่างนี้ทำให้คนอื่นพูดไม่ออก หัวหน้ากลุ่มระดับเทพอย่างจางไห่ยังไม่เห็น ใครอื่นจะเห็นได้?

สุดท้ายต้องแข็งแกร่งระดับใดจึงจะตบตาเทพเจ้าได้?

พอคิดดูแล้วทุกคนอดหนาวสะท้านไม่ได้

ยอดเยี่ยม!

มีหลายอย่างมากเกินไปเป็นเรื่องเกินภูมิปัญญา  พวกเขามิอาจคิดมากไป มิฉะนั้นพวกเขาคงจะกลัวเป็นแน่!

พวกเขาละสายตาจากนักสู้ระดับเทพทั้งสองซึ่งแสดงภาพเป็นกฎสวรรค์สองเครื่องหมาย กลุ่มเงาร่างเลือกเป้าหมายใหม่

ดาวทองนี้แปลกประหลาดมากราวกับว่าไม่ใช่เป็นการดำรงอยู่ของเทพ แต่ถ้าไม่ใช่ก็ไม่มีเหตุผลใดกับการปรากฏที่นี่ กลุ่มเงาร่างเทพนั้นสงสัยมีความเห็นพ้องต้องกันเตรียมจะสำรวจดูเป้าหมายใหม่

เมื่อพวกเขาใช้สำนึกเทพเพ่งดูดาวทองนี้

พลังเทพอย่างเดียวกันมาจากร่างเทพที่ต่างกันจากเทพสัญลักษณ์ดาวทองก่อนหน้านี้  พลังเทพนี้เป็นพลังที่มีศักดิ์ฐานะน่ากลัวมาก แม้ว่าจะเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของสิ่งมีชีวิตไม่ใช่พลังโจมตีที่แท้จริง  แต่กลุ่มเงาร่างเทพนั้นรู้สึกได้ถึงความรู้สึกน่ากลัวในใจได้ ยิ่งกว่านั้นพลังคำสาประดับเทพที่น่ากลัวแผ่ไปตามไขสันหลังยังกระจายอยู่เต็มพื้นที่  ในพื้นที่คำสาปอันศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้ทุกคนต้องปากสั่นกรามค้าง ศีรษะเทพธิดาขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง เฉพาะศีรษะนางไม่มีร่างก็มีความสูงมากกว่าสี่ร้อยเมตร

เมื่อกลุ่มร่างเงาเห็น พวกเขาอดคุกเข่าคำนับเทพธิดาผู้มีพลังคำสาปทำลายโลกและสวรรค์นี้ไม่ได้

เทพผู้ยิ่งใหญ่นี้แม้ว่าร่างกายจะไม่สมบูรณ์แต่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะตอแยพัวพันได้

เพื่อไม่ให้เป็นการก้าวล่วงพลังเทพผู้ยิ่งใหญ่ เงาร่างเหล่านั้นรีบก้มหน้าถอนสำนึกกลับมาในอึดใจเดียว

แค่เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น

กลุ่มเงาร่างนั้นรู้สึกเหมือนกับตายแล้วเกิดใหม่

แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเทพผู้ยิ่งใหญ่นี้เป็นใคร  แต่ทุกคนรู้ว่าอย่างหนึ่งแน่นอนว่านี่คือมหาเทพดึกดำบรรพ์ไม่เหมือนกับเทพในยุคปัจจุบันนี้  พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมมหาเทพโบราณนี้จึงผสานพลังร่วมกับนักรบหอทงเทียนสร้างนักรบระดับเทพในหอทงเทียนในรอบศตวรรษนี้  แต่เรื่องเหล่านี้ไม่สำคัญ นี่คือเทพที่ยิ่งใหญ่จริงๆ!

“มิน่าเล่าเราเทพรุ่นหลัง ถึงไม่รู้จักมหาเทพและล่วงเกิน”  หยวนเหย่ร่างเงาเขียวคารวะดาวทองสัญญลักษณ์นั้นทันทีกลัวว่าพวกเขาจะมีความเคารพไม่เพียงพอ

“ถ้ามหาเทพยังคงช่วยเย่ว์ไตตัน  อย่างนั้นตงฟางคงได้แต่ร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา!” ร่างเงาดำอูหวินได้แต่รำพึง

“ถ้าเป็นอย่างนี้ ตงฟางก็ไม่ใช่ตัวดีอยู่แล้ว  นั่นเป็นเรื่องถูกต้องแล้วไม่ใช่หรือ” หัวซานรู้สึกดี

“พวกเจ้าต้องการดูอีกหรือไม่?”  ร่างเงาทองรู้สึกอยากดูอีกครั้ง เผื่อจะมีเทพผู้แข็งแกร่งยิ่งกว่าอยู่เบื้องหลังอีก เพื่อเป็นการป้องกันตนเอง เขาเลือกดูอย่างระมัดระวัง “หรือเราจะรอให้อู๋เสียกลับมาและดูตามคำเชิญของนาง เพื่อเป็นการแสดงความเคารพเทพแห่งหอทงเทียน”

“เห็นว่าเด็กสาวอู๋เสียนั้นได้เชิญเราเข้าระเบียงเวลาอย่างเป็นทางการไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นถือว่านางยอมรับเราตามธรรมเนียมแล้ว อ่า..เพียงแต่เรารักษามารยาทและมีความเคารพ ข้าหมายถึงในกรณีที่พบเห็นมหาเทพ เราควรจะนอบน้อม ไม่ควรทำตัวหยิ่งยโส”  เงาร่างม่วงเหลยหมิงมองหัวหน้าจางไห่

“อย่างนั้นก็ดูต่อไป!  ผู้เฒ่าจางไห่มองดูสหายและรู้จักสัจธรรมที่ว่าความสงสัยฆ่าแมวได้  เขาตัดสินใจติดตามความจริงต่อไป

ดาวทองดวงที่หกเป็นนักรบระดับเทพที่ซ่อนใบหน้าอยู่ในดวงดาว

ดูเหมือนว่าจะเป็นเทพสตรี

ลักษณะรูปร่างที่นางแสดงออกมาเป็นส่วนใหญ่จะเป็นรูปดาราจักรเนบิวลา  แม้จะมีอาการอื่นๆ อยู่ด้วยแต่แอบซ่อนอยู่ในดาราจักรที่นางควบคุมดูแล แม้ว่านางจะลึกลับมาจนไม่สามารถเห็นลำแสงแสดงระดับพลังเทพที่ชัดเจนได้  แต่เงาร่างของนางนับว่าน่าเคารพเลื่อมใส เพราะลำแสงศักยภาพของนาง เงาร่างทองมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด เข้าใจว่ายังเหนือกว่าเด็กสาวที่ชื่ออี้หนานและเย่ว์ปิง ทำให้เงาร่างเหล่านั้นรู้สึกงงงวย!

หัวซานและอูหวินพูดไม่ออก

หอทงเทียนมีพลังสร้างที่พิเศษหรือ?

ถึงได้มีอัจฉริยะผิดธรรมดาออกมาเรื่อย

ตัดสินใจถูกแล้วที่มาที่นี่

ต่อมาเป็นดาวทองดวงที่เจ็ด กลุ่มเงาร่างที่ชมดูต่อพบว่านี่คือสาวน้อย อู๋เสีย นางอยู่ที่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก สิ่งที่แปลกก็คือลำแสงแสดงรัศมีเทพของนางสูงถึง 390 เมตรอย่างไม่คาดคิด แต่ศักยภาพยังเหนือได้กว่านี้ ลำแสงรัศมีทั้งหมดรวมทั้งเงาปีศาจคาดว่าจะเพิ่มถึงระดับเก้าร้อยเมตรไม่ต้องพูดถึงคนที่มีรัศมีน้อยที่สุด  หัวซานผู้กล้าบ้าบิ่นที่สุด อูหวินและเหลยหมิงรู้สึกกลัวแทบปัสสาวะราด แม่นางอู๋เสียผู้นี้ซ่อนพลังที่แท้จริงไว้ถึงสิบเท่า  ถ้าทุกคนผนึกพลังสู้กับนางป่านนี้คงถูกทำลายไม่เหลืออะไรแล้ว!

เมื่อทุกคนออกมาข้างนอก พวกเขานวดหัวใจอยู่ครึ่งนาทีก่อนจะเรียกความรู้สึกกลับมาเป็นปกติ

ความรู้สึกอัดอั้นหายใจไม่ออกถูกกำจัดออกไปบ้าง

นักสู้ระดับเทพที่ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งมากกว่า และไม่ได้ใช้พลังกดดัน ตอนนี้สาวน้อยอู๋เสียกลับคุยกับทุกคนอย่างสุภาพเหมือนกับผู้เยาว์คุยกับผู้ใหญ่ ใครจะรู้กันว่านางมีพลังระดับเดียวกับมหาเทพในตำนาน

ยังดีที่รู้แต่เนิ่นๆ

ทุกคนที่ไม่แสดงความเคารพ ต้องแสดงความเคารพซ้ำอีก

เมื่อกลุ่มร่างเงามองดูดาวทองดวงที่แปด พวกเขาพบว่า หัวใจพวกเขาเกือบหยุดเต้น เพราะพวกเขารู้สึกกลัวเกินไป...  หอทงเทียนดูเหมือนจะมีประโยคที่ว่า มิใช่มีพรสวรรค์มากที่สุด แค่มีพรสวรรค์มากกว่า!’

ตอนนี้พวกเขาเริ่มเข้าใจภาษิตนี้ชัดเจนมากขึ้น

เพราะที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา คือทะเลแสง ทะเลแสงจันทร์ในอากาศสว่างไสว

โดดเด่น

นักสู้ระดับเทพสองตนกำลังยืนอยู่

เทพตนหนึ่งเป็นอสูรพิทักษ์มีลำแสงเทพสูง 300 เมตร และอีกตนหนึ่งเป็นดาวทองที่มีประกายเทพ

ไม่มีใครในกลุ่มเงาสามารถมองเห็นลำแสงเทพธิดา ไม่มีใครมองเห็นภาพนางได้ชัดเจน ในเวลาไม่ถึงวินาที ทุกคนถูกเจตจำนงราชันย์ที่ไม่มีใดเทียบของนางขับออกมาจากทะเลแสง เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะมองหน้านาง และเป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจร่างกายสง่างามของนางอย่างระมัดระวัง และพวกเขารู้สึกได้ว่าเทพธิดานี้เป็นเทพที่ทรงพลังที่สุดและฉลาดที่สุด นางมองเห็นทุกอย่างได้ในทันทีและมองเห็นสิ่งมีชีวิตได้ทั้งหมด

กลุ่มเงาร่างที่มองดูถูกพลังระเบิดออกมาทันทีที่มองดู

ทั้งหมดถูกขับออกมาจากทะเลแสง

อสูรพิทักษ์ที่เป็นเทพไปแล้ว และลำแสงรัศมีเทพของอสูรศึกนั้นสูงถึง 300 เมตร  นี่คือสิ่งมีชีวิตที่กลุ่มร่างเงามิอาจจินตนาการได้... รวมทั้งหัวหน้ากลุ่มอย่างจางไห่ ทุกคนคำนับและกล่าวขออภัยกับเทพผู้นั้น

“เทพผู้ยิ่งใหญ่ที่นี่ แต่ละคนล้วนแข็งแกร่งกว่าใครทั้งนั้น เราจะดูต่อไปหรือเปล่า?”  เงาร่างเทพสีทองที่รัศมีอ่อนที่สุดเกือบร้องไห้

“ดูเถอะ  กลัวจนหัวใจวายตาย ดีกว่าตายอย่างงมงาย!  หัวซานชอบเสี่ยงทุกอย่างอยู่แล้ว

“ข้าก็จะดูด้วย!  อูหวินตัวสั่นแต่ก็สนับสนุนให้ดูต่อ

“หอทงเทียนมีเทพเจ้าลับซ่อนตัวอยู่มากมาย เราจำเป็นต้องเปลี่ยนสถานะของเราหรือไม่?”  เงาเขียวหยวนเหย่เสนอหัวข้อนี้ให้ไตร่ตรอง ก่อนนั้นพวกเขาคงความเป็นกลางไว้ เนื่องจากหอทงเทียนไม่สามารถต่อต้านตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้  แต่เมื่อมองย้อนกลับไปตอนนี้ปัญหาไม่ได้เป็นเช่นนั้น ดังนั้นเรื่องความเป็นกลางต้องเอามาไตร่ตรองกันใหม่

“อย่างนั้นถ้านักรบระดับเทพตนที่เก้าเป็นมหาเทพที่ทรงพลังอีก อย่างนั้น เราจะรับพิจารณาเรื่องนี้”  เงาเขียวฟ้าจางไห่คิดจะทำบางอย่างเช่นกัน  แม้ว่าแดนสวรรค์บนจะปลอดภัย ลงมือทำการใหญ่บางอย่างก็ยากจะประสบผลสำเร็จ  แต่ถ้าไม่ทำอาจต้องเสียใจไปทั้งชีวิต

ด้วยความอยากรู้อยากเห็นอยากลองสำรวจและความรู้สึกในจิตใจที่ซับซ้อน พวกเขาค่อนข้างกระตือรือร้นเล็กน้อย และกลัวกับความไม่แน่นอนในอนาคตอยู่บ้าง กลุ่มร่างเงาใช้สำนึกเทพตรวจดูดาวทองดวงที่เก้า

เพียงแค่เหลือบมอง

ทุกคนตะลึงงัน ตัดสินใจได้ทันที....

15 ความคิดเห็น:

SatunG_NonG กล่าวว่า...

อย่าบอกนะว่าเจอเงาเฮียสาม

Sairys กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Pcha กล่าวว่า...

สุดยอดคับ

BJ กล่าวว่า...

เจอมหาเทพ​ หมื่นเมตร

Emptiest กล่าวว่า...

รีบเลือก​ อย่าให้เฮียมีน้ำโห

Unknown กล่าวว่า...

เจอเงาหุ่ยไท่หลางข่มขวัญรึปล่าว

Popcorn กล่าวว่า...

😁😁😁😁

Popcorn กล่าวว่า...

เมียหลวงสิครับ เฟ่ยเหลินหลี

oBABYVOXo กล่าวว่า...

พี่เย่เราอยู่ดวงต่อไปหรอ

Failz กล่าวว่า...

ขอบคุณ​คับ

Badly กล่าวว่า...

เย่หยาง ไม่ใช่ออไม่ใช่ออกมาละหรอครับ ที่มีคำภีร์อัญเชิญเทพสองเล่มกับเงาปีศาจอะ อันนี้ที่ดวงที่เก้าน่าจะเป็นนางพญาเฟยเหวินหลี หรือเปล่าครับ

CHANTANA กล่าวว่า...

ใครเอ่ย

Anunaki กล่าวว่า...

น่าจะเมียหลวงใหญ่นะเนี้ย

Unknown กล่าวว่า...

แต่ละดวงเปนใครมั่ง ผู้รู้ช่วยชี้แนะหน่อยคับ

ïиƒïиï†ч гє†гч กล่าวว่า...

เฟ่ยทำไม่ไมชูสามนิ้ว เอ้นชูมือ 🤣🤣🤣🤣

แสดงความคิดเห็น