วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1298 ภาวนา

 

ตอนที่  1298  ภาวนา

“เจ้าอ้วน!” เย่คงและพวกเสวี่ยทันหลางตกใจ

 

พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าเจ้าอ้วนไห่จะเลือกวิถีวีรบุรุษยุติการเดินทางในโลกอย่างไม่คาดฝัน

ตายจริงหรือ? บัดซบคนอย่างนี้ควรอยู่สร้างเรื่องปวดหัวเป็นพันปี จะมาตายต่อหน้าทุกคนจริงหรือ?  เจ้าไม่รู้หรือว่าทุกคนยังทุบเจ้าไม่หนำใจ! จอมปีศาจอ้วนอมตะ เจ้าอ้วนผู้เรียกตัวเองเป็นพี่ใหญ่ของทุกคน คุณชายไห่อย่างเจ้าจะตายอย่างนี้หรือ? 

คนหน้าด้านที่ชอบยั่วโมโหคนอื่นจะชิงตายก่อนได้อย่างไร?

และยิ่งกว่านั้นยังยืนตายอีกด้วย!

สร้างผลงานแบบนี้ นี่ใช่สิ่งที่เจ้าอ้วนไห่ทำหรือ? อย่าเพิ่งรีบตาย ผู้เสียสละทุกอย่างเพื่อสหายที่แท้จริงคือเย่คง ทำไมถึงกลายเป็นเจ้าอ้วนงี่เง่าได้!

มีแต่ข้า ข้าเท่านั้นที่สมควรตาย!

เย่คงต้องการตะโกนใส่เขา  เขาต้องการแผดเสียงด่า แต่เขาไม่สามารถเปล่งเสียงออกจากลำคอได้ ไม่รู้ว่าน้ำตาทะลักออกมาตั้งแต่เมื่อใด

เสวี่ยทันหลางไม่ได้หลั่งน้ำตา แต่มีเลือดซึมออกจากมุมปาก ดวงตาของเขามีเส้นเลือดแดงขึ้นทั้งที่ใบหน้าเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็ง  องค์ชายเทียนหลัวน้ำตาไหลพรากนองหน้าและหยดลงพื้น

พี่น้องตระกูลหลี่คุกเข่าก้มหน้าและหันไปมองอสูรอัปลักษณ์ที่สูงร้อยเมตร แม้ว่าวิญญาณจะหลุดลอยไปแล้วแต่สองมือก็ยังยืนค้ำพลังชะตา พวกเขามองสัตว์ประหลาดอัปลักษณ์ด้วยความเคารพเลื่อมใส  “เจ้าอ้วน?”  เย่ว์หยางผู้อยู่ที่จุดเริ่มต้นของโลกพฤกษารู้สึกแปลกๆ เขาพยายามเชื่อมต่อจิตวิญญาณที่กำลังจะถูกทำลาย

“ข้าบอกแล้ว ข้าคือพี่ใหญ่  ข้าจะปกป้องพวกเจ้า!

ในความมืด

ดูเหมือนจะมีกระแสความคิดเล็กน้อย

ลอยมาจากโลกที่ไกลแสนไกล

เจ้าที่ชอบพูดโม้โอ้อวดเกินจริงจนเป็นเรื่องปกติ เย่ว์หยางเห็นเจ้าอ้วนที่น่าสงสารเต้นแร้งเต้นกาอยู่ข้างหน้าเขา

ไม่เพียงแต่เย่ว์หยางเท่านั้น แต่ยังคงรวมถึงเสวี่ยอู๋เสีย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและโล่วฮัวผู้เชื่อมโยงจิตกับเขา   พวกนางรู้สึกรางๆ ว่าเจ้าอ้วนนิสัยตลกยามมีชีวิตเหมือนเดินผ่านไปมาเพื่ออำลา...  ทุกคนมีมากมายตราบใดที่เป็นญาติพี่น้องและผองเพื่อนที่มีส่วนร่วมในการแบกรับพลังชะตาในเวลานี้ล้วนเห็นเขาสะท้อนอยู่ในหัวใจ!

อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าผู้ปลูกฝังพื้นฐานให้เขาทุกวันอย่างมีความสุข

ผู้เฒ่าหลั่งน้ำตา

ปกติโดยทั่วไปเจ้าอ้วนไห่มักจะไม่ได้รับความสนใจจากฮุยไท่หลาง แต่เวลานี้พอว่างจากการต่อสู้มันแหงนหน้าส่งเสียงหอนยาวนาน

ขณะนั้นเองคัมภีร์เทพลอยอยู่เหนือศีรษะเย่ว์หยางฉายรัศมีเป็นหมื่นๆ เมตรทันที

และหลอมรวมกับยักษ์ชะตาได้อย่างสมบูรณ์

จากนั้นไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปเท่าใดในท่ามกลางเมฆมืดครึ้ม มองเห็นท้องฟ้าฉายรัศมีลงบนร่างสัตว์ประหลาดอัปลักษณ์ที่ยืนแบกลำแสงชะตา ลำแสงศักดิ์สิทธิ์ฉายส่องลงบนคัมภีร์อัญเชิญซึ่งกำลังจางลงและรูปบิดเบี้ยวอยู่ตลอดเวลา  ในทันใดนั้นแสงรังสีเป็นพันล้านสายพุ่งออกมาจากคลุมกลืนร่างสัตว์ประหลาดอัปลักษณ์รวมทั้งคัมภีร์อัญเชิญคลุมเป็นรูปบอลแสงทันทีและดึงดูดขึ้นท้องฟ้าลอยผ่านพื้นที่นับไม่ถ้วนกลับไปยังโลกบันไดสวรรค์

บอลแสงถูกกลืนโดยพันธสัญญาฝึกฝนคัมภีร์เทพ

ในนามของผนึก เจ้าอ้วนไห่จะถูกผนึกอยู่ที่ขาและเขาเป็นส่วนหนึ่งของยักษ์ชะตาตลอดไป

เขาผู้มีใบหน้ายิ้มอย่างโง่เขลาขี่แรดเพชรพาฮิปโปน้อยและอสูรอีกหลายตัวโบกมือให้ทุกคนอย่างภูมิใจ ราวกับตะโกนบอกในใจ ข้าคุณชายผู้นี้มีอสูรบรอนซ์ระดับสองไม่ใช่หรือ? ข้าเป็นคนที่ไม่สำคัญ จากนั้นภาพชัยชนะนี้จะได้รับการจดจำชั่วนิรันดร์อยู่ในร่างของยักษ์ชะตา เป็นสมาชิกของโชคชะตาด้วยภาพลักษณ์และวิธีการที่ไม่เหมือนใคร เขามีความพอใจ มีความทะเยอทะยานไม่เหมือนใคร

“มีแต่ด้วยวิธีนี้ ขอเพียงทำลายความคิดจิตสำนึกของความตายก็จะกำจัดบ่วงชะตาได้อย่างแท้จริง!  สำนึกของจักรพรรดิหัวซิ่วรี่ปรากฏในหัวใจของผู้เข้าร่วมทุกคน

“อะไรนะ?” เย่คงและพวกพ้องตกใจเมื่อได้ยิน

เป็นไปได้หรือว่าการรับภาระของพลังชะตาก่อนนี้จะไม่ถูกนับ?

ขอเพียงทำลายบ่วงมรณะ ยอมเสียสละไม่หวังผลทิ้งทุกอย่างโดยไม่สนใจอุปสรรค จึงจะถือว่ามีส่วนร่วมอย่างแท้จริงหรือ?

ถ้าเป็นเช่นนั้น

งั้นข้าเข้าใจแล้ว

ใบหน้าของเย่คงผ่อนคลาย  เขายิ้มผ่อนคลายเป็นพิเศษและพึมพำกับตนเอง “เจ้าอ้วน!  ข้าจะมาแล้ว เจ้าจะได้ไม่เหงา ต่อให้เจ้าเป็นหนี้และงี่เง่า แต่เราก็อยู่กลุ่มเดียวกัน...  ความตาย ยังจะใช้ขู่ข้าเย่คงได้หรือ? ข้าเคยนอนรอความตายที่ชั้นหนึ่งหอทงเทียนหน้าประตูเทเลพอร์ต และตอนนั้นข้าก็ตระหนักถึงความตายแล้ว แม้แต่ขนมชิ้นเล็กๆ ก็ยังดับความหิวข้าไม่ได้!

คิงคองเพชรและมังกรแผ่นดินไหวรวมทั้งอสูรศึกอื่นทะยอยมาสนับสนุนเขาทีละตัว

ร่างกายที่เสริมพลังจนใหญ่โตถือเสาเจ็ดดาวของจักรพรรดิอวี้และคำรามอย่างบ้าคลั่ง

ร่างของเขาปริแตก เลือดทะลักราวกับสายฝน ดวงตาของเย่คงราวกับมีกองไฟลุกโชนมองดูเหมือนสัตว์ประหลาดอัปลักษณ์ ตอนนี้หัวใจของเขาเริ่มเต้นอ่อนลงพร้อมกับเสียงคำรามจากใจที่อ่อนล้าลง มือข้างหนึ่งถือคัมภีร์อัญเชิญ หน้าของเขามีรอยยิ้มเล็กน้อย ภูมิใจและมีความสุขราวกับได้ปลดเปลื้องและราวกับได้รับความสำเร็จเป็นพิเศษ  ท้องฟ้าปรากฏลำแสงอย่างเดียวก่อนนั้นฉายลงมา

แสงศักดิ์สิทธิ์ของคัมภีร์เทพฉายคลุมร่างกายและวิญญาณของเย่คงไว้ในบอลแสงพร้อมกับคัมภีร์อัญเชิญและดึงเขาออกมาจากหอทงเทียนชั้นเจ็ด

ในพริบตาก็มาประทับอยู่ที่ขาของยักษ์ชะตา  นอกจากรูปเจ้าอ้วนที่กำลังยิ้มแล้ว ก็เป็นรูปเย่คงที่กำลังถลึงตามองเหมือนกับเห็นสิ่งอยุติธรรมในโลกและเขาต้องการกำจัดสิ่งชั่วร้ายเพื่อประชาชน

“เข้าใจแล้ว”  เสวี่ยทันหลางหลับตา  ในไม่ช้าก็มีแสงเทพฉายลงมาจากท้องฟ้าคลุมเขาทั้งร่าง

ไม่เพียงแค่ศีรษะเขาเท่านั้น

คลุมทั้งองค์ชายเทียนหลัวและพี่น้องตระกูลหลี่ไว้ในภายใน  แม้กระทั่งสถานที่ต่างๆ ในหอทงเทียนมีลำแสงเทพฉายลงมายังภาคพื้น ถ้าเป็นตามจำนวนที่เย่ว์หยางรับรู้และตรวจอย่างรอบคอบจะพบว่าประกอบไปด้วยอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า แม่เฒ่าอู่เถิง ผู้เฒ่าหนานกง ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และจักรพรรดิจุนอู๋โหย่วและครูบาอาจารย์ บางพวกที่ไม่ใช่ญาติพี่น้อง ไม่ใช่ครูบาอาจารย์ แต่เป็นคนสำคัญในชีวิตเช่น ฟงขวง เสวี่ยเวิ่นเต้า ฟงเสี่ยวหวิน อาจารย์ตาเหยี่ยว ฯลฯ ล้วนเงยหน้ารับแสงเทพ

เด็กหัวกะทิห้องมรณะ เด็กนักเรียนที่ครั้งหนึ่งเย่ว์หยางเคยชี้แนะต่างพากันหลับตาชูมือน้อยๆ และอธิษฐานอย่างตั้งใจ

ในทางตรงกันข้ามมีญาติและสหายมากมาย

ไม่ว่าจะพยายามอย่างหนักเพียงไหนก็ไม่สามารถทุ่มเทชีวิต ไม่สามารถบรรลุการเสียสละอย่างสมบูรณ์ พวกเขารู้สึกละอายใจและเสียใจที่รับภาระพลังชะตาได้เพียงครึ่งหนึ่ง

พวกเขาเพียงแต่พลาดในก้าวสุดท้าย

แต่พวกเขายังเข้าใจว่าพวกเขาไม่มีทางผ่านอุปสรรคนี้บรรลุขั้นตอนสุดท้ายที่ดีที่สุด ในแง่การใช้วิทยายุทธ์ พวกเขาอาจเป็นผู้มีพรสวรรค์ พวกเขาฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งและรับรู้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สามารถเข้าใจถึงความเป็นและความตาย ไม่สามารถหลีกหนีเอาชนะชะตาของเขาเองได้...  หากมองด้วยตาวิเศษก็จะพบว่าบุคคลที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสามดาวรุ่งมือสังหารที่ยิ่งใหญ่อย่างเหยียนพั่วจวิน และฟงชิซาก็รวมอยู่ในกลุ่มนี้ นอกจากนี้ยังมีเย่ว์เทียน เย่ว์เยี่ยน เย่ว์ฟง ฯลฯ จากในตระกูลเย่ว์  เว้นแต่คุณชายห้าเย่ว์ถิงที่มีความมั่นคงมากที่สุดเป็นเพียงสองคนที่ได้รับแสงศักดิ์สิทธิ์ฉายใส่จากทั่วทั้งตระกูลเย่ว์

อีกคนหนึ่งก็คือปู่ห้าที่มีใบหน้าเหมือนทารก

“ข้าไม่มีความรู้อะไร แต่ถ้าสามารถตายได้เพื่อช่วยให้เจ้าสำเร็จ อย่างนั้นข้าฟ่านหลุนเถี่ยไม่มีอะไรต้องเสียใจ”  ฟ่านหลุนเถี่ยสาวเผ่าหัววัวมีแสงเทพฉายอยู่เหนือศีรษะของนาง

“.....”  แอนนาและลีนสองสามีภรรยาชูมืออาบแสงเทพศักดิ์สิทธิ์พร้อมกัน

ในทำนองเดียวกัน แสงเทพฉายลงมาที่ทอเรนเลโอและสี่สาวเผ่าคิวบัวร์ (มนุษย์หมูป่า)

พวกเขาเป็นสหายร่วมกลุ่มเดียวกัน

พ่อค้าเผ่ากบจั๊ดด์ พ่อบ้านเหยียนเจิ้ง และพี่น้องตระกูลเซี่ย เปากู่และหัวหน้าจินฟันทองผู้เป็นบริวารที่ดีที่สุด พวกเขายินดีจะทิ้งชีวิต ทิ้งสมบัติของตน ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขามีเพื่อติดตามเจ้านายของพวกเขา

ยังคงมีคนอีกมากมาย

ซึ่งเป็นคนที่เย่ว์หยางไม่เคยพบหรือรู้จักมาก่อน อย่างเช่นเอลฟ์ทองและเผ่าซัคคิวบัสแห่งหอทงเทียน ลูกหลานมนุษย์มัจฉาต้องสาบที่ยังติดอยู่ในแดนสวรรค์ทุกคนไม่มีเงื่อนไขและยอมรับพลังชะตาของเย่ว์หยางไว้  แม้พวกเขาจะช่วยได้ไม่มากและพวกเขาไม่ใช่คนสำคัญ แต่ก็มิได้ขัดขวางพวกเขาจากการร่วมแรงร่วมใจเช่นนั้น

ภาพของพวกเขาถูกจดจำโดยยักษ์ชะตาไว้ทั้งหมด  ในส่วนต่างๆ จากตำแหน่งด้านหลังและข้อเท้าซึ่งเสมอภาพลักษณ์เฉพาะที่สุดในชีวิตพวกเขา

และเบื้องล่างนั้น

เป็นอสูรของพวกเขา

ราวกับว่าไม่เคยเสียสละ และราวกับว่ามันไม่เคยตาย

ด้วยวิธีนี้ พวกเขาจะถูกตรึงอยู่กับชะตา  และด้วยวิธีนี้ภาพพวกเขาจะคงอยู่นิรันดร์

วิญญาณของเย่ว์ชิวผู้คอยปกปักรักษาทางเข้าบันไดสวรรค์ เกาเผิงราชันย์คุกฟ้า หมิงลี่ฮ่าว คุณชายฉางฟงผมงู ฯลฯ ก็เข้าร่วมเช่นกัน ภาพของเขาปรากฏอยู่รอบๆ เจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นๆ เหมือนกับดวงดาวนับไม่ถ้วนในท้องฟ้ายามราตรี ส่องแสงระยิบระยับอยู่ที่ขาของยักษ์ชะตา.. ในส่วนบนของร่างที่สูงกว่านั้น ยังไม่มีภาพอะไร

เพราะ

พื้นที่ตรงนั้นจำเป็นสำหรับผู้ที่มีชะตาเกี่ยวข้องกับเย่ว์หยาง อย่างเช่นอสูรที่ทำสัญญากับเย่ว์หยาง อสูรพิทักษ์ที่ผูกพันวิญญาณ คนรักหรือภรรยาที่เกี่ยวข้องในชีวิตถึงจะมีคุณสมบัติอยู่ในพื้นที่สูงขึ้น

ไม่มีใครรู้เหตุผล แม้แต่เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะพยายามอย่างดีที่สุด แต่พวกนางไม่สามารถได้รับแสงศักดิ์สิทธิ์อย่างเจ้าอ้วนไห่และเย่คงและคนอื่นๆ ได้เลย

หากไม่มีความช่วยเหลือจากพวกนาง มีแต่เพียงญาติและสหาย ความสูงของชะตาจะไม่มากเกินหนึ่งกิโลเมตร

เจ้าอ้วนไห่สูงร้อยเมตร แต่เมื่อมาปรากฏในร่างยักษ์ชะตา

มีความสูงแค่ยี่สิบเมตร

แม้ว่าการเชื่อมชะตากับเย่ว์หยางจะได้รับความช่วยเหลือจากญาติและสหายอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด แต่เขาสามารถรับได้เพียง 20% เท่านั้น  อสูรสติปัญญาไม่สูงจึงอยู่ต่ำกว่า... ยกเว้นแต่นางนวลสายลมที่ลอยออกมาจากตำแหน่งเท้าของยักษ์ชะตาเข้าไปหาเจ้าอ้วนไห่

นางเป็นเพียงหนึ่งในอสูรอิสระมากมาย

ที่ติดตามการช่วยเหลือเช่นนี้

แม้ว่าจำนวนคนจะเพิ่มมากขึ้นกว่านี้อีกสิบเท่า แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเพียงพอกับความสูงของยักษ์ชะตาซึ่งรับได้ถึง 18,000 เมตร

สิ่งที่ทำให้สิ้นหวังมากขึ้นในตอนนี้ก็คือคนที่เข้าร่วมและคนที่ยอมเสียสละทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้มีคนเข้าร่วมเพิ่มอีก ขอบเขตระหว่างความเป็นกับความตายได้แบ่งพลังชะตาออกเป็นภายนอกและภายในอย่างสมบูรณ์

ญาติสนิทมิตรสหายเหล่านั้นไม่สามารถก้าวข้ามความเป็นและความตายได้จึงถูกแยกด้วยช่องว่าง

เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ

ไม่มีทางจะอุทิศตนเป็นครั้งที่สอง!

“บรรพบุรุษแห่งหอทงเทียน บรรพบุรุษของผู้ครองดินแดนทุกราชวงศ์ ทุกชีวิตที่ไม่ต้องการให้หอทงเทียนล่มสลายและพินาศไป ไม่ว่าพวกท่านจะหลับอยู่ในสายธารประวัติศาสตร์ตรงไหนก็ตาม หรือมหาเทพผู้อยู่ห่างจากโลกหยาบมองลงมาจากฟากฟ้าดูแลโลกด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ โปรดให้การสนับสนุนเราด้วยเถิด  ยามนี้เราเข้าใจแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะสนับสนุนพลังเทพราชันย์ด้วยพลังของเราล้วนๆ!  อย่างไรก็ตามเราจะไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา โปรดประทานกำลังใจให้เราบ้าง ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด เราจะซาบซึ้งขอบคุณท่านไปอีกนานนับล้านปี!  เสวี่ยอู๋เสียคุกเข่ามือของนางแตะหน้าผากพลางสวดอธิษฐานด้วยหัวใจมุ่งมั่น

นางเป็นนักสู้ระดับเทพคนหนึ่งแล้ว

อย่างไรก็ตามนางทอดทิ้งประกายเทพและศักดิ์ศรีความเป็นเทพชั้นสูงของนางใช้บุคลิกและมารยาทของภรรยาสวดภาวนาขอพรเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลก เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังชะตาให้เย่ว์หยาง ทำให้คนรักของนางเป็นเทพราชันย์และพลิกสถานการณ์ให้หอทงเทียนได้ทันที

แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ แต่นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่นางสามารถทำได้ในตอนนี้

ข้างๆ เสวี่ยอู๋เสีย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็คุกเข่าลงเช่นกัน

จากนั้นเป็นโล่วฮัวและเย่ว์หวี่

ทุกคนคุกเข่าและร่วมกันอธิษฐานภาวนา.... ในที่สุดพวกนางก็เข้าใจแล้วว่า จะต้องทุ่มเทเสียสละมากมายเท่าไหนกับการสร้างเทพจอมราชันย์  แต่พวกนางไม่ยอมแพ้ ต่อให้ไม่มีทางอื่น พวกนางจะสวดภาวนาให้กับคนรักของพวกนาง

ชะตาของพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวไม่มีการกลัวล้มเหลว และไม่มีการตื่นเต้นกลัวตาย

พวกนางแค่รายล้อมเขา

อย่างสงบ

ด้วยภูมิปัญญาและความเข้าใจที่เหนือกว่าทุกอย่างพวกเขาตั้งใจใช้ชีวิตที่จะถูกทำลายสร้างช่องว่างเปล่าของโลกและสวรรค์สร้างปาฏิหาริย์ และจากนั้นเปลี่ยนเป็นความอมตะนิรันดร์

ไม่มีใครบอกพวกเขาถึงวิธีการทำ และไม่มีใครบอกพวกเขาในสิ่งที่ถูกต้องและวิธีประสบความสำเร็จ  ตอนนี้พวกเขาใช้วิธีการของตนเองและภูมิปัญญาของตัวพวกเขาเองในความพยายามครั้งสุดท้าย

ที่หอทงเทียนชั้นสิบ ตงฟางเจ้าตำหนักใหญ่กำลังหัวเราะ

เขา

ราวกับว่ามองการณ์ไกลเห็นการสร้างเทพราชันย์ให้สำเร็จนั้นต้องประสบกับความล้มเหลว  นั่นเป็นเรื่องที่เขาคาดมานานแล้ว

11 ความคิดเห็น:

CHANTANA กล่าวว่า...

สู้ฯไอ้3

Kokuryu กล่าวว่า...

เดี๋ยวก็เงิบ

Sairys กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Pcha กล่าวว่า...

สู้ๆนะ

blakaros กล่าวว่า...

แต่ถ้าพลิกสำเร็จขึ้นมานะเมิง บันเทิงแน่ๆ

oBABYVOXo กล่าวว่า...

พลิกได้อยู่แล้ว พระเอกนี่ แต่ใครจะมาช่วยนี่แหละน่าคิด

oBABYVOXo กล่าวว่า...

หมิงเย่กวงกับนางพญารึป่าว จะพอไหม -.-

Anunaki กล่าวว่า...

ต้องมีเงื่อนไขอะไร เมียๆถึงจะช่วยได้นะ

Failz กล่าวว่า...

ขอบคุณ​คับ

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ïиƒïиï†ч гє†гч กล่าวว่า...

เมียยังมาไม่ครบ มาครบแปลงร่างไปละ

แสดงความคิดเห็น