วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1304 โลกใหม่

 

ตอนที่  1304  โลกใหม่

เมื่อเย่ว์หยางลืมตาตื่นขึ้นจากการหลับใหล

เขาอยู่ในพื้นที่ปั่นป่วนของคัมภีร์เทพฝึกฝน

 

ทันใดนั้นมีการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งไม่อาจใช้คำใดๆ ในโลกมาใช้บรรยายได้  ราวกับว่าโลกมีชีวิตขึ้นมาในทันทีทันใด พร้อมกับที่เจ้าของคัมภีร์ลืมตาตื่นขึ้น  โลกก็เหมือนตื่นขึ้นกัน  แสงรุ้งที่งดงามไม่สิ้นสุดลอยในอยู่ในท้องฟ้าเป็นทางยาวสุดสายตา

ภายใต้รัศมีฉายวัตถุด้านล่างรวมถึงพลังงานทั้งหมดดูมีชีวิตชีวาทันที  แสงเรืองรองลอยเด่นขึ้นกลายเป็นท้องฟ้าที่ผ่องใส แต่ในทางตรงกันข้ามกลับกลายเป็นพื้นโลกที่หนาแข็งขึ้น

วัตถุที่งดงามสีสันหลากหลายกลายเป็นอัญมณีและแร่ธาตุทรงคุณค่าบนพื้นโลก

ทั้งยังมีความสดใสมีชีวิตชีวิตส่องประกายรวมกัน

กองเป็นพะเนินเทินทึก

ในท้องฟ้ามีเมฆลอยเป็นชั้นๆ มากขึ้นทุกขณะ

มีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่รู้จักเกิดขึ้นภายใต้เปลือกโลกช้าๆ มีเสียงสั่นสะเทือนเคลื่อนตัว บางแห่งยุบตัวลง บางแห่งยกตัวสูงขึ้น  ในหลายแห่งเนื่องจากมีแรงบีบอัดจึงขยายตัวสูงขึ้นและกลายเป็นภูเขาในที่สุด  “นี่คือการสร้างโลกตามตำนานกล่าวขานหรือ?  เหลือเชื่อจริงๆ!  เย่คงและพวกเจ้าอ้วนไห่ตะลึงกับปรากฏการณ์ที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขาอย่างสิ้นเชิง

“พระเจ้า!  ถ้าได้เห็นภาพนี้แล้วและตายไป ชีวิตนี้ข้าไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกแล้ว” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าและสหายผู้เฒ่าตื่นเต้นเกินคำบรรยาย  แน่นอนว่าพวกเขาเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับการสร้างโลก แต่ไม่ว่าคำเขียนในบันทึกจะสละสลวยเพียงใดก็ตาม พวกเขามิอาจบรรยายถึงฉากภาพที่งดงามเช่นนี้ได้หลังจากได้เห็นประจักษ์ด้วยตาตนเอง พวกเขาเชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรน่ามหัศจรรย์ยิ่งไปกว่าการเป็นประจักษ์พยานในการสร้างโลก

เดิมทีโลกก็เกิดขึ้นอย่างนี้

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้สร้างด้วยมือตนเอง แต่พวกเขาสามารถยืนเห็นเป็นประจักษ์พยาน นั่นนับว่าน่าพอใจแล้ว

ไม่ต้องพูดถึงว่าคนสร้างปาฏิหาริย์นั้น คือลูกศิษย์ คือคนในครอบครัวของเขาเอง นี่คือเด็ก ผู้เยาว์รุ่นหลังและเป็นลูกหลานของพวกเขาเอง

“น้อมพบมหาเทพ!  บริวารและทาสมากมายนับไม่ถ้วนคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความปลาบปลื้ม พวกเขาคำนับและยกมือโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นส่งเสียงตะโกนให้กำลังใจเขา  การกระทำของพวกเขาทำให้พวกชนชั้นปกครองที่เห็นตกใจกลัว ตระกูลลูกหลานมนุษย์มัจฉาต้องสาปที่ตกค้างในแดนสวรรค์ ผู้แทนของหอการค้าไตตันในแดนสวรรค์นับไม่ถ้วนพากันหมอบกราบกับพื้นร่วมแสดงความเคารพ ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น แต่ยังมีเผ่ามนุษย์มังกรแดนสวรรค์ เผ่าเอลฟ์ทอง เผ่าซัคคิวบัสและชาวทวีปมังกรทะยานต่างพากันหมอบกราบเทิดทูนบุรุษที่ยังไม่ปรากฏตัวอย่างสูงสุด

อสูรนับหมื่นต่างร่าเริงยินดี

ส่งเสียงร้องกัมปนาทโดยมีฮุยไท่หหลางเป็นพี่ใหญ่ที่สุด

แม้แต่อาจารย์ของเย่ว์หยางเช่น อาจารย์จิ้งจอกเฒ่า จุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ก็รวมกลุ่มอยู่ด้วย

แสดงความยินดี

แสดงการยกย่องเย่ว์หยางที่ยังไม่ปรากฏในท้องฟ้า

พวกเขาไม่ยึดถืออัตลักษณ์ของเย่ว์หยางว่าเป็นผู้เยาว์รุ่นลูกรุ่นหลาน ตรงกันข้ามพวกเขาปล่อยวางความสัมพันธ์ส่วนตัวและเคารพให้เกียรติต่อผู้มีพลังสามารถสร้างโลกได้ด้วยความจริงใจ

พลังเช่นนี้พวกเขาไม่อาจมีได้แม้แต่ในความฝัน

ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกยำเกรง

และแสดงมารยาทอย่างจริงใจ

แน่นอนว่าในใจพวกเขามีความภาคภูมิใจมากขึ้น ไม่ใช่เพียงเพราะเป็นประจักษ์พยานเห็นการเกิดขึ้นของโลกที่น่าอัศจรรย์ แต่ยังเป็นเพราะลูกศิษย์ ญาติ ลูกหลานของพวกเขาได้รับการสนับสนุนยกย่อง

ภายใต้รัศมีที่สว่างไสวงดงามไม่มีที่สิ้นสุด

รูปแบบของการกำเนิดโลกค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป

เขาไม่รู้ว่ามีพื้นที่กว้างขวางแค่ไหนเมื่อโลกก่อตัวขึ้น แต่เห็นพลังงานร้อนแรงแพรวพราวสว่างไสวที่สุด นั่นคือดวงอาทิตย์ปรากฏในท้องฟ้าสูงสุดและสว่างที่สุด และแก่นของพลังงานเย็นค่อนข้างอ่อนโยนนุ่มเนียน  พลังงานที่เหลืออยู่ เป็นดวงดาวต่างๆ ก่อตัวหนาแน่นบ้าง กระจัดกระจายมีขนาดแตกต่างกันไป เหนือเมฆขึ้นไปมีดวงดาวอยู่และเป็นกลุ่มดาวนักษัตรต่างๆ ที่ผู้คนรู้จักมาแต่โบราณกาล

พลังงานที่หนักก็มีอยู่มากมาย

ลอยลงมาเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย

แม้ว่าจะเป็นส่วนที่เหลือจากแก่นของพลังงาน  แต่ก็เป็นพลังงานที่อุดมสมบูรณ์มากเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากพื้นหนา บนพื้นไม่สามารถรองรับได้ก่อเกิดเป็นพื้นที่สูง พื้นที่ต่ำใหญ่น้อย และเป็นเกาะลอยฟ้าและศิลาลอยต่างๆ

ภูเขามีขนาดสูงขึ้นๆ

พื้นดินทรุดตัวแต่ไม่ลึกมาก และขอบของมันนูนขึ้นมองเห็นแต่ไกล

สายฟ้าแล่นออกมาจากก้อนเมฆแปลบปลาบเหมือนงูเงินเต้นระบำแหวกผ่านท้องฟ้าฉกลงพื้นดิน

เสียงฟ้ากระหึ่มคำรามสั่นสะท้านหัวใจ โลกสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปหมดในพริบตาฝนก็เทลงมาไม่ลืมหูลืมตา

ท้องฟ้ามืดมิด โลกถูกพายุฝนสาดซัดกระหน่ำอย่างรุนแรง โลกใหม่กลายเป็นโลกที่เต็มไปด้วยพายุฝน พลังวิญญาณของนักรบที่ทรงพลังนับไม่ถ้วนล้วนได้รับผลกระทบจากสายฝนด้วยเช่นกัน  พื้นดินปกคลุมไปด้วยน้ำเจิ่งนอง และลำธารใหญ่น้อยทุกแห่งแปรสภาพไปอย่างรวดเร็ว น้ำไหลลงที่ต่ำตลอดทางเพิ่มปริมาณเป็นสองเท่า... ฝนเริ่มซาเม็ดลง ทุกคนประหลาดใจเมื่อพบว่าในด้านหน้า และรอบๆ มีแม่น้ำ ทะเลสาบและทะเลนั่นคือแหล่งชีวิตที่ขาดไม่ได้  โลกบาดาล

เสียงฟ้าร้องจางหายไป สายฟ้าคะนองลดจำนวนลง

ทันใดนั้นจากฝนกลายเป็นเมฆและแสงอันอบอุ่นทอแสงลงมาจากกลีบเมฆที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าฉายลงมายังพื้นโลกทั้งหมดครอบคลุมผู้คนบนพื้นมอบชีวิตให้กับโลก อาบไล้โลกด้วยแสงสีทอง

“หญ้าเล็กหญ้าน้อยเริ่มแตกยอด!  เจ้าอ้วนไห่ก้มหน้ามองแล้วพบว่าบนพื้นดินมีหญ้าอ่อนนุ่มแทงยอดขึ้นมาจากพื้น

“ต้องมีผีเสื้อด้วย!  เย่คงแหงนหน้าและพบว่ามีผีเสื้ออยู่ในท้องฟ้าอยู่แล้ว  พวกมันบินเต้นไปมา

“ปลา, เสวี่ยทันหลางให้ความสนใจกับทะเลสาบข้างหน้าเขาและดูเหมือนว่ามีปลาเล็กปลาน้อยนับไม่ถ้วนแหวกว่ายอยู่ในกระแสลำธาร

หญ้านับไม่ถ้วนย้อมโลกเป็นสีเขียว

หญ้าสีเขียวนับไปถ้วนปกคลุมไปทั้งโลก

ไม่มีพื้นที่ว่างอีกต่อไป

ดอกไม้สดโอนเอนแกว่งไกวไปมาในสายลม ดอกที่เบ่งบานยืนต้นเด่นสง่า มีสีสันที่หลากหลายเพิ่มชีวิตชีวาให้กับโลก  ปลากระโดดขึ้นจากวารีอย่างร่าเริง สกุณชาติบินโผผินวนเวียนอยู่ในผืนป่ามองหาบ้านในอุดมคติของพวกมันจากพื้นที่สีเขียวขจีกว้างใหญ่นี้

สิ่งมีชีวิตเล็กๆ หลบอยู่หลังต้นไม้ กลับเป็นด้วงน้อยที่แอบมองฝูงชนอยู่แต่ไกล

แฟรี่น้อยผู้น่ารักตัวขนาดนิ้วมือเดียวไม่กลัวคนแปลกหน้า ไล่เล่นกับมวลหมู่บุปผาอย่างมีความสุขไร้ความกังวลราวกับว่าพวกเขามีชีวิตมาตั้งแต่เมื่อหลายล้านปีก่อน และพวกเขาคุ้นเคยกับชีวิตที่นี่.....  “นี่เป็นความจริงหรือนี่?”  มารสัมฤทธิ์ฟ้าและนักสู้ผู้แข็งแกร่งอื่นอดทิ้งตัวลงกับพื้นไม่ได้  เขาไม่เคยคิดว่าโลกจะถูกสร้างขึ้นในลักษณะนี้ได้ และที่ยิ่งไปกว่านั้นด้วยการสนับสนุนของทุกคน เย่ว์หยางจึงก้าวหน้าเข้าถึงระดับเทพราชันย์ผู้สร้างโลกได้ไม่มีใครเทียบ  เทพราชันย์ทรงพลังน่าเกรงขามจริงๆ หรือ? สิ่งเหล่านี้ที่เกิดต่อหน้าเขา เกรงว่าแม้พวกเขาจะเป็นเทพแท้และมีพลังยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถสร้างได้ หากไม่มีเวลานับพันนับหมื่นปียังจะทำได้หรือ?  ทำไมเย่ว์หยาง เย่ว์ไตตันที่ไม่ได้เป็นระดับเทพมาก่อน แต่ด้วยการสนับสนุนของทุกคนเท่านั้น สามารถยกสถานะไปสู่ระดับสูงล้ำเช่นนี้ แม้แต่นักสู้ระดับเทพก็ยังมิอาจเอื้อม?  แม้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าของเขาจะเป็นของจริงและไม่มีข้อสงสัยแต่อย่างใด แต่มารสัมฤทธิ์ฟ้าก็ยังพบว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดอยู่บ้าง เพราะภาพที่เห็นนี้ยิ่งกว่าความฝัน ลึกลับยิ่งกว่าตำนานใดๆ ไม่รู้ว่าเหนือกว่าปาฏิหาริย์ตั้งกี่เท่า...  “โลกพฤกษา!  ผู้เฒ่าหนานกงตัวสั่น เขาเห็นปาฏิหาริย์ที่มหัศจรรย์เหลือเชื่อกำลังเกิด

ไม่เพียงแต่ผู้เฒ่าหนานกงเท่านั้นที่เห็น  แต่ทุกคนเห็นด้วยเช่นกัน

เพราะ

เพราะต้นไม้นี้เติบใหญ่อย่างรวดเร็วมาก

ตำแหน่งที่ตั้งของโลกพฤกษาโลกอยู่ไม่ไกล ตรงกันข้ามมันอยู่รอบๆ ตัวทุกคนและใต้เท้าของทุกคน เมล็ดพฤกษาโลกแตกหน่อกระทันหันงอกและแตกกิ่งใบเจริญงอกงามภายใต้สายตาของทุกคน

ตอนแรกยังไม่สะดุดตา แต่ทุกๆ วินาทีมันเปลี่ยนไปจากเมล็ดเล็กๆ ไปจนถึงเป็นต้นอ่อน จากต้นอ่อนเป็นต้นไม้เขียวชอุ่มจนกระทั่งเป็นไม้ยักษ์ใหญ่สูงตระหง่านหลายสิบคนก็ยังโอบไม่รอบ และต้นไม้ยังมีการเปลี่ยนแปลงเติบโตอย่างบ้าคลั่งอยู่ตลอดเวลา

ทุกคนเริ่มมองขึ้นๆ ลงๆ รู้สึกประหลาดและตกใจ... ต้นไม้ที่แปลกประหลาดนี้เรียกว่าโลกพฤกษาจากคำบอกกล่าวของผู้เฒ่าหนานกง มันไม่เคยหยุดเติบโต ไม่ได้หยุดแม้แต่วินาทีเดียว

มันเติบโตอย่างรวดเร็วมากจนผู้ที่มองดู มองไม่เห็นกระบวนการเติบโตอย่างชัดเจน

เมื่อเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นๆ ไล่ต้อนกลุ่มคนที่มัวแต่ตกใจ และถ้าช้าอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้

เมื่อมองกลับไป

พวกเขาพบว่ามันได้เติบโตวิวัฒนาการเป็นต้นไม้ยักษ์สูงตระหง่านกลายเป็นพฤกษาโลกที่น่าทึ่ง

ลำต้นของมันไม่สามารถอธิบายถึงความหนาของมันได้ เมื่อเปรียบเทียบกับพฤกษาทองโบราณที่เก่าแก่ที่สุดของเผ่าเอลฟ์ทอง โลกพฤกษานี้มีขนาดใหญ่และสูงตระหง่าน  และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือยังคงเติบโตต่อไปเรื่อยๆ

มันเติบโตต่อไปไม่หยุด

ต่อหน้าทุกคน

ภายใต้การจ้องมองดูอย่างตกใจของทุกคน พฤกษาโลกเติบโตอย่างบ้าคลั่งทุกวินาที จะแตกต่างจากนาทีที่แล้ว

เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวใช้พลังทั้งหมดบินขึ้นไปด้านบนมองด้วยสายตาอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่ไม่สามารถมองเห็นจุดสูงสุดได้  นักสู้ผู้แข็งแกร่งอย่างมารสัมฤทธิ์ฟ้า จักรพรรดิมังกร จักรพรรดิใต้พิภพและนักสู้อื่นต่างทำการสื่อสารลับๆ โดยคาดว่าความสูงของต้นไม้นี้ไม่น้อยกว่า 50 กิโลเมตร...  เส้นผ่าศูนย์กลางของต้นไม้ใหญ่กว่าสิบกิโลเมตร ไม่ต้องพูดถึงผู้คนและสิ่งมีชีวิต  แม้แต่ภูเขาก็ยังมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับต้นไม้นี้

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน

พฤกษาโลกนี้หยุดเจริญเติบโตอย่างบ้าคลั่งได้ในที่สุด

มันมีความสูงโตขึ้นจนถึงขีดจำกัดตามที่นักสู้ผู้แข็งแกร่งอย่างหมิงลี่ฮ่าว มารสัมฤทธิ์ฟ้าและนักสู้อื่นเหาะขึ้นไปสำรวจ น่าจะสูงถึงร้อยกิโลเมตร

ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางยี่สิบกิโลเมตร

มีกิ่งก้านที่ใบไม้ปกคลุมนับไม่ถ้วน

มองเห็นภูเขายังนึกว่าเนิน เห็นทะเลนึกว่าแอ่งน้ำ มองเห็นผู้คนเหมือนเม็ดกรวดในทะเล

“ทำไมคุณชายสามตระกูลเย่ว์ถึงได้สร้างโลกพฤกษาขึ้นมา?”  ตู๋กูฉางฟงยกมือถามด้วยความสงสัย

“เป็นการระลึกถึงการฝึกฝนที่บันไดสวรรค์?”

เป็นไปได้

“เดี๋ยวก่อน ดูเหมือนยังมีการเปลี่ยนแปลง?”

ในระหว่างการสนทนาดูเหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ภายใต้โลกพฤกษาทำให้ทุกคนหยุดพูดและมีสมาธิกับมัน

แม้ว่าต้นพฤกษาโลกนี้จะไม่ใหญ่เท่ากับพฤกษาโลกที่บันไดสวรรค์ แต่นั่นคือโลก เป็นโลกที่มีขนาดใหญ่เท่าต้นไม้ แต่ต้นไม้ที่กำเนิดใหม่นี้เป็นต้นพฤกษาโลกที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางยี่สิบกิโลเมตร และสูงร้อยกิโลเมตร มองไม่เห็นด้านข้าง ไม่สามารถไต่ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดมีแต่ต้องอยู่บนท้องฟ้า  นอกจากนี้ยังเพียงพอทำให้เกิดความสงสัย แม้ว่าคนพวกนี้ที่ไม่เคยเข้าบันไดสวรรค์ ไม่เคยเห็นโลกพฤกษาของบันไดสวรรค์ไม่มีทางนึกภาพขนาดของโลกพฤกษาบันไดสวรรค์ได้  เพราะมีขนาดใหญ่กว่าพฤกษาโลกข้างหน้านี้

มีภูเขา แม่น้ำและทะเลสาบอยู่ภายใต้กิ่งก้านสาขาของต้นพฤกษาโลกนี้

ตอนนี้กิ่งก้านเหล่านั้น

มีการเปลี่ยนแปลงที่น่ายอดเยี่ยมเท่าเทียมกัน ดึงดูดความสนใจพวกเขาจนไม่สามารถถอนความสนใจออกมาได้

12 ความคิดเห็น:

CHANTANA กล่าวว่า...

แจ่มฯสฺดยอด

Deils(of)darK กล่าวว่า...

ตงฟางอยากลำลายทวีปมังกรทะยานก็ทำล้ายไป เจ้าสามสร้างโลกใหม่อยู่เอาเองก็ได้ ฮ่าๆ

Krisda กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ เจ้าสามยังไม่มีบท

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Popcorn กล่าวว่า...

มาแล้วๆๆ

Unknown กล่าวว่า...

ใครจะรู้อาจจะพลิกบท ตงฟาง คือคนที่ยอมถูกตราหน้าว่าทรยศ แต่ทั้งหมดทำไปเพื่อซับพอตคุณชายสาม

oBABYVOXo กล่าวว่า...

สร้างโลกขึ้นมาใหม่ สุดยอดมาก

oBABYVOXo กล่าวว่า...

น่าจะใช่เลย

Anunaki กล่าวว่า...

อ้างอิงมาสินะ แต่น่าจะมีอะไรแตกต่าง

Failz กล่าวว่า...

ขอบคุณ​คับ

Unknown กล่าวว่า...

คิดเหมือนผมเลย มาถึงจุดนี้ยังคิดว่าที่ตงฟางทำไปทั้งหมดที่แท้คือเพื่อช่วยหอทงเทียนให้แข็งแกร่งขึ้นรึเปล่า..

ïиƒïиï†ч гє†гч กล่าวว่า...

อยากได้เอาไปเลย สร้างใหม่แม่ม 🤣🤣🤣🤣

แสดงความคิดเห็น