วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 1-22 ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน (1)



ตอนที่  1-22  ฤดูใบไม้ผลิผ่านไป ฤดูใบไม้ร่วงมาเยือน (1)
 ความจริง ธาตุทุกชนิดรวมทั้งธาตุดินต่างมีจุดแข็งของตนโดยเฉพาะ  แต่ในฐานะที่เป็นจอมเวทผู้วิเศษสายธาตุดินระดับเซียน เป็นธรรมดาที่เดลิน โคเวิร์ทจะต้องยกย่องเชิดชูธาตุดิน  ลินลี่ย์วัยแปดขวบพอได้ยินคำพูดของเดลิน ก็มีความกระตือรือร้นเต็มเปี่ยม


 “ปู่เดลิน, งั้นรีบทดสอบข้าเลยและดูว่าข้ามีความถนัดพอจะเป็นจอมเวทสายธาตุดินได้ไหม” ลินลี่ย์รู้สึกกังวลมาก
เดลิน โคเวิร์ทเริ่มหัวเราะ “ก็ได้ ข้าจะทดสอบเจ้าเดี๋ยวนี้”
 “ก่อนอื่น ข้าขอบอกให้เจ้ารู้ไว้ว่าการทดสอบความถนัดทางเวทแบ่งการทดสอบเป็นสองส่วน  ดังนั้น การทดสอบที่ข้าจะดำเนินการก็มีสองส่วนเช่นกัน”  เดลิน โคเวิร์ทแสดงมารยาทผิดธรรมดา  หลังจากถูกขังอยู่ในแหวนมังกรขนดมานานห้าพันปี  แน่นอนว่าตอนนี้เขาอารมณ์ดีอย่างมากเมื่อได้พบเด็กน้อยน่ารักอย่างลินลี่ย์
 “ความถนัดทางเวทแบ่งเป็นสองส่วน  ส่วนแรกทดสอบว่าพลังเวทของผู้ทดสอบจะต้องเข้ากันได้กับธาตุแต่ละอย่าง  และส่วนที่สองทดสอบพลังจิตของผู้ทดสอบ” เดลิน โคเวิร์ทเริ่มอธิบายพื้นฐานของการทดสอบ
 “การทดสอบทั้งสองส่วนนี้ดียังไง?”  ลินลี่ย์ถามด้วยความสงสัย
เดลิน โคเวิร์ทพูดด้วยน้ำเสียงเมตตา “ลินลี่ย์!  ก่อนจะตอบคำถามนี้  ข้าขอถามเจ้า  ถ้าจอมเวทคนหนึ่งเตรียมจะร่ายเวท  เขาจะต้องพึ่งพาสิ่งใด?”
 “เวทมนตร์บทที่ขลังๆ!” ลินลี่ย์ตอบทันที
ลินลี่ย์เห็นวิธีที่จอมเวทผู้ขับขี่มังกรลมกรดบริกรรมคาถาอยู่หลายคำก่อนที่จะร่ายเวทของเขา
 “ผิด”
 “ข้าเห็นนักเวทร่ายคาถา  พวกเขาทุกคนล้วนท่องมนตร์บทขลังก่อนทั้งนั้น”  ลินลี่ย์เถียงทันที
เดลิน โคเวิร์ทลูบเคราขาวและพูดอย่างเคร่งขรึม “เมื่อร่ายเวทแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับจอมเวทคนหนึ่งก็คือ พลังเวท (มานา)  และพลังจิตของเขา  ถ้าพลังจิตของเขามีพลังมากพอ เขาก็สามารถเสกได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องใช้คาถาใดๆ พวกมนตร์ขลังเป็นแค่เพียงส่วนเสริมพิเศษเท่านั้น”
 “โอว? เสกได้ทันที?”  ลินลี่ย์คลางแคลงใจมองดูเดลิน โคเวิร์ท  ทันใดนั้นลินลี่ย์รู้สึกเหมือนว่า โลกผู้วิเศษใบใหญ่ค่อยๆ เปิดอยู่ต่อหน้าต่อตาของเขา แต่ก็ยังคงเลือนรางไม่ชัดเจน  อย่างไรก็ตาม เดลิน โคเวิร์ทกำลังสลายความลึกลับที่อยู่เบื้องหลังของโลกเวทมนตร์ใบนี้
เดลิน โคเวิร์ทยิ้มและพยักหน้า “ถูกแล้ว จะเสกคาถาได้นั้น ตัวเจ้าต้องมีพลังเวทในตัวอย่างเพียงพอ  จากนั้นจึงใช้พลังจิตเพื่อควบคุมพลังเวทนั้นดึงแก่นธาตุล้วนๆ มาประกอบเป็นเวทมนตร์”
 “แก่นธาตุล้วนๆ?” ลินลี่ย์ประหลาดใจ  “ปู่เดลิน เพื่อจะร่ายเวท, เราต้องดึงแก่นธาตุภายนอกหรือ?”
 “ฮ่าฮ่า, แน่นอน ลินลี่ย์!  เจ้าคิดว่าจอมเวทผู้ทรงพลังจะอาศัยแต่พลังธาตุล้วนในร่างกายแต่อย่างเดียวหรือ?  เป็นไปไม่ได้!  ดูอย่างเวทระดับต้องห้ามนั่นปะไร, พลังเวทในตัวของจอมเวทระดับเซียน สามารถใช้พลังธาตุในตัวได้เพียง 1% อีก 99% เป็นพลังธาตุตามธรรมชาติ”
 “ให้ข้าอธิบายเจ้าอย่างนี้ก่อน... สิ่งที่เรียกว่าพลังเวทของจอมเวทเป็นแค่แก่นพลังธาตุที่มีความบริสุทธิ์สูง  พลังเวทจะว่าไปก็เหมือนกับขุนพลทหาร, พลังธาตุล้วนๆ ตามธรรมชาติก็เหมือนกับทหาร  จอมเวทเรียกพลังเวทออกมาและใช้มันโดยตรงกับพลังธาตุล้วนๆ สร้างเป็นคาถาที่น่าอัศจรรย์ได้  เข้าใจหรือยัง?”  เดลิน โคเวิร์ทยิ้มขณะมองดูลินลี่ย์
ลินลี่ย์อดขมวดคิ้วไม่ได้
 “โอว..ข้าเข้าใจแล้ว”  ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้า “พลังเวทในตัวจอมเวทก็เหมือนกับลุงฮิลแมน  ขณะที่ธาตุบริสุทธิ์เป็นเหมือนกลุ่มเด็กๆ ลุงฮิลแมนเองสั่งให้เด็กทุกคนต้องฝึกฝน, หรือโจมตี หรือมีส่วนร่วมในการรบก็ย่อมได้”
เดลิน โคเวิร์ทยิ้มและพยักหน้า “ถูกแล้ว แน่นอนว่าพลังเวทของจอมเวทเป็นสิ่งที่สำคัญมาก  ถ้าเขาไม่มีพลังเวทเพียงพอ  เขาก็ไม่อาจเสกคาถาได้”
ลินลี่ย์พยักหน้า
 “อย่างไรก็ตาม เทียบกับพลังเวทแล้ว พลังจิตยังสำคัญมากกว่า!  เดลิน โคเวิร์ทยิ้มขณะพูด  “ตอนนี้ เจ้าควรตระหนักไว้ว่า  สิ่งที่เรียกว่าพลังจิตก็คือพลังวิญญาณที่แท้จริง เป็นรูปแบบควบคุมพลังงานชนิดหนึ่ง”
 “ลินลี่ย์!  มีพลังเวทมากก็ดึงพลังธาตุบริสุทธิ์ออกมาใช้ได้มหาศาล  ถ้าพลังที่มีมหาศาลอย่างนั้นไม่อาจควบคุมได้โดยพลังวิญญาณ.. เจ้านึกสิว่าสุดท้ายผลจะลงเอยอย่างไร?”  เดลิน โคเวิร์ทลูบเคราขาวขณะที่เขามองลินลี่ย์อย่างเงียบงัน
ลินลี่ย์ขมวดคิ้วขบคิด
 “ปู่เดลิน” ลินลี่ย์ลดเสียงลงขณะที่ขมวดคิ้ว  “ในหนังสือบางเล่ม ข้าเคยอ่านเรื่องราวกลยุทธในการรบ  มีหลายเรื่องที่หนังสือบอกไว้ว่า  เพื่อจะปราบศัตรู  ก่อนอื่นต้องจัดการกษัตริย์ของพวกเขา ยกตัวอย่างเช่น พวกโจร ถ้าท่านฆ่าหัวหน้าโจรได้ก่อน กองกำลังโจรก็จะล่มสลายแตกพ่าย  ดังนั้นพลังจิตวิญญาณก็น่าจะตอบสนองวัตถุประสงค์ในการควบคุมพลังงาน  ซึ่งหัวหน้าโจรก็คือผู้ออกคำสั่งพวกโจร  ถ้าไม่มีพลังจิตวิญญาณมาควบคุมพลังเวทและพลังธาตุจำนวนมหาศาล  พลังนี้ก็จะเตลิดออกไป”
เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะ
 “ฮ่าฮ่าฮ่า, ลินลี่ย์!  เจ้าเป็นเด็กฉลาดมาก”  เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะอย่างมีความสุข
 “ถูกแล้ว, พลังเวทและธาตุบริสุทธิ์จำนวนมหาศาล  เมื่อมีพลังจิตวิญญาณคอยควบคุมก็สามารถสร้างบทเวทได้  บางครั้งในการร่ายเวทที่ทรงพลัง มีความต้องการสูง ก็ขึ้นอยู่กับพลังจิตวิญญาณของผู้ใช้  ดังนั้นมนตร์ขลังจึงเป็นตัวช่วยที่ขาดไม่ได้” เดลิน โคเวิร์ทยิ้มพลางพูดพลาง
ลินลี่ย์รู้สึกว่าเข้าใจหลักการสำคัญของเวทเป็นอันมากชัดเจนเหมือนดูแก้วผลึกใส
พอยิ้มให้ลินลี่ย์แล้ว เดลิน โคเวิร์ทพูดต่อว่า “แน่นอน นั่นเป็นแค่ทฤษฎีพื้นฐาน  แต่โลกของเวทมนตร์นั้นซับซ้อนกว่าที่เจ้าคิดได้มากมายนัก!  คำถามก็คือจะทำอย่างไรถึงใช้พลังเวทและพลังธาตุสร้างเวทมนตร์ออกมาได้  นั่นคือปัญหาที่แท้จริง”
 “อะไรคือจุดประสงค์ของการมีพลังเวท  ถ้าเจ้าไม่รู้แล้วจะร่างมันออกมาเป็นคาถาได้ยังไง?”  เดลิน โคเวิร์ทถอนหายใจยาว “โลกเวทมนตร์นั้นเป็นโลกที่ซับซ้อนมาก  การค้นคว้าเวทมีความยากและอันตราย  แต่เนื่องจากการต่อสู้ภายในจักรวรรดิ  นักเวทจำนวนนับไม่ถ้วนต้องมาร่วมค้นคว้าหาคาถารูปแบบใหม่”
 “ความจริง แต่ละจักรวรรดิก็หาหนทางใหม่ๆ เพื่อใช้พลังเวทและพลังธาตุที่แตกต่างเพื่อสร้างคาถาที่แตกต่าง  แต่การค้นคว้าเวทนั้นอันตรายมาก   ยิ่งเวทที่มีพลังทำลายล้างมาก  ก็ยิ่งมีการค้นคว้ากันหนักมาก  บางครั้งมันสามารถสร้างผลสะท้อนกลับที่รุนแรงย่อยยับ”
เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะขณะที่เขาพูด “จอมเวทในสถานบันทั้งหมด จะได้รับการศึกษาเวทจนถึงระดับหก  ส่วนเวทระดับเจ็ด, แปดและระดับเก้า หรือระดับเซียนถูกพิจารณาว่าให้ฝึกเป็นการลับ  ถ้าเจ้าเข้าร่วมกับอาณาจักร เจ้าก็มีสิทธิ์ได้เข้าถึงคาถาพิเศษ”
ลินลี่ย์ได้อ่านหนังสือมามากมายและเขาเข้าใจหลักการนี้ชัดเจน
 “ถ้าเจ้าไม่มีผู้สอนล่ะ?  ไม่ว่าเจ้าจะมีพลังเวทมากขนาดไหน หรือจะมีพลังจิตวิญญาณสูงส่งแค่ไหนก็ตาม  เจ้าจะไม่สามารถร่ายได้แม้แต่เวทเดียว”  เดลิน โคเวิร์ทยิ้มเล็กน้อย  “ความลับที่ลึกซึ้งของเวททุกบท ขึ้นอยู่กับวิธีควบคุมพลังเวทและพลังธาตุเพื่อสร้างเป็นคาถา”
 “หลังจากผ่านการทดลองเวทหลายปีนับไม่ถ้วน  ระบบเวทมนตร์ก็ถูกทำให้บริบูรณ์” เดลิน โคเวิร์ทลูบเคราแล้วหัวเราะลั่น  “ลินลี่ย์!  อย่ากังวลไปเลย  ในอนาคต ไม่จำเป็นที่เจ้าจะต้องก้มหัวคุกเข่าให้ราชอาณาจักร หรือเจ้าแคว้นใดๆ เลย เพราะ... ข้าสามารถสอนเวทระดับเจ็ด, แปด, เก้าและแม้แต่ระดับเซียนให้เจ้าได้”
ลินลี่ย์สูดลมหายใจลึก
เขาสามารถรู้สึกตนเองได้ว่าเริ่มเดินอยู่ในเส้นทางใหม่
ภายใต้คำแนะนำของปู่เดลิน  เขาไม่จำเป็นต้องไปตามเส้นทางของนักรบ  ตอนนี้เขาจะลอบดำเนินการตามวิถีของจอมเวทผู้ลึกลับและทรงพลัง
 “มาเถอะ  มาเริ่มทดสอบความแข็งแกร่งความถนัดพลังทางสายธาตุของเจ้าเถอะ  นั่งลงขัดสมาธิ หลับตาและทำให้ใจเป็นสมาธิ”  เดลิน โคเวิร์ทพูดอย่างนุ่มนวล
 “เข้าสมาธิเหรอ?”  ลินลี่ย์รู้สึกว่าใจเขาเต้นถี่เร็ว
ระดับความเกี่ยวพันของเขาจะเป็นอย่างไร?
 “ไม่ต้องกังวล  แค่พยายามดูสิ่งที่เจ้ารู้สึกได้อย่างระมัดระวัง  และเมื่อใดก็ตามที่เจ้ารู้สึกถึงบางสิ่ง ก็บอกข้า”  เดลิน โคเวิร์ทยิ้มให้กำลังใจลินลี่ย์  ลินลี่ย์หลับตาทันทีและพยายามบังคับให้ตนเองสงบ
 “อย่ากังวล  แค่ทำตามที่ข้าบอก”  เดลิน โคเวิร์ทพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
…..
การทำสมาธิเป็นหนึ่งในหลักการพื้นฐานของจอมเวททุกคน”  เป็นสิ่งที่จำเป็นในการดูดซับพลังธาตุบริสุทธิ์มาเปลี่ยนเป็นพลังเวทและเพื่อพัฒนาให้เป็นพลังวิญญาณ  ตอนแรกที่ทำสมาธิเป็นเรื่องที่ยากและอันตราย  แต่แน่นอนว่าภายใต้คำแนะนำของผู้วิเศษจอมเวทระดับเซียน  ลินลี่ย์พบว่าไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป
หลังจากฝึกไปได้ครึ่งชั่วโมง  ในที่สุดลินลี่ย์ทำใจให้อยู่ในสภาพเป็นสมาธิได้เป็นครั้งแรก
พอเห็นลินลี่ย์อยู่สภาวะเข้าสมาธิ  เดลิน โคเวิร์ทยิ้มเล็กน้อย  จากนั้นก็โบกมือ
ทันใดนั้น....
ธาตุดินล้วนๆ จำนวนมากเริ่มหมุนรอบตัวลินลี่ย์  ปกติแล้วสถานที่ส่วนใหญ่จะมีดินเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ  แต่ตอนนี้ เดลิน โคเวิร์ทกำลังใช้พลังจิตวิญญาณของเขาเพิ่มความหนาแน่นแก่นดินที่อยู่รอบๆ ลินลี่ย์ขึ้นเป็นร้อยเท่า
 “ถ้าเขายังไม่สามารถรับรู้ถึงแก่นดินรอบๆ ตัวเขาได้แม้อยู่ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้  เขาก็คงไม่มีหวังเลยแม้แต่น้อย”  เดลิน โคเวิร์ทรำพึงกับตนเอง
แม้ว่าคนธรรมดาโดยส่วนใหญ่น่าจะรู้สึกถึงบางอย่างเช่นธาตุดินที่ถูกทำให้หนาแน่นมากกว่าปกติได้
ในตอนนี้ ลินลี่ย์ยังอยู่ในสภาวะทำสมาธิ รู้สึกมีความสุขมากและตื่นเต้น เขาไม่เคยตระหนักเลยว่ารอบๆ ตัวเขา มีสิ่งมหัศจรรย์อยู่มากมาย  จุดแสงสีธาตุดินนับไม่ถ้วนลอยอยู่รอบๆ ตัวเขา  มีความหนาแน่นสูงมากจนน่าตกใจ

1 ความคิดเห็น:

neng2006 กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับผม

แสดงความคิดเห็น