ตอนที่ 405 หัวใจธรณีสารและโคเงา
เจ้าอ้วนไห่มาสมทบกับลีน, แอนนา, เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัว เดินตามรอยเท้าของฮุยไท่หลางไป
พวกเขาจึงได้ออกจากตำหนักเพลิงมุ่งสู่ตำหนักดิน ขณะเดียวกัน
เย่ว์หยางกำลังตบไหล่จ้าวปฐพีปลอบใจเขา “แพ้หรือชนะล้วนเป็นเรื่องขี้ผง ลูกผู้ชายปล่อยวางกันได้อยู่แล้ว เอาอย่างนี้เป็นไง ข้าจะทิ้งหมาป่าดินและแมงมุมทรายไว้ให้เจ้า พวกมันเป็นลูกน้องของเจ้า ข้าจะเอาพวกมันไปได้ยังไงกัน? ข้าเกรงใจเจ้า
และข้าจะให้เงินหมื่นเหรียญทองไว้กับเจ้า
เพราะเจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ต้องการเงินนั้น แต่ข้าต้องการสมบัติที่ข้าชนะจากเกมตังเตและเกมห้าแถว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมแข่งฉี่ไกล
ข้าต้องการหัวใจธรณีสาร เจ้าคงต้องให้ข้า
เพราะลูกผู้ชายพูดแล้วไม่ควรคืนคำ
แน่นอนว่าเจ้าไม่ชอบอย่างนี้
ข้าได้ยินมาจากปีศาจไม้หมื่นปีที่ตำหนักไม้มาแล้วว่า เจ้าเป็นยอดฝีมือทางการพนันที่รักษาคำพูดเสมอ
และเจ้าก็ไม่ตีโพยตีพายมากนักเมื่อเจ้าแพ้!”
จ้าวปฐพีเริ่มมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย
เขาเสียใจมาก เขารู้ผลของการเล่นพนันของพวกเขาแล้ว เขาไม่อาจสู้เย่ว์หยางได้ โดยเฉพาะเกมฉี่ไกล
เขาไม่คาดว่าเขาจะแพ้ในที่สุด
หัวใจธรณีสารเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดในตำหนักดิน
ใครก็ตามที่สามารถหลอมรวมกับมันได้จะสามารถดูดซับพลังจากดินได้ไม่มีขีดจำกัด
จ้าวธรณีสูญเสียสมบัติมีค่าและหาได้ยากในการแข่งขันว่าใครฉี่ไกลที่สุด ผลกระทบเช่นนี้ถือว่ามากเกินไปหน่อยสำหรับจ้าวปฐพี โชคดีที่เย่ว์หยางยังมีน้ำใจเหลือหมาป่าดิน,
แมงมุมทราย, ตะกวดผาและงูดำดินไว้ให้
มิฉะนั้นจ้าวปฐพีจะต้องเหลือตัวคนเดียวแน่นอน
“.....” เย่คง, เลโอทอเรนหัวหน้ากลุ่ม, สี่สาวคิวบัวร์,
นายกององครักษ์เลือดเหล็กและนักผจญภัยอื่น ทุกคนมองด้วยอาการงุนงง พวกเขาไม่เคยนึกฝันเลยว่าจ้าวปฐพีจากตำหนักดินจะตกอยู่ในสภาพเสียใจเช่นนั้น
“เอาล่ะ, ว่ากันต่อ ถ้าเจ้าให้หัวใจธรณีสารกับข้า ข้ารู้ว่ามันมีค่าต่อเจ้า
แต่ที่สำคัญคือเจ้าแพ้ไปแล้ว
เอาอย่างนี้เป็นไง เจ้าอยู่ที่นี่คนเดียวไม่เบื่อหรือไง? ในอนาคต
ข้าจะช่วยประชาสัมพันธ์ให้คนมาเที่ยวมาเล่นกับเจ้าที่นี่ พวกเขาโง่กันทั้งนั้น
ดังนั้นข้ารับรองได้ว่าเจ้าจะต้องเอาชนะพวกนั้นได้ง่าย
ก็เหมือนตอนที่เจ้าเพิ่งเอาชนะเจ้าโง่เย่คงก่อนนั้นไง อีกอย่างหนึ่ง
ข้าพนันได้ว่าเจ้าไม่รู้ว่าข้ามีความเชี่ยวชาญอักษรรูนสวรรค์ ข้าสามารถจารึกอักษรรูนสวรรค์บนศีรษะ, ไหล่,
อกและแขนของเจ้า เจ้าต้องการกายเพชรไหม?
ข้าช่วยให้เจ้าได้กายเพชรเช่นกัน”
เย่ว์หยางวางเงินมากมายและพยายามให้ได้รับหัวใจธรณีสาร
“จริงเหรอ?” การได้กายเพชรเป็นสิ่งเย้ายวนใจจ้าวปฐพี
และอักษรรูนสวรรค์ก็ทำให้เขาตื่นเต้นยิ่งขึ้น
“ข้าคงไม่ยอมเปิดเผยฝีมือข้าแน่
ถ้าข้าทำให้เจ้ามีกายเป็นเพชรไม่ได้
อย่าว่าแต่เพียงแค่นั้นเลย
ข้ายังทำให้บริวารของเจ้าเป็นยักษ์ทอง, ยักษ์เงินและยักษ์ทองแดงก็ยังได้
ข้ารับรองเรื่องนั้นได้”
เย่ว์หยางตบอกด้วยความมั่นใจ
หลังจากเย่ว์หยางสะบัดลิ้นเกลี้ยกล่อมไปมา
ในที่สุดจ้าวปฐพีก็ยอมเอาหัวใจธรณีสารออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก
เขาส่งมอบให้เย่ว์หยางด้วยมือที่สั่นเทา โดยไม่กล้ามองดูมัน
เย่ว์หยางเอื้อมมือไปรับและรีบเก็บเข้าไปในโลกคัมภีร์ด้วยความไวที่เร็วกว่าแสง
จากนั้นเขาสั่งให้โคเงาอาหมันทางความคิดให้ผสานสมบัตินั้นเข้ากับตัวนาง เพื่อที่ว่าจ้าวปฐพีจะได้ไม่สามารถคิดเป็นอย่างอื่นต่อไป
หัวใจธรณีสารเป็นสมบัติเช่นใดกันแน่?
สำหรับอสูรบิน ของเช่นนี้เป็นเหมือนกับซี่โครงไก่ (ความหมายคืออร่อย
แต่มีคุณค่าน้อย)
แต่สำหรับอสูรที่ไม่ถนัดในการบินและเก่งในการสู้ระยะประชิด มันกลับเป็นสมบัติที่ไม่มีใดเปรียบ
ทรงค่าสูงสุด
หลังจากผสานเข้ากับหัวใจธรณีสาร
สัตว์อสูรจะมีภูมิคุ้มกันต่อการโจมตีในสายธาตุดินทุกชนิด
ไม่ว่าจะเป็นฝังดิน, ดินทรายถล่ม พายุทราย
ผลกระทบของการดูดซับพลังงานสายธาตุดินทั้งหมด อย่างเช่น ผลึกเวทสายธาตุดิน,
แร่ธาตุ, และอัญมณีสายธาตุดิน ก็จะทำได้ดีขึ้นเป็นสิบเท่า อสูรหุ่นสายธาตุดินทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโกเลมศิลา,
งูแพรศิลาและยักษ์ภูผาจะไม่มีความเป็นปฏิปักษ์
และทำเหมือนกับว่าอสูรนั้นเป็นฝ่ายเดียวกัน
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คืออสูรที่เป็นเจ้าของหัวใจธรณีสารจะสามารถดูดซับพลังงานจากธาตุดินได้ไม่สิ้นสุด ตราบใดที่เท้าของมันยังสัมผัสอยู่บนพื้น ดังนั้นมันจะไม่มีทางอยู่ในสภาพที่หมดพลัง
ผลกระทบของนางพญากระหายเลือดจากการใช้หัวใจธรณีสาร จะไม่มีผลอะไรมากนัก
เพราะส่วนใหญ่นางจะต่อสู้ในอากาศ
แต่สำหรับโคเงาอาหมัน
ทันทีที่ผสานเข้ากับหัวใจธรณีสาร
นางจะกลายเป็นโคเงาสาวที่ไม่มีทางเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้
ในโลกคัมภีร์
ภายใต้สายตาที่อิจฉาของนางพญากระหายเลือดหงและนางพญาดอกหนามมงกุฏทองตั่วตั่ว
โคเงาอาหมันเริ่มดูดซับและผสานเข้ากับหัวใจธรณีสาร แม้ว่าการผสานกันอาจต้องใช้เวลานานมาก แต่ทันทีที่ทำสำเร็จ โคเงาอาหมันจะยกระดับกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับสองดาว ไม่เพียงแต่นางจะมีพลังมากขึ้น
แต่นางจะกลายเป็นผู้ที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจากการต่อสู้ นางจะกลายเป็นฝันร้ายของคู่ต่อสู้ของนาง จะไม่มีสิ่งอื่นที่น่ากลัวยิ่งกว่าอสูรพิทักษ์ผู้ครอบครองทักษะเนตรประหารและท่าย่ำที่ทรงพลัง
ทั้งยังได้รับหัวใจธรณีสาร นางจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้ระยะประชิด
โคเงาสาวผู้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ถ้าใครได้ยินอย่างนี้
ต่อให้เป็นนักสู้อย่างซุ่นเทียนจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยและองค์ชายเงาดำ พวกเขาคงต้องมึนชาเพราะตกใจเป็นแน่
แน่นอนว่า เย่ว์หยางต้องทุ่มเทไปมากเพื่อให้ได้หัวใจธรณีสารเช่นกัน
นอกจากต้องรีดเค้นสมองพยายามหาวิธีเอาชนะจ้าวปฐพีแล้ว
เย่ว์หยางยังคงใช้อักษรรูนสวรรค์และกายเพชรหลอกล่อจ้าวปฐพีให้ยอมมอบหัวใจธรณีสารให้เขา
ในสายตาของเย่ว์หยาง อะไรก็ตามที่สามารถแลกเปลี่ยนหัวใจธรณีสารได้
เขาก็จะใช้สิ่งนั้นไปต่อรอง
เขาใช้เวลาครึ่งวันและต้องเปลืองพลังปราณก่อกำเนิดไปมาก
เย่ว์หยางจารึกอักษรรูนสวรรค์บนศีรษะ, ไหล่, อก, หลัง,
แขนและเข่าของจ้าวปฐพี
เขาจารึกอักษรรูนสวรรค์ว่า “สมดุล” ที่กึ่งกลางคิ้วของจ้าวปฐพี คำว่า
“เพชร”ตรงตำแหน่งหัวใจและ “ที่กักเก็บพลัง” บนท้องของเขา ด้วยความช่วยเหลือของอักษรรูนทั้งสามนี้
ร่างของเขาจะค่อยๆ กลายเป็นเพชร
ทันทีที่ร่างของเขาเปลี่ยนเป็นเพชรโดยบริบูรณ์ พลังรบของเขาจะเพิ่มพูนขึ้นอย่างน้อยสิบเท่า
สำหรับคำถามที่ว่า เขาจะเปลี่ยนไปเป็นอสูรระดับเพชรได้หรือไม่ เย่ว์หยางรู้สึกว่าโอกาสเป็นไปได้ไม่สูงนัก
การได้กายเพชรยังไม่เท่ากับกลายเป็นอสูรชั้นเพชร
กรณีแรกเป็นเรื่องของรูปแบบกายภาพ
ขณะที่อีกกรณีหนึ่งเป็นเรื่องของระดับชั้น
เหมือนในกรณีที่ของที่สร้างด้วยทองอาจจะไม่ใช่สมบัติชั้นทองก็ได้
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ทำให้จ้าวปฐพีกลายเป็นอสูรระดับเพชรได้นั้นจบลงแล้ว ถ้าไม่มีอุบัติเหตุใดๆ
เขาคงทำได้แต่เพียงพัฒนาพลังต่อสู้เท่านั้น แต่ระดับกับชั้นของเขานั้นคงที่แล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น
จ้าวปฐพีกับกายเพชรก็นับว่าเป็นลักษณะที่ยอดเยี่ยมแล้วแม้จะอยู่นอกตำหนักดินก็ตาม อารมณ์ของจ้าวปฐพีค่อยชุ่มชื่นขึ้นบ้างหลังจากเห็นสิ่งที่เย่ว์หยางมอบให้เขา
แสงทองเริ่มฉายส่องประกายขึ้นมา
ร่างของจ้าวปฐพีเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงหลังจากเย่ว์หยางใช้ปราณก่อกำเนิดเชื่อมอักษรรูนสวรรค์เข้าด้วยกัน
ร่างศิลาของเขาเดิมแต่ก่อนนั้นเริ่มมีเม็ดเพชรผุดขึ้น
แม้ว่าจะมีเพชรผุดขึ้นมาไม่กี่เม็ด
แต่จะไม่มีปัญหาสำหรับจ้าวปฐพีในการได้รับกายเพชรเมื่อเวลาผ่านไป
พอคิดว่าจ้าวปฐพีสูงห้าสิบเมตรหนัก 2-3 ร้อยตันมีร่างกายเป็นเพชรทำให้หลายๆ
คนสั่นสะท้าน
ยังดีที่เขามักอยู่ในตำหนักดินอยู่เสมอ
ถ้าเขาออกไปนอกตำหนักดินได้ แมมมอธทอง, อสูรโคโดศึก, ปีศาจเบเฮมอธโบราณและแม้แต่มังกรดำนรกก็คงต้องเผ่นหนีเมื่อเห็นเขา
เมื่อเจ้าอ้วนไห่และคนที่เหลือตามมาทันเย่ว์หยาง
เขาก็ทำให้บริวารทั้งหมดของจ้าวปฐพีทั้งหมดมีร่างทอง, เงินและทองแดงเสร็จสิ้นแล้ว
ไม่ใช่เพียงแค่นั้น
เย่ว์หยางยังคงให้คำแนะนำบางอย่างกับจ้าวปฐพีอีกด้วย “ฟังให้ดีนะ, สหายข้า!
เจ้าสามารถเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมที่นี่ได้
เก็บรวบรวมค่าธรรมเนียม เจ้าเข้าใจไหม?
ก็หมายถึงว่าเก็บเงินจากนักผจญภัยที่ผ่านมาเที่ยวที่นี่ทุกคน มั่นใจได้เลยว่านี่เป็นกฎแน่นอน ลองคิดดูนะ เจ้าเป็นเจ้าของที่นี่ มันจะไม่น่าอายไปหน่อยเหรอ
หากเจ้าปล่อยให้พวกเขามาและไปเมื่อใดก็ได้ที่พวกเขาพอใจ? และเจ้าไม่เบื่อหรือไง? ด้วยเงินขนาดนั้น เจ้าสามารถเล่นพนันกับพวกเขาก็ได้ แต่จงจดจำไว้ด้วยว่าเจ้าไม่ควรเอาของบางอย่างมาเดิมพัน
อย่าทำอย่างที่เคยทำเช่นเดิมพันด้วยหมาป่าดินและแมงมุมทรายทั้งหมด เอาแค่พนันด้วยเงินของเจ้ากับพวกเขาก็พอ พวกเขาก็สามารถสูญเสียสมบัติให้เจ้าได้ แต่เจ้าต้องเก็บบริวารและสมบัติไว้กับตัวเจ้า..
ใช่แล้ว เจ้าฉลาดมาก
ดูเหมือนว่าเจ้าจะเข้าใจคำพูดของข้า
หลังจากเจ้ามีสมบัติแล้ว ข้าจะมาเยี่ยมและแลกเปลี่ยนกับเจ้าอีก ตอนนี้ข้ากำลังศึกษาอักษรรูนสวรรค์
ขอให้เชื่อใจข้า, เนื่องจากเจ้าก็เป็นสหายที่ดีที่สุด ข้าไม่หลอกเจ้าแน่นอน!”
โอวเกินและองครักษ์เลือดเหล็กมองดูพลางเหงื่อตกไปพลาง
เจ้าอ้วนไห่และคนที่เหลือพยักหน้ารับรองว่าเย่ว์หยางเป็นเด็กดี บางวันยังช่วยจูงมือคนแก่ข้ามถนน และบางคราก็ฆ่าคนชิงสมบัติในบางโอกาส
ทุกคนมองดูโดยไม่กล้าส่งเสียงสักแอะ
เหตุผลนั้นง่ายดาย
แม้แต่คนโง่ก็รู้ว่า การขัดใจเย่ว์หยางส่งผลให้ตายอย่างอเนจอนาถยิ่งกว่าโดนจ้าวปฐพีทุบบี้แบนจนกลายเป็นเนื้อเละ
ฮุยไท่หลางรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นที่ตำหนักไฟกับเย่ว์หยาง แล้วส่งหินตาไฟจากนัยน์ตาของจ้าวเพลิงนรกให้เย่ว์หยาง หวังจะให้เย่ว์หยางยกย่องและรับรองมัน สำหรับภูตเพลิงปฐพี นางทำตัวเหมือนเด็กที่แอบกินขนมหวาน
ลอบดูดพลังจากแก่นเวทเพลิงปฐพีและหันไปดูปฏิกิริยาของเย่ว์หยาง พอเห็นว่าเขาไม่ได้คัดค้านไม่ให้นางทำเช่นนั้น นางจึงดูดพลังงานอีกจำนวนหนึ่ง.. ดูคล้ายๆ
กับเวลาเมื่อเย่ว์ซวงแอบกินขนมหวานทั้งที่มารดายังปรามอยู่
ในที่สุด นางเห็นว่าฮุยไท่หลางได้รับคำชมเชยหลังจากส่งมอบศิลาไฟ นางจึงต้องการส่งมอบสมบัติให้เย่ว์หยางเพื่อรับคำชมเช่นกัน
แต่นอกจากแก่นเวทเพลิงปฐพีแล้ว นางไม่มีสมบัติอะไรอย่างอื่น
เย่ว์หยางทำเป็นไม่เห็นความขัดแย้งและความลังเลใจของนาง หลังจากผ่านไปชั่วขณะ
ในที่สุดภูตเพลิงปฐพีก็ยอมส่งมอบให้เย่ว์หยางอย่างไม่เต็มใจนัก มองดูน่าเวทนา
เย่ว์หยางพยักหน้า
เขายกแก่นเวทเพลิงปฐพีขึ้นดู และจากนั้นก็วางไว้ในมือนางอีกครั้ง
พอเห็นว่าเย่ว์หยางพยักหน้าและคืนสมบัติกลับมาให้นาง ภูตเพลิงปฐพีมีการพัฒนาทางอารมณ์ รู้สึกตื่นเต้น
นางกอดสมบัติเหาะขึ้นไปสูงเป็นพันเมตรบินไปทั่วๆ บริเวณ
ดูเหมือนว่านางต้องการใช้การกระทำแสดงให้รู้ว่านางตื่นเต้นแค่ไหน นางไม่ได้รู้ตัวเลยว่าการกระทำของนางนั้น
คล้ายการกระทำของมนุษย์เพียงไหน
แม้ว่านางยังห่างจากการเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์และยังต้องได้ความรู้สึกซับซ้อนของมนุษย์ ด้วยการฝึกฝนของเย่ว์หยาง นางได้เริ่มต้นเส้นทางใหม่แล้ว
“เกิดอะไรขึ้นกับนกของเจ้า?”
เย่คงชี้ไปที่นกนางนวลสายลมที่อยู่บนหัวเจ้าอ้วนไห่
“อย่ามาถามข้าเลย” เจ้าอ้วนไห่อยากร้องไห้เมื่อนึกถึงนกตัวนี้
“มันดูฉลาดมากเลยนะ”
องค์ชายเทียนหลัวและเสวี่ยทันหลางพยักหน้ายอมรับตรงจุดนี้
“พระเจ้า, ทายกันแม่นมาก
เพราะมันฉลาดเกินไปจนข้าดูโง่ไปเลยน่ะสิ...”
ก่อนที่เจ้าอ้วนไห่จะพูดจบประโยค นกนางนวลพ่นแส้สายลมใส่ศีรษะเจ้าอ้วนไห่ ตอนนี้มันรู้วิธีควบคุมพลังของมันแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่ทำร้ายผิวของเขาเท่านั้น แต่มันทำให้ผมของเขายุ่งเหยิงเหมือนรังนก เจ้าอ้วนไห่นั่งเศร้าหลบมุม
ได้แต่เล่าเรื่องของเขาหลังจากที่โดนเหล่าสหายรบเร้ากดดันให้เล่าถึงเรื่องของมัน
ผลก็คือ ทุกคนหัวเราะกันถ้วนหน้า
นกนางนวลตัวนี้ได้ทำสัญญาเรียบร้อยแล้ว
แต่มันก่อกบถได้เร็วยิ่งนัก
ตอนแรกมันมีความภักดีมากเหมือนกับอสูรที่ทำสัญญาตัวอื่น แต่พอเจ้าอ้วนไห่บ่นมากเข้า
ความภักดีของมันก็เลยลดฮวบฮาบกลายเป็นขบถทันที
การกระทำเช่นนี้ทำให้ความตั้งใจเยาะเย้ยมันของเจ้าอ้วนไห่ล้มเหลว
และความทุกข์ทรมานเข้ามาแทนที่
นางนวลสายลมยังคงติดตามอยู่ใกล้ๆ เจ้าอ้วนไห่
แม้ว่าเจ้าอ้วนไห่จะทำสัญญาไม่สำเร็จก็ตาม
สาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยเกลียดความคิดที่เจ้าอ้วนไห่จะจับนกย่างกินในตอนแรก แต่ตอนนี้นางได้แต่พูดสมน้ำหน้าเขา
หลังจากผ่านไปชั่วโมงหนึ่งพี่น้องตระกูลหลี่ก็มาถึง
เนื่องจากกลุ่มสมาชิกมาพร้อมกันหมดแล้ว
พวกเขาตัดสินใจไม่รอโอวเกินและคนของเขา
ตำหนักใต้ดินมีจุดเทเลพอร์ตสองจุด
จุดหนึ่งตรงเข้าตำหนักทอง
และอีกจุดหนึ่งนำเข้าใจกลางของวังเบญจธาตุและจากนั้นก็ออกไปป่าหยกคราม
“พวกเจ้าทุกคนออกไปก่อน
เราจะรอต่อเกินกว่าสามชั่วโมง
ถ้าพวกเรายังไม่พบสหายของพวกเรา
เราจะกลับไปสมาคมนักรบและส่งผู้อาวุโสมาพาพวกเขาออกจากวังเบญจธาตุ แน่นอนว่า
ข้าคิดว่าพวกเขามีโอกาสเสียสละตนเองสูงมาก”
มีแววหม่นหมองแฝงอยู่ในคำพูดของโอวเกิน
แต่เขารู้ว่าไม่มีอะไรสำหรับเย่ว์หยาง
ยอดผู้เสียชีวิตอาจจะสูง
พวกเขาทั้งหมดอาจเสียชีวิตโดยไม่มีผู้ใดรู้ก็ได้
“ไตตันน้อย, เจ้าต้องพานักผจญภัยมาเที่ยวที่นี่เยอะๆ นะ ข้าเหงามาก และข้าหวังว่าเมื่อเจ้ามีเวลาว่าง
ขอให้พาสหายของเจ้ามาเยี่ยมข้าบ้าง”
จ้าวปฐพีรู้สึกปลื้มเย่ว์หยาง
เพราะที่สำคัญที่สุด
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะใจกว้างเหมือนเย่ว์หยางที่ยอมคืนสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เขาพนันชนะกลับมาให้เขา
“แน่นอน, เจ้าแค่รอรับนับเงินในกระเป๋าอยู่ที่นี่แหละ”
เย่ว์หยางตัดสินใจจะส่งเสริมวังเบญจธาตุและทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม
เมื่อเขาออกไปจากที่นี่ เพราะเขากวาดสมบัติไปจากที่นี่หมดแล้ว
“.....” นักผจญภัยลอบสาบานว่าจะไม่ยอมมาที่วังเบญจธาตุบ้าๆ แห่งนี้อีก
แต่โอวเกินรู้สึกว่าเป็นที่ๆ ดีมากสำหรับฝึกฝน
ถ้าพวกเขาสามารถผ่านวังเบญจธาตุได้
เขาเชื่อว่า เขาสามารถเที่ยวไปได้ทั่วหอทงเทียนชั้นหกได้อย่างอิสระ
แม้กระทั่งไปต่อยังหอทงเทียนชั้นที่เจ็ดก็ยังได้
ในวังเบญจธาตุ จะบอกความจริงนักผจญภัยทุกคนว่าหากปราศจากสัตว์อสูร
นักรบก็ไม่มีอะไร
ต่อให้นักรบมีอสูรเพียงตัวเดียว
เขาก็ยังไม่มีอะไร
ถ้าเขาต้องการเป็นผู้ทรงพลังจริงๆ
อย่างนั้นเขาจะต้องทรงพลังให้รอบด้าน
กลุ่มนักผจญภัยกลุ่มหนึ่งจะต้องอดทนต่อความยากลำบาก
เพื่อรับการฝึกฝนเป็นอย่างดี
สมบัติน่ะหรือ?
อย่าไปคิดถึงมัน
ถือว่าเป็นรางวัลยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิตแล้วถ้าผู้ฝึกสามารถออกมาได้จากวังเบญจธาตุทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ได้
ในโลกนี้จะหาสมบัติได้ก็คงมีแต่คนที่ผิดปกติอย่างเย่ว์หยางเท่านั้น
เมื่อพวกเขาออกมาที่ป่าหยกคราม
เจ้าอ้วนไห่โม้เกี่ยวกับฝีมือที่สูงส่งของเขาจนได้สมบัติสุดท้ายมา รากไม้ปีศาจจากปีศาจไม้หมื่นปี แต่มันดึงดูดความสนใจเย่ว์หยาง
“อย่าพูดอย่างนั้น บางทีรากไม้ปีศาจอาจมีประโยชน์อย่างอื่น
“เจ้าว่ามันจะมีประโยชน์กับปิงเอ๋อไหม?”
เจ้าอ้วนไห่ตื่นเต้นจนหน้าแดงเมื่อได้ยินเย่ว์หยางพูด
“ไม่, คงไม่เป็นประโยชน์สำหรับนาง
แต่อาจเป็นประโยชน์สำหรับพวกเจ้าทุกคน” เย่ว์หยางโบกมือ
จากนั้นตะโกนมาทางเจ้าอ้วนไห่ที่กำลังผิดหวังว่า “สะสมทองให้มากเข้าไว้ เจ้าต้องซื้อไม้พิษยางน่องและไม้เนื้อแข็งทอง
และในเวลาสั้นๆ ซึ้อไม้อย่างไหนก็ได้ที่เนื้อดีๆ
ข้าจะทดสอบให้ดูว่ารากไม้ปีศาจสามารถใช้สร้างมนุษย์พฤกษาที่แข็งแกร่งทีหลัง แม้ว่าพวกมันจะยังไม่สามารถกำจัดปีศาจได้ แต่พวกมันก็สามารถป้องกันเมืองได้ เอาอย่างนี้เป็นไง
เราไปถามสมาคมนักรบว่าพวกเขาจะยอมขายป่าหยกครามหรือไม่ เราจะซื้อพื้นที่รอบๆ
วังเบญจธาตุเพื่อสร้างเมืองสักเมือง อย่างนี้ดีไหม? และจากนั้นพวกเจ้าจะได้มีที่สำหรับตั้งหลัก ถ้าคนจากทวีปมังกรทะยานและคนที่รู้จักกันมาเยี่ยม
พวกเจ้าก็มีที่เอาไว้ต้อนรับพวกเขา
แน่นอนว่าเจ้าคงไม่ต้องการให้จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้และผู้อาวุโสอื่นๆ
ต้องมาคอยยืนคุยอยู่ที่ลานหงทงเทียนชั้นหกหรอกนะ?”
“สร้างเมืองๆ หนึ่ง
เราจะเอาเงินมาจากไหน”
องค์ชายเทียนหลัวถึงกับพูดไม่ออก
สร้างเมืองไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
“เงินไม่เป็นปัญหาหรอกน่ะ”
เย่ว์หยางไม่เคยกังวลเรื่องมีเงินไม่พอ
ถ้าเขาขาดแคลนเงิน
เขาก็แค่ไปชิงมาจากคนอื่นๆ ... เขาโบกมือ
“ทุกคนก็รับภารกิจมูลค่าแสนเหรียญทองสิ, ที่เหลือข้าจัดการให้”
“เราจะไปเลือกภารกิจนั้นจากใครได้?”
สาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยไม่เข้าใจ
ทำไมจะต้องมีคนมาบริจาคเงินสร้างเมืองให้คนอื่น?
“ปล้นเอาจากคนแปลกหน้า!”
ทันทีที่พูดออกมาจากปากเย่ว์หยาง ทุกคนทรุดลงกับพื้น แน่นอนว่าเจ้าหมอนี่ เลวบริสุทธิ์
16 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ 555
แข่งฉี่ไกล 5555ปืนใหญ่เฮียหยางทรงพลังยิ่งนัก
ปล้นเอา ร้ายอ่ะ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ. 55. ชอบตรงปล้นเอานี้และ
เลวบริสุทธิ์ อืมมมม ชอบคำนี้จัง 5555
ขอบคุณมากคับ
เย่ว์หยาง นายยยยชัาวมากกก ถึงมากที่สุดด
แข่งฉี่ไกล คิดถึงเรื่องไอ้หนุ่มพลังไวอาก้าเลย
ขอบคุณครับ รู้สึกไอ้ที่อยู่ในวังเบญจธาตุนี่นิสัยีไปเลยครับ
จะตาม eng ทันล่ะ
ขอด่าหน่อยนะไอเลวเอ้ยพี่หยางเลวจริงๆ
เลวยันเงา
ในที่สุดเย่ว์หยางเราก็เริ่มที่จะสร้างอาณาจักรของตนแล้ว!
โอ้ ~ อยากรู้จริงๆ ว่าเมืองจะผิดมนุษย์มนามากแค่ไหนกัน 555+
ป.ล. ทีนี้ล่ะพวกนักล่ามังกรเอ๊ยยยยย ได้กลายเป็นยาจกแน่พวกเอ็ง
เงินพี่ไม่เคยขาดมือ เรื่องเงินไม่ใช้ปัญหา ปล้นเอาสิ อิเยว่หยาง 55555555555555555
^^ ขอบคุณค่ะ
Thx
แสดงความคิดเห็น