ตอนที่ 2-12
โอวาท
เมื่อเวลาผ่านไป
พริบตาเดียวผ่านไปหนึ่งเดือน
ต้นไม้ใหม่หลายต้นเริ่มงอกในเมืองอู่ซันจนเต็มพื้นด้วยบรรยากาศของฤดูใบไม้ผลิ
ภายใต้ต้นสน
ลินลี่ย์นั่งขัดสมาธิเข้าสู่สภาวะเป็นสมาธิเพื่อสั่งสมพลังจิต
หลังจากเข้าสมาธิแล้ว
ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ถึงจุดแสงสีดินมหาศาลและจุดแสงสีเขียว
จุดแสงนับไม่ถ้วนเหล่านี้โคจรเข้าร่างกายของเขาต่อเนื่อง
ผ่านทางแขนขาและกระดูกชำระจนบริสุทธิ์แล้วก็ถูกเก็บกักไว้ในจุดศูนย์พลังที่กลางอก
ภายในศูนย์รวมพลังของเขา
มีหมอกดินผสมด้วยหมอกสีเขียว
หมอกสีดินก็คือพลังเวทธาตุดินของเขา ขณะที่หมอกสีเขียวก็คือพลังเวทธาตุลม
“เฮ้อ..” ลินลี่ย์ค่อยๆ
ระบายลมหายใจและถอนออกจากสมาธิ
เดลิน
โคเวิร์ทอยู่ในชุดขาวนวลนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ เขา
ใบหน้าเขาประดับรอยยิ้มขณะที่ยินดีกับสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัว พอเห็นลินลี่ย์ตื่นขึ้น เขาหัวเราะ “ลินลี่ย์!
พรุ่งนี้เจ้าจะต้องไปสถาบันเอินส์แล้ว วันนี้เจ้ายังฝึกหนักอีกหรือ?”
ลินลี่ย์เม้มปากยิ้ม “ปู่เดลิน
ข้าเชื่อว่าท่านเป็นคนพูดเองนะว่านักสู้ที่แข็งแกร่งต้องฝึกหนักทุกวัน ไม่ย่อหย่อนแม้แต่น้อย ฝึกระยะยาวเท่านั้นถึงเพิ่มพลังที่น่าทึ่งได้”
“เด็กเอย!
ตอนนี้เจ้ากำลังให้คำแนะนำข้าเสียแล้วหรือ?”
เดลิน โคเวิร์ทหัวเราะพลางบ่นพลาง
“หึหึ” ลินลี่ย์ร่าเริง
“วูบ!”
เงาดำจากที่ไกลพุ่งวาบมาหาพวกเขา และปรากฏอยู่บนไหล่ลินลี่ย์ชั่วพริบตา เป็นหนูเงาบีบีนั่นเอง บีบีน้อยกระโจนเข้าหาลินลี่ย์ ในปากของมันเคี้ยวบางอย่างอยู่ ขณะที่มันชี้ไปที่กระต่ายป่าที่ตายแล้ว
จากการเห็นสีหน้าของบีบี ลินลี่ย์รู้ว่ามันต้องการอะไร
“เจ้าต้องการให้ข้าปรุงให้หรือ?” ลินลี่ย์หัวเราะขณะพูด
บีบีพยักหน้าหงกๆ
“ลินลี่ย์”
เดลิน โคเวิร์ทที่อยู่ใกลๆพูดกับเขา
“หนูเงาน้อยตัวนี้แปลกจริงๆ ตั้งหลายเดือนแล้วดูจากขนาดของมัน
มันแทบจะไม่โตขึ้นเลย สำหรับลูกหนูเงา ความเร็วในการเติบโตน่าจะสังเกตเห็นได้ชัด
“ข้าคิดอะไรอย่างอื่นไม่ออก” ลินลี่ย์ส่ายหน้า
แม้ว่าหนูเงาบีบีจะไม่เพิ่มขนาดตัว แต่ความเร็วของมันเพิ่มขึ้นอย่างสังเกตได้
“มันแปลกมากจริง” เดลิน โคเวิร์ทมองดูบีบี ตอนนี้
บีบีไม่มีความคิดแต่อย่างใดว่าวิญญาณตนหนึ่งกำลังประเมินมันอยู่
“สายแล้ว ข้าจะต้องเริ่มฝึกอย่างนักรบในไม่ช้าด้วย”
ลินลี่ย์ลุกขึ้นยืนและคว้ากระต่ายตายขณะที่เขามุ่งหน้าลงจากเขา เดลิน โคเวิร์ทเหาะอยู่ข้างๆ
เขาและพูดด้วยความไม่สบายใจว่า “ลินลี่ย์ ในอนาคตเจ้าจะต้องเป็นจอมเวท
ทำไมเจ้าถึงยังฝึกเป็นนักรบอีกเล่า?”
ลินลี่ย์หัวเราะ
“ปู่เดลิน
ข้าพบว่าการฝึกเป็นนักรบสามารถทำให้ข้าเพิ่มความอดทนได้ ความบริสุทธิ์ของพลังจิตของข้าก็ยังเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน”
“แน่นอนว่าข้ารู้เรื่องนั้น” เดลิน โคเวิร์ทพูดอย่างไม่พอใจ
“แต่วิธีฝึกพื้นฐานแบบนั้นจะเทียบกับการเข้าสมาธิและเพิ่มความบริสุทธิ์ให้พลังจิตได้ยังไง?”
ลินลี่ย์ปิดปากเงียบและไม่พูดอะไรต่อ
ขณะที่ฝึกการต่อสู้ทำให้พัฒนาความบริสุทธิ์ของพลังจิตได้ก็จริง แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง
เหตุผลที่แท้จริงที่ลินลี่ย์ยังคงฝึกวิชาต่อสู้ต่อไปอย่างนี้
“ในอนาคต
ถ้าข้ามีโอกาสดื่มเลือดมังกร
ข้าจะสามารถฝึกตามคัมภีร์ลับเลือดมังกรได้
ข้าจะต้องฝึกฝนร่างกายของข้าต่อไป
ร่างกายนี้ก็เหมือนกับขวด
ขณะที่ปราณเป็นเหมือนเหล้า
ร่างกายนี้สำคัญมาก ข้าจะสร้างพื้นฐานนี้ไว้แต่เนิ่นๆ
จะได้ก้าวหน้าได้เร็วเมื่อข้าศึกษาคัมภีร์ลับเลือดมังกรในอนาคต”
ความจริง เรื่องความสัมพันธ์ของการฝึกพลังจิต
ในแต่ละวัน
เขาไม่ต้องใช้เวลาที่มากหรือใช้ความสามารถมากมายในการรวบรวมพลังเวทแต่อย่างใด
เวลาของเขาเกือบทั้งหมดใช้ไปกับการเข้าสมาธิฝึกความบริสุทธิ์ของจิต
แต่การใช้เวลาฝึกความบริสุทธิ์ของจิตนั้นเป็นการกระทำที่เหนื่อยมาก การฝึกนักรบเป็นการพักผ่อนรูปแบบหนึ่ง
……
เช้าวันต่อมา ชาวเมืองอู่ซันทั้งหมดมารวมตัวกันที่ถนนใหญ่ในเมืองเพื่อส่งลินลี่ย์
เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมไม่น่าเชื่อสำหรับชาวเมืองอู่ซันที่สามารถสร้างจอมเวทผู้เข้าสถาบันเอินส์ได้
ในแต่ละปี
สถาบันเอินส์จะยอมรับนักเรียนจากทั่วทั้งทวีปยูลานเพียงร้อยคน
ในตอนนี้
ลินลี่ย์ยังคงอยู่ภายในคฤหาสน์ของตระกูลบาลุค
ขณะที่ฮิลแมนและคนอื่นอยู่ข้างนอกกันหมด
ในคฤหาสน์มีแต่เพียงฮ็อก, ลินลี่ย์, วอร์ตันและพ่อบ้านแอชลี่ย์
“ลินลี่ย์, วันนี้ลูกจะเดินทางไปยังสถาบันเอินส์และกลายเป็นนักเรียนของสถาบันเอินส์ เมื่อลูกสำเร็จการศึกษาจากสถาบันเอินส์ ลูกจะเป็นจอมเวทผู้ทรงพลังคนหนึ่ง ก่อนที่ลูกจะจากไป พ่ออยากจะคุยกับลูก...” วันสุดท้ายนี้
ฮ็อกพูดฝากฝังทุกอย่างไว้กับลินลี่ย์
แต่หลังจากชะงักเป็นเวลานาน,
ฮ็อกพูดอยู่เพียงไม่กี่ประโยค “ลินลี่ย์! จำไว้ลูก
ความปรารถนาใจจดใจจ่อของบรรพบุรุษตระกูลบาลุคที่มีมาเป็นร้อยปี
จดจำความอัปยศของตระกูลบาลุคเอาไว้”
ฮ็อกหน้าเขียวเล็กน้อย
“เมื่อลูกจบการศึกษา
ลูกจะเป็นจอมเวทระดับหกเป็นอย่างน้อย
ถ้าลูกฝึกฝนหนัก ก็ไม่ยากที่จะเป็นจอมเวทระดับเจ็ด และยิ่งกว่านั้น ลูกยังเป็นจอมเวทสองสายธาตุ! จอมเวทสองสายธาตุระดับเจ็ด
จะเป็นกำลังสำคัญของอาณาจักรเฟนไลอย่างแน่นอน
ในอนาคต ลูกจะสามารถนำสมบัติของบรรพบุรุษตระกูลเรากลับมาได้ ถ้าลูกไม่ทำ
ต่อให้พ่อตาย พ่อจะไม่ยกโทษให้ลูก”
ฮ็อกจ้องลินลี่ย์เขม็ง
“ต่อให้พ่อตาย
พ่อจะไม่ยกโทษให้ลูก!”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ลินลี่ย์ใจสั่นสะท้าน
นี่คือคำสั่งเสียของบิดาเขาก่อนแยกจากกัน
“ท่านพ่อ! อย่ากังวลไปเลย ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิต
ข้ามั่นใจว่ามรดกของบรรพบุรุษตระกูลบาลุคจะต้องเอากลับคืนมา” ลินลี่ย์สัญญา
พอเห็นแววตาที่จ้องเขม็งของบิดาเขา เขาก็ตัดสินใจแน่วแน่เช่นกัน
นัยน์ตาของฮ็อกเริ่มเป็นประกายและเขาตบบ่าลินลี่ย์หนักแน่น
“พ่อเชื่อในตัวลูก ลูกพ่อ!”
….
บนถนนทางทิศตะวันออกของเมืองอู่ซัน ลินลี่ย์หันศีรษะไปเห็นใบหน้าของคนที่คุ้นเคยจำนวนเป็นร้อยมาส่งเขาพร้อมกับฮ็อกบิดาของเขาและน้องชายของเขาวอร์ตันผู้ยืนอยู่ข้างหน้า
“พี่ลินลี่ย์, ลาก่อน!”
วอร์ตันน้อยโบกมือเร่าๆ
พอเห็นบิดาและน้องชาย
ลินลี่ย์ก็โบกมือให้เช่นกัน นัยน์ตาเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง
“ท่านพ่อ, วอร์ตัน”
หัวใจลินลี่ย์เต็มไปด้วยความปรารถนา
ตั้งแต่เขาเกิดมา
ลินลี่ย์ไม่เคยออกจากบ้านไปเป็นระยะเวลาที่นาน
แต่เวลานี้เขาจะต้องจากไปนานมาก
ขณะนี้หนูเงาน้อยบีบีเกาะอยู่ที่ไหล่ลินลี่ย์อย่างว่าง่าย ไม่ส่งเสียงอะไรเลย เหมือนกับว่ามันรู้ความคิดของลินลี่ย์ เดลิน โคเวิร์ทในร่างวิญญาณยืนอยู่ใกล้ๆ
และมองดูให้กำลังใจลินลี่ย์
“ลินลี่ย์! ไปกันเถอะ” ฮิลแมนพูด
ฮิลแมนคุ้มกันส่งลินลี่ย์ไปสถาบันเอินส์
ทำเหมือนกับว่าเขาเป็นองครักษ์หากพวกเขาพบกับโจร
ลินลี่ย์มองดูครอบครัวของเขาอย่างอาลัยอาวรณ์
ในที่สุดก็ฝืนใจตนเองเดินจากมาและมุ่งหน้าสู่สถาบันเอินส์
“ลาก่อน, ครอบครัวเรา, ลาก่อนบ้านของเรา”
ปฏิทินยูลานปี 9991
ลินลี่ย์อายุเก้าขวบพร้อมกับหนูเงาน้อยบีบี และฮิลแมนหัวหน้าทหารยามของตระกูลบาลุคเดินทางออกมาจากเมืองอู่ซัน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น