วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 2 แผ่นป้ายบรอนซ์



ตอนที่  2  แผ่นป้ายบรอนซ์
ฟ้ายังไม่สว่าง แต่ถังเทียนตื่นแล้ว
พอล้างหน้าเสร็จ ถังเทียนเปิดไฟและนั่งอยู่อยู่โต๊ะคลี่กระดาษออกและเริ่มก้มหน้าก้มตาเขียน
 “เชียนฮุ่ย, เธอสบายดีหรือเปล่า?  ฉันคิดถึงเธอมาก  ทุกอย่างสำหรับฉันเป็นไปด้วยดี  ไม่ต้องเป็นห่วง ภาคเรียนใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้ว และฉันยังได้รับตำแหน่งผู้ช่วยอาจารย์เฉินในคาบวิชากระบี่  ไม่มีเธออยู่ที่นี่  ฉันรู้สึกเบื่อมาก  ทุกคนดูถูกฉัน  ฉันไม่ชอบพวกเขาเลย  เมื่อเร็วๆ นี้สุขภาพอาจารย์เฉินไม่ค่อยดีนัก  แต่เขาเป็นคนดีและฉันปรารถนาจะให้เขาสุขภาพดีตลอดไป  ลุงหวีเป็นยังไงบ้าง? ช่วยทักทายเขาแทนฉันด้วยนะ  ฉันหวังว่าจะได้เห็นน้ำตกดาราอมตะที่ธอเคยบอกไว้  ฉันไม่อาจนึกได้เลยว่าจะน่าตื่นเต้นเพียงไหน  ฉันยังคงหมั่นเพียรฝึกซ้อมต่อไป  อาจต้องใช้เวลานาน แต่ฉันจะไม่ยอมแพ้แน่...”

หลังจากเขียนข้อความมากมาย ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องราวในชีวิตประจำวัน  หลังจากพับกระดาษจดหมายอย่างระมัดระวังแล้ว  ถังเทียนปิดผนึกซองจดหมาย
จ่าหน้าซองอย่างระมัดระวัง เมืองอิงเซียนซิงจั่ว  ถนนสายสิบห้า สถาบันไป่หง  ซ่างกวนเชียนฮุ่ย ห้อง 3/1
เสร็จแล้ว เขาล้วงแสตมป์เส้นทางอากาศที่ได้เตรียมไว้ก่อนแล้วออกมาและปิดไว้ที่หน้าซอง
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้ว  เขาลุกขึ้นอีกครั้งและเดินไปที่ลานบ้าน
อากาศยามเช้านำความสงบสุขมาสู่หัวใจผู้คน  ถังเทียนกางมือข้างหนึ่งและข้างหนึ่งและยึดค้างไว้จนกระทั่งกล้ามเนื้อเขาสั่น ก่อนเปลี่ยนตำแหน่งในการฝึกประจำวัน
สิ่งที่เขากำลังฝึกก็ยังคงเป็นวิทยายุทธพื้นฐาน
หลังจากฝึกฝนมาเกือบปี   ความรู้หมัดมวยของเขาแทบจะสมบูรณ์แบบ
พื้นฐานหมัดมวยประกอบด้วยการเคลื่อนที่ 3 รูปแบบคือ หมัดขว้าง หมัดแย็บ หมัดฮุค  หมัดขว้างต้องใช้พลังมาก ลึกและมีพลังรุนแรง หมัดแย็บเป็นหมัดที่เบารวดเร็วที่ต้องใช้ให้เข้ากับจังหวะเท้า  หมัดฮุคเป็นการผสมผสานระหว่างหมัดขว้างและแย็บ แต่เน้นไปที่มุมมากขึ้น
ทุกๆ พื้นฐานดูเหมือนง่าย  แต่เมื่อความเคลื่อนไหวเหล่านั้นถูกใช้โดยถังเทียน  กลับมีความสง่างาม  ทั้งนี้หลังจากฝึกซ้อมมาเป็นพันครั้งเพื่อให้ได้ความสมบูรณ์แบบ
ในสภาพที่เอาจริงจัง  ถังเทียนฝึกหนัก ไม่มีสักครั้งเลยที่แววเหนื่อยล้าจะปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของเขา
ไม่ช้าเขาก็หลั่งเหงื่อทั่วทั้งตัว เสื้อผ้าเปียกโชก  หยาดเหงื่อขนาดเท่าเมล็ดถั่วไหลไปตามลำคอเขา
ถ้าดูให้ดี จะเห็นไอมัวๆ ระเหยออกมาทั่วตัวของเขา
เขาฝึกฝนครั้งแล้วครั้งเล่าในท่าเดิม บางครั้งก็หยุดชั่วขณะก่อนจะเปลี่ยนท่า แล้วย้อนกลับไปฝึกอีกครา  เวลาผ่านไปเชื่องช้า ขณะที่พระอาทิตย์ลอยสูง  อากาศเย็นเริ่มสลายไป
ถังเทียนดื่มด่ำกับการฝึกมากเกินไป
ทันใดนั้น สัญญาณปลุกก็ดังขึ้นและถังเทียนหยุดการฝึกของเขาทันที  หมดเวลาแล้ว
เฮ้อ..
เสียงหอบหายใจดังอยู่ที่ลานบ้าน  ถังเทียนงอตัวยันเข่า เม็ดเหงื่อเท่าลูกปัดหยดจากคางลงพื้น  เมื่อใดก็ตามที่เขาฝึก  เขาจะคร่ำเคร่งกับการฝึกโดยไม่รู้สึกอะไร ซึ่งทำให้เหงื่อออกมาก และชั่วครู่ก็หายไปหลังจากที่เขาหยุด
ห้านาทีต่อมา  ถังเทียนหายจากอาการงุนงง  เขายืดตัวตรงยกเข่าที่อ่อนแรงเดินไปที่มุมลานฝึกซึ่งมีบ่ออยู่บ่อหนึ่งมีน้ำเต็มเปี่ยม  ถังเทียนเดินลุยลงบ่อจนได้ยินเสียงน้ำกระเซ็น
น้ำในบ่อยามเช้าตรู่เย็นเหมือนน้ำแข็ง หนาวลึกจนถึงกระดูก  ทันทีที่ลงบ่อได้ เขาถึงกับสั่น
เขาเม้มปากแน่นเหมือนกับพยายามทนเจ็บปวด  ผ่านไปสองนาทีเขาก็ปรับตัวเข้ากับความเย็นของน้ำในบ่อได้  จากนั้นเขานั่งขัดสมาธิเน้นการฝึกฝนที่ใจ
ได้อยู่ในสถาบันแอนดรูว์มาห้าปีการฝึกพลังสมาธิขั้นพื้นฐานของเขาทำได้สมบูรณ์   พื้นฐานการฝึกจิตนั้นเน้นฝึกที่แก่น  และตราบใดที่มีความพากเพียรอย่างเพียงพอ ก็อาจเข้าใจได้ในเวลา 1-2 ปี จากนั้นจึงถือว่าสำเร็จได้   ถังเทียนมีรากฐานที่ไม่แข็งแกร่ง แน่นอนว่าเขาใช้เวลาทั่วไปถึงห้าปี  แต่เขาไม่ได้ย่อท้อจนกระทั่งพื้นฐานพลังสมาธิของเขานั้นทำได้สมบูรณ์  ในไม่ช้าเขาเริ่มค้นหาการฝึกฝนพลังสมาธิขั้นที่สอง นั่นมีความจำเป็นต้องไปเข้าศึกษาในสถาบันอื่น
อีกอย่างถังเทียนไม่ต้องการเสียเวลา  ดังนั้นเขาจึงมองหาวิธีการรอบๆ ตัว อาจารย์เฉินสังเกตเห็นสภาพของถังเทียนจึงขอให้เขามาเป็นผู้ช่วยสอน  และเขาได้สอนเคล็ดวิชาลมปราณภายในขั้นที่สองเป็นการตอบแทน
จากนั้นเป็นต้นมา ถังเทียนจึงเริ่มฝึกวิชาลมปราณขั้นที่สอง
เคล็ดลับฝึกปราณเหมาะกับคนที่จะพัฒนาวิทยายุทธในขณะที่มีพลังดั้งเดิมไม่พอ ผลดีก็คือมีปราณคอยเสริมความแข็งแกร่ง  เคล็ดการฝึกลมปราณนี้ถังเทียนฝึกเองจนช่ำชองอย่างรวดเร็ว ขณะที่วิชาต่อสู้ระดับต่ำก็ใช้ออกง่ายๆ เน้นไปที่การขยันฝึก  ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการที่หลากหลาย
หลังจากความอุ่นและพลังปราณกระจายไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ขับไล่ความเย็นออกไป  ช่วยให้ร่างกายที่เหนื่อยล้าคืนสภาพได้เร็ว
ถังเทียนลืมตาหลังจากผ่านไปชั่วโมงหนึ่ง
ความเมื่อยล้าถูกขับออกไปและเขารู้สึกว่ามีพลังวังชา  เขาไม่ได้ลุกออกไปทันที  กลับเอนตัวครึ่งหนึ่งนอนแช่ในน้ำและมองดูฟ้าสีคราม
ตอนนี้เชียนฮุ่ยทำอะไรอยู่
สายตาของเขาอ่อนโยน แต่กลับคืนสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็วและเขาถอดแผ่นป้ายทองแดงที่คอของเขาออก  ป้ายทองแดงนั้นร้อยด้วยด้ายสีแดงหลายเส้น  ด้ายเส้นนี้ร้อยโดยมารดาเขา  อีกเส้นหนึ่งร้อยโดยเชียนฮุ่ย  เมื่อเชียนฮุ่ยอยู่ในเมืองซิงฟง  นางจะด้ายแดงร้อยแผ่นทองแดงให้ถังเทียนทุกปี
ขนาดของแผ่นป้ายทองแดงจะคล้ายกับเหรียญกษาปณ์ ในแง่ลักษณะ มันดูเก่า อีกด้านหนึ่งของแผ่นป้ายทองแดงจะมีภาพคำว่า “สิบ” ส่วนอีกด้านเป็นภาพแม่น้ำที่คดเคี้ยว  แม่น้ำที่ดูเหมือนมีดาวระยิบระยับนับล้านดวง  ด้านล่างแม่น้ำมีเส้นตัวเลข มันเป็นสีเทา แต่สีนั้นจางไปมาก ทำให้ยากจะมองเห็นได้
ถังเทียนสวมแผ่นป้ายทองแดงนี้ตั้งแต่เขายังเด็ก แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้เขาสังเกตเห็นตัวเลข
นอกจากนี้ เขาสังเกตตัวเลขจะเปลี่ยนไปเมื่อเวลาผ่านไป ตอนที่เขาเริ่มฝึกวิทยายุทธขั้นพื้นฐาน
เขามักจะสงสัยเกี่ยวกับการค้นพบครั้งใหม่บนแผ่นป้ายทองแดงของเขา
แม้จะไม่ค่อยระวัง แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่  เขาพบรูปแบบการเปลี่ยนแปลงของตัวเลขบนแผ่นป้ายทองแดงอย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่เขามีความก้าวหน้าในวิชาต่อสู้ขั้นพื้นฐาน ตัวเลขก็จะกระโดด
จากวันนั้นเป็นต้นมา  เขาตระหนักได้ว่า มารดาที่เขาเคยคิดว่าเป็นคนธรรมดา  ดูเหมือนจะไม่ใช่คนธรรมดาอีกต่อไป มันเริ่มบอกเขาว่า เขาไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับความตายของมารดาเขา
และเจ้าบัดซบที่ทอดทิ้งนาง (หมายถึงสามีของแม่)
ถังเทียนปรารถนาจะรู้ความจริง  เขาต้องการจะคลี่คลายความลี้ลับ
แผ่นป้ายทองแดงเป็นเพียงเบาะแสเดียวที่มีอยู่ในมือของเขา
เขาเริ่มต้นฝึกวิชาต่อสู้พื้นฐานเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงบนแผ่นป้ายทองแดง  เมื่อเขาเชี่ยวชาญวิชากระบี่พื้นฐาน หมายเลขก็หยุดกระโดด  ดังนั้นถังเทียนเริ่มลองทำสิ่งที่แตกต่าง  เขาพยายามฝึกวิทยายุทธระดับสอง  แต่ตัวเลขก็ไม่ขยับจนกระทั่งเขาเปลี่ยนไปฝึกวิชาหมัดมวยพื้นฐาน ตัวเลขจึงเริ่มกระโดดอีกครั้ง
เป็นวิชาต่อสู้พื้นฐานที่ทำให้ตัวเลขกระโดด
ปีแล้วปีเล่า วิชาต่อสู้ก็เปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า จำนวนตัวเลขวิ่งวิ่งจากหลักหมื่นขึ้นไปถึงสองหมื่น.... มันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ระหว่างที่แผ่นป้ายทองแดงไม่มีปฏิกิริยา  สายตาคนรอบข้างที่จับจ้องมองเขาค่อยๆ เปลี่ยนไป มีแต่แววตาเยาะเย้ยโถมเข้าหาถังเทียน
ถังเทียนก็คงเป็นเหมือนเมื่อห้าปีที่แล้ว
จำนวนเลขยังคงเปลี่ยนต่อไป
99,9400
ถังเทียนเอาป้ายทองแดงกลับมาคล้องคอ  แต่เขาไม่ทันสังเกตเห็นว่าตัวเลขสีเทาเริ่มเรืองแสงเล็กน้อย  ถังเทียนโดดออกมาจากบ่อ เช็ดตัวให้แห้งและนุ่งห่มชุดใหม่ เขาคว้าจดหมายบนโต๊ะที่เตรียมจะส่งให้เชียนฮุ่ยและออกไปจากบ้าน
บ้านของเขาอยู่ไกลจากสถาบันแอนดรูว์ และมีคนไม่กี่คนเดินอยู่บนถนน
มีเพียงที่เดียวที่รับไปรษณีย์อากาศในเมืองซิงฟงและนั่นก็คือที่ทำการไปรษณีย์ที่อยู่ทางทิศใต้ของเมือง ความเร็วของถังเทียนมิได้ช้าเลย  เขาเชี่ยวชาญวิชาตัวเบามานานแล้ว และสามารถทรงตัวในส่วนบนไว้และซอยขาอย่างรวดเร็ว  เขาก้าวยาวหนึ่งก้าวสลับก้าวสั้นสามก้าวและทำซ้ำอย่างนี้อีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ขณะที่ยังเป็นเวลาเช้าตรู่ ที่ทำการไปรษณีย์ยังไม่เปิดทำงาน  จากนั้นถังเทียนหย่อนจดหมายในตู้ไปรษณีย์ด้านนอกที่ทำการ
อิงเซียนซิงจั้วอยู่ไกลมาก ต้องใช้เวลาสามเดือนกว่าเชียนฮุ่ยจะได้รับจดหมายของเขา
เขาเงยหน้ามองฟ้าและรู้สึกสงบ

เมื่อถังเทียนมาถึงหน้าสถาบัน  มีกลุ่มคนรวมตัวออกันแน่นอยู่ข้างนอกสถาบันจนแม้แต่น้ำยังมิอาจหยดผ่านได้  ถังเทียนขมวดคิ้ว  วันนี้เขาต้องดูแลชั้นสอนวิชากระบี่  คงไม่ดีแน่ถ้าเขาไปสาย  อย่างไรก็ตามเขารู้สึกขอบคุณอาจารย์เฉินที่ช่วยเหลือและห่วงใย  แน่นอน เมื่อเขาทำงาน เขาเอาจริงมากและเขาไม่เคยสาย  ถือเป็นเรื่องแตกต่างมากเมื่อเทียบกับตอนเป็นนักเรียนในชั้นเรียน
 “ขอโทษนะ!”
เขาแหวกฝูงคนออกไป นักเรียนที่ถูกดันออกไปด้านข้างโวยวาย  แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าเป็นถังเทียน  พวกเขาถอยกลับทันที
 “กู่เซี่ยวหวี่!  ฉันจะปล่อยแกไป ถ้าแกคำนับฉัน!”
เด็กชายท่าทางหยิ่งจัดดูราวกับว่าจะเอาจมูกชี้ฟ้ากำลังยืนอยู่ในกลุ่มเด็กที่แต่งตัวดีใช้ของคุณภาพดีมาก  ดูเหมือนว่าเขาจะมาจากตระกูลที่ดี  ข้างๆ เขาเป็นเด็กอีก 2-3 คนรูปร่างแข็งแรงมีสีหน้าเยาะเย้ย  ข้างหน้าพวกเขาเป็นเด็กชายตัวผอมนอนตัวงอ  ดูเหมือนเขากำลังเจ็บปวด
 “คุกเข่า! เร็วเข้า, ได้เวลาเรียนแล้วนะ!”
 “แม่งเอ๊ย, ดูเหมือนเรายังอัดมันไม่พอ!”
เด็กกร่าง 2-3 คนทำดุ
ถังเทียนเบื่อหน่ายกับภาพที่เห็น  แม้ว่าเขาจะถูกมองว่าเป็นเด็กเกเรในสถาบันแอนดรูว์  แต่เขาไม่เคยรังแกเด็กและคนอ่อนแอ  ที่สำคัญที่สุด คนพวกนี้ขวางทางทำให้การสัญจรติดขัด  อีกไม่กี่นาทีก็จะเข้าเรียนแล้ว
 พวกแกเพิ่งมาที่นี่ใหม่หรือ?  ถังเทียนยืนเด่นจ้องมองด้วยความไม่เป็นมิตร “ไปซะ!”
 อะไรกันนี่แก, ไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหน ถึงกล้ายุ่งเรื่องของคนอื่น?” เด็กหัวโจกเยาะเย้ย
ถังเทียนรู้ว่า ถ้าเขายังแกร่วอยู่ในที่นี้ เขาคงจะสายแน่นอน  เขาไม่สนใจจะพูดอะไรอื่น ในชั่ววับเดียวเขาก้าวเท้าฉากออกไปด้านข้างและพุ่งเข้าหาเด็กหัวโจก  แววตาหวาดกลัวปรากฏอยู่ในตาของเด็กหัวโจก  ถังเทียนคว้าคอเขาบีบไว้แน่น
เหมือนกับจับไก่  เขาจับคอเจ้าเด็กนั่นยกด้วยมือเพียงข้างเดียว
อาการหายใจไม่ออกทำให้เด็กคนนั้นหน้าคล้ำ
 “หยุดนะ! แกกล้าดียังไง ถึงได้ทำร้าย...”
 “ตายเสียเถอะ แก!”
พวกเด็กผู้ชายรูปร่างแข็งแรงตกใจและรีบวิ่งเข้ามา  ถังเทียนมีประสบการณ์ต่อสู้มากมายอยู่แล้ว  เขาเหวี่ยงหมัดต่อยออกไปโดยไม่ต้องมองแล้วจากนั้นก็ไล่ทุบเด็กคนอื่นๆ
ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที เด็กคนอื่นๆ ก็โดนทุบตีหมดสิ้น
 “เห็นไหม, ถังเทียนป่าเถื่อนโหดร้ายจริงๆ”
 “นั่นธรรมดาอยู่แล้ว เขาเป็นขาโหดเก่าประจำโรงเรียน! เอ...มันชักแตกต่างขึ้นทุกปีนะ  ถ้าเขาไม่ชำระเรื่องยุ่งยาก พวกเด็กกลุ่มใหม่ๆ จะไม่มีทางรู้ว่าที่นี่ใครใหญ่สุด!”
 “ภาพลักษณ์ของโรงเรียนเรายังนับว่าดี  แต่ถ้าจอมเกเรอย่างถังเทียนยังไม่ถูกกำจัด  ก็ยังจะทำให้โรงเรียนหาข้ออ้างกำจัดวิญญาณที่เลวร้าย”
ถังเทียนไม่ยอมเหลือบมองกลุ่มเด็กที่นอนอยู่บนพื้น  เขารีบวิ่งตรงไปยังสนามฝึกฝนทันที
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในสนามฝึก  ระฆังเตือนก็ดังทันที
เฮ้อ!
ถังเทียนถอนหายใจยาว  เขาลอบชำเลืองมองไปที่นักเรียนวิชากระบี่ขั้นต้น  หลังจากมีเรื่องซุบซิบเมื่อวานนี้แล้ว  ชื่อเสียงโด่งดังของถังเทียนก็แพร่กระจายไปเรียบร้อย  และนักเรียนทุกคนมองเขาอย่างระมัดระวังขึ้น
เขาแกล้งกระแอมและโบกมือ “เริ่มฝึกกันได้!”
 

3 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

แอบเทพนี่นา

Unknown กล่าวว่า...

ว่าแล้วต้องมีเงื่อนงำ. แบบไม่ทำมดา😁😁

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น