ตอนที่ 2-15
พี่น้องในหอพัก 1987 (2)
นักเรียนส่วนใหญ่ของสถาบันเอินส์จะพักอยู่ในสถาบันเป็นเวลาหลายสิบปี ดังนั้นตามปกติพอจบออกไป
เพื่อนร่วมหอพักจะสนิทกันมาก แม้ว่าเยล
เรย์โนลด์ ลินลี่ย์และจอร์จทุกคนจะดูเป็นผู้ใหญ่เกินกว่าเด็กในวัยเดียวกัน แต่จิตใจของพวกเขายังคงเป็นเด็กอยู่ดี
หลังจากสนทนากันเป็นเวลาสั้นๆ แล้ว พวกเขาทั้งสี่คนก็เพิ่มความสนิทกันมากขึ้น
“ทุกคน! เรามาใช้เวลาทำความรู้จักพื้นที่สถานศึกษาของเราให้ดีขึ้นกันเถอะ คืนนี้ ข้าจะเลี้ยงมื้อค่ำทุกคน ฮ่าฮ่า”
เยลตบอกพูดอย่างกระตือรือร้น
“หมอนี่มีบัตรเวทแก้ว
ถ้าเราไม่ฉวยประโยชน์จากเขา
แล้วเราจะไปฉวยประโยชน์จากใครได้เล่า?”
เรย์โนลด์หัวเราะ
จอร์จและลินลี่ย์ยังคงเป็นเด็กทั้งคู่ และแล้วพวกเขาก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ทันที
“จี๊ด, จี๊ด!” ทันใดนั้นเอง หนูเงาน้อยบีบี โผล่หัวออกมาจากเสื้อของลินลี่ย์ มันเพิ่งตื่นขึ้น หนูเงาน้อยรู้สึกเหงา
ดังนั้นมันจึงโผล่ศีรษะออกมา
“โห, อะไรนั้น?”
เรย์โนลด์สะดุ้งโหยงจนตัวลอย
“บีบี, ตื่นแล้วหรือ?” ลินลี่ย์หัวเราะขณะที่เขาลูบหัวน้อยๆ
ของบีบี บีบีหลับตาอย่างพอใจและจากนั้นก็ลืมตาจ้องมองเรย์โนลด์,
เยลและจอร์จ จมูกน้อยๆ
ของมันแค่นคำรามสามครั้ง ราวกับว่ามันดูถูกพวกเขา
“อสูรเวท, มันคืออสูรเวท!
ข้าเคยดูมาจากในหนังสือ” เยลตะโกนทันที
“ลินลี่ย์, เจ้ามีเพื่อนเป็นอสูรเวทด้วยหรือ?” เรย์โนลด์กับจอร์จยังคงตกใจ
พวกเขายังเด็กทุกคน
หนึ่งในพวกเขาจะทำให้อสูรเวทยอมรับพวกเขาได้อย่างไร?
“บีบียังเป็นลูกอสูรเวท
ข้าแค่ให้อาหารมัน ก็เลยทำให้มันชอบข้า
ดังนั้นข้าก็เลยทำสัญญาผูกพันวิญญาณกับมัน” ลินลี่ย์หัวเราะ
“สวรรค์โปรด, นั่นเป็นอสูรเวทตัวหนึ่งเชียวนะ! ลินลี่ย์ เจ้าน่ะ
น่ากลัวจริงๆ ข้าเคยฝันว่าจะมีอสูรเวทสักตัวตั้งแต่ข้ายังเด็ก” เยลจ้องดูบีบี
ตาของเขาเป็นประกาย “แม้ว่าข้าจะมีม้วนทำสัญญาผูกวิญญาณ
แต่ข้าไม่มีความสามารถบังคับให้อสูรเวทยอมรับข้าได้”
เยลพูดด้วยน้ำเสียงหดหู่
“เจ้าไม่อาจกำราบอสูรเวทได้หรือ?
แม้แต่ลูกอสูรเวทก็ไม่ได้หรือ?”
ลินลี่ย์หัวเราะ
เยลส่ายหน้า “ข้ายังไม่ได้เป็นจอมเวทแม้แต่ระดับหนึ่งด้วยซ้ำ ดูจากพลังข้าแล้ว
บางทีข้าคงฝึกได้แค่อสูรเวทระดับหนึ่งหรือระดับสอง แต่ข้าจะเอาอสูรอ่อนแออย่างนั้นไปทำอะไร?
และลูกอ่อนอสูรเวทระดับเจ็ดหรือระดับแปดมันหาพบได้ยาก ยิ่งกว่านั้น
ลูกอสูรเวทเหล่านั้นยังมีพลังมากกว่าข้า
ต่อให้เป็นลูกอ่อนของมันก็ตาม”
ลินลี่ย์ลอบเห็นพ้องด้วยกับเขา
หนูเงาน้อยบีบีในปัจจุบันนี้แข็งแกร่งในระดับอสูรเวทระดับห้า มันแข็งแกร่งกว่าลินลี่ย์มากนัก แต่ได้อยู่ร่วมกับบีบีมาครึ่งปี เขาบอกได้ว่าบีบีไม่โตขึ้นเลยแม้แต่น้อย นี่คือสิ่งที่ทำให้ทั้งลินลี่ย์และเดลิน
โคเวิร์ทสับสน
“ลินลี่ย์! เจ้าหนูเงาตัวนี้ชื่อบีบีใช่ไหม?
ให้ข้าอุ้มมันหน่อยได้ไหม?”
“บีบี ว่าไง?”
ทันใดนั้นลินลี่ย์ถามบีบีผ่านการเชื่อมโยงทางวิญญาณ
“ไม่, ไม่มีทาง” บีบีสามารถสื่อสารความตั้งใจง่ายๆ
กับลินลี่ย์ผ่านการเชื่อมโยงทางวิญญาณ
ขณะเดียวกัน บีบีแยกเขี้ยวใส่เรย์โนลด์ “จี๊ด จี๊ด!”
มันร้องจี๊ดเสียงลั่นด้วยความหงุดหงิด
เรย์โนลด์อดจุ๊ปากไม่ได้ด้วยความผิดหวัง
“เรย์โนลด์ ข้าจะบอกความลับให้เจ้าอย่างหนึ่ง
บีบีชอบกินเนื้อย่างมาก ถ้าในอนาคต
เจ้าเลี้ยงเป็ดย่างหรือไก่ย่างมัน
ข้าเชื่อว่ามันจะไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อเจ้า” ลินลี่ย์หัวเราะเมื่อเห็นตาของเรย์โนลด์เป็นประกาย
“ได้เลย”
ทันใดนั้นเรย์โนลด์ขมวดคิ้วพลางหันหน้าไปหาเยล “เยล, ถ้าในอนาคต ข้าเงินหมด
เจ้าให้ข้ายืมเงินบ้างได้ไหม เมื่อปู่ลุมมา ข้าค่อยใช้คืนเจ้า”
“ไม่มีปัญหา” เยลพูดอย่างใจกว้าง
“พนันได้เลยว่าทุกคนยังไม่มีโอกาสเที่ยวชมสถานศึกษาเลยใช่ไหม? ไปเถอะ, ไปเดินเล่นกัน
เพื่อสัมพันธ์ดุจครอบครัวของพวกเราดีไหม?” จอร์จยิ้มพลางพูดพลาง
สี่พี่น้อง จอร์จดูเป็นมิตรและหนักแน่นที่สุด
เรย์โนลด์เป็นเด็กที่สุด เยลเป็นเด็กหนุ่มเจ้าสำราญ สำหรับลินลี่ย์ ในสายตาเด็กๆ อีกสามคน
เขาลึกลับที่สุด
จอมเวทสองสายธาตุ สัมพันธ์ธาตุอยู่ในระดับยอดเยี่ยม
และยังมีอสูรเวทคู่ใจอีกด้วย
เขาลึกลับจริงๆ
สถาบันเอินส์เต็มไปด้วยอาคารนับไม่ถ้วนมีอายุเป็นพันๆ ปี ที่ด้านหน้าพวกเขา มีกระทั่งป้ายแนะนำ
ในกลุ่มพวกเขา คนที่เด็กที่สุดอายุแปดขวบ ที่อายุมากที่สุดคือสิบขวบ เด็กๆ
จ้องมองชื่อที่มีชื่อเสียงทีละชื่อด้วยความเทิดทูน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประวัติของนักสู้ระดับเซียน
ซึ่งเป็นเหตุให้หัวใจพวกเขาเต้นรัว
พวกเขาทุกคนฝันว่าสักวันหนึ่งจะเป็นนักสู้ระดับเซียนให้ได้
แต่เสียงหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ หูลินลี่ย์ยังคงหัวเราะเรื่อยๆ
“ไม่มีอะไรมากไปกว่าเด็กรุ่นหลังที่มีแววเท่านั้น
เจ้าผู้นี้แค่กำลังอวดฝีมือฆ่าหมีดำลายม่วงใช่ไหม?
นักสู้ระดับเซียนที่ฆ่าอสูรเวทระดับเก้า ไม่ใช่อสูรเวทระดับเซียนก็เป็นได้แค่ระดับเซียนอ่อนหัดเท่านั้น”
ผู้จบสถาบันเอินส์หลายคนที่มีชื่อเสียงถูกเดลิน โคเวิร์ทวิจารณ์ยับ
….
สี่พี่น้องแห่งหอพัก 1987 พร้อมกับหนูเงาบีบี เดินสำรวจไปทั่วสถานศึกษา ช่วยเพิ่มความคุ้นเคยมากกว่าระดับพื้นฐาน
ยามค่ำคืน ทั้งสี่คนไปที่โรงแรมที่ประดับตกแต่งหรูซึ่งอยู่ใกล้ๆ หอพัก
และเลี้ยงฉลองให้กับพวกเขาเอง แต่แน่นอน
ทุกคนดื่มแต่น้ำผลไม้เท่านั้น
วันรุ่งขึ้น 9 กุมภาพันธ์ โรงเรียนเปิดเทอม!
วันนี้ไม่มีชั่วโมงเรียน
การเรียนทั้งหมดจะเริ่มในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ วันที่ 9
กุมภาพันธ์ก็มีเพียงเข้าไปฟังคำแนะนำของโรงเรียน เพื่อให้พากเพียรอย่างหนัก กลุ่มเด็กอายุ 6-12 ปีเต็มห้องประชุม พวกเขาไม่รู้จริงๆ
ว่าใครกำลังพูดกับพวกเขา เด็กๆ
หลายคนเริ่มฝันกลางวัน
เมื่อพิธีปฐมนิเทศเสร็จ ทุกคนแยกย้ายกันไปอย่างมีความสุข
หลังจากอาหารเย็น สี่พี่น้องชาวหอพัก 1987 ทุกคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ภายในหอพักและปรึกษากันเรื่องชั้นเรียน
“ที่นี่ง่ายๆ มาก แค่เรียนวันละวิชา โอว..ลินลี่ย์เป็นพวกสองสายธาตุ ดังนั้นก็ต้องสองวิชา” เยลถอนหายใจ “แต่สถาบันเอินส์สบายจริงๆ ถ้าเจ้าต้องการเข้าเรียน เจ้าก็ทำได้ ถ้าเจ้าไม่ต้องการ ก็ไม่ต้องเข้าเรียน”
จอร์จยิ้มใจเย็น “เยล! อย่าเพิ่งวางใจ
แม้ว่าจะไม่มีข้อบังคับเป็นทางการสำหรับนักเรียน แต่ทุกๆ ปี จะมีการทดสอบความสามารถ ถ้าเพียงแต่เจ้ามีระดับพลังเพิ่มขึ้น เจ้าก็ได้รับผลการเรียนเพิ่มขึ้น ถ้าเจ้าไม่ฝึกฝนให้หนัก
เจ้าตั้งใจจะอยู่ที่นี่ไปร้อยปีใช่ไหม?
ยิ่งกว่านั้นสถาบันเอินส์ยังมีกฎว่า
ถ้านักเรียนไม่กลายเป็นจอมเวทระดับหกภายในหกสิบปี
เขาจะถูกไล่ออกโดยไม่มีการยกเว้น”
พออ่านกฎข้อบังคับมากมายของสถาบันที่ระบุไว้ในเอกสารแนะนำ ลินลี่ย์พยักหน้าเงียบๆ
แม้ว่าทางโรงเรียนจะไม่เข้มงวดกวดขันในการดูแล
และอนุญาตให้นักเรียนไม่ต้องเข้าเรียนได้ถึงหกสิบปี ทันทีที่ถึงกำหนดหกสิบปี ถ้าท่านยังไม่กลายเป็นจอมเวทระดับหก
ก็ต้องถูกไล่ออก
“ไล่ออกเหรอ?” เยลสะดุ้ง
“ถ้าข้าต้องถูกไล่ออกจริงๆ ผู้เฒ่าที่บ้านคงฆ่าข้าแน่ๆ”
การถูกขับไล่ออกจากสถาบันเอินส์จะมีผลตอบรับทำให้ถูกดูถูกดูแคลนจนเกินจะรับได้
ไม่มีผู้ใดยินดีจะแบกรับเอาไว้
ที่สำคัญที่สุด การได้รับการยอมรับให้เข้าศึกษาก็หมายความว่าพวกเขามีพรสวรรค์กันทุกคน
“การเรียนจะเริ่มขึ้นพรุ่งนี้
ข้าสงสัยว่าพวกครูจะเป็นยังไง
ถ้าพวกเขาไม่เก่งพอๆ กับปู่ลุมของข้า
ข้าคงมาโดยไม่ได้อะไร”
เรย์โนลด์พึมพำ
“เรย์โนลด์ ปู่ลุมของเจ้าเป็นจอมเวทเหรอ?”
ลินลี่ย์ถามระคนตื่นเต้น
“แน่นอน
ในเส้นทางที่ยาวไกลจากจักรวรรดิโอเบรียนถึงสถาบันเอินส์
ปู่ลุมก็ได้เริ่มสอนเวทให้ข้าแล้ว” เรย์โนลด์พูดด้วยความภูมิใจ
เมื่อลินลี่ย์และสหายทั้งสามสนทนากัน พวกเขาทุกคนยิ่งรู้สึกตื่นเต้น
“ชั้นเรียนเวทเดินไม่สำคัญขนาดนั้น เกี่ยวกับการทำความเข้าใจธาตุดิน
บรรดาครูในสถาบันเอินส์จะเทียบกับปู่เดลินได้ยังไง? ชั้นเรียนที่สำคัญที่สุดก็คือชั้นเรียนเวทธาตุลม สงสัยจริงว่าเวทธาตุลมจะเหมือนอะไร?”
วันนี้เริ่มมืดแล้ว
แต่เสียงหัวเราะและสนทนาของเด็กทั้งสี่ยังคงดังอยู่ภายในหอพัก 1987
อย่างต่อเนื่อง
1 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น