วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 2-19 ใครคืออันดับหนึ่ง? (1)



ตอนที่  2-19  ใครคืออันดับหนึ่ง? (1)
ภูเขาด้านหลังสถาบันเอินส์ เป็นสถานที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง
ลินลี่ย์นั่งขัดสมาธิอยู่ริมธารน้ำ  ฟังเสียงน้ำไหลรินเข้าสู่สภาวะเป็นสมาธิตามปกติ และแก่นธาตุดินและแก่นธาตุลมที่อยู่ใกล้เริ่มโชนแสงทันที  ทุกสิ่งทุกอย่างในรัศมีราวๆ สิบเมตรรอบตัวลินลี่ย์กระจ่างและเห็นได้ชัด

แก่นธาตุดินและลมเข้าสู่ร่างกายของเขาผ่านแขนขา  ขณะที่เลือดเนื้อ, กระดูกและอวัยวะภายในทั้งหมดเริ่มดูดซับแก่นธาตุทั้งหมดช้าๆ  ถึงจะช้าแต่มั่นคง ความแข็งแกร่งของร่างกายเขายังคงพัฒนาต่อเนื่อง
ยิ่งไปกว่านั้น แก่นธาตุดินและธาตุลมจำนวนมหาศาล  หลังจากกลั่นบริสุทธิ์แล้ว ก็ถูกเก็บกักไว้ในจุดตันเถียนกลางอกของเขา
เสียงน้ำไหลรินยังคงได้ยินอย่างต่อเนื่อง
ใกล้ๆ ตัวเขาเป็นหนูเงาบีบีกำลังกินเป็ดป่า  ฉากที่สงบสุขราวกับภาพวาด  เหมือนกับว่ามันหลุดออกมาจากภาพวาด
แต่ขณะที่สงบสุขอยู่ที่นี่  สถาบันเอินส์กลับมีงานครึกครื้นรื่นเริง  นักเรียนหลายพัน และนักเวทจำนวนพอๆ กัน แม้กระทั่งคนสำคัญมากมายจากโลกภายนอกล้วนอยู่ในสถาบันเอินส์ทั้งหมด เพื่อมาชมดูการต่อสู้มากมายหลากหลาย
งานแข่งขันประจำปีนั่นเอง
นักเรียนสถาบันเอินส์ทุกคนมีพรสวรรค์ที่น่าภาคภูมิใจ
การต่อสู้ในแต่ละครั้งแต่ละคนนั้นน่าทึ่ง  ในบรรดานักเรียนระดับหนึ่ง บอลดิน, สายฟ้าและดาบสายลมถูกระดมใช้  แต่การต่อสู้ของนักเรียนระดับสามและระดับสี่น่าทึ่งจริงๆ    เวทสนับสนุนต่างๆ และเวทที่มีผลต่อพื้นที่ถูกนำมาใช้  คาถาอย่างคาถาหินแตกตอนนี้ใช้กันเป็นสิบๆ จนถึงร้อย หินก้อนใหญ่กระแทกใส่ศีรษะคู่ต่อสู้ สายฟ้าฟาดลงมาไม่หยุดยั้ง
และนักเรียนระดับห้าและระดับหกล่ะ? นั่นน่ากลัวกว่าอะไรทั้งหมด
เวทที่น่าทึ่งทั้งหมดส่องประกายวูบวาบอย่างต่อเนื่อง  สลับกับเสียงระเบิดที่ดังไม่หยุดหย่อน  นักเรียนที่ชมดูต่างก็ร้องฮือฮาไม่มีหยุด ขณะที่ระดับพลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  คนในสถาบันเกือบทั้งหมดรวมกันอยู่ที่นี่
……..
การแข่งขันประจำปีผ่านไปได้เดือนเศษ ซึ่งตามธรรมดาจะเป็นเดือนที่วุ่นวายที่สุด อึกทึกที่สุดในแต่ละปีของสถาบันเอินส์  ระหว่างช่วงที่วุ่นวายนี้  ลินลี่ย์แค่ไปดูการต่อสู้ของนักเรียนระดับห้าและระดับหกเป็นครั้งคราว  ส่วนเวลาที่เหลือเขาจะฝึกฝนตัวเองเงียบๆ
 “ความจริงการแข่งขันนี้ไม่ได้ตั้งใจให้ใครฆ่าคู่ต่อสู้  แล้วการแข่งขันนี้จะเอาไปสู้จริงๆ ได้อย่างไร  เมื่อเขาถูกมัดมือมัดเท้าอย่างนั้น?”
ภายใต้อิทธิพลของเดลิน โคเวิร์ท  ลินลี่ย์ก็เริ่มมองดูการแข่งขันด้วยการดูถูกเช่นกัน
 “ลินลี่ย์  หน้าที่ของเจ้าตอนนี้คือฝึกให้หนักและสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเจ้าเอง  สำหรับการสั่งสมประสบการณ์ต่อสู้  เมื่อเจ้ากลายเป็นจอมเวทระดับห้าแล้ว  เจ้าจึงค่อยเข้าไปแนวเขาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์  เข้าไปหาประสบการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายดู”  เดลิน โคเวิร์ทชักชวนลินลี่ย์
……..
โรงแรมหัวเดลี โรงแรมและภัตตาคารที่แพงที่สุดภายในสถาบันเอินส์  คืนนี้เยลเป็นเจ้าภาพเลี้ยงพี่น้องในหอ 1987 ด้วยอาหารหรูในโรงแรมหัวเดลี
บนชั้นหนึ่งของโรงแรมหัวเดลี
พื้นของโรงแรมขัดเงาราวกับกระจก  แถวของบริกรสาวสวยยืนอยู่ที่นั่นด้วยกิริยาสุภาพ  พร้อมจะทักทายทันทีที่พบเห็นผู้คน
มีบุรุษและสตรีหลายคนอยู่ในชุดนักเรียนที่โรงแรมหัวเดลี่  คนเหล่านั้นสามารถจับจ่ายในที่นี้ได้เป็นธรรมดา  พวกเขามีฐานะทางบ้านที่ดี อาหารจานบนโต๊ะอาจมีราคาหลายสิบเหรียญทอง  ถ้าลินลี่ย์มาที่นี่ด้วยตัวเอง เขาคงไม่สามารถจ่ายได้เองแน่นอน
การแข่งขันประจำปีจบไปแล้ว  และนักเรียนทุกคนที่โรงแรมจะสนทนาถึงเรื่องนั้น  คนในที่นี้ส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่น  แต่มีอยู่โต๊ะหนึ่งมีเด็กนั่งอยู่สี่คน
 “แค่คิดถึงเรื่องการแข่งขันประจำปี ข้าล่ะหงุดหงิดนัก  เกือบไปแล้วเชียว!  ข้าเกือบจะเข้ารอบรองชนะเลิศอยู่แล้ว  บางทีข้าอาจเข้าไปเป็นสามสุดยอดก็ได้”  เรย์โนลด์ไม่พอใจอย่างมาก  เขาเป็นเด็กที่สุดในกลุ่มสี่คน และเป็นคนที่ภูมิใจตนเองอย่างที่สุด
เยลหัวเราะ  “มันน่าอายจริงๆ  ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าแรนด์จะได้ที่หนึ่งไปครองในที่สุด”
จอร์จหัวเราะ แต่ไม่พูดอะไร
จอร์จเป็นสหายที่น่าคบและแทบไม่ทำให้ใครขุ่นเคือง
 “แรนด์น่ะหรือ? ใช่แล้ว  ข้าได้ยินพวกเจ้าพูดถึงเขามาก่อน  เขาเป็นหนึ่งในนักเรียนใหม่ที่มีความสัมพันธ์ธาตุและความบริสุทธิ์พลังจิตอยู่ในระดับยอดเยี่ยมใช่ไหม?”  ลินลี่ย์จำชื่อของแรนด์ได้
จอร์จหัวเราะและพยักหน้า “ถูกแล้ว เป็นเขานั่นเอง  เขามีพรสวรรค์สูงมาก  แม้ก่อนฝึก ความบริสุทธิ์ของพลังจิตก็ถึงระดับของจอมเวทระดับสองแล้ว  ทั้งหมดที่เขาทำในปีนี้แค่สะสมพลังเวทให้เพียงพอเท่านั้น  ไม่ใช่เรื่องยากนักสำหรับบางคนที่มีพลังเวทระดับสองที่จะกลายเป็นอันดับหนึ่งในการแข่งขันของเด็กระดับหนึ่ง”
 “อาศัยแต่พรสวรรค์ของเขาอย่างเดียวเองหรือ?  เมื่อว่ากันเรื่องพรสวรรค์  เขาสามารถเทียบได้กับอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสถาบันเรา ดิ๊กซี่หรือเปล่า?”  เยลเม้มปาก  “ข้าออกจะดูแคลนแรนด์นะ  เขาชนะการแข่งขันของเด็กระดับหนึ่งได้ แล้วไง  ลินลี่ย์! เจ้ายังไม่เห็นว่าเขามั่นใจขนาดไหนตอนที่ชนะเลิศ  ข้านึกภาพไม่ออกเลยว่าเขาจะทำหน้ายังไงเมื่อเขาชนะการแข่งขันระดับห้าหรือระดับหกในอนาคต”
ยิ่งจอมเวทแข็งแกร่งขึ้น ก็ยากจะพัฒนาให้ยิ่งขึ้นไปได้
นี่คือสาเหตุที่นักเรียนส่วนใหญ่ที่สถาบันเอินส์ได้เป็นนักเวทระดับสูง  ยิ่งระดับชั้นสูงขึ้นเท่าไหร่ การแข่งขันก็ดุเดือดขึ้นเท่านั้น
เรย์โนลด์พยักหน้าเช่นกัน  “ข้าก็ไม่ชอบเขาเหมือนกัน  อัจฉริยะอันดับหนึ่งของโรงเรียนเรา ดิ๊กซี่เอาชนะการแข่งขันในชั้นระดับสามได้  พอมองดูว่าเขาสงบขนาดไหน  ช่างเป็นความแตกต่างที่ห่างไกลของทั้งสอง  ยิ่งกว่านั้น คนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเรานักเรียนระดับหนึ่ง ไม่ใช่แรนด์”
 “ถูกแล้ว ต้องเป็นน้องสาม เจ้าไม่ได้เข้าร่วมแข่งขัน ถ้าเจ้าเข้าร่วมนะ, ฮึ่ม..” เยลคำราม
ตามวัยและอาวุโส พวกเขาทั้งสี่คนเริ่มเรียกกันเองว่า “น้องรอง, น้องสาม และอะไรทำนองนั้น
 “เฮ้, พวกเจ้าพูดว่าไงนะ?”
ลินลี่ย์และเยลหันไปมอง  เด็กสี่คนในโรงแรมเดียวกันกำลังเดินลงมาจากชั้นสอง  หัวหน้าของพวกเขา เป็นเด็กผมทอง จ้องมาทางกลุ่มลินลี่ย์อย่างเย็นชา
เยลพูดเสียงดัง “โอว, แรนด์นั่นเอง  อะไร เจ้าได้ยินว่าเรากำลงพูดอะไรด้วยหรือ?”
ลินลี่ย์อดหัวเราะอย่างช่วยไม่ได้
เยลไม่กลัวสวรรค์ ไม่กลัวทั้งนรก แต่ให้ความสำคัญกับหน้าตาตนเอง
 “ฮืม.. ไม่คิดว่าข้าจะได้ยินนะ” แรนด์พูดเย็นชา
เด็กผมน้ำตาลที่อยู่ข้างแรนด์คำรามเช่นกัน  เขาพูดโอหังว่า “แรนด์!  อย่าไปเสียเวลากับพวกสี่คนที่ไร้ค่าเลย  เสียเวลาเปล่าๆ เรย์โนลด์ เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังมองอะไร?  ว่าไง, เจ้าไม่พอใจที่แพ้การแข่งขันงั้นหรือ?”
เรย์โนลด์จ้องเด็กผมน้ำตาล  เขาเบะปากดูถูก “และเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? เจ้าแค่โชคดีเอาชนะข้าได้แค่ครั้งเดียว  ทำไมต้องกวนโมโหนักเล่า?”
เด็กผมน้ำตาลทำหน้ามึนชา
จอร์จยิ้มให้ทุกคน  “แรนด์, พอเถอะ เราผิดเองที่คุยเรื่องเจ้า ลืมๆ ไปเสียเถอะ”
 “หุบปากเจ้าเลยจอร์จ, นี่ไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า”  แรนด์จ้องเยล “เยล, ครั้งล่าสุดที่ข้าเห็นเจ้าที่บาร์ไม้หอม มารยาทที่หยิ่งยโสของเจ้าทำให้ข้าหงุดหงิด  และตอนนี้เจ้ายังกล้าทำหยิ่งต่อหน้าข้าอีก  ถ้าเจ้ามีความสามารถ ก็มาสู้กับข้าเลย เจ้ามีกึ๋นพอสู้ได้หรือเปล่า?”
หลังจากพูดจบ  แรนด์หัวเราะเยาะเย้ย 2-3 ครั้ง
แม้ว่าเยลจะโกรธมาก  แต่เขารู้ว่าเขาไม่แข็งแกร่งพอจะเป็นคู่ต่อสู้ได้
ทันใดนั้น  สายตาหลายคู่ทั้งโรงแรมเพ่งความสนใจมาที่การวิวาทนี้  นักเรียนระดับสูงหลายคนของสถาบันเอินส์ยืนขึ้นและจ้องมองนักเรียนทั้งสองกลุ่มด้วยความสงสัย  เห็นชัดว่าทั้งสองกลุ่มเป็นแค่เด็กสิบขวบ
 “ข้ารู้จักเจ้าเด็กผมทองนั่น เขาชื่อแรนด์  เขาชนะการแข่งขันประจำปีในระดับหนึ่ง  ข้าคาดว่าในอนาคต เขาจะต้องประสบความสำเร็จแน่”
 “เด็กผมน้ำตาลข้างๆ เขาชื่อริคสัน  เขาเป็นอันดับสามของนักเรียนระดับหนึ่ง ข้าก็รู้จักเขา  ว่ากันเรื่องพลัง  กลุ่มของแรนด์แข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้ของเขา  อย่างนี้สนุกแน่”
กลุ่มนักเวทระดับห้าและระดับหกทุกคนคุยกันสนุกสนานเฮฮาขณะมองดูเด็กทั้งสองกลุ่ม
พอเห็นคนอื่นๆ สังเกตเห็นเขาและได้ยินพวกเขายกย่องเขาในฐานะผู้ชนะเลิศการแข่งขันในระดับหนึ่ง  หน้าของแรนด์ยิ่งเพิ่มความหยิ่งยโสขึ้น  และเขามองดูลินลี่ย์และคนอื่นอย่างเหยียดหยามยิ่งขึ้น
 “ฮืมม” แรนด์จ้องมองโต๊ะที่ลินลี่ย์และคนอื่นๆ กำลังนั่งอยู่  “น้ำผลไม้?  พวกเจ้ากำลังดื่มน้ำผลไม้หรือนี่? โอว, เยล ข้ารู้สึกขายหน้าแทนเจ้าจริงๆ  พี่น้องทั้งสี่ในหอพักของข้าทุกคนได้ดื่มเหล้าฉลองชัย  ส่วนพวกเจ้ากำลังดื่มน้ำผลไม้หรือนี่?”
พอเห็นว่าแรนด์ไม่ยอมจบ  ลินลี่ย์อดขมวดคิ้วไม่ได้
 “แรนด์ เราสี่พี่น้องกำลังดื่มกินกันอยู่ที่นี่  เจ้าไปซะเถอะ”  หน้าของลินลี่ย์จริงจังและเขาจ้องดูคนทั้งสี่ด้วยสายตาเย็นชา
ถ้าเขากำลังฝึกฝนอยู่แล้วถูกพวกเดรัจฉานรบกวน  เขาคงจะฆ่าพวกมันได้ทันที
 “โอว..หมอนี่เองเหรอ”  นัยน์ตาของแรนด์เป็นประกายขณะจ้องดูลินลี่ย์  “ทำไมข้าไม่เคยรู้ว่าในหอพักของเยล มีคนอย่างเจ้าอยู่ด้วย?”
นัยน์ตาลินลี่ย์ยิ่งเพิ่มความเย็นชา
ด้วยความปราดเปรียวเหมือนกระต่ายป่า ลินลี่ย์พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วเหลือเชื่อ  แรนด์ได้แต่เบิกตากว้าง “เจ้า..”  ก่อนที่เขาจะได้ทันทำอะไร  ลินลี่ย์ก็คว้าอกเสื้อเขาและใช้กำลังยกขึ้นในอากาศ
 “อึก..อัก”  แรนด์ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาจากลำคอได้  นัยน์ตาเขาเต็มไปด้วยความกลัว
ลินลี่ย์จ้องดูแรนด์อย่างเย็นชา ทำให้หัวใจเขาเต็มไปด้วยความกลัว  และรู้สึกเหมือนกับว่าจะถูกฆ่าเมื่อใดก็ได้
ทันใดนั้น ลินลี่ย์รู้สึกว่าเลือดมังกรในสายเลือดของเขาเดือดพล่าน ขณะที่สัญชาตญาณกระหายเลือดเริ่มตื่นขึ้น  ลินลี่ย์อดขมวดคิ้วไม่ได้และพยายามสงบจิตใจลง “นี่คือสถาบันเอินส์  เราจะฆ่าคนโดยไม่มีเหตุผลไม่ได้”
นักเรียนสามคนที่อยู่ใกล้ๆ แรนด์ทุกคนตกตะลึงและกลัวเช่นกัน
 “ไสหัวไปซะ!
เพียงแค่เหวี่ยงแขน ลินลีย์ก็โยนแลนด์ลงไปกองกับพื้น ราวกับว่าเขาไม่มีอะไรที่ต่างจากกระสอบนุ่นใบหนึ่ง”

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น