วันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 2-21 หอศิลป์พรูกซ์ (1)



ตอนที่  2-21  หอศิลป์พรูกซ์ (1)
ธนาคารทองสี่จักรวรรดิเป็นธนาคารที่สี่จักรวรรดิใหญ่ในทวีปยูลานร่วมกันก่อตั้งขึ้น  คนที่สามารถเปิดบัญชีใช้บัตรเครดิตเวทกับธนาคารต้องร่ำรวยอย่างมิต้องสงสัย  ราคาของบัตรนั้นมีมูลค่าร้อยเหรียญทอง  คนธรรมดาไม่ยินยอมสละเงินสะสมมากมายขนาดนั้น

หมื่นเหรียญทอง  ถ้าแบ่งใส่ถุงขนาดกำมือ ก็จะใส่ได้เป็นร้อยถุง  แม้แต่ถ้าเป็นกระสอบข้าวสารก็คงจะใส่ได้ครึ่งกระสอบ มันหนักมาก
 “ร้อยเหรียญทอง หายไปเพราะเรื่องเช่นนั้น”  พอเดินออกจากสาขาของธนาคารทองสี่จักรวรรดิในสถาบันเอินส์  ลินลี่ย์อดถอนหายใจไม่ได้  ตอนนี้ที่หน้าอกของเขามีบัตรเครดิตเวทที่เป็นของเขาเอง
ลินลี่ย์รู้ว่าขณะที่เขายังคงอยู่ที่สถาบันเอินส์ต่อไป  ถ้าเขาวางกองเหรียญทองกองใหญ่ไว้ในหอพักของเขา  ก็จะไม่ปลอดภัย  วิธีที่ปลอดภัยที่สุดก็คือเก็บทั้งหมดไว้ในบัตรเครดิตเวท
เป็นที่รู้กันว่าราคาในการทำบัตรเครดิตเวทไม่ใช่น้อยๆ  อาจารย์โกลด์สมิธใช้เวลาพัฒนาเป็นศตวรรษ  และบัตรแต่ละใบจะตอบสนองลายนิ้วมือของเจ้าของโดยเฉพาะ  ดังนั้น บัตรเครดิตเวททุกใบจะถูกเจ้าของเดิมใช้เท่านั้น
นี่คือเหตุผลว่าทำไมบัตรเครดิตเวทจึงมีมูลค่าร้อยเหรียญทอง
 “ด้วยเงินหมื่นเหรียญทอง  ค่าใช้จ่ายในการอยู่ที่สถาบันเอินส์ก็คงยิ่งกว่าพอเพียง  เงินที่เหลือจำนวนมากนี้ ข้าสามารถใช้ช่วยเหลือท่านพ่อข้าได้เช่นกัน”  ลินลี่ย์รู้สึกมีความสุข
เยลวางมือบนบ่าของลินลี่ย์  และเขาผิวปากเบาๆ ขณะที่แอบมองแรนด์และพี่น้องของเขาอย่างสะใจ
แรนด์และสหายอีกสามคนได้นำเงินค่าใช้จ่ายของพวกเขามาให้  และพวกเขาทั้งสี่คนอาจมีเงินเหลือเพียงพันเหรียญทอง แต่โชคดีที่ปีการศึกษากำลังจะจบลง
เรย์โนลด์และจอร์จทั้งคู่ยิ้มอย่างใจเย็นเช่นกัน  และหยอกล้อลินเลี่ย์เล่นอยู่ด้านข้าง
ในความจริง ไม่ว่าจะเป็นเรย์โนลด์ ไม่ว่าจะเป็นจอร์จต่างก็อึดอัดมากับอดีตที่ผ่านมา
 “น้องรอง น้องสามและน้องสี่ พรุ่งนี้สิ้นเดือนแล้ว  พ่อของข้าจะมาเยี่ยม  ตอนนั้น ข้าจะจัดเตรียมรถม้าและคนคุ้มกันมาด้วย  เราสี่พี่น้องจะไปเที่ยวที่ไหนดี”  เยลเสนอแนะ
 “นครหลวงศักดิ์สิทธิ์?”
เรย์โนลด์, จอร์จและลินลี่ย์มีนัยน์ตาเป็นประกาย
นครเฟนไล  เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เมืองธรรมดา
 “นครศักดิ์สิทธิ์ เป็นความคิดที่เยี่ยม  ระยะทางจากจักรวรรดิโอเบรียนมาจนถึงนี่  ข้าเคยอยู่ในเมืองเฟนไลสองวัน  ยังไม่มีโอกาสไปเที่ยวสถานที่ต่างๆเลย”  เรย์โนลด์รีบพูด
จอร์จและลินลี่ย์พยักหน้ากันทั้งสองคน
 “นครศักดิ์สิทธิ์มีที่ให้เที่ยวชมมากมาย  พรุ่งนี้ข้าจะพาพวกเจ้าออกไปเผชิญโลกกว้างเอง” เยลพูดเป็นนัยๆ
…………..
เช้าตรู่วันต่อมา เยลและคนอื่นๆ ทั้งหมดทานอาหารเช้าด้วยกัน และจากนั้นก็ตรงไปที่ประตูใหญ่ของสถาบันเอินส์ และรอรถม้าโดยสารของเยล
หลังจากรอนานสองชั่วโมง รถม้าโดยสารก็ยังไม่มา
“จี๊ด, จี๊ด”  บีบีเกาะอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์ เริ่มส่งเสียงร้อง
 “บีบีหมดความอดทนแล้ว  เยลเจ้าลากพวกเราทุกคนมารอตั้งแต่เช้าตรู่  แต่รถม้าก็ยังไม่มาเลย”  เรย์โนลด์พูดอย่างไม่สบายใจ  ขณะที่เยลหัวเราะเป็นเชิงขอโทษ  “ข้าไม่รู้อะไรอื่น  พวกเขาน่าจะมาถึงที่นี่ในตอนนี้แล้ว”  ลินลี่ย์ลูบศีรษะบีบี
 “นั่นไงพวกเขามาแล้ว”  ทันใดนั้นเยลตะโกนดังลั่น
จอร์จ, เรย์โนลด์และลินลี่ย์ทุกคนแทบจะหลับอยู่แล้วจึงหันหน้าไปดู  จากที่ไกลมีรถม้าสี่คันและคนคุ้มกันจำนวนมากรีบเร่งมาทางพวกเขา  ที่เหนือขบวน มีกริฟฟินเจ็ดหรือแปดตัวและผู้ขับขี่เป็นร้อย  และเกินกว่าสิบกำลังขับขี่อสูรเวทอย่างเช่น  กระทิงเหล็กกระหายเลือดหรือหมาป่าสายลม
 “โอว..ผู้คุ้มกันของเยลดูน่าเกรงขามมากนะ”  ลินลี่ย์อดทึ่งไม่ได้  ตาของเรย์โนลด์และจอร์จเป็นประกาย
เดลิน โคเวิร์ทนั่งอยู่ข้างๆ ลินลี่ย์ มองดูดวงอาทิตย์  พอเห็นกองทหารม้า ตาของเขาเป็นประกายเช่นกัน  ในช่วงเวลาสั้นๆ รถม้าทั้งสี่และผู้ขับขี่สัตว์เป็นร้อยมาถึงประตูใหญ่  นักเวทสามคนออกมาทักทายพวกเขาที่ประตู
บุรุษวัยกลางคนคนหนึ่งก้าวออกมาอยู่ข้างหน้ารถม้าทั้งสี่  ก่อนที่จะพูดกับนักเวททั้งสาม เขาก้าวเข้ามาหาเยล
 “ลุงรอง ทำไมลุงมาช้านักเล่า?”  เยลพูดอย่างไม่สบายใจ
ลุงรองของเยลผู้นี้หัวเราะทันทีและพูด “ฮ่าฮ่า   เจ้าเริ่มใจร้อนแล้วหรือ?  ก็ได้ รถม้าของพวกเจ้าทุกคนพร้อมแล้ว  คันสุดท้ายเต็มไปด้วยสินค้า  ข้าจะจัดการเอาของออก จากนั้นเจ้าจะได้มีที่นั่ง  พวกเจ้าจะเข้าไปนครศักดิ์สิทธิ์กันใช่ไหม?”
 “คาส, พาคนอีกสามคนไปกับเจ้า  เจ้าต้องรับหน้าที่คุ้มครองคุณชายเยล”  ลุงรองออกคำสั่ง
ในที่ห่างออกไป สารถีศีรษะล้านลงมาจากหลังม้าทันที เดินมาอยู่ต่อหน้าเยลและคำนับเขา “คาส, ขอคารวะคุณชาย”
ที่อยู่ข้างๆ ลินลี่ย์ นัยน์ตาเดลิน โคเวิร์ทเป็นประกายและเขาพูดว่า “ลินลี่ย์,  คนของพี่น้องเจ้าผู้นี้ไม่ธรรมดาแน่นอน ดูจากวิธีที่เขาลงจากหลังม้าและนัยน์ตาเขา  ข้ารู้สึกได้ว่าคาสผู้นี้เชี่ยวชาญเป็นอย่างดี อาจจะเก่งกว่าลุงฮิลแมนของเจ้า  นอกจากนี้เหยี่ยวที่อยู่บนไหล่ของเขา อาจเป็นอสูรเวทระดับเจ็ด เหยี่ยวสายฟ้าตาน้ำเงิน”
สำหรับคาสที่ถูกเดลิน โคเวิร์ทยกย่องว่าเป็นยอดฝีมือก็หมายความว่าไม่ธรรมดาแน่นอน
“ลินลี่ย์ ไปกันเถอะ ขึ้นรถม้าเร็วๆ ไปนครศักดิ์สิทธิ์กัน” เยลเรียก
ลินลี่ย์และคนอื่นอีกสามคนเข้าไปในรถม้าพร้อมกัน  ข้างในนั้นมีพื้นที่ว่างมาก  และทั้งสี่คนไม่ได้เบียดอะไรกันมาก  ทันใดนั้น สารถีรถม้าก็เริ่มบ่ายหน้าตรงไปที่นครศักดิ์สิทธิ์
คาสและสารถีอีกสามคนจะติดตามอยู่ด้านหลัง
ในตู้ภายในรถม้าโดยสาร มีผลไม้ น้ำผึ้งและไวน์  สี่พี่น้องเริ่มกินและดื่มและคุยกันอยู่ภายในรถม้า  สถาบันเอินส์อยู่ห่างจากเมืองเฟนไลเพียงยี่สิบกิโลเมตร  ดังนั้นหลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงพวกเขาก็มาถึง
พวกเขาออกจากรถม้า
ภายใต้การคุ้มครองของคาสและคนอื่นๆ อีกสามคน  กลุ่มของลินลี่ย์ก็เริ่มท่องเมืองเฟนไล
 “เฮ้, ทุกคนจะไปที่ไหนกันดี?  นครเฟนไลมีสถานที่สนุกมากมายอย่างเหลือเชื่อ  ทิศตะวันออกของนครเฟนไลมีสถานที่หรูหราให้จับจ่ายเงินทอง มีพนักงานต้อนรับสาวสวยด้วย  ขณะที่ทางตะวันตกของนครเฟนไลมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะหลายแห่ง  เช่นหอศิลป์พรูกซ์ที่โด่งดัง”  เยลคุ้นเคยกับนครเฟนไลเป็นอย่างดี
 “พนักงานสาวสวย? ก็ได้ ก็ได้, ไปทางตะวันออกของนครเฟนไลกันเถอะ”  นัยน์ตาที่ซุกซนของเรย์โนลด์ฉายแววเป็นประกาย
 “ยังเป็นเวลาบ่ายอยู่เลย  สถานที่เหล่านั้นจะสนุกแค่ตอนย่ำค่ำ  แต่แน่นอนว่า เราอาจไปในเวลานี้ก็ได้”  เยลพูดเฮฮา
ลินลี่ย์รู้สึกถึงข้อจำกัดบางอย่างเกี่ยวกับสถานที่แบบนี้ จึงพูดว่า “เยล, เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน สถานที่เช่นนั้นจะมีประโยชน์อะไรสำหรับเด็กอย่างเรา?  เมื่อกี๊นี้เจ้าพูดถึงหอศิลป์พรูกซ์ไม่ใช่เหรอ? เนื่องจากชื่อหอศิลป์พรูกซ์ตั้งขึ้นตามชื่อปรมาจารย์พรูกซ์ผู้โด่งดัง  ก็ต้องเป็นที่ไม่ธรรมดาแน่นอน  เราไปดูกันเถอะ”
พรูกซ์ นักแกะสลักมือหนึ่งในประวัติศาสตร์แห่งทวีปยูลาน
 “ปรมาจารย์พรูกซ์?  ข้าเคยได้ยินชื่อของเขาเช่นกัน  ในอดีต ผลงานแกะสลักของเขาชิ้นหนึ่งขายออกไปได้ราคาหลายล้านเหรียญทอง  ชื่องานสลัก “ความหวัง” ราคาก็ตั้งหลายล้านเหรียญทอง,  พระเจ้า! รวยมากจริงๆ”  เรย์โนลด์ถอนหายใจ
จอร์จหัวเราะอย่างมั่นใจ “ในประวัติศาสตร์ของการแกะสลักตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงบัดนี้  มีงานแกะสลักหินมานับไม่ถ้วน  สิบสุดยอดงานแกะสลัก แต่ละชิ้นจะมีมูลค่าเป็นล้านเหรียญทอง  และงานแกะสลักสิบสุดยอดเหล่านั้น มีอยู่สามชิ้นเป็นผลงานของปรมาจารย์พรูกซ์  เขาได้รับการจัดอันดับให้เป็นบุคคลอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์งานสลักหิน”
ลินลี่ย์สูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บ
เป็นล้านเหรียญทองเชียวหรือ?
ช่างเป็นเงินจำนวนมหาศาล  แม้ว่าตระกูลของเขาจะขายบ้านโบราณของพวกเขาออกไป  อย่างมากก็คงได้เงินแค่แสนเหรียญทอง
 “ไปดูกันเถอะ” ลินลี่ย์พูดทันที

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น