วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Panlong ตอนที่ 2-22 หอศิลป์พรูกซ์ (2)



ตอนที่  2-22  หอศิลป์พรูกซ์ (2)
หอศิลป์พรูกซ์
เป็นสถานที่รวบรวมงานประติมากรรมอันดับหนึ่ง  เมืองใหญ่แต่ละเมืองในทวีปยูลานจะมีสาขาของหอศิลป์พรูกซ์  พื้นในหอศิลป์พรูกซ์กินเนื้อที่ขนาดใหญ่โต และผู้คนมากมายที่เข้ามาในหอศิลป์แห่งนี้ล้วนแต่มีมารยาทและวัฒนธรรมอันดี
 
ภายในหอศิลป์พรูกซ์ ถ้าท่านมีแหวนเวทบนมือไว้โอ้อวดกัน  ผลก็คือท่านจะถูกเย้ยหยัน หัวเราะในความเป็นผู้ไร้รสนิยม
งานศิลปะ มีความซับซ้อน
สถานที่นี้เห็นคุณค่าในเรื่องนี้มากที่สุด
ค่าธรรมเนียมเข้าชมหอศิลป์พรูกซ์เก็บคนละหนึ่งเหรียญทอง
เสียงติงต่อง ชัดเจนราวกับเสียงของภูเขาในฤดูใบไม้ผลิ  ดังออกมาในหอศิลป์พรูกซ์  เสียงที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกสงบ  นักท่องเที่ยวนับไม่ถ้วนออกันแน่นที่ทางเข้า มีบุรุษและสตรีสูงศักดิ์และหญิงสาวงดงามอยู่ในชุดที่ทันสมัยกันทุกคน
และคนทั่วไปที่อยู่หน้าหอศิลป์พรูกซ์แทบจะวางตัวไม่ถูก
เมื่อลินลี่ย์และกลุ่มพี่น้องของเขา รวมทั้งคาสและผู้คุ้มกันสามคนมาถึงหอศิลป์พรูกซ์  คนที่ดูออกสามารถจำเครื่องแบบสถาบันเอินส์ที่พวกเขาสวมอยู่ได้  พอเห็นเหยี่ยวสายฟ้าตาน้ำเงินบนไหล่ของคาส  พวกเขาจะให้ความเคารพและสุภาพเป็นธรรมดา
 “ลุงคาสมากับพวกเรา ส่วนอีกสามคนให้รอเราอยู่ข้างนอก”  เยลสั่ง
ลินลี่ย์, พี่น้องทั้งสามและคาสเข้าไปในหอศิลป์  ในหอแสดงใหญ่ของหอศิลป์พรูกซ์ มีรูปปั้นบุรุษผู้หนึ่ง  รูปปั้นนี้คือรูปของนักแกะสลักระดับปรมาจารย์ พรูกซ์
ทั่วทั้งหอศิลป์พรูกซ์ปราศจากสรรพสำเนียง
ความจริงทุกคนไม่ว่าจะมีสถานะใด จะพูดกันเสียงเบาๆ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนคนอื่น
เยล, เรย์โนลด์, จอร์จและลินลี่ย์มองดูรูปแกะสลักหินรูปแล้วรูปเล่า  และในใจพวกเขารู้สึกว่ารูปสลักเหล่านี้สวยงามไม่มีใดเปรียบจริงๆ
 “การจัดแสดงของหอศิลป์พรูกซ์จะแบ่งออกเป็นสามโถงใหญ่  หอแสดงใหญ่เป็นที่แสดงผลงานของผู้เชี่ยวชาญและหอแสดงผลงานของระดับยอดฝีมือ  หอแสดงใหญ่นี้เต็มไปด้วยงานแกะสลักที่ช่างแกะสลักจะจัดเตรียมที่นี่ไว้ เพื่อประเมินราคาและให้คนอื่นที่เห็นได้ซื้อไป  งานแสดงแต่ละงานจะจัดแสดงเป็นเวลาหนึ่งเดือน  และหลังจากนั้นผู้ให้ราคาสูงสุดจะได้รับรูปแกะสลักไป  รูปแกะสลักธรรมดาเหล่านี้มีราคาไม่กี่เหรียญทอง  รูปสลักดีๆ เท่านั้นจึงจะมีราคาหลายสิบเหรียญทอง”
เยลหัวเราะขณะที่พูด  “แต่หอผู้เชี่ยวชาญนั้นแตกต่างออกไป  สถานที่แสดงงานออกเป็นห้องหลายห้อง  รูปแกะสลักแต่ละชิ้นจะมีห้องแสดงของมันเองโดยเฉพาะ  กล่าวโดยทั่วไปผู้เชี่ยวชาญมีผลงานแกะสลักที่ได้รับการยกย่อง  และงานแกะสลักของผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่จะมีมูลค่าประมาณพันเหรียญทองหรือราวๆ นั้น”
 “สำหรับหอแสดงงานสลักยอดฝีมือนั้น ยิ่งน่าทึ่งมากกว่า  สถานที่แสดงผลงานอยู่ส่วนในสุดของหอศิลป์  มีผลงานสลักของยอดฝีมือนักสลักเพียงไม่กี่ชิ้น  ราคาของงานสลักเหล่านี้สูงจนน่ากลัว  แต่ละชิ้นมีราคาเป็นหมื่นเหรียญทอง และงานชั้นเลิศที่สร้างชื่อเสียงให้ประติมากรก็อาจมีราคาถึงแสนเหรียญทอง” เยลอธิบายรายละเอียดให้พี่น้องทั้งสามของเขาฟัง
ลินลี่ย์แทบหยุดหายใจ
งานชั้นเลิศของยอดประติมากรมีราคาถึงหมื่นเหรียญทอง  สำหรับยอดประติมากรเงินแทบไม่มีความหมายอะไรเลย
 “ก็ค่อนข้างยากสำหรับประติมากรที่จะสร้างผลงานสลักชั้นเลิศออกมาได้  เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องการสร้างข้อผิดพลาดใดๆเลย”  เยลถอนหายใจขณะที่พูด  ผลงานชิ้นโบว์แดงมีคุณค่า และได้รับความเคารพไม่ว่าจะเป็นคนวัยไหน ต้องใช้พรสวรรค์, ความสามารถและบางครั้งก็ประกายความคิดของอัจฉริยะ”
 “งานต่างๆ ในหอแสดงใหญ่ก็แค่ดึงดูดสายตาเล็กน้อยเท่านั้น  เข้าไปข้างในดีกว่า”  เยลนำพวกเขาเข้าไปข้างใน
พอเดินเข้าไปในหอศิลป์พรูกซ์ที่เงียบสงบ และฟังดนตรีบรรเลงสบายๆ  ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังว่ายน้ำในทะเลงานแกะสลัก  และตอนนี้เอง เดลิน โคเวิร์ทเหาะออกมาจากภายในแหวนมังกรขนดและเริ่มประเมินงานศิลป์ที่อยู่ใกล้ๆ
 “แย่, แย่จริงๆ นี่เขายังมีหน้าเอางานศิลป์คุณภาพอย่างนี้มาแสดงให้คนอื่นดูได้ยังไง?”  เดลิน โคเวิร์ทพูดอย่างไม่สบายใจ
 “ปู่เดลิน”  ลินลี่ย์หันมามองดูเดลิน โคเวิร์ท  “นี่เป็นแค่หอแสดงใหญ่ของหอศิลป์พรูกซ์  ยังมีหอแสดงผลงานของผู้เชี่ยวชาญ และหอแสดงผลงานของยอดฝีมือด้วย”
 “หอศิลป์พรูกซ์”  เดลิน โคเวิร์ทสะดุ้ง และจากนั้นก็หยุดพูด
 “ปู่เดลิน  ปู่เดลิน?”  ลินลี่ย์เรียกเขาทางจิตอยู่ 2-3 ครั้ง  แต่เห็นว่าเดลิน โคเวิร์ทยังคงอยู่ในห้วงความคิด  ลินลี่ย์จึงไม่พยายามเรียกเขาต่อไป  เขาตามเยล, เรย์โนลด์และจอร์จไปหอแสดงผลงานผู้เชี่ยวชาญ  หอแสดงนี้แตกต่างออกไปจริงๆ  ขณะที่ภายในศูนย์กลางของหอใหญ่   ประติมากรทุกคนจะมีข้อมูลของเขาบันทึกและสถานที่อยู่ของพวกเขาที่ได้บันทึกไว้
เยล, ลินลี่ย์และคนอื่นๆ เริ่มเข้าไปในห้องจัดแสดงส่วนตัว
แม้ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับงานสลักมากนัก  แต่ลินลี่ย์รู้สึกได้ชัดแจ้งว่างานแกะสลักของผู้เชี่ยวชาญแตกต่างจากที่แสดงในหอใหญ่อย่างสิ้นเชิง  ดูเหมือนว่ารูปแกะสลักนี้งดงามจนไม่อาจพรรณนาได้
ขณะที่ลินลี่ย์กำลังตกอยู่ในภวังค์ เพลิดเพลินดูรูปแกะสลัก  เสียงเดลิน โคเวิร์ทก็ดังขึ้นมาในใจเขาอีกครั้ง
 “ไม่เลว งานเหล่านี้อย่างน้อยก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จ”  เดลิน โคเวิร์ทถอนหายใจชมเชย “แต่เทียบกับงานของพรูกซ์แล้ว ยังต้องฝึกอีกมาก”
ลินลี่ย์พูดไม่ออก
 “ปู่เดลิน คนเหล่านี้จะเทียบได้กับปรมาจารย์พรูกซ์ได้ยังไง?”  ลินลี่ย์ส่ายหน้าอดหัวเราะไม่ได้  พรูกซ์เป็นนักแกะสลักอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์ทวีปยูลาน
เดลิน โคเวิร์ทขมวดคิ้ว  เขาลูบเคราอย่างไม่สบายใจและกล่าวว่า “แล้วยังไง?  เจ้าคิดว่าพรูกซ์เป็นปรมาจารย์ตั้งแต่เกิดหรือ? เขาก็ต้องเริ่มจากเป็นนักแกะสลักทั่วไปเช่นกัน และงานของเขาก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็นปรมาจารย์นักแกะสลักที่แท้จริงในที่สุด”
ลินลี่ย์ตะลึง
คำพูดของปู่เดลินมีเหตุผลอยู่บ้าง
หลังจากชมรูปปั้นในหอแสดงงานของผู้เชี่ยวชาญแล้ว  ลินลี่ย์และอีกสามคนก็มุ่งหน้าไปที่หอแสดงงานของนักสลักยอดฝีมือ
 “ทุกคน, โปรดจำไว้  ขณะอยู่ข้างในหอแสดงงานของยอดฝีมือ โปรดอย่าแตะต้องอะไรทั้งนั้น  ถ้าพวกเจ้าทำอะไรเสียหาย  คงเกิดหายนะแน่”  เยลเตือนพวกเขา
พอเข้าไปในหองานยอดฝีมือ มีแต่ความเงียบ
หอแสดงผลงานของระดับอาจารย์เป็นสถานที่ใหญ่โตมาก  แต่กลับมีรูปสลักเพียงไม่กี่ชิ้น  อย่างไรก็ตาม มีผลงานประติมากรชั้นครูจัดแสดงอยู่ไม่มากนัก  และประติมากรแต่ละคนจะจัดแสดงงานเพียงไม่กี่ชิ้น  ทั่วทั้งหอ มีงานประติมากรรมจัดแสดงอยู่เพียงยี่สิบถึงสามสิบชิ้น
แต่แม้ว่าจะมีงานประติมากรรมแสดงเพียงไม่กี่ชิ้น  เมื่อลินลี่ย์และคนอื่นๆ เห็นผลงานแกะสลักเหล่านี้  พวกเขารู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณที่ล้นออกมาจากงานสลักเหล่านั้น  ราวกับว่างานสลักเหล่านี้มีชีวิตจริงๆ
 “โอว, ไม่เลว, ไม่เลว ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าในห้าพันปีมานี้ งานสลักหินจะสูงส่งได้ถึงระดับอย่างนี้”  เดลิน โคเวิร์ทพูดด้วยความทึ่ง “ถ้างานเหล่านี้พัฒนาขึ้นอีกนิด ก็คงไปอยู่ในระดับเดียวกับพรูกซ์ได้”
แอบทึ่งอยู่เงียบๆ อยู่ภายในหอศิลป์แล้ว ลินลี่ย์และคนอื่นรู้สึกว่าพลังวิญญาณของพวกเขาถูกยกระดับขึ้น
…..
ยามค่ำคืน ที่หน้าประตูใหญ่ของสถาบันเอินส์  ลินลี่ย์และสหายอีกสามคนลงจากรถม้า
 “น้องรอง, น้องสาม เจ้าสองคนนะ เฮ้อ.. ข้าอุตส่าห์ตั้งใจให้พวกเราได้มีเวลาดีๆ ยามค่ำคืนในเมืองเฟนไล,  แต่เจ้า.. เฮ้อ.. พวกเจ้าอ่อนหัดจริงๆ  ข้าเริ่มไปเที่ยวสนุกที่อย่างนั้นเมื่อตอนข้าหกขวบแท้ๆ”  เยลยังคงบ่นพึมพำไม่หยุด
 “ใช่เลย, ใช่เลย”  เรย์โนลด์พูดอยู่ข้างๆ
จอร์จและลินลี่ย์มองหน้ากันเอง และอดหัวเราะอย่างจนใจไม่ได้
 “เร็ว, เปิดประตู”  เสียงหงุดหงิดดังออกมา
ลินลี่ย์และคนอื่นอดไม่ได้ที่จะหันไปมอง  พวกเขาเห็นเด็กผมหยักโศกคนหนึ่งแบกเด็กอีกคนที่ตัวเต็มไปด้วยเลือด พร้อมกับเด็กสาวน่ารักคนหนึ่งอยู่ข้างๆ เขา  หน้าของเด็กหนุ่มที่มีเลือดออกซีดขาว  แขนซ้ายของเขาหัก กระดูกขาวโผล่ออกมาให้เห็น และที่อกเต็มไปด้วยรอยกรงเล็บ
 “ดูเหมือนผู้ฝึกฝนบางคนที่ไปฝึกในเทือกเขาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์จะได้รับบาดเจ็บ  นี่กลุ่มไหนกันนี่?  เราอยู่ในสถาบันเอินส์ไม่ถึงปี  แต่เราก็เห็นนักเรียนระดับสูงหลายคนที่ไปบาดเจ็บอยู่ภายนอก”  เยลพูดตามปกติ
เทือกเขาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ทางทิศตะวันออกของสหภาพศักดิ์สิทธิ์
ด้วยความจริงที่ว่า มันอยู่ใกล้สถาบันเอินส์มาก  บางทีแค่ร้อยกิโลเมตร  กล่าวโดยทั่วไปก็คือถ้าวิ่งไปสบายๆ จากเทือกเขาถึงสถาบันเอินส์ใช้เวลาประมาณครึ่งวัน
 “ที่สถาบันเอินส์ ข้าเห็นอสูรเวทมากมาย  โห... มีอสูรบินได้, อสูรที่วิ่งได้เร็วและอสูรอีกทุกชนิต  แต่คนส่วนใหญ่ที่มีอสูรเวทเป็นสหายที่สถาบันเอินส์จะเป็นครูจอมเวท  และนักเรียนเวทระดับสูงไม่กี่คน”  จอร์จถอนหายใจชมเชย
ขณะที่สี่สหายเดินมาถึงประตูทางเข้าใหญ่  ทันใดนั้น
 “ลินลี่ย์”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น  พอหันไปดู สีหน้าประหลาดใจและดีใจก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าลินลี่ย์  “ลุงฮิลแมน”
 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น