วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2560

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 426 หน้าด้านไร้พรมแดน



ตอนที่  426  หน้าด้านไร้พรมแดน
ขณะที่เหยียนเชียนจ้งประกาศความลับของอาณาจักรสือเทียนลั่นนั่นเอง  เฟิงขวงเข้ามารายงานว่ามีคนนำสารสองสามคนมาจากวังมาร  เขาเป็นตัวแทนมารกฎฟ้ามาเชิญคุณชายสามตระกูลเย่ว์มาพบปะสนทนากันที่หุบเขาเสียหม่า
 
จุนอู๋โหย่วและคนอื่นมองเย่ว์หยางเหมือนกับเป็นเด็กที่น่ารำคาญ
ก่อนที่เย่ว์หยางจะออกไป  จุนอู๋โหย่วฉุดมือเย่ว์หยางไว้และถามว่า  “เจ้ามีรหัสลับอะไรที่ตกลงไว้กับมารกฎฟ้าบ้างไหม?  นี่อาจเป็นกับดัก?”
เย่ว์หยางรู้สึกพูดไม่ออก  แต่ก็ยังแสดงท่าทางเหมือนกับคนมีความมั่นใจ  “ความจริง ข้ากับมารกฎฟ้าเป็นแค่สหายที่บริสุทธิ์ใจต่อกัน  เราคบหากันเพื่อฝึกฝนฝีมือให้ก้าวหน้าระดับสูง  ไม่ว่าก่อนนั้นหรือตอนนี้ ความสัมพันธ์ของเราก็ยังเป็นฉันท์เพื่อนอยู่”
ทุกคนในวังหลวงแทบสลบ
ทุกคนเกือบจะทนไม่ได้อีกต่อไป
เจ้าเด็กนี่มิเพียงแต่มีความหน้าหนาอยู่ในระดับสูงเท่านั้น  แต่ยังหน้าด้านได้ทุกระดับทุกท้องที่จริงๆ
แม้แต่จุนอู๋โหย่วก็มีประสบการณ์จอมเจ้าชู้เสือผู้หญิงมาแล้ว  ยังแทบไม่อาจทนรับความหน้าหนาของเย่ว์หยางได้  บางทีพวกเขาอาจจะยังไม่มีลูกด้วยกันและคงทำอะไรกับทุกอย่างไปแล้ว  แต่เขายังกล้าพูดว่า “มีสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน” อีกหรือ?  “เพื่อนอย่างบริสุทธิ์ใจน่ะหรือ? ถ้าเขาพูดเช่นนี้กับคนอื่น  คงมีแต่คนโง่เท่านั้น ที่เชื่อเขา
ไม่ว่าเป็นกับดักหรือไม่  เย่ว์หยางตั้งใจจะไปหุบเขาเสียหม่าอยู่แล้ว
ถ้ามารสัมฤทธิ์ฟ้าต้องการฆ่าเย่ว์หยางจริงๆ ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดที่จะทำเช่นนั้นจะไม่ทำที่หุบเขาเสียหม่า  มารสัมฤทธิ์ฟ้าจะทำช่วงที่เย่ว์หยางอยู่ในช่วงวิกฤติระหว่างต่อสู้กับราชาเฮยอวี้
ความจริงที่ว่าพวกเขาเชิญเขามาที่หุบเขาเสียหม่าก็หมายความว่าพอมีพื้นที่ให้หันหลังกลับ..แน่นอนว่า เย่ว์หยางเชื่อว่ามารสัมฤทธิ์ฟ้ารู้เรื่องเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับมารมังกรฟ้า  เรื่องที่เขาสังหารมารมังกรฟ้าคงปกปิดไว้ได้เพียงชั่วเวลาสั้นๆ  บางทีมารสัมฤทธิ์ฟ้าคงรู้ความจริงเรื่องนี้มานานแล้ว แต่เขาไม่ได้พยายามเผชิญหน้ากับเย่ว์หยางทันที  ดูเหมือนเย่ว์หยางคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ในหุบเขาเสียหม่าได้  เขาไม่มีอะไรต้องสูญเสีย  ถ้าเขาสู้กับมารสัมฤทธิ์ฟ้าผู้มีทุกอย่าง  มารสัมฤทธิ์ฟ้าจะเป็นฝ่ายสูญเสียบางอย่าง  ไม่ว่ายังไงก็คงได้เวลาพบกับมารสัมฤทธิ์ฟ้าแล้ว
หุบเขาเสียหม่า ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่งดงาม
กล่าวกันว่าเป็นสถานที่มีทุ่งหญ้าสวยงามมาก่อน  ทัศนียภาพที่งดงาม ทุ่งหญ้าที่เขียวขจี บทเพลงของคนเลี้ยงแกะมีอยู่เต็มทั่วสถานที่นี้ตามปกติ เป็นที่เปี่ยมสุขซึ่งหาได้ยากในโลกนี้
จนกระทั่งวันหนึ่ง บุรุษสองพี่น้องก็มาถึงยังสถานที่นี้  คนพี่ปรารถนาจะใช้ที่นี่เป็นที่ฝึกวิทยายุทธทั้งหมด  เขาจึงแนะนำน้องชายว่าพวกเขาจะเดินทางไปทิศตะวันออกเพื่อตามหาเซียนบูรพาในตอนนั้นและฝากตัวเป็นศิษย์  น้องชายกลับตรงกันข้าม  เขารู้สึกว่าพวกเขาควรเดินทางไปทิศตะวันตก  และรู้สึกว่าเซียนประจิมนั้นกล้ารักกล้าชัง เมื่อเทียบกับเซียนบูรพาที่ใช้ชีวิตง่ายๆ เซียนประจิมเหมาะที่จะเป็นอาจารย์พวกเขามากกว่าเซียนบูรพา  ความจริงทั้งสองพี่น้องมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย  แต่หลังจากบิดามารดาของพวกเขาเสียชีวิต  ทรัพย์สินมรดกของพวกเขาถูกลุงของพวกเขาช่วงชิง  สองพี่น้องถูกขับออกจากบ้านตัวเอง  ดังนั้นน้องชายต้องการเป็นคนแข็งแกร่ง และจะกลับมาทวงคืนบ้านและทรัพย์มรดกของพวกเขาในอนาคต
ที่น่าเจ็บใจก็คือคนพี่ถูกโจรทำร้ายบาดเจ็บหนักในระหว่างทางและได้พบกับเซียนประจิมที่ผ่านมาโดยบังเอิญ
ขณะเดียวกัน คนน้องชายได้ช่วยเด็กสาวไว้จากพวกโจร และเพราะเหตุนี้ เขาจึงได้รับความโปรดปรานจากเซียนบูรพา  เพราะเด็กสาวคนนั้นคือหลานสาวของเซียนบูรพา
สิบปีต่อมาผู้พี่ชายมีบุคลิกเปลี่ยนไปหลังจากเรียนวิชากับเซียนประจิม เขากลายเป็นนักรบชั่วร้ายใจแคบและเจ้าอารมณ์  ตรงกันข้ามกับคนผู้น้องซึ่งได้แต่งงานกับหลานสาวของเซียนบูรพาจนมีลูกหลายคน  ภายใต้การสั่งสอนให้ใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและสงบสุข เขาเริ่มปล่อยวางความคิดที่จะแก้แค้นลุงของเขาและชิงเอาบ้านและทรัพย์สินมรดกกลับคืนมา  เมื่อสองพี่น้องมาพบกันอีกครั้ง  เนื่องจากแนวความคิดและปรัชญาในการดำรงชีวิตแตกต่างกัน  พวกเขาจึงมองหน้ากันไม่ติด  ในที่สุดพวกเขาก็ต่อสู้กันเองอย่างเอาเป็นเอาตาย
น้องชายมีฝีมือแข็งแกร่งกว่าพี่ชายได้พลั้งมือฆ่าพี่ชาย
จากนั้นเรื่องนี้กลายเป็นชนวนการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างเซียนประจิมที่ต้องการล้างแค้นให้ศิษย์ของเขา  และเซียนบูรพาผู้ต้องการปกป้องหลานเขยของตน
การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ได้ทำลายหุบเขาเสียหม่า  พื้นหุบเขาถูกเผาราบ จากนั้นน้ำก็ท่วม เมื่อเซียนประจิมและเซียนบูรพาใช้พลังกันไม่มียั้ง แรงปะทะทำให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่และสายฟ้าได้ฟาดผ่าแยกแผ่นดินจากกัน
ในที่สุดพื้นก็แยกออกเป็นสอง ก่อให้เกิดหุบเขาเสียหม่า
สำหรับอาณาจักรต้าเซี่ย หุบเขาเสียหม่าเป็นแผ่นดินของบรรพบุรุษพวกเขา  ทั้งนี้เป็นเพราะตำนานนั้นมีจริง  ผู้ก่อตั้งอาณาจักรต้าเซี่ยความจริงเป็นลูกหลานของผู้น้องผู้เป็นชนวนสำคัญของการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างเซียนประจิมกับเซียนบูรพา  ส่วนอีกฝ่ายนักรบวิบัติจากวังมาร ความจริงก็คือลูกหลานของผู้พี่  จากการต่อสู้ครั้งใหญ่ในหุบเขาเสียหม่า  ตั้งแต่สามพันปีมาแล้ว  ทั้งสองครอบครัวจะดำเนินการต่อสู้ในหุบเขาเสียหม่าทุกๆ สิบปี  ความแค้นกินลึกลงมาถึงในรุ่นผู้เยาว์ในแต่ละรุ่น  จนกระทั่งวันหนึ่ง เด็กสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นที่รักของทั้งสองครอบครัวฆ่าตัวตายต่อหน้าอนุเสาวรีย์เลือดเสียหม่าเพื่อหยุดยั้งการต่อสู้ระหว่างสองครอบครัว  จากนั้นมาสองครอบครัวจึงเลิกราการต่อสู้ที่ไม่จำเป็นนี้
ลูกหลานฝ่ายน้องชายเริ่มต้นก่อตั้งอาณาจักรต้าเซี่ย
ลูกหลานของคนพี่ยังคงหลงอยู่กับความเกลียดชังตามวิธีของพวกเขาต่อไปและก่อตั้งวังมาร  พวกเขาสาบานว่าจะไม่ยอมคืนดีกับลูกหลานของน้องชาย เว้นแต่เด็กสาวที่ฆ่าตัวตายเวลานั้นสามารถคืนชีพได้
 “นั่นเป็นเรื่องราวที่เจ็บปวดเสียวลึกถึงก้น!  เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเล่าตำนานเรื่องนี้ให้เย่ว์หยางฟัง  เจ้าเด็กนั่นมีท่าทีเช่นนี้
ซึ่งผลในตอนนั้นก็คือ เขาโดนองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทุบตีอย่างดุดัน  และทำให้นางไม่คุยกับเขาไปทั้งวัน
ตอนนี้ ขณะที่เย่ว์หยางย่างเท้าเข้าหุบเขาเสียหม่า  เขารู้ได้ว่านี่เป็นแผ่นดินที่แห้งแล้งกันดาร  สิ่งที่น่าแปลกประหลาดที่สุดในโลกก็คือที่นี่สีแดงเหมือนเลือดมนุษย์  แม้ว่าเย่ว์หยางจะรู้ว่าไม่ใช่เพราะพื้นดินเปื้อนเลือดมนุษย์แน่นอน  แต่เขาก็รู้สึกหดหู่อย่างช่วยไม่ได้
แน่นอน มีความผิดปกติอย่างเดียว  แต่ไม่ใช่แค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งหรอกหรือ?
เมื่อยังดำเนินการต่อสู้เสี่ยงชีวิตของพวกเขากันต่อไป  พวกเขาช่างโง่เกินเยียวยาจริงๆ
เย่ว์หยางไม่เคยลองเอาตนเองเข้าไปเทียบ  ถ้ามีคนต้องการชิงตัวเจ้าเมืองโล่วฮัว, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหรือเสวี่ยอู๋เสียไปจากตัวเขา  เขาจะยังไม่ทำอะไรเพื่อชิงพวกนางกลับคืนมาหรือ?
อย่าว่าแต่พวกนางเลย  ต่อให้มีคนบังอาจคิดแทะเล็มสาวน้อยเอลฟ์ทองผู้น่ารัก  เย่ว์หยางคงตัดศีรษะเจ้าคนผู้น่าสงสารนั้นได้อย่างไม่ลังเลใจเลย  แล้วการชิงผู้หญิงไปจากคนที่มาจากมิติอื่นเล่า?  นี่เป็นการขัดต่อบัญชาฟ้าชัดๆ
มารกฎฟ้าไม่มีทางเชิญเย่ว์หยางมาในที่แบบนี้แน่นอน  นี่ต้องเป็นมารสัมฤทธิ์ฟ้า
การเชิญเย่ว์หยางมาหุบเขาเสียหม่ามีความหมายแฝงที่ลึกซึ้ง  เป็นเหมือนกับว่าพวกเขาต้องการใช้สิ่งนี้เพื่ออธิบายว่าพวกเขาทั้งสองครอบครัวมีชะตากรรมต่อต้านกันตลอดไป  ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกัน
เย่ว์หยางเข้าใจเรื่องนั้นดี  แต่แกล้งทำเป็นไม่พาตัวอยู่วงนอก แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจอะไร  เขาถือคติว่าด้านได้ อายอด มีแต่พวกโง่ๆ เท่านั้นที่ส่งคนซื่อตรงไปเจรจากับศัตรู
 “ตง, ตง, ตง, ตง, ตง.....”
เสียงกลองแว่วมาจากที่ไกล ทำให้หัวใจของผู้อื่นเต้นเร็ว  นี่ไม่ใช่กลองศึก  แต่เป็นกลองงานศพที่ทำให้คนอื่นอึดอัดใจเสียมากกว่า
เมื่อเย่ว์หยางได้ยินเสียงนี้  เขาเปลี่ยนจังหวะก้าวเดินทันที ทำเหมือนกับว่ากำลังฉายภาพสโลว์โมชั่นและเขาเดินขึ้นหน้าช้าๆ
เมื่อเขาไปถึงแหล่งของเสียงกลอง  นักรบร่างยักษ์กำลังตีกลองอย่างหนัก  ผ่านไปครึ่งชั่วโมง  นักรบร่างยักษ์กล้ามเนื้อเป็นมัดจึงหยุดตีกลองในที่สุด และใช้ตาที่เหมือนกับตาวัวจ้องมองเย่ว์หยาง  คำรามใส่เย่ว์หยางดูราวกับว่าต้องการจะกินเย่ว์หยางทั้งตัว  “เจ้าทำบ้าอะไรอยู่? เดินช้าอืดอาดอย่างนั้น  นี่ข้าใจดีมากแล้วนะถึงได้ตีกลองบอกให้เจ้าได้รู้ตำแหน่งนัดพบ  ข้าไม่ว่าอะไรหรอก  ถ้าเจ้าขอบคุณข้าเสียบ้าง  แต่เจ้ายังกล้าเดินช้าเหมือนทากคลานอย่างนั้น!  เจ้าคิดจะสร้างความลำบากใจให้ข้าใช่ไหม? มาเลย, ข้าจะต้องสั่งสอนเจ้า”
เมื่อเย่ว์หยางได้ยินเช่นนี้  เขายิ้มกว้างจนเห็นฟันทุกซี่สดใสเหมือนดวงตะวันทันที
พวกเขากล่าวกันว่าคนเราจะไม่ทุบตีคนที่เป็นมิตรยิ้มแย้มแจ่มใส
หมัดของนักรบยักษ์จวนจะถึงปลายจมูกของเย่ว์หยาง  แต่เขาก็ยั้งหมัดไว้ในที่สุด  “ไม่ต้องมายิ้ม ให้ข้าทุบตีเจ้าให้เละก่อน เอาให้โชกเลือด  ข้าโมโหทุกทีที่เห็นเด็กหน้าตาดีอย่างเจ้า”
เย่ว์หยางยิ่งยิ้มกว้างอีกขณะที่หัวเราะ  “พี่ชายท่านนี้ จะให้ข้าเรียกท่านอย่างไรดี? มารฟ้าพิโรธ หรือว่ามารฟ้าสังหาร?”
 “ใครเป็นพี่เจ้า?  และชื่อของข้าไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า!  นักรบร่างยักษ์ยิ่งโกรธขึ้นอีก  นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบเจ้าเด็กนี่  แต่เขายังกล้าเรียกเขาว่าพี่ชาย  ถ้าพบกับเขาอีกครั้งเจ้าเด็กนี่มิเรียกเขาว่าลุง หรือปู่หรอกหรือ  เขาไม่เคยพบคนแปลกประหลาดมาก่อนในชีวิต  ถ้าเจ้าเด็กนี่เข้ามาหาเขาและเริ่มสู้กับเขาทันทีโดยไม่พูดอะไร  เขาก็คงไม่ว่ากระไร  แต่เจ้าเด็กนี่ไม่ได้มีทีท่าอะไร  แถมเรียกเขาว่าพี่อย่างใกล้ชิด  เขาจึงสูญเสียเหตุที่จะหาเรื่องเล่นงานเขา
 “มารกฎฟ้าคือว่าที่ภรรยาของข้า  ดังนั้นท่านก็อาจนับได้ว่าเหมือนเป็นครอบครัวของภรรยาข้า  พอเห็นว่าท่านแก่กว่าข้ามาก  ข้าคิดว่าเรียกท่านว่าลุงน่าจะดีกว่า!  เย่ว์หยางพูดอย่างนี้เหมือนกับว่าเขาไม่ถือสาเจ้ายักษ์ผู้นี้  เขาอาจเรียกยักษ์ผู้นี้เป็นท่านปู่ก็ยังได้ ดูเหมือนว่าเย่ว์หยางก็คาดว่าเจ้ายักษ์ผู้นี้สมควรขอบคุณเขา
 “เจ้า.....”  นักรบยักษ์โกรธจัดจนแทบกระอักเลือด  เจ้าเด็กแสบที่ไร้ยางอายอย่างนี้  เป็นไปได้อย่างไรที่เขาเอาตัวรอดมาได้จนถึงบัดนี้?  เป็นไปได้อย่างไรที่มีเด็กหน้าด้านขนาดนี้อยู่ในโลก
 “ลิ้นเจ้าทำด้วยอะไร คำพูดถึงได้หวานนัก ครอบครัวภรรยาบ้างล่ะ, ลุงบ้างล่ะ, อาบ้างล่ะ,  ถ้าความจำข้าไม่ผิดเพี้ยน  เมื่อไม่นานมานี้ ยังมีลุงใหญ่ที่คุ้นเคยคนหนึ่ง ชื่อว่ามารมังกรฟ้า  เจ้าเป็นคนฆ่าเขาในป้อมสายฟ้าใช่ไหม? รบกวนเจ้าอธิบายเรื่องนี้สักหน่อยได้ไหม?  ตอนนั้นทำไมเจ้าถึงไม่คิดว่าเขาเป็นลุงของเจ้าบ้าง?”  บุรุษร่างผอมสูงสะพายกระบี่โบราณที่ด้านหลังปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเย่ว์หยางทันที  เขาสวมชุดยาว
พลังของบุรุษผู้นี้ยังคงเหนือกว่ามารมังกรฟ้า
สายตาของเขาคมกริบ ราวกับว่าคนที่ถูกเขาจ้องมองจะต้องได้รับบาดแผลทุกข์ทรมานเป็นอันมาก
เย่ว์หยางไม่ได้หันไปเผชิญหน้ากับเขา ยังคงปล่อยให้เขามองดูหลังเขาต่อไป  เขารู้สึกเหมือนกับว่ามีพลังกระบี่น้ำแข็งเย็นกดดันใส่หลังของเขา
ไม่จำเป็นต้องพูด บุรุษผอมสูงคนนี้ผู้สะพายกระบี่โบราณที่หลังรั้งตำแหน่งมารฟ้าลำดับเก้าแห่งวังมาร นามว่ามารกระบี่ฟ้า  หลังจากมารมังกรฟ้าตาย  เขากลายเป็นมารฟ้าเพียงคนเดียวที่มีพลังปราณก่อกำเนิดระดับหก ในบรรดามารฟ้าทั้งสิบคน... แน่นอนว่า พลังปราณก่อกำเนิดระดับหกของเขายังมีพลังมากกว่าของมารมังกรฟ้า  แม้ว่าทั้งสองคนจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหก  แต่เย่ว์หยางคิดว่าต่อให้มีมารมังกรฟ้าสองคนก็คงไม่อาจเอาชนะมารกระบี่ฟ้าได้
จุดอ่อนของมารกระบี่ฟ้าอาจมีเพียงเรื่องเดียวคือเชื่อมั่นในกระบี่โบราณระดับศักดิ์สิทธิ์ของเขามากเกินไป  จึงไม่สามารถบรรลุในระดับสูงได้
แน่นอนว่า ได้ครอบครองกระบี่โบราณชั้นศักดิ์สิทธิ์  พลังของมารกระบี่ฟ้าผู้นี้ก็แทบจะใกล้เคียงนักรบยักษ์ผู้ตีกลองแล้ว  ขณะที่นักรบยักษ์ผู้ตีกลองจะครอบครองกลองโทมนัสฟ้า ของระดับแพลตตินัม
 “กระบี่โบราณเล่มนี้เป็นอาวุธที่ดี...” เย่ว์หยางน้ำลายไหลเล็กน้อย  ถ้ามารกระบี่ฟ้ามาเพียงลำพัง  เขาคงชิงเอากระบี่โบราณไปจากมารกระบี่ฟ้าแล้ว  อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่ามารสัมฤทธิ์ฟ้าอยู่ตรงไหน  ดังนั้นเขาจึงไม่มีความคิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องกระบี่โบราณในเวลาอย่างนี้  เย่ว์หยางกลับเข้าหัวข้อสนทนาหลัก  ขณะที่เขายิ้มตอบคำถามของมารกระบี่ฟ้า  เขาพูดอย่างไร้ความอายว่า “ความจริง เรื่องที่ท่านลุงกังวลนั้น เป็นเรื่องจัดการง่ายมาก  ถ้ามีคนยินดีจะเป็นลุงข้าจริงๆ  แต่เมื่อมีคนไม่ยินดีจะเป็นลุงข้า และยังพยายามต่อสู้เพื่อแย่งตำแหน่งสามีของภรรยาข้า  คนผู้นั้นก็คงเป็นลุงของข้าต่อไปไม่ได้”
 “เมื่อเป็นอย่างนั้น ข้าก็อยากจะสู้ด้วยเหมือนกัน  ลองดูซิว่าจะเป็นยังไง”  มารกระบี่ฟ้าปล่อยปราณกระบี่นับร้อยนับพันทันที สร้างรอยตัดบนพื้นยาวสิบเมตรต่อหน้าเย่ว์หยาง
นี่คือพลังเพ่งมองของมารกระบี่ฟ้าล้วนๆ
รอยตัดฟันจำนวนหนึ่งปรากฏอยู่บนเกราะหนังมังกรของเย่ว์หยาง  เหมือนกับว่ามันถูกฟันด้วยมีดคม
อย่างไรก็ตาม อย่าว่าแต่ฟันใส่แก้มได้สักแผลเลย  เย่ว์หยางไม่ปล่อยให้เขาคุกคามเขาได้แม้แต่ผมเส้นเดียว  เขาปัดเศษไม้ออกอย่างใจเย็นและรำคาญ และพูดอย่างไว้ท่าว่า “ท่านก็ควรทำตัวเป็นเหมือนลุงของข้าด้วยนะ  ด้วยหน้าตาอย่างท่าน ถ้ายังขืนสู้กับข้า  มีแต่จะทำให้ข้าขำตาย  เคยตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองบ้างไหม?  ยิ่งกว่านั้น ถึงข้าไม่ทุบตีท่านในตอนนี้  แต่มารกฎฟ้าภรรยาข้าจะต้องทุบตีเจ้าแน่นอน  คนที่ยิ่งใหญ่ก็ควรรู้ข้อจำกัดของตนเอง  ข้าขอรบกวนให้ท่านหลบไปข้างๆ ก่อนได้ไหม  ข้าคิดว่าท่านยังไม่มีคุณสมบัติพอนับญาติเป็นครอบครัวเดียวกับภรรยาข้า   ถ้าท่านเปลี่ยนใจ  บอกข้าได้ทุกเมื่อ  ขอบคุณนะ”
“เจ้า....!  มารกระบี่ฟ้าโกรธจัดจนหน้าแดง, จากนั้นหน้ากลายเป็นสีม่วงแล้วก็เป็นสีดำ
เขาคิดจะชักกระบี่โบราณแล้วฟันใส่เจ้าเด็กนี่ให้ตายนับครั้งไม่ถ้วน
จากนั้นเขาจะหั่นเจ้าเด็กนี่ให้เป็นชิ้นๆ แล้วแขวนชิ้นเนื้อเป็นแถวให้ทุกคนดู  เขาเคยพบคนที่น่ารำคาญมาก่อน  แต่ไม่เคยพบคนที่กวนโมโหมากขนาดนี้มาก่อน
หลังจากบังคับให้มารกระบี่ฟ้ายอมรับความพ่ายแพ้  ที่ท้ายหุบเขาเสียหม่า  มีบุรุษคนหนึ่งกำลังลอยตัวอยู่ในท้องฟ้าอย่างสบาย  เขาดูผ่อนคลายมากจนเย่ว์หยางรู้สึกอิจฉาเขา  เขามองมาที่เย่ว์หยางและยิ้มกว้างจนเห็นฟันทุกซี่เป็นประกายระยับเหมือนดวงดาว  รอยยิ้มของเขามืดมนกว่ายามราตรี เขาเลียนแบบวิธีสะบัดผมอย่างเย่ว์หยาง  จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนน้ำพุไหลริน “ให้ข้าเป็นศัตรูความรักของเจ้าด้วยได้ไหม?  ถ้าเจ้ากำลังคุยเรื่องรูปลักษณ์  ข้าไม่คิดว่าแย่กว่าเจ้า  สำหรับเรื่องความคิด  บางครั้งข้าก็มีความคิดเกี่ยวกับภรรยาของเจ้านะ  แล้วเจ้าจะเอายังไงกับข้า?”
เย่ว์หยางเปลี่ยนจากบุรุษที่เจียมเนื้อเจียมตัวเป็นขึงขังขึ้นเล็กน้อย  คำพูดของเขาจะกระด้างขึ้นเมื่อโจมตีคู่แข่งของเขา  “โอวเมียจ๋า!  โชคดีที่เจ้าพูดออกมาเร็ว มิฉะนั้นข้าคงต้องตบเจ้าซะแล้ว  เจ้าต้องรู้นะว่าข้าเกลียดคนที่ดูดีกว่าข้าที่สุด!  แต่ถ้าเป็นผู้หญิงละก็ไม่เป็นไร  ยินดีต้อนรับ  ข้าชื่อเย่ว์หยาง แต่คนทั่วไปมักเรียกข้าว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์  ข้ามีนิสัยเถรตรงและร่าเริง  แล้วก็ยังมีรถหลายคันมีบ้านหลายหลัง  ข้ารวยนะ เป็นรุ่นที่สองที่ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกินหรือเรื่องเสื้อผ้าสวมใส่  ข้ามีคนคอยปกป้องและเสียสละให้ข้า  มีคนคอยแห่แหนล้อมหน้าล้อมหลัง  มีทั้งอำนาจและความร่ำรวย งานอดิเรกของข้าคือถ่ายภาพ, งานศิลป์และดูรูปโป๊  มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดที่ทุกคนจะสู้ด้วย.... ข้าข้องใจอยู่ว่าเจ้าสนใจจะเป็นสมาชิกฮาเร็มที่ยอดเยี่ยมของข้าบ้างไหม?”
ก่อนที่เจ้าเด็กหน้าด้านผู้นี้จะพูดจบ  อีกฝ่ายก็เป็นลมล้มกับพื้นไปแล้ว
 

23 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากคับ

Kokuryu กล่าวว่า...

หน้าแกทำด้วยอะไรห่ะหยาง

Thanimlak กล่าวว่า...

ขออีกตอน

Unknown กล่าวว่า...

หน้าด้าน ตามชื่อตอนไปเลย

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

ด้านทะลุอล่ว ฮ่า

Lucky กล่าวว่า...

ตามชื่อตอนเลย555

Unknown กล่าวว่า...

ยอมมม

Unknown กล่าวว่า...

55555

Unknown กล่าวว่า...

ที่รู้ๆแข็งกว่าเพชร

ปารมี กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

5555

natthapol.nondang@gmail.com กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

หน้าด้านอย่างยิ่ง เย่หน้าแกทำจากไทเทเนียมชิมิ
ทนทานซะจนปูนบอบบางไปเลย

Unknown กล่าวว่า...

หน้าด้านอย่างยิ่ง เย่หน้าแกทำจากไทเทเนียมชิมิ
ทนทานซะจนปูนบอบบางไปเลย

Unknown กล่าวว่า...

หน้านี่มัน ไวเบรเนียม บริสุทธิ์ 100% ในตำนานานี่นา

งำงำ มีดบิน กล่าวว่า...

5555

Pochinki กล่าวว่า...

อ่านนิยายจีนมาทุกเรื่อง กุเพิ่งเคยเจอคนหน้าด้านขนาดนี้ ขำว่ะ 555

Nopanser Kung กล่าวว่า...

แหม่ สงสัยเย่ว์หยางเราคงไมต้องใช้อาวุธป้องกันล่ะ ใช้หน้าแทนนี่แหละ!
หนาขนาดนี้ต่อให้เป็นอาวุธระดับเทพ อาวุธระดับเทพยังมีรอยบิ่นเลย

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

5555555555

Unknown กล่าวว่า...

อิพี่สามหน้าด้านมาก555

ZENDINEL กล่าวว่า...

Thx

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น