ตอนที่ 430 ยกระดับกับทักษะใหม่ 2 อย่าง
ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ที่หกมารฟ้าร่วมมือกันจู่โจมใส่มนุษย์คนเดียว
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปหลังจากตั้งใจต่อสู้
หกมารฟ้าผู้ผิดหวังมองดูเย่ว์หยางอย่างหงุดหงิด เขากำลังอาบลำแสงยกระดับพลังนักสู้ หลังจากต่อสู้กันอย่างดุเดือด
เย่ว์หยางไม่เพียงแต่ไม่ล้มลงเท่านั้น
เขายังใช้พลังของหกมารฟ้าเพื่อยกระดับตนเอง เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง? เนื่องจากการต่อสู้ระหว่างเย่ว์หยางกับหกมารฟ้า เขาใช้อาวุธสมบัติอย่างเต็มที่ นอกจากไม้ตายของเขา แสงเทพห้าสีและแสงรังสีดำ เขาใช้อาวุธสมบัติของเขาทั้งหมด
สู้กับหกมารฟ้าที่รวมพลังกันไม่ใช่เรื่องง่าย
โชคดีที่เย่ว์หยางเคยชินกับการต่อสู้กับคนเป็นกลุ่ม
ด้วยการฝึกฝนที่หลากหลายและฉวยความได้เปรียบของสถานการณ์ที่เขาเตรียมบรรลุขอบเขตใหม่ เขาจึงไม่ถูกหกมารฟ้าเล่นงานจนยับเยิน
วันนี้
คัมภีร์อัญเชิญของเขาถูกใช้งานหนัก
แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่เรียกสัตว์อสูรตัวใดเลย แต่อสูรพิทักษ์ ‘โลก’ ที่เป็นอสูรชนิดพิเศษก็ช่วยเย่ว์หยางได้มาก ทักษะของมันคือ ความสับสนและสนามพลังธาตุของมันช่วยเย่ว์หยางได้มาก ทำให้ศัตรูของเขาอ่อนแอลงไปมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะมัน นคงยากที่เย่ว์หยางจะพัวพันกับหกมารฟ้าได้
แน่นอนว่า เย่ว์หยางไม่ได้ตั้งใจใช้อสูร “โลก” เขาใช้มันโดยไม่รู้ตัว
เพราะเขาไม่ได้นึกถึงอสูรโลกหลังจากเรียกมันออกมาจากคัมภีร์อัญเชิญของเขา ส่งผลให้หกมารฟ้าเริ่มรู้สึกว่าการต่อสู้เริ่มหดหู่และน่าเบื่อขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาตระหนักว่าเหตุผลเป็นเพราะคัมภีร์อัญเชิญของเย่ว์หยางยังติดตามอยู่รอบๆ
ตัวเขา ดังนั้นจึงมีผลตกค้างคงอยู่
แต่เพราะมารฟ้าคนอื่นก็เรียกคัมภีร์ของตนออกมา ทันทีที่พวกเขากางม่านพลังปกป้อง
คัมภีร์ของเย่ว์หยางจึงไม่ส่งผลต่อพวกเขาอีกต่อไป
คัมภีร์อัญเชิญของเย่ว์หยางทำให้พวกเขาพูดไม่ออก เพราะมันไม่เหมือนคัมภีร์เล่มใดเลย มันเป็นเหมือนอสูรที่ครอบครองสติปัญญา มันฉลาดเกินกว่าจะเป็นคัมภีร์อัญเชิญ
“ข้าคิดว่าในโลกนี้คงไม่มีคนอื่นที่ผิดปกติอย่างเย่ว์หยาง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาล้วนผิดธรรมดา!” มารฟ้าวิบัติและมารบาปฟ้าออกความเห็นวิจารณ์
“ก็ดีแล้ว ถ้าเขาเป็นคนธรรมดาสามัญ ก็คงไม่ถูกเรียกว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์แน่” นางมารเคราะห์ฟ้ารู้สึกว่าเรื่องอย่างนี้พอรับได้
ให้รับมือกับตัวประหลาดยังดีกว่ารับมือกับคนที่เหมือนกันไปทุกอย่าง
เย่ว์หยางไม่มีเวลายุ่งเกี่ยวกับพวกมารฟ้าที่ทั้งอิจฉาและระแวงเขา เทียบกับนักรบธรรมดา เขามีทักษะแฝงเร้นที่ผิดธรรมดา
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องเกินจริง
เขากำลังอาบลำแสงทองยกระดับอย่างเพลิดเพลินใจ
และมิได้ถอนถอยความรู้สึกอยู่เป็นเวลานาน
มารฟ้าทั้งหกยังคงถอนหายใจ
เพราะว่ากันตามตรง พวกเขาอิจฉาเย่ว์หยางจริงๆ
สำหรับการบรรลุขอบเขตพลังระดับสูงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เย่ว์หยางก้าวหน้ามากมายจนทำให้เขารู้สึกหดหู่ผิดหวัง
ดินโคลนที่กระเด็นกระจายขึ้นไปในอากาศระหว่างการต่อสู้ร่วงกราวลงมาจากอากาศและท้องฟ้ากลับคืนสู่สภาพปกติเหมือนดังแต่ก่อน
อย่างไรก็ตาม พื้นดินกลับยุ่งเหยิงไม่อาจกลับคืนสู่สภาพปกติได้ง่ายๆ
บางทีทรายในหุบเขาเสียหม่า
อาจต้องใช้เวลาหลายทศวรรษหรือหลายศตวรรษถึงจะกลบเกลื่อนลบล้างร่องรอยการต่อสู้ในวันนี้ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลุมซึ่งเป็นผลมาจากการปะทะกันของเหล่านักสู้ปราณก่อกำเนิด คงต้องใช้เวลาหลายพันปีถึงจะกลบเกลื่อนฉากการต่อสู้ที่ดุเดือดนี้ได้
หลังจากยกระดับขึ้นสู่ขอบเขตใหม่
ตอนแรกเย่ว์หยางรู้สึกว่ามีความใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น
เป็นเหมือนกับว่าจิตและวิญญาณของเขาหลอมรวมกับสภาพโดยรอบ อากาศเป็นเหมือนลมหายใจ อกของเขาเป็นเหมือนท้องฟ้า,
ร่างของเขาเป็นเหมือนโลก
ขาทั้งสองเป็นเหมือนภูเขาและมือทั้งสองรวมกับปณิธานของเขาขยายตัวออกไปสู่ความว่างเปล่าไร้ขีดจำกัด
ช่างแตกต่างจากทักษะหัวใจธรรมชาติที่รวมเอาสิ่งมีชีวิตในโลกไว้ทั้งหมด
ระดับของเย่ว์หยางนั้นเกินกว่าความรู้สึกรับรู้ที่เขามี
เขารู้สึกว่าเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของโลกโดยสิ้นเชิง ด้วยพลังโลกภายในตัวของเขา
เขาสามารถเปลี่ยนโลกได้ด้วยปณิธานและพลังของเขาก็มาจากพลังปณิธานของเขา.... ในการเลื่อนระดับของเย่ว์หยางก่อนหน้านั้น เขาจะรู้สึกตัวเหมือนกับเป็นยักษ์ที่สามารถค้ำฟ้าได้ด้วยมือของเขาและสั่นสะเทือนพื้นดินด้วยแรงย่ำเท้า แต่รอบนี้กลับไม่ใช่ เขาไม่รู้สึกเหมือนกับเป็นยักษ์อีกต่อไป
แต่เขารู้สึกเหมือนว่าเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของฟ้าและดิน
แม้ว่าร่างกายของเขาก็ยังเป็นของเขาอยู่
เพียงแต่มันเชื่อมกับพลังฟ้าและดิน
เย่ว์หยางคิดว่านี่คลับคล้ายกับเมื่อคราวโคเงาอาหมันดูดซับพลังของหัวใจธรณีสาร แต่นางแค่เชื่อมโยงกับพลังดินเท่านั้น
แต่สำหรับเขาในตอนนี้
เขาเป็นส่วนหนึ่งของฟ้าและดิน
เขาสามารถเชื่อมโยงกับสิ่งมีชีวิตในโลกและสวรรค์ได้ เมื่อเย่ว์หยางบรรลุขอบเขตใหม่
หลุมดำที่ไม่สามารถควบคุมได้อย่างทักษะแฝงเร้นดูดกลืนในร่างของเขา
กลายสภาพเป็นแข็งแกร่งชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะที่พลังนั้นดูดกลืนพลังจากฟ้าและดินโดยตรง
ไม่จำเป็นต้องรอดูดซับพลังหลังจากเย่ว์หยางถูกทำร้ายอีกต่อไป
แน่นอนว่าเย่ว์หยางยังคงไม่เข้าใจว่าหลุมดำที่มีลักษณะเช่นนั้น
จะใช้งานได้ยังไง
เป็นไปได้ไหมว่านั่นเป็นโพรงจักรวาล?
หรือว่าเป็นสถานที่ซึ่งเทพธิดากระบี่ฟ้าอาศัยอยู่จำเป็นต้องใช้พลังจากฟ้าและดินที่บริสุทธิ์มากขึ้น
ดังนั้นหลุมดำนี้จึงต้องดูดซับพลังงานมาเพื่อนางไม่มีที่สิ้นสุด?
เย่ว์หยางไม่สามารถทำความเข้าใจเรื่องนี้ได้ทั้งหมด เพราะเขาควบคุมเรื่องเหล่านั้นไม่ได้ คล้ายกับความรู้สึกที่เขามี
เมื่อเขากำลังฝึกกับพี่สาวในฝัน
“ในที่สุดข้าก็ยกระดับคัมภีร์อัญเชิญเป็นระดับแพลตตินัมหลังจากต่อสู้มายาวนาน!” คัมภีร์ทองของเย่ว์หยางก็ยกระดับอยู่ในชั้นกลาง
หลังจากวิวัฒนาการนางพญาดอกหนามมงกุฎทอง
ในที่สุดก็เป็นคัมภีร์ระดับสูงหลังจากศึกวังเทพจักรพรรดิอวี้ จากนั้นเขาได้ฆ่าเหนียนหู่และเอ้อเมิ่ง, เยาถง,
มารมังกรฟ้าและสู้กับสาวมังกรเจี้ยงอิง สำรวจวังเบญจธาตุ
จู่โจมทำร้ายจักรพรรดิชื่อตี้, ซุ่นเทียน, องค์ชายเงาดำและสนมชื่อเฟย แต่เขาไม่ค่อยเรียกคัมภีร์อัญเชิญออกมา
มันจึงไม่ได้รับการปรับปรุง
วันนี้คัมภีร์ทองระดับสูงได้ยกระดับเป็นคัมภีร์แพลตตินัมระดับเริ่มต้น
อันเป็นผลเนื่องมาจากการลุยเดี่ยวต่อสู้กับหกมารฟ้าและผลกระทบจากการบรรลุขอบเขตใหม่
อาจกล่าวได้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะเขาโจมตีใส่จักรพรรดิชื่อตี้และได้รับประสบการณ์และความเข้าใจจากเหตุการณ์นั้น
คัมภีร์อัญเชิญของเย่ว์หยางคงไม่อาจยกระดับได้จนถึงขนาดนี้
ในที่สุดเขาก็เข้าใจในตอนนี้ว่าทำไมคัมภีร์อัญเชิญ จึงสามารถยกระดับง่ายๆ
ในช่วงแรกเริ่ม แต่ต่อมามีแต่ผู้แข็งแกร่งจริงๆ เท่านั้นถึงจะมีคัมภีร์ระดับทองได้
เหตุผลก็เพราะประสบการณ์ในการต่อสู้ไม่ใช่เรื่องพลังที่ผลักดันให้คัมภีร์ยกระดับได้
แม้ว่าจะมีประสบการณ์การต่อสู้อย่างเพียงพอก็ตาม คัมภีร์อัญเชิญอาจจะไม่ยกระดับก็เป็นได้
คัมภีร์อัญเชิญของเย่ว์หยางดูเป็นเงางามและน่าหลงใหลยิ่งขึ้นหลังจากยกระดับแล้ว
พิจารณาจากเฉพาะรัศมีของมัน กลับมีรัศมีมากกว่าสิบสี
ไม่มีคัมภีร์อัญเชิญของผู้ใดที่มีอักษรรูนบรรจุไว้มากเหมือนคัมภีร์อัญเชิญของเย่ว์หยาง
เมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ก็จะรู้ได้ว่าลายเส้นเล็กๆ
ทั้งหมดสร้างขึ้นจากอักษรรูนขนาดจิ๋ว
“....”
เย่ว์หยางจำได้ว่าหลังจากปรับปรุงคัมภีร์อัญเชิญของเขาแล้ว
เขายังได้รับรางวัลเป็นขีดจำกัดรหัสโบราณ
ขณะที่เขาเปิดคัมภีร์ดูอย่างใจจดจ่อ
ก็ต้องตะลึงกับสิ่งที่เห็น
ที่น่าแปลกใจก็คือพลังจักษุญาณทิพย์ที่เขาใช้บ่อยๆ ไม่ได้ยกระดับ
บางทีคงจะมีวิธีใช้ประโยชน์ที่ดีกว่าที่เย่ว์หยางยังไม่รู้เหตุผล
เหมือนกับตอนนี้
แต่ทักษะแฝงเร้นลวงที่เขาใช้อย่างยากลำบากได้รับการยกระดับและเขาได้รับทักษะอื่นเพิ่มเป็นรางวัล
มหาละลวย :
เมื่อผู้ครอบครองทักษะชนิดนี้ยิ้ม
จะสร้างผลกระทบพิเศษในทางสะกดจิตอีกฝ่ายหนึ่งได้
(มีผลเฉพาะต่อเพศตรงข้ามเท่านั้น)
รางวัลความสามารถ “มหาละลวย” มีความสัมพันธ์กับทักษะลวง
ยิ่งทักษะแฝงเร้นลวงกล้าแข็งขึ้น ทักษะมหาละลวยก็มีผลมากยิ่งขึ้น ถ้าจะว่าให้ถูก ทักษะมหาละลวยก็คือทักษะลวงรูปแบบพิเศษ ผลของมันจะไม่ปรากฏต่อตัวผู้ใช้ แต่จะไปปรากฏต่อเพศตรงข้ามแทน
เย่ว์หยางพูดไม่ออกหลังจากเห็นทักษะใหม่นี้
นี่จะไม่เป็นการบังคับให้เขาต้องยิ้มบ่อยๆ หรอกหรือ?
ถ้าเขาอารมณ์ไม่ดี อย่างนั้นทักษะนี้คงมิอาจใช้ได้เลย แต่โชคที่เป็นรางวัลสำหรับเขา
ถ้าเป็นรางวัลสำหรับคนไร้อารมณ์อย่างเสวี่ยทันหลาง เขาคงไม่มีทางใช้ทักษะนี้ได้เลยตลอดชีวิต
นอกจากยกระดับทักษะแฝงเร้นลวงแล้ว
และได้รับรางวัลทักษะมหาละลวยเพิ่ม
อสูรพิทักษ์ดั้งเดิมที่สุดของเขา เงาปีศาจ ก็ได้รับการยกระดับเช่นกัน
การยกระดับในเวลาที่เหมาะสมทำให้เย่ว์หยางยินดี
อาหมันจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากเงาปีศาจที่ได้ปรับปรุงแล้วมากที่สุด เพราะนางเป็นส่วนหนึ่งของเงาปีศาจดั้งเดิม
ดังนั้นนางจะได้รับความช่วยเหลือจากเงาปีศาจมากกว่านางพญากระหายเลือดหง
ขณะที่อาหมันผสานเข้ากับหัวใจธรณีสารและกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับสองดาว
การยกระดับครั้งนี้ของเงาปีศาจมาได้ถูกเวลา หลังจากได้รับทักษะเงาปีศาจยักษ์ ทักษะชิงร่าง,
ทักษะเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ใหม่และทักษะซ่อนเงา
เงาปีศาจก็ได้รับทักษะที่ห้า “เพื่อนยาก”
ทักษะเพื่อนยาก :
ความคงอยู่ของเงาปีศาจทั้งหมดจะเป็นไปตามปณิธานของเจ้าของ ถ้าเจ้าของไม่ตาย เงาปีศาจจะไม่ไปจากข้างกายเจ้าของๆ พวกมัน
ไม่ว่าจะใช้พลังพิเศษใดๆ ก็ตาม ก็ไม่สามารถพรากเงาปีศาจไปจากข้างกายเจ้าของๆ
มันได้
“นี่ข้าเหมือนถูกรางวัลที่หนึ่ง..” เย่ว์หยางเข้าใจตั้งแต่การผจญภัยในวังเบญจธาตุแล้วที่สัตว์อสูรไม่สามารถทำอะไรได้ทุกอย่าง
ถ้าสัตว์อสูรไม่สามารถเรียกออกมาได้ภายใต้กฎและข้อบังคับ อย่างนั้นสัตว์อสูรคงเปล่าประโยชน์ ไม่ว่ามันจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ตาม ตอนนี้ที่เงาปีศาจครอบครองพลังทักษะอย่างนั้น
ทำให้เย่ว์หยางตื่นเต้นมาก เรื่องอื่นๆ
ทั้งหมดช่างมันก่อน
แต่อย่างน้อยเงาปีศาจจะไม่ถูกจำกัดด้วยกฎอีกต่อไป
ถ้ามีกฎอย่างนั้นในชั้นที่หก
ก็ไม่อาจรับรองได้ว่าจะไม่มีอะไรในชั้นที่เจ็ด, แปด, เก้าและชั้นที่สิบ
ยิ่งกว่านั้นอาจมียอดฝีมือบางส่วนในแดนสวรรค์อย่างเช่นสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์
หมิงเย่ว์กวง,
ซิวคงและจิ่วเซียวซึ่งสามารถสร้างพื้นที่จำกัดจากการอัญเชิญอสูรของพวกเขาได้
นั่นจะเป็นเรื่องที่น่าพอใจที่สุด
“เจ้ากำลังยิ้มเหมือนหัวสุนัขปรุงสุก,
ไหนขอข้าดูซิ เจ้าได้อะไรดีๆ มาบ้าง” นางมารเคราะห์ฟ้าเกิดความสนใจอยากดูคัมภีร์อัญเชิญของเย่ว์หยาง
“แม่หนูน้อย, เรียกข้าว่าพี่เขยก่อน
แล้วข้าจะให้ลูกอมเจ้านะ”
เย่ว์หยางรีบปิดคัมภีร์อัญเชิญและหยอกเย้านางมารเคราะห์ฟ้า
“ระวังนะ ข้าจะฟ้าพี่มารกฎฟ้า และขอให้นางลงโทษสั่งให้เจ้าคุกเข่า!” นางมารเคราะห์ฟ้าหลบหลีกความพยายามที่เย่ว์หยางจะโอบกอดนาง
ขณะที่นางกำหมัดต่อยเขา
นางมารเคราะห์ฟ้ายิ้มเล็กน้อย อย่างน้อยนางก็ต่อยเย่ว์หยางเป็นร้อยหมัด
และพลังหมัดมิได้ด้อยกว่ามารฟ้าพิโรธ นี่เป็นเพราะเย่ว์หยางยั่วโมโห เขาแกล้งทำเป็นจะจับนางแก้ผ้าแต่ที่จริงกลับหาเรื่องแค่แตะเนื้อตัวนาง
“งั้นเจ้าจะฟ้องว่าข้าเล่นหูเล่นตากับเจ้าใช่ไหม? จริงๆ
แล้วข้าเป็นคนประเภทแพ้ต่อสิ่งยั่วยวนใจได้ง่ายเสียด้วย ข้าจะบอกนางตรงไปตรงมาว่า ข้านอกใจนางเพราะถูกเด็กสาวคนหนึ่งล่อลวงข้า....”
เย่ว์หยางนึกถึงความรู้สึกตอนที่เขาเผลอสัมผัสบั้นท้ายนางมารเคราะห์ฟ้าและเกิดความยินดี แน่นอนว่านางเซียนหงส์ฟ้าคงไม่รู้เรื่องนี้ นางคงไม่ใช่คนที่ชอบหึงหวงนัก เขายังเชื่อว่านางมารเคราะห์ฟ้าคงไม่ฉวยโอกาสฟ้องนางเช่นกัน เพราะนางยังคงมีความภูมิใจ ต่างจากเย่ว์หยาง
“เดี๋ยวก่อน มีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับยิ้มของเจ้า” นางมารเคราะห์ฟ้าเห็นหน้าเย่ว์หยางและตกใจอยู่ชั่วขณะ นางตรวจสอบเขาอย่างถ้วนถี่แล้วตะโกนว่า
“นี่คล้ายกับทักษะแฝงเร้นมหาเสน่ห์ของพี่มารกฎฟ้า
เพียงแต่พลังอ่อนกว่า
เจ้าแอบเลียนแบบทักษะของนางใช่ไหม? ไม่นะ สำหรับนาง
นั่นคือทักษะแฝงเร้น แล้วของเจ้าล่ะ?”
“เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน?”
เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อย่างดีที่สุด ความจริงถ้าเขายังคงทำหน้าซื่อตรง
ทักษะมหาละลวยก็คงใช้งานไม่ได้
นางมารเคราะห์ฟ้าคิดว่านางดูผิดไปและเริ่มสับสนเล็กน้อย
นางขมวดคิ้วทันที
นางสงสัยเย่ว์หยางแน่นอน
แต่นางไม่รู้ว่ามีทักษะประหลาดแบบนี้อยู่ในโลก
ยิ่งกว่านั้น มารบาปฟ้าและมารฟ้าที่เหลือดูเหมือนจะตรวจไม่พบอะไร
ดังนั้นนางมารเคราะห์ฟ้าจึงสงสัยว่านางคงสำคัญผิดไป
หลังจากพึมพำและถอยออกมาจากการคุกคามของเย่ว์หยางได้ นางก็หนีไป
“ข้าจะสู้กับเจ้าหลังจากจัดการราชาเฮยอวี้แล้ว
ข้าจะต้องมั่นใจให้ได้ว่าการรวมพลังของหกมารฟ้าเหมือนกับอะไร
ข้ายังไม่ได้เรียกอสูรของข้าออกมาในรอบนี้เลย แล้วข้าจะให้เจ้าได้มีประสบการณ์เข้าใจว่าคำว่ามารเคราะห์ฟ้านั้น
หมายถึงอะไร”
เย่ว์หยางทำเป็นโกรธเมื่อได้ยิน
“เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ อย่างเจ้าหรือ?”
มารบาปฟ้ากระแอมและเดินตรงมาที่เขา
“คุณชายสาม ยินดีต้อนรับสู่วังมาร
เจ้าต้องการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันบ้างไหม?”
เย่ว์หยางพยักหน้าเห็นด้วย “งั้นเปิดกล่องของเจ้าก่อน
ให้ข้าดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน
แลกเปลี่ยนข้อมูลใช่ไหม?
งั้นเจ้าต้องการรู้ความลับข้าใช่ไหม?
อย่างนั้นก็ใช้กล่องใหญ่มาแลกเปลี่ยนข้อมูลเหล่านั้นกัน!” มารบาปฟ้าหันหลังหนีทันทีหลังจากที่ได้ยิน! เย่ว์หยางยกนิ้วกลางให้เขา มารบาปฟ้ายกกล่องมาวางไว้อย่างดี แต่เขาจะยอมเปิดเผยความลับที่อยู่ลึกที่สุดหรือ?
แน่นอนว่า เป็นสิทธิ์ที่มารบาปฟ้าจะปฏิเสธข้อเสนอของเย่ว์หยาง
เพราะแม้ว่าเขาจะต้องใช้กล่องใหญ่โบราณเป็นข้อแลกเปลี่ยน เย่ว์หยางก็ไม่มีทางเปิดเผยความลับจริงๆ ของเขา
เกี่ยวกับเรื่องไร้ยางอาย ยังจะมีใครเหนือล้ำกว่าเย่ว์หยางอีกบ้าง?
“เราจะสู้กันทีหลัง”
มารฟ้าวิบัติต่อสู้น้อยที่สุด
แต่ได้รับบาดเจ็บมากที่สุด
เขาถูกเย่ว์หยางทำร้ายบาดเจ็บแม้ก่อนที่เขาจะปรากฏตัว เพราะเขาใช้กลอุบายกับเย่ว์หยาง ภายใต้ทักษะจักษุญาณทิพย์
การเคลื่อนที่ความเร็วสูงของมารฟ้าวิบัติไม่มีความหมายอะไร
กลับถูกโจมตีด้วยปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ทำให้มารฟ้าวิบัติถึงกับสาบานว่าเขาจะต้องล้างแค้นให้ตัวเองสำหรับเรื่องในวันนี้
“มารฟ้าวิบัติ, ปีนี้ท่านอายุเท่าไหร่แล้ว?
ท่านก็อายุ 2-3 ร้อยปีแล้ว และเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด ทำไมท่านยังทำตัวเหมือนเด็ก? ไม่น่ารักเลยนะ ยิ่งกว่านั้นข้าไม่ได้เจตนา
เป็นท่านวิ่งใส่ปราณกระบี่ของข้าเอง
ข้าบริสุทธิ์นะ”
เย่ว์หยางทำเป็นบริสุทธิ์ใจหลังจากทำร้ายมารฟ้าวิบัติ
แทบจะทำให้มารฟ้าวิบัติโกรธเขา
มารฟ้าพิโรธรีบเก็บกลองทัณฑ์ฟ้าและเดินจากมา
เย่ว์หยางเกือบชิงกลองของเขาเสียแล้ว
โชคดีที่เจ้าของเก็บมันคืนไปเสียก่อน
สำหรับมารกระบี่ฟ้าครอบครองกระบี่โบราณระดับศักดิ์สิทธิ์ ได้เผ่นหนีไปก่อนหน้านั้น
เมื่อเขาตระหนักได้ว่าเย่ว์หยางมองกระบี่โบราณของเขานัยน์ตาเป็นมัน คงแปลกละ ถ้าเขาไม่กลัว
มารฟ้าสังหารผู้ที่ครั้งหนึ่งเป็นนักฆ่าที่เย่ว์หยางยอมรับ
บางทีเขาเป็นเพียงคนเดียวในพวกมารฟ้าที่ไม่เกลียดเย่ว์หยาง มารฟ้าสังหารไม่สนใจท่าทางน่ารังเกียจน่าอายของเย่ว์หยางระหว่างต่อสู้ ทั้งหมดที่เขาเห็นก็คือ
นักสู้ผู้หนึ่งต่อกรกับหกมารฟ้าด้วยตนเอง
“สู้ได้ดีจริงๆ ความจริง เราทุกคนก็กำลังเบื่อๆ
ไม่มีอะไรทำ”
มารฟ้าสังหารทิ้งคำพูดไว้เพียงเท่านี้ก่อนจะหายตัวไป
“......” เย่ว์หยางกำลังเตรียมกลับไปปราสาทตระกูลเย่ว์ แต่ความคิดที่ศัตรูของเขาจะเริ่มการโจมตีที่ประหลาดแว่บเข้ามาในใจของเขา เขาไม่ต้องห่วงเรื่องเสวี่ยอู๋เสีย,
เจ้ามืองโล่วฮัว, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
เย่ว์ซวงน้องสาวของเขาก็ไม่ต้องห่วง เย่ว์ปิงน้องสาวของเขาอยู่กับแม่สี่อย่างปลอดภัยในมิติลวง
และภายใต้การปกป้องของแม่เฒ่าอู่เถิง
ดังนั้นความปลอดภัยของพวกนางยังไม่มีปัญหาอะไรมากนัก
มีเพียงคนเดียวที่เขาห่วงก็คือพี่สาวคนรองของเขา เย่ว์หวี่
เย่ว์หวี่และอาจารย์ของนางไม่มีพลังต่อสู้พิเศษ
ดังนั้นถ้าศัตรูรู้ว่าพวกนางอยู่ในสถาบันฉางจิง พวกนางจะลำบาก
เย่ว์หยางเปลี่ยนใจและรีบไปสถาบันฉางจิงเพื่อตามหาเย่ว์หวี่
เมื่อเขาก้าวเข้ามาในสถาบันฉางจิง มีใครบางคนเรียกเขาจากด้านหลัง “เฮ้.นักเรียน!
เจ้ารู้ไหมว่าจะไปถึงบ้านพักที่สงบได้ยังไง?” คำถามนี้เกือบทำให้หัวใจเย่ว์หยางหยุดเต้น แต่เขายังหันมายิ้มให้ “แน่นอน,
ข้ารู้จักบ้านพักที่เงียบสงบข้างใน
ท่านเรียกข้าว่า ว่านซื่อทงก็ได้นะ”
บ้านพักหลังน้อยที่เงียบสงบเป็นที่ซึ่งอาจารย์ของเย่ว์หวี่พักอยู่ ปกติในวันธรรมดาจะหาผู้มาเยือนได้ยาก แต่วันนี้
ใครบางคนถามหาเส้นทางไปที่นั่นจริงๆ
19 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ยอดเยี่ยม
ติดตามๆ
ขอบคุณมากคับ
ทักษะมหาละลวย 55555 ขำอ่ะ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
สกิลมาแนวสนับสนุนเปิดฮาเลมเหลือเกิน ฮ่าๆ
โปรดอย่าลืมว่าพี่เยว์เรามาจากโลกอื่น มาสวมรอยเฉยๆ
เพราะงั้นเปิดฮาเลมได้สบายใจงับไม่ค้ำคอร์แน่นอน LOL
ตบเลย ตบเลย ตบเลย ตบเลย
ขอบคุณมากคับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากคับ
ทักษะมหาละลวย ขำหนักมาก
จะเสกคาถามหาละลวย
โหหหหหหหหหหหหหห ทักษะอะไรฟะเนี่ยยยยยย นี่มันทักษตกหญิงชัดๆ!! มีผลแค่เพศหญิงด้วยนะ อื้อหือ...
ป.ล. >< เย่ว์หวี่ ~ เย่ว์หวี่จะเป็นหนึงในฮาเร็มของเย่ว์หยางไหมน้า ~ สายเลือดเดียวกันหรือเปล่าหว่า?
เอ็งมาหาคนได้จังหว่ะที่อิเยว่มาพอดี ตายแหง๋มๆ โดนอิเยว่หลอกก่อนด้วย 5555555
ขอบคุณค่ะ
Thx
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น